ข่าวปนคน คนปนข่าว
** ลุงป้อมจะรู้ไหม "VIPคนใกล้ตัวลุง" พัวพันขบวน "กินป่า" รีสอร์ตภูนับดาว เส้นทางเงินหลักฐานคาตา!!
ผ่าง!!! บันเทิงละงานนี้
เช้านี้ประเทศไทย ข่าววงในสุดๆ ลอยตามลมมาเข้าหูว่า กรณีการบุกจับรีสอร์ตไร่ภูนับดาว ที่ มวกเหล็ก จ.สระบุรี ในข้อหา “กินที่ป่า” บุกรุกพื้นที่ ส.ป.ก. กว่า 100 ไร่ เมื่อวันที่ 29 พ.ค.ที่ผ่านมานี้ หลังเจ้าหน้าที่ขยายผลสืบสวนสอบสวนออกมา ต้องบอกว่าแค่ร้องโอ้โห อ้าหา อื้อหือ ไม่น่าจะพอ
เพราะมีเสียงลือเสียงเล่าอ้างกันว่า จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินขยายผลผู้ร่วมกระทำผิด ฐานเข้าข่ายฟอกเงินด้วย ปรากฏว่า มีเส้นเงินหลายเส้นวิ่งตรงไปที่ “VIPคนใกล้ตัวลุง”... “ลุงป้อม” พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ
ว่ากันว่า ระหว่าง "ลุงกับVIP" ลุงป้อมให้ความรักเอ็นดูVIPคนนี้กว่าใคร ไว้เนื้อเชื้อใจให้อยู่ในรัศมีใกล้ตัวกว่าคนอื่นๆ ถ้าจะบอกว่าเป็น "เงา" ก็ว่าได้
ส่วน รีสอร์ตไร่ภูนับดาว เจ้าของนั้น คือ "วิชิต พยุหนาวีชัย" CEO ศรีสวัสดิ์ แคปปิตอล
จะมีความสัมพันธ์กับ VIPคนใกล้ลุง อย่างไรตามข่าวไม่ได้บอก
แต่พบความผิดปกติของธุรกรรมทางการเงินจำนวนมาก ที่ส่อให้เห็นว่า VIPคนใกล้ตัวลุง เป็นผู้ร่วมขบวนการโกงกินที่ป่า ส.ป.ก ด้วย
ตั้งแต่ “วิชิต พยุหนาวีชัย” และ บจก. ภูนับดาว 2021 รวมไปถึง บมจ. ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น มีหลักฐานเป็นเส้นทางการเงินมัดตัวชัดเจน พุ่งตรงเข้าหา "VIP คนใกล้ตัวลุง"
พบว่า แค่วันที่ 13 มิถุนายน 2566 วันเดียว บมจ. ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น โอนเงินให้ "VIPคนใกล้ตัวลุง" ถึง 5 รายการ รายการละ 2 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 10 ล้านบาท
นี่แค่น้ำจิ้ม แว่วว่า เอกสารหลักฐานทั้งหมดอยู่ที่สำนักงาน ปปท. และ ปปง. แล้ว
งานนี้ นอกจากความผิดอาญาฐานโกงที่ดินรัฐแล้ว จะโดนข้อหาฟอกเงินอีกหลายกระทง จากหลายธุรกรรมที่ทำกัน
จากหลักฐานคดีนี้ ทำให้คลายสงสัยกันว่า "VIP คนใกล้ตัวลุง" คนนี้ทำไมถึงอู้ฟู่ ร่ำรวยนัก ก่อนนี้คนในพรรคพลังประชารัฐ ก็นึกว่าแค่สูบเงินจากลุงอย่างเดียว ที่แท้มีช่องทางหากินแบบนี้อีกด้วย
ถามว่า VIP ใกล้ตัวลุงคนนี้ เป็นใคร !? บอกหน่อยได้ไหม และ “ลุงป้อม”จะรู้เห็นด้วยหรือไม่ โปรดอดใจรอสักนิด เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบเส้นทางการเงิน และหลักฐานที่จะสาวไปถึงตัวการใหญ่ในไม่ช้านี้
ถ้าใจร้อนอยากรู้ว่า VIPคนใกล้ตัวลุงคนนี้เป็นใคร ก็ให้เปิดสื่อไล่ดู ตอนนี้บอกใบ้ให้ได้แค่ VIPคนนี้ไม่ใช่คนเก็บตัว แต่เข้าขั้นเซเลป มีหน้ามีตาออกสื่อจ้า
เปิดชื่อเปิดหน้ากันออกมาเมื่อไหร่ สังคมน่าจะตะลึงตึงโป๊ะ! แน่นอน
งานนี้ก็ขอโปรดอย่ากระพริบตา จากรีสอร์ตภูนับดาว สงสัยอยู่ว่า VIP และพวก อาจจะต้องไปนอนนับดาวในคุกแทนหรือเปล่า !!?
