xs
xsm
sm
md
lg

อดีตกำนันร้องเครนสร้างสะพานโขงบึงกาฬทับลูกชายดับพร้อมเพื่อน3คน บ.รับเหมายังไม่จ่ายเยียวยา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



กาฬสินธุ์-สุดทน! อดีตกำนันดังร้องสื่อ-ยุติธรรมจังหวัดกาฬสินธุ์ เครนก่อสร้างสะพานน้ำโขงแห่งที่ 5 จ.บึงกาฬหักทับลูกชายดับพร้อมเพื่อน 3 ศพ เวลาผ่านเกือบ 2 เดือน คดีไม่คืบ เงินเยียวยาไม่ได้สักบาท ทั้งที่ทำบันทึกตกลงจ่ายสินไหมต่อหน้าพนักงานสอบสวน สภ.บึงกาฬไว้แล้ว หวั่นไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะคู่กรณีมีอิทธิพล


วันนี้( 26 ก.ค.) ที่สำนักงานยุติธรรม จ.กาฬสินธุ์ ชั้น 4 ศาลากลาง จ.กาฬสินธุ์ นายอุทัย เศรษฐนันท์ อายุ 64 ปี อดีตกำนันตำบลหนองกุง อยู่บ้านเลขที่ 85 หมู่ 4 ต.หนองกุง อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยนางสมัย เศรษฐนันท์ อายุ 63 ปี ภรรยา นำเอกสารที่เป็นหลักฐานบันทึกแจ้งความ และบันทึกการตกลงค่าสินไหมทดแทน ร้องขอความช่วยเหลือกับฝ่ายกฎหมายสำนักงานยุติธรรมและสื่อมวลชน หวั่นไม่ได้รับเงินค่าสินไหมทดแทน ทั้งๆที่ทางฝ่ายบริษัทคู่กรณี ลงนามยินยอมต่อหน้าพนักงานสอบสวนและทนายความแล้ว

นายอุทัย เศรษฐนันท์ อายุ 64 ปี อดีตกำนันตำบลหนองกุง เล่าว่า จากเหตุการณ์สลดที่ นายจิตติชัย เศรษฐนันท์ ลูกชาย อายุ 32 ปี ถูกเครนไซต์งานของบริษัทสยามบีบีอาร์ ซึ่งทำงานก่อสร้างสะพานไทย-ลาว แห่งที่ 5 ต.วิศิษฐ์ อ.เมือง จ.บึงกาฬ ล้มทับเสียชีวิต เมื่อวันที่ 3 พ.ค.67 ช่วงเวลาประมาณ 21.20 น. ที่ผ่านมา พร้อมเพื่อนคนงานอีก 2 คน คือนายวราวุฒิ อ้วนแก้ว อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 17 หมู่ 1 ต.น้ำก่ำ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม และนายสมพงษ์ เจียมรัมย์ อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 15 หมู่ 7 ต.เมืองโพธิ์ อ.ห้วยราช จ.บุรีรัมย์ ซึ่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองบึงกาฬ พร้อมแพทย์ เวร รพ.บึงกาฬ ร่วมชันสูตร ตรวจที่เกิดเหตุ และรับเป็นคดีชันสูตรพลิกศพแล้ว


แต่จนถึงขณะนี้ ยังไม่ได้รับเงินสินไหมชดเชยการเสียชีวิต จากบริษัทรับเหมาใหญ่เจ้าของเครนที่ล้มทับ และเป็นสาเหตุทำให้เสียชีวิตเลย ที่ผ่านมาได้รับเงินค่าจัดการศพเพียง 40,000 บาท เท่านั้น

นายอุทัยกล่าวอีกว่า ในช่วงที่ผ่านมา โดยการประสานของ ร.ต.อ.รัฐพล เดชนรสิงห์ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองบึงกาฬ ได้มีการติดต่อประสานเพื่อตกลงค่าสินไหม กระทั่งมีการบันทึกตกลงค่าสินไหมกันที่ สภ.เมืองบึงกาฬ เมื่อวันที่ 11 มิ.ย.67 ระหว่างตัวแทนบริษัทรับเหมาใหญ่ กับญาติผู้เสียชีวิตทั้ง 3 ราย โดยญาติผู้เสียชีวิตทั้งหมดเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนศพละ 500,000 บาท รวมเป็นเงิน 1,500,000 บาท ก่อนที่จะมีการต่อรองราคากันใหม่ 2 ศพแรกคงเหลือศพละ 200,000 บาท แต่ตนยอมลดจำนวนเงินลงเหลือ 400,000 บาท ซึ่งทางตัวแทนบริษัทคู่กรณี ยินยอมรับข้อเสนอ และจะจ่ายเงินให้ในช่วงระยะเวลาไม่เกิน 45 วัน จากนั้นทุกฝ่ายลงนามในบันทึกตกลงค่าสินไหมทดแทน ต่อหน้าพนักงานสอบสวน ที่เป็นสักขีพยาน




