เปิดสมบัติ 'สุภา ปิยะจิตติ' รถราคา 1 แสน ผ่อน1 แสน พิรุธ! จริงหรือกรอกผิด
สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ได้เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของ น.ส.สุภา ปิยะจิตติ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หลังจากพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2567
ทั้งนี้ ในรายการทรัพย์สินและหนี้สินที่ได้มีการเปิดเผยนั้น มีความน่าสนใจหลายรายการ โดยน.ส.สุภา แจ้งว่า มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 18,666,857 บาท ประกอบด้วย เงินฝาก 11 บัญชี รวมมูลค่า 10,867 บาท เงินลงทุน 960,640 บาท ที่ดิน 3 แปลง ในจังหวัดนนทบุรี ปทุมธานี และกรุงเทพฯ รวมมูลค่า 9,914,700 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง บ้าน 1 หลัง คอนโดมิเนียม 1 ห้อง ในจังหวัดกรุงเทพฯและชลบุรี รวมมูลค่า 3,352,400 บาท ยานพาหนะ รถยนต์ 1 คัน 108,000 บาท สิทธิและสัมปทาน 3,557,049 บาท
ทรัพย์สินอื่น เช่น เหรียญที่ระลึกพระคลังในพระคลังมหาสมบัติ เหรียญที่ระลึกรัชกาลที่ 10 เหรียญทองขึ้นครองราชย์ พระพุทธโสธรทองคำในงานที่ระลึกสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ธนบัตรที่ระลึก ใบละ 1,000 บาท (ขึ้นครองราชย์รัชกาลที่ 10) ธนบัตรที่เป็นรุ่นสุดท้ายของรัชกาลที่ 9 เลขสวย ชุดละ 1,670 บาท องค์พระพิฆเนศ พระพุทธรูปประจำกรมบัญชีกลาง พระเครื่องทองคำ เหรียญทองกษาปณ์ที่ระลึก แหวนบุศราคัม แหวนทับทิม นาฬิกา Longines เป็นตน รวมมูลค่า 763,200 บาท ส่วนหนี้สิน แจ้งว่า มีหนี้สินทั้งสิ้น 2,516,673 บาท ประกอบด้วย เงินเบิกเกินบัญชี 1,163,943 บาท เงินกู้จากธนาคาร 1,352,729 บาท
ขณะเดียวกัน น.ส.สุภา แจ้งมีรายได้ต่อปีโดยประมาณ 3,098,236 บาท ประกอบด้วย เงินเดือน 966,480 บาท เงินประจำตำแหน่ง 510,000 บาท ค่ารับรอง 510,000 บาท ค่าเบี้ยประชุม 536,200 บาท เงินบำนาญ 575,556 บาท และแจ้งมีรายจ่ายต่อปีโดยประมาณ 1,344,424 บาท ประกอบด้วย ค่าใช้จ่ายส่วนตัว 600,000 บาท ค่าเบี้ยประกันรถ 30,000 บาท ค่าเช่า 1,460 บาท ค่าส่วนกลางหมู่บ้าน คอนโด 50,000 บาท ค่าผ่อนรถ 182,964 บาท อุปการะแม่ 120,000 บาท อุปการะพี่ชายและน้อง 120,000 บาท บริจาค 240,000 บาท
ภาพรวมของรายการดังกล่าวอาจไม่ได้มีอะไรหวือหวาแต่มาสะดุดตรงที่ แจ้งว่ามีทรัพย์สินเป็นรถยนต์คันละ 108,000 บาท แต่มีค่าผ่อนรถ 182,964 บาท เลยเป็นจุดสังเกตุว่ามีความย้อนแย้งกันพอสมควร หรือคนระดับอดีตกรรมการป.ป.ช.จะกรอกข้อมูลผิดหรือไม่ คงต้องรอให้มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบอีกที
สำหรับน.ส.สุภา เดิมทีมีรายงานข่าวว่าภายหลังพ้นจากตำแหน่ง ได้ถูกทาบทามให้มาเป็นที่ปรึกษาป.ป.ช. แต่พอมีกรณีว่ามีประเด็นถึงความใกล้ชิดกับพล.ต.อ.สุรเชชษฐ์หักพาล อดีตรองผบ.ตร. ทำให้ต้องถอนจากตัวจากตำแหน่งดังกล่าว