xs
xsm
sm
md
lg

ป้ายโฆษณาห้วยขวาง “จีนเทา” หลอกคนจีนในไทย?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



เบื้องลึกป้ายโฆษณาภาษาจีนโผล่แยกห้วยขวาง ชวนซื้อพาสปอร์ตย้ายประเทศ แม้ตำรวจ ตม.จะบอกว่าเนื้อหาบนป้ายไม่ผิดกฎหมายเพราะไม่ได้ขายพาสปอร์ตประเทศไทย แต่เมื่อตรวจสอบชื่อประธานบริษัทที่ปรากฏบนป้ายกลับไม่พบในฐานข้อมูลใดๆ จึงมีความเป็นไปได้ว่าการขายพาสปอร์ตดังกล่าวอาจเป็นธุรกิจสีเทา โดยแก๊งมิจฉาชีพที่ต้องการหลอกเอาเงินคนจีนในย่านนั้น



ในรายการ  “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” หรือ “สนธิทอล์ก”เมื่อวันศุกร์ที่ 26 กรกฎาคมที่ผ่านมา นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการได้กล่าวถึงกรณีป้ายโฆษณาภาษาจีนที่แยกห้วยขวาง รับทำพาสปอร์ตย้ายประเทศ แบบด่วน ภายใน 30 วัน โดยระบุประเทศไว้บนป้าย 4 ประเทศ คือ อินโดนีเซีย วานูอาตู กัมพูชา และตุรกี พร้อมบอกด้วยว่าถูกกฎหมาย 100% ปลอดภัยเป็นความลับ ทำเสร็จค่อยจ่ายเงิน และรับสมัครตัวแทนทั่วโลก เป็นกลุ่มบริษัทเชี่ยวชาญด้านการย้ายประเทศ ก่อตั้งมากว่า 13 ปี และได้รับการรับรองจากหน่วยงานราชการ

ซึ่งป้ายดังกล่าวทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้าง บ้างก็ว่า น่าจะผิด หรืออาจจะเกี่ยวข้องกับธุรกิจสีเทาในพื้นที่ บ้างก็ว่าเป็นป้ายชวนย้ายประเทศที่อุกอาจมาก สะท้อนว่าประเทศไทยจะกลายเป็นมณฑลหนึ่งของจีน ที่เรียกว่า “มณฑลไท่กั๋ว” ไปแล้ว


ส่วนอีกด้าน ก็มีคนออกมาแย้งว่า ไม่น่าจะผิด เพราะประเทศที่ระบุในป้าย มีช่องทางให้โอนสัญชาติอย่างถูกต้อง เป็น 4 ประเทศที่ขายพาสปอร์ตจริงโดยมีเงื่อนไขคือต้องลงทุนในประเทศนั้น ๆ และโฆษณาก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับประเทศไทยเลย ลูกค้าก็เป็นคนจีน ในประเทศอื่นๆ มีโฆษณาแบบนี้

เมื่อสื่อสอบถามไปยังผู้รับจ้างติดตั้งป้ายโฆษณา ทราบว่าได้รับการว่าจ้างจากชาวจีน ติดตั้งเสร็จเมื่อวันอาทิตย์ที่ 21 กรกฎาคม ที่ผ่านมา แต่ภายหลังพอทราบข่าวทางสื่อโซเชียลถึงความไม่เหมาะสมจึงดำเนินการปลดป้ายโฆษณาลงใน วันจันทร์ที่ 22 กรกฎาคม ที่ผ่านมา

เรียกว่า ประเด็นนี้เป็นถกเถียงกันอย่างร้อนแรงในโลกโซเชียล พอกลายเป็นไวรัลขึ้นมา อยู่ๆ เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม ป้ายก็ถูกรื้อไปทันที คนยิ่งสงสัยว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่


