งบประมาณฉบับ 'เศรษฐา' เตรียมเข้าสภา 3- 5 ก.ย. เปิดหน่วยงานได้เพิ่ม-ถูกลด
ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. วงเงิน 3.6 ล้านล้านบาท กำลังจะเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรในวาระที่ 2 -3 ระหว่างวันที่ 3 - 5 กันยายน 2567 เรียกได้ว่าเป็นงบประมาณแรกของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยที่ดำเนินการมาตั้งแต่นายเศรษฐา ทวีสิน ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่จุดนี้กลายเป็นว่านายกฯคนที่เข็ญกฎหมายฉบับนี้เข้าสภาฯไม่ได้อยู่เสียแล้ว
ทั้งนี้ ในรายงานคณะกรรมาธิการวิสามัญ ที่มี นายพิชัย ชุณหวชิร รมว.คลัง เป็นประธาน ที่ได้พิจารณาเสร็จแล้วนั้นมีประเด็นที่น่าสนใจตรงที่การปรับลดงบประมาณหลายรายการ รวมเป็นเงิน 7,824 ล้านบาท แต่ได้จัดสรรให้ส่วนราชการตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เสนอตามความเหมาะสมและจำเป็น รวม 6,821 ล้านบาท จัดสรรให้หน่วยงานรัฐสภา ศาล องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญและองค์กรอัยการ รวม 1,002 ล้านบาท
รายการที่ปรับลดงบประมาณนั้นพบหน่วยงานที่ถูกปรับลดสูงสุด 10 อันดับ ได้แก่
1.ทุนหมุนเวียน ปรับลด จำนวน 2,128 ล้านบาท โดยหน่วยงานที่ถูกปรับลด อาทิ กองทุนการออมแห่งชาติ ถูกลด 10 ล้านบาท กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ ปรับลด 2,004 ล้านบาท กองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม ปรับลด 100 ล้านบาท เป็นต้น
2.กระทรวงกลาโหม ปรับลด 1,178 ล้านบาท โดยพบหน่วยงานในสังกัดที่ถูกปรับลดงบประมาณที่น่าสนใจ อาทิ กองทัพบก ปรับลด 688 ล้านบาท จากที่เสนอขอ 3.6 หมื่นล้านบาท กองทัพเรือ ปรับลด 151 ล้านบาท จากที่เสนอขอ 1.9 หมื่นล้านบาท กองทัพอากาศ ปรับลด 113 ล้านบาท จากที่เสนอขอ 2.2 หมื่นล้านบาท โดยส่วนที่ปรับลดส่วนใหญ่เป็นโครงการก่อสร้าง ปรับปรุง อาคาร เป็นต้น
3.แผนงานบูรณาการ ปรับลด 788 ล้านบาท
4.กระทรวงการคลัง ปรับลด 655 ล้านบาท โดยหน่วยงานในสังกัดที่ปรับลดน่าสนใจ อาทิ กรมสรรพสามิต ปรับลด 36 ล้านบาท ในรายการเรือตรวจการณ์ใช้ปฏิบัติภารกิจป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับปิโตรเลียม 1 ลำ
5.สำนักนายกรัฐมนตรี ปรับลด 371 ล้านบาท โดยพบหน่วยงานในสังกัดที่ถูกปรับลดงบประมาณน่าสนใจ อาทิ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ปรับลด 108 ล้านบาท จากงบที่ตั้งไว้ 5,084 ล้านบาท สำนักงานคณะกรรมการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ ปรับลด 11 ล้านบาท จากงบที่ตั้งไว้ 350 ล้านบาท สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) ปรับลด 4 ล้านบาท จากงบที่ตั้งไว้ 117 ล้านบาท
6.กระทรวงมหาดไทย ปรับลด 395 ล้านบาท โดยหน่วยงานในสังกัดที่ถูกปรับลด อาทิ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ปรับลด 44 ล้านบาท โดยพบการตัดในรายการการพัฒนาระบบแจ้งเตือนภัยผ่านสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ กรมโยธาธิการและผังเมือง ปรับลด 100 ล้านบาท พบอยู่ในรายการเขื่อนป้องกันตลิ่งหลายจังหวัด
7.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปรับลด 367 ล้านบาท โดยหน่วยงานในสังกัดที่ถูกปรับลด อาทิ กรมชลประทาน ปรับลด 92 ล้านบาท จากที่เสนอขอ 3.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นรายการของโครงการศึกษาความเหมาะสมการบรรเทาอุทกภัยและภัยแล้งในพื้นที่ โครงการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมหลายจังหวัด กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ปรับลด 69 ล้านบาท จากที่เสนอขอ 1,830 ล้านบาท โดยรายการที่ปรับ อาทิ การจัดหาเครื่องเฮลิคอปเตอร์ 1 ลำ
8.ส่วนราชการไม่สังกัดสำนักนายกฯ กระทรวง หรือทบวงและหน่วยงานภายใต้การควบคุมดูแลของนายกฯ ปรับลด 365 ล้านบาท พบหน่วยงานที่ปรับลด อาทิ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ปรับลด 359 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นค่าก่อสร้าง ค่าเช่ายานพาหนะ และสำนักงานพระพุทธศาสนา ปรับลด 6 ล้านบาท ในรายการจัดสร้างพระมหาวิหารวัดไตรมิตรวิทยาราม และโครงการอารามภิรมย์
9.กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ปรับลด 282 ล้านบาท โดยหน่วยงานที่ถูกปรับลด อาทิ สำนักปลัด 252 ล้านบาท จากที่เสนอขอ 903 ล้านบาท พบว่ารายการที่ถูกตัดคือโครงการพัฒนาระบบแจ้งเตือนฉุกเฉินแห่งชาติ 251 ล้านบาท กรมอุตุนิยมวิทยา ถูกปรับลด 10 ล้านบาท ในรายการเครื่องมือตรวจอากาศอัตโนมัติในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช และจังหวัดในพื้นที่ชายแดนภาคใต้
10.กระทรวงอุตสาหกรรม ปรับลด 206 ล้านบาท รายการที่ปรับลด อาทิ ค่าใช้จ่ายบริหารจัดการกากอุตสาหกรรม 12 ล้านบาท กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ปรับลด 153 ล้านบาท รายการค่าใช้จ่ายเพื่อยกระดับหนึ่งหมู่บ้าน หนึ่งเชฟอาหารไทย พัฒนาร้านอาหารเชฟชุมชน เป็นต้น
ส่วนรายการงบประมาณเพิ่มเติมให้กับหน่วยงานที่น่าสนใจ คือ งบกลาง ตั้งเพิ่ม 1,256 ล้านบาท เพื่อใช้ภารกิจฉุกเฉินและจำเป็น หน่วยงานของรัฐสภา 388 ล้านบาท พบรายละเอียดคือสำนักงานเลขาธิการสภาได้เพิ่ม 300 ล้านบาท ในส่วนงานสนับสนุนกระบวนการนิติบัญญัติเชิงรุก การเสริมสร้างวัฒนธรรมการเมืองในระบอบประชาธิปไตย และสถาบันพระปกเกล้า ได้งบเพิ่ม 88 ล้านบาท ส่วนงานนวัตกรรมด้านวิชาการ สร้างเครือข่ายและฐานข้อมูลเพื่อพัฒนาประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข