xs
xsm
sm
md
lg

“แก๊งจีนเทา” ลูบคมรัฐไทย บิลบอร์ดอื้อฉาว เย้ยกฎหมาย ขายพาสปอร์ตปลอมข้ามชาติ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -  ตอกย้ำความเหิมเกริมของ “แก๊งจีนเทา” ตบหน้ารัฐไทยฉาดใหญ่ กรณีป้ายบิลบอร์ดยักษ์โฆษณาเนื้อหาภาษาจีน เข้าข่ายให้บริการปลอมแปลงพาสปอร์ตเปลี่ยนสัญชาติ กลางสี่แยกย่านห้วยขวาง จีนเทาสร้างเรื่องอื้อฉาวไม่หยุด ไม่เกรงกฎหมายเชื่อว่าใช้เงินซื้อทุกอย่าง อยู่เมืองไทยกันแบบชนชั้นอภิสิทธิ์ ยากจะกวาดล้างเพราะติดเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน 

เป็นประเด็นร้อนในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากผู้ใช้โซเชียลมีเดียรายหนึ่งโพสต์ตั้งคำถามเกี่ยวกับกรณีป้ายโฆษณาขนาดใหญ่บริเวณสี่แยกห้วยขวาง ถ.รัชดาภิเษก กรุงเทพฯ โดยป้ายมีภาษาจีนเนื้อหาโฆษณาขายหนังสือเดินทาง รวมถึงการแปลงสัญชาติอย่างถูกกฎหมาย มีให้เลือกหลายสัญชาติ อาทิ อินโดนีเซีย ราคา 30,000 หยวน, วานูอาตู ราคา 70,000 หยวน, กัมพูชา ราคา 100,000 หยวน และตุรกี ราคา 150,000 หยวน

รวมทั้งระบุว่าสามารถทำหนังสือเดินทางได้ภายใน 30 วัน มีความปลอดภัยเป็นความลับ ทำเสร็จค่อยจ่ายเงิน โดยเป็นกลุ่มบริษัทเชี่ยวชาญด้านการย้ายประเทศ ก่อตั้งมากว่า 13 ปี ได้รับการรับรองจากหน่วยงานราชการ จนทำให้เกิดคำถามว่าประเทศไทยสามารถใช้เงินแปลงสัญชาติกันอย่างแพร่หลายแล้วใช่หรือไม่?

กลายเป็นประเด็นใหญ่อยู่ในกระแสสนใจของสังคม เบื้องต้นป้ายโฆษณาบิลบอร์ดยักษ์ถูกปลดลงทันที ต่อมา เจ้าหน้าที่ตามจับกุมตัวผู้อยู่เบื้องหลังโฆษณาฉาวดังกล่าว  น.ส.นาซู หญิงสาวชาวจีน  รับสารภาพว่าได้รับการประสานจากบริษัทในฮ่องกง โดยติดต่อรู้จักกันผ่านทางแอพพลิเคชั่นของจีน และแอดไลน์ติดต่อกัน โดยได้ค่าจ้างเป็นตัวประสาน ป้ายละ 500 ดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 17,000 บาท ส่วนค่าดำเนินการค่าจ้างเช่าติดป้ายรายเดือน 150,000 บาท และค่าทำป้าย 60,000 บาท

ขณะที่  พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. ยอมรับว่าการซื้อขายสัญชาติมีอยู่จริงในโลก ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในประเทศที่มีประชากรน้อยและเชิญชวนชาวต่างชาติไปทำธุรกิจในประเทศเหล่านั้น มีเพียงไม่กี่ประเทศ แต่สำหรับประเทศไทยยืนยันไม่มีการซื้อขายสัญชาติแน่นอนและกรณีที่เกิดขึ้นต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงว่ามีการซื้อขายจริงหรือไม่หรือหากมีการกระทำจริง เข้าข่ายความผิดทางกฎหมายไทยในข้อไหน ต้องตรวจสอบอย่างละเอียด

จากการตรวจสอบเบื้องต้นในป้ายโฆษณา “ไม่มีสัญชาติไทยรวมอยู่ในนั้น” และ “เป็นเพียงการใช้ไทยเป็นช่องทางสำหรับการโฆษณา” อย่างไรก็ตาม จะมีการสอบสวนโดยละเอียดทั้งหมดเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประเทศไทย เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มีการละเมิดความมั่นคงประเทศ

และสิ่งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องตรวจสอบคือ การประสานเพื่อสอบถามไปยัง 4 ประเทศ ที่ถูกประกาศว่ามีบริการเปลี่ยนพาสปอร์ตเปลี่ยนสัญชาติจริงหรือไม่? ประกอบด้วย อินโดนีเซีย, วานูอาตู, กัมพูชา และตุรกี

หากทั้ง 4 ประเทศ ยืนยันกลับมาว่าเป็นเรื่องจริงถูกต้องก็ถือว่าจบ แต่ถ้าตอบกลับมาว่าไม่จริงไม่มีบริการดังกล่าว เป็นการแอบอ้าง จะเป็นเครื่องยืนยันว่าโฆษณาบิลบอร์ดประกาศทำพาสปอร์ตนั้น ข้อเท็จจริ คือ การผ่าเล่ม ปลอมพาสปอร์ตข้ามชาติ

เรียกว่ากระทำอย่างเหิมเกริมโฆษณาประกาศกันแบบไม่เกรงกลัวรัฐไทย ซึ่งแน่นอนว่าผู้อยู่เบื้องหลังที่เปิดบริการดังกล่างต้องเป็นพวกนอกกฎหมายพวกจีนเทา และเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของตำรวจไทย ต้องเอาผิดทางกฎหมายกับแก๊งจีนเทาโดยสืบสวนให้ถึงตัวการ

 นายเศรษฐา ทวีสิน  นายกรัฐมนตรี เดินทางลงพื้นที่ สน.ห้วยขวาง เพื่อติดตามกรณีดังกล่าวด้วยตัวเอง โดยสั่งการให้เร่งตรวจสอบถึงที่มาที่ไปการขึ้นป้ายโฆษณาดังกล่าว หากพบความผิดให้ดำเนินการตามกฎหมาย และสั่งให้เจ้าหน้าที่เข้มงวดในพื้นที่เขตห้วยขวาง เพราะมีชาวจีนเข้ามาลงทุนทำธุรกิจจำนวนมาก กำชับให้มีการตรวจสอบเข้มงวดในทุกมิติ ให้ตำรวจเข้มงวดเรื่องของยาเสพติดและปัญหาหนี้นอกระบบ

ขณะที่  นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ออกคำสั่งให้มีการสอบสวนโดยละเอียด ให้เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าป้ายโฆษณาดังกล่าวขออนุญาตถูกต้องตามกฎหมายและเจ้าของผู้โฆษณาประกอบธุรกิจถูกกฎหมายหรือไม่ หากพบการกระทำที่ผิดกฎหมายให้เร่งขยายผลไปถึงต้นตอผู้กระทำผิด เพื่อป้องกันไม่ให้แก๊งอาชญากรรมต่างชาติแฝงตัวเข้ามาใช้ประเทศไทยเป็นฐานกระทำความผิด

อย่างไรก็ตาม ช่วงเดือนที่ผ่านมามีอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับชาวจีนหลายคดี ไม่ว่าจะเป็นคดีคนจีนฆ่าคนจีนด้วยกัน หรือล่าสุดที่พบป้ายโฆษณาภาษาจีน รับจ้างซื้อขายสัญชาติอินโดนีเซีย วานูอาตู กัมพูชา และตุรกี พร้อมพาสปอร์ตที่แยกห้วยขวาง ล่าสุด  พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.  ได้สั่งการให้รวบรวมข้อมูลของชาวจีนที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย โดยเฉพาะชาวจีนที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยบ่อยๆ หรือเดินทางเข้ามาประกอบกิจกรรมให้คัดแยกเป็นกลุ่มๆ เพื่อสะดวกในการคัดกรองของตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการ

โดยทาง พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร.  เปิดเผยว่าทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็พยายามคัดกรองบุคคลอย่างเต็มที่ ใครที่เข้ามากระทำความผิดก็ต้องจับกุมดำเนินคดี ทั้งนี้ ป้ายโฆษณาดังกล่าวจะเข้าข่ายความผิดใดบ้าง อยู่ระหว่างการตรวจสอบ ซึ่งป้ายดังกล่าวถือว่าไม่เหมาะสมอยู่แล้ว ดังนั้นหากดำเนินคดีไม่ได้ ก็สามารถเพิกถอนวีซ่าผู้ว่าจ้างได้

เบื้องต้น  นายไพฑูรย์