เอเอฟพี/รอยเตอร์ - ไต้ฝุ่นแคมี(Typhoon Gaemi) อ่อนกำลังกลายเป็นพายุโซนร้อนเคลื่อนตัวเข้ามณฑลฝูเจี้ยนของจีนวานนี้(25 ก.ค)มาพร้อมกับฝนตกหนัก รัฐบาลปักกิ่งสั่งอพยพวุ่นเกือบ 300,000 คนไปอยู่ในที่ปลอดภัย รถไฟหยุดวิ่งในเมืองเซินเจิ้นผลจากพายุ หลังมีคนเสียชีวิต 30 รายหลังพัดเข้าไต้หวันและฟิลิปปินส์
เอเอฟพีรายงานวันนี้(26 ก.ค)ว่า ไต้ฝุ่นลดกำลังลงในเวลาที่พัดขึ้นฝั่งมณฑลฝูเจี้ยนทางตะวันออกของจีนไม่นานก่อนเวลา 20.00 น.ตามเวลาท้องถิ่นในวันพฤหัสบดี(25) สื่อทางการจีนรายงาน
การที่แคมีลดชั้นลงเป็นพายุโซนร้อนเนื่องมาจากกำลังลมลดลง รอยเตอร์รายงานว่า พายุโซนร้อนแคมีมีกำลังลมใกล้ศูนย์กลางพายุที่ 100.8 กม./ชม. ลดลงจากความเร็ว 118.8 กม./ชม.ก่อนหน้าที่วัดได้ในคืนวันพฤหัสบดี(25)ในช่วงเวลาที่เคลื่อนตัวเข้าเมืองผูเถียน( Putian)ในมณฑลฝูเจี้ยน
เอเอฟพีชี่ว่า มีการสั่งอพยพประชาชนไม่ต่ำกว่า 290,000 คนและสั่งปิดการให้บริการเดินทางสาธารณะ การสั่งปิดรวมถึงโรงเรียนและตลาดในบางเมือง
รอยเตอร์รายงานว่า มีการสั่งปิดบริการรถไฟเซินเจิ้นบางส่วนในวันศกร์(26)
และในมฑฑลเจ้อเจียง ภาพที่ปรากฎออกมาโดยสถานีโทรทัศน์ทางการจีน CCTV ในวันศุกร์(26) แสดงให้เห็นว่าถนนสายต่างๆกลายเป็นแม่น้ำ ต้นไม้ล้ม และนักปั่นชาวจีนต้องฝ่ากระแสน้ำท่วมสูงราวเข่า
ส่วนที่มณฑลกวางตุ้งที่มีประชากรคับคั่งมากที่สุดพบว่ามีการสั่งปิดบริการรถไฟบางส่วนในวันศุกร์(26)ก่อนหน้าพายุเข้า
อ้างอิงจากเจ้าหน้าที่อุตุนิยมวิทยาจีน CCTV ของจีนรายงานว่า ไต้ฝุ่นเคลื่อนตัวมุ่งหน้าไปทางตะวันตกเฉียงเหนือด้วยความเร็วราว 20 กม./ชม.
ในรายงานระบุว่า พายุจะอ่อนตัวอย่างช้าๆในขณะที่กำลังเคลื่อนตัวไปยังมณฑลเจียงซีในช่วงบ่ายวันศุกร์(26)
เอเอฟพีรายงานว่า ยังไม่มีรายงานการเสียชีวิตหรือบาดเจ็บจากพายุแคมีในจีน
ในการประชุมระดับผู้นำของประเทศที่มีประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง เป็นปะธานในวันพฤหัสบดี(25) ได้มีการเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ระดับท้องถิ่นให้ตื่นตัวสูงและเตรียมพร้อมจากการที่จีนกำลังก้าวเข้าสู่ช่วงสูงสุดของฤดูน้ำท่วม
ทั้งนี้ก่อนหน้าไต้ฝุ่นแคมีได้ขึ้นฝั่งที่ฟิลิปปินส์และไต้หวันส่งผลทำให้เกิดน้ำท่วมและดินถล่มที่สังหารไป 30 คนอ้างอิงจากยอดตัวเลขทางการจากตำรวจในวันศุกร์(26)
นอกจากนี้ไต้ฝุ่นแคมียังอาจสร้างความเสียหายทางสิ่งแวดล้อม หลังทำเรือบรรทุกน้ำมันร่วม 1.4 ล้านลิตรล่มนอกชายฝั่งกรุงมะนิลาวานนี้(25) ส่งผลทำให้เจ้าหน้าที่ฟิลิปปินส์ต้องเร่งรีบเพื่อนำน้ำมันออกเพื่อหลีกเลี่ยงหายนะทางสิ่งแวดล้อม