ด้วยเหตุนี้ช่วง บ่ายวันเดียวกัน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เดินทางมาที่ สน.ห้วยขวางด้วยตัวเองสั่งการให้เร่งตรวจสอบถึงที่มาที่ไปการขึ้นป้ายโฆษณาดังกล่าว หากพบความผิดให้ดำเนินการตามกฎหมาย นอกจากนี้ยังสั่งให้เจ้าหน้าที่เข้มงวดในพื้นที่เขตห้วยขวาง เพราะมีชาวจีนเข้ามาลงทุนทำธุรกิจจำนวนมาก อยากให้มีการตรวจสอบเข้มงวดในทุกมิติ พร้อมกำชับให้ตำรวจเข้มงวดเรื่องของยาเสพติดและปัญหาหนี้นอกระบบ และธุรกิจสีเทาในพื้นที่ด้วย


ด้าน พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ก็ได้สั่งการให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ตรวจสอบกรณีดังกล่าวโดยด่วน ถึงที่มาของป้ายโฆษณาดังกล่าว ผู้ใดเป็นเจ้าของ และมีความผิดตามกฎหมายในเรื่องใดบ้าง
และติดตามผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายในทุกมิติโดยเร็ว

ขณะที่กระทรวง มหาดไทยก็ออกมาให้ข่าวทันทีเลยว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ก็ได้ทราบถึงกรณีที่มีการติดตั้งป้ายโฆษณาภาษาจีน มีข้อความเข้าข่ายโฆษณาขายพาสปอร์ต และสัญชาติประเทศต่างๆ บริเวณแยกห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ โดย นายอนุทิน ได้สั่งการให้มีการนำป้ายโฆษณาดังกล่าวลงทันทีในช่วงเช้าที่ผ่านมา พร้อมได้มีข้อกำชับให้เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง


ทั้งนี้สำหรับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ที่เกิดเหตุ นายไพฑูรย์ งามมุข ผอ.เขตห้วยขวาง ได้เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบอย่างละเอียด พบว่าเจ้าของป้าย(หมายถึงเจ้าของพื้นที่โครงสร้างป้ายที่รับสัมปทาน)มีการลักลอบติดป้ายโดยไม่ขออนุญาต ไม่มีการเสียภาษี มีความผิด พ.ร.บ.อาคาร หลังจากนี้สำนักงานเขตจะเรียกเก็บภาษีย้อนหลังตามขนาดป้าย ซึ่งจากการตรวจสอบ พบว่า ป้ายมีขนาด 168 ตารางเมตร ต้องเสียภาษี 168,000 บาทต่อปี แต่กรณีนี้ขึ้นป้ายได้เพียงแค่วันเดียวตามกฎหมายต้องคิดครึ่งหนึ่งก็คือ 86,000 บาท

นอกจากนี้ เจ้าของพื้นที่ป้ายโฆษณายังมีความผิด พ.ร.บ.ความสะอาด มาตรา 12 คือในป้ายโฆษณามีข้อความผิดศีลธรรมและสร้างความไม่สงบต่อบ้านเมือง ความไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย ความผิดนี้สำนักงานเขตห้วยขวางจะทำการเรียกเจ้าของป้ายมาเปรียบเทียบปรับเป็นเงิน 5,000 บาท

นายไพฑูรย์ ยืนยันว่า ที่ผ่านมาไม่พบว่ามีเจ้าหน้าที่สังกัดของสำนักงานเขตห้วยขวางเข้าไปเกี่ยวข้องหรือมีการทุจริตอย่างแน่นอน โดยเบื้องต้นพบข้อมูลในป้ายไม่ได้มีการประกาศซื้อขายสัญชาติไทย

วันเดียวกัน พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. ก็รีบออกมาชี้แจงเช่นกัน ว่า การติดตั้งป้ายโฆษณาชวนซื้อพาสปอร์ตย้ายประเทศไม่ผิดกฎหมาย เพราะไม่เกี่ยวกับประเทศไทย และไม่ใช่การโฆษณาว่าจะเปลี่ยนสัญชาติไทย โดยในป้ายจะเห็นได้ว่าทุกประเทศมีการซื้อขายกันปกติ