จากวันที่บันทึกตกลงค่าสินไหมทดแทน และจากการติดต่อทางโทรศัพท์ผ่านพนักงานสอบสวนฯ เพื่ออยากทราบถึงความคืบหน้าการจ่ายค่าสินไหมทดแทน ก็ได้รับคำตอบว่าทางฝ่ายบริษัทฯยังเฉยอยู่ ไม่มีการติดต่อมาอย่างใด จึงไม่มีความชัดเจนที่จะจ่ายเงินเลย ทำให้ตนรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม และได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากวันพรุ่งนี้ (27 ก.ค.) ก็จะครบ 45 วันตามที่บันทึกตกลงกันแล้ว ซึ่งไม่มั่นใจว่าทางบริษัทจะจ่ายค่าสินไหมให้

จึงได้นำเอกสารที่เป็นหลักฐานทุกอย่างเกี่ยวกับการเสียชีวิตของลูกชาย มาร้องขอความเป็นธรรมต่อฝ่ายกฎหมายสำนักงานยุติธรรม จ.กาฬสินธุ์ และสื่อมวลชน ให้ช่วยประสานพนักงานสอบสวนและทางบริษัทฯคู่กรณี ให้รับผิดชอบชดใช้ค่าสินไหมทดแทนด้วย

ด้านนางสมัย เศรษฐนันท์ อายุ 63 ปี แม่นายจิตติชัย ผู้เสียชีวิตกล่าวทั้งน้ำตาว่า นายจิตติชัยเป็นลูกชายคนเดียวของตน เคยมีภรรยาแต่ได้หย่าร้างกัน และต้องรับภาระส่งเสียลูกสาว 1 คน ที่กำลังเรียนอยู่ชั้น ม. 2 ทำให้ตนรู้สึกไม่สบายใจ นอนร้องไห้ทุกคืน เกรงว่าทางบริษัทรับเหมาคู่กรณีจะไม่ยอมจ่ายเงิน ทุกวันนี้หมดที่พึ่ง จึงได้มาร้องขอความช่วยเหลือกับฝ่ายกฎหมายสำนักงานยุติธรรมฯ และร้องทุกข์ผ่านสื่อมวลชน เพื่อเรียกร้องค่าเสียหาย หวังจะได้เงินเป็นค่าเลี้ยงดูและส่งเสียลูกสาวนายจิตติชัยได้เรียนหนังสือ


ขณะที่ ดร.นฤพล เมนไธสง ที่ปรึกษากฎหมาย สำนักงานยุติธรรม จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า หากทางบริษัทคู่กรณีไม่ทำตามข้อตกลง และไม่ยอมเยียวยา จะได้มีการสั่งฟ้องบริษัทรับเหมาถึงอัยการ และอัยการส่งฟ้องศาลตามขั้นตอนของกฎหมายในลำดับต่อไป ฟ้องร้องค่าอุปการะบิดา-มารดา และบุตรที่กำลังศึกษาอยู่ ส่วนในขั้นตอนต่อไปจากจำเป็นต้องขึ้นโรงขึ้นศาล ทางสำนักงานยุติธรรม จ.กาฬสินธุ์ ก็จะมีกองทุนช่วยเหลือ เพื่อดูแลค่าใช้จ่ายให้ ไม่ต้องกังวลใดๆ เบื้องต้นได้บันทึกรับเรื่อง และยื่นความจำนงขอความช่วยเหลือจากกองทุนยุติธรรมแล้ว

อย่างไรก็ตาม จากกการสอบถามความคืบหน้าของคดี ทางโทรศัพท์กับ ร.ต.อ.รัฐพล เดชนรสิงห์ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองบึงกาฬ ทราบว่าตั้งแต่เกิดเหตุ พนักงานสอบสวนไม่ได้นิ่งนอนใจ พยายามติดต่อคู่กรณีมาเจรจา เพื่อตกลงหาข้อยุติกันตลอด กระทั่งเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยเบื้องต้น และมีการบันทึกข้อตกลงค่าสินไหมทดแทนร่วมกัน ระหว่างบริษัทเจ้าของเครน กับญาติผู้เสียชีวิต แต่ถึงวันนี้เท่าที่ทราบว่ายังไม่มีการจ่ายเงินกันแต่อย่างไร ทั้งนี้ภายในสัปดาห์หน้า หากไม่มีความคืบหน้า พนักงานสอบสวนจะแจ้งข้อกล่าวหากับทางบริษัท และดำเนินการทางกฎหมาย เพื่อให้ความเป็นธรรมกับญาติผู้เสียชีวิต
กำลังโหลดความคิดเห็น