** คนเก่าไม่มีงูเห่า ไปต่อกับพรรคใหม่ “ไหม-ศิริกัญญา” หัวหน้า “เท้ง-ณัฐพงษ์” เลขาฯ ส่วนอดีต กก.บห.เจอดาบสองถูก ร้องข้อหากบฏ
ยักไหล่-ไปต่อ เป็นอันว่า 143 ส.ส. อดีตสมาชิกพรรคก้าวไกล ที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยยุบพรรค และ ตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรค 10 ปี มีที่ทางกันหมดเรียบโร้ย
ทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์ ลงชื่อสมัครไปต่อกับพรรคใหม่ของกลุ่มเดิม โดยไม่มีงูเห่าเลื้อยหนีรังแต่อย่างใด โดยเที่ยงวันวันนี้(9 ส.ค.) จะมีการแถลงเปิดตัวพรรค และกรรมการบริหารชุดใหม่ อย่างเป็นทางการ ที่อาคารไทยซัมมิท ทาวเวอร์ ถนนเพชรบุรี
ที่ตั้งหลังเดิม อุดมการณ์เดิม คนหน้าเดิมอยู่เบื้องหลัง เพิ่มเติมมาใหม่ก็เพียงเปลี่ยนหัวหน้าพรรค และเลขาฯ ซึ่งก็คาดเดากันไม่ยาก ด้วยตัวเลือกที่มีอยู่ คือ “ไหม” น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ “เท้ง” ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
ระหว่างแคนดิเดตสองคนนี้ “ไหม-ศิริกัญญา” ดูจะมีภาษีดีกว่าที่จะขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค ขณะที่ “ณัฐพงษ์” น่าจะเป็นเลขาธิการพรรค
ขณะที่ ชื่อพรรคใหม่ยังอุบไต๋ รอเผยวันแถลงเปิดตัว ซึ่งจะใช่ “พรรคถิ่นกาขาวชาววิไล” ที่ว่าๆ กันหรือไม่ ก็ต้องติดตามคำเฉลย ซึ่งว่าที่หัวหน้าพรรคคนใหม่ “ไหม-ศิริกัญญา” ก็ขอให้รอวันนี้ ชื่อพรรคจะเป็นอะไร จะกี่พยางค์ ผู้นำจะเป็นใคร
ส่วนความกังวลใจเรื่องกระแสนิยมของผู้นำในพรรคใหม่ มีการประเมินไว้อย่างไรบ้าง “ศิริกัญญา” ระบุว่า เป็นเรื่องของความเสี่ยงในอนาคต ที่เกิดขึ้นได้ แต่หากมองตั้งแต่สมัยอนาคตใหม่ มาก้าวไกล ก็โดนคำสบประมาท โดนคำปรามาสเหมือนกัน แต่ก็สามารถสั่งสมความนิยมมาได้ จนกลายมาเป็นพรรคที่ชนะการเลือกตั้งในปี 66 ซึ่งน่าจะเป็นบทพิสูจน์ได้แล้ว และคงจะต้องดูกันยาวๆ ยังตัดสินวันนี้ไม่ได้
นั่นเป็นเรื่อง สส.ส่วนหนึ่งที่ได้ไปต่อแบบไม่ต้องมีห่วงกังวลมากนัก
แต่ยังมีอีกส่วนหนึ่งที่เหมือนถูกชนักปักหลัง นั่นคือ กลุ่ม 44 สส. ที่ร่วมลงชื่อยื่นแก้ไข มาตรา 112 ซึ่งถูกร้องว่า เป็นการกระทำที่เข้าข่ายผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 234 (1) ตอนนี้เรื่องอยู่ระหว่างการพิจารณาของ ป.ป.ช. ซึ่ง “เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ” อดีต สว. ได้ส่งจดหมายด่วน กระทุ้งไปยังป.ป.ช.แล้วว่า ให้ใช้คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณา
โดย”เรืองไกร” ระบุว่า เนื่องจาก พ.ร.ป.ว่าด้วยการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 มาตรา 27 บัญญัติว่า การพิจารณาคดีให้ใช้ระบบไต่สวน...และมาตรา 76 บัญญัติว่า คำวินิจฉัยของศาล ให้มีผลในวันอ่าน ดังนั้น โดยผลคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ที่ 3/2567 และ ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2567 ซึ่งใช้ระบบไต่สวน และมีผลในวันอ่าน ข้อเท็จจริงที่ฟังเป็นยุติแล้ว ย่อมเป็นเด็ดขาด มีผลผูกพันป.ป.ช. ทำให้ป.ป.ช. ไม่ต้องไต่สวนข้อเท็จจริงใหม่ แต่อย่างใด
จึงสามารถสรุป เพื่อชี้มูลความผิด แล้วส่งศาลฎีกาตัดสินได้เลย
หากศาลฎีกาตัดสินว่า ทั้ง 44 คนมีความผิดตามฟ้องจริง อาจถูกตัดสิทธิ์ ทางการเมืองตลอดชีวิต ตัวอย่างก็มีให้เห็นมาแล้วหลายคน ที่โดนเรื่อง “ผิดจริยธรรมร้ายแรง”
นอกจากนี้ “เต้” มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ อดีต สส.บัญชีรายชื่อ และอดีตหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ที่ปัจจุบันเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ได้นำคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ตัดสินยุบพรรคก้าวไกล และตัดสิทธิทางการเมืองกรรมการบริหารพรรค 10 ปี เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อ “พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล” ผบ.ตร. ขอให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง และดำเนินคดีกับ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ -ชัยธวัช ตุลาธน”และกรรมการบริหารพรรคที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง ทั้งหมด รวม 11 คน ว่าเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113 วรรค 1 ฐานล้มล้างสถาบันการปกครอง และ เป็นกบฏ หรือไม่
ทั้งนี้ หากดูรายละเอียดของคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ตัดสินพรรคก้าวไกลทั้งสองคดี ที่ผ่านมานั้น จะเห็นได้ว่า การแก้ไข ม.112 ตามแนวทางของพรรคก้าวไกล และนำไปใช้เป็นนโยบายหาเสียงเลือกตั้งนั้น “เป็นความผิดร้ายแรง”
ต้องติดตามว่า หลังถูกยุบพรรคแล้ว บรรดาแกนนำพรรคจะต้องเผชิญวิบากกรรมต่อเนื่องหรือไม่ อย่างไร