อย่างไรก็ตาม เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา วันที่ 23 กรกฎาคม พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. สั่งการให้ตำรวจ เชิญตัว น.ส.นาซู ชาวจีน ผู้ว่าจ้างร้านทำป้ายให้ขึ้นป้ายโฆษณาชวนซื้อพาสปอร์ตย้ายประเทศ จากคอนโดย่านห้วยขวาง มาสอบปากคำที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง

โดย น.ส.นาซูให้ข้อมูลกับชุดสืบสวนว่า รับงานมาจากบริษัทแห่งหนึ่งที่ฮ่องกง โดยติดต่อรู้จักกันผ่านทางแอปพลิเคชั่นของจีน และแอดไลน์ติดต่อกัน โดยในส่วนค่าดำเนินการค่าจ้างเช่าติดป้ายรายเดือน 150,000 บาท ค่าทำป้าย 60,000 บาท ซึ่งตนได้ค่าจ้างเป็นตัวประสาน ป้ายละ 500 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 17,000 บาท ส่วนบริษัทที่ว่าจ้างตนเองไม่ทราบชื่อ มีเพียงไลน์ที่ใช้ในการติดต่อ ซึ่งเป็นไลน์ของคนที่มีรูปปรากฏบนป้าย(นายเฉิน ต้าฟา)

หลังจากนักข่าวลงพื้นที่และทีมงานคุยทุกเรื่องกับสนธิตรวจสอบข้อมูลจากทางฝั่งจีนแล้ว มีข้อสังเกต ดังนี้

หนึ่ง การที่หน่วยงานราชการทั้ง นายกฯ เศรษฐา ตำรวจ มหาดไทย กทม. ขยับตัวโดยพร้อมเพรียงกัน แสดงว่าเรื่องนี้อาจจะไม่ใช่แค่ปัญหาป้ายโฆษณาเท่านั้น

สอง บนป้ายดังกล่าวระบุภาพบุคคลว่า ชื่อ เฉินต้าฟา (陈大发) เป็นประธานกลุ่ม New World Immigration Group (ซินซื่อจี้อี๋หมินจี๋ถวน; 新世界移民集团) แต่เมื่อสืบค้นเพิ่มเติมทั้งใน Google และ Search Engine ของจีนทั้ง Baidu และอื่น ๆ แล้ว กลับไม่เจอชื่อประธานและบริษัทนี้แต่อย่างใด

จึงมีความเป็นไปได้หรือไม่ว่า ธุรกิจที่อยู่บนป้ายโฆษณาอาจจะเป็นธุรกิจสีเทา โดยแก๊งมิจฉาชีพ ที่ต้องการหลอกเอาเงินคนจีนในย่านนั้น ที่อยากจะเปลี่ยนสัญชาติหรือถือพาสปอร์ตเล่มที่สอง เพราะห้วยขวางเป็นย่านที่มีคนจีนมาอยู่อาศัยและทำธุรกิจกันเยอะ ซึ่งถ้าหากเป็นเช่นนั้น ประเทศไทยก็จะกลายเป็นฐานอาชญากรรมของพวกกลุ่มทุนจีนสีเทา ในการทำสิ่งผิดกฎหมายต่าง ๆ

สาม เราปฏิเสธทุนจีนไม่ได้ แต่เราต้องคัดกรอง ควบคุม และปราบปราม “ทุนจีนสีเทา” พวกแก๊งอาชญากรที่หนีจากประเทศจีนมายังประเทศไทย หรือ ข้ามพรมแดนมาประกอบการในบ้านเราไม่ให้เหิมเกริม ยกตัวอย่างในกรณีนี้ ถ้าเขตห้วยขวาง และกรุงเทพมหานคร กวดขันอย่างเข้มงวด ป้ายโฆษณาอย่างนี้จะขึ้นได้อย่างไร?

ต่อมา ถ้าเจ้าหน้าที่ปกครอง ตำรวจ เห็นผิดสังเกตก็ต้องมีมาตรการและดำเนินการโดยทันที ไม่ใช่ให้ประชาชนเป็นผู้แจ้งความผิดปกติ หรือ เอาเรื่องนี้มาลงโซเชียลถามสังคมจนกลายเป็นไวรัลเสียก่อน
กำลังโหลดความคิดเห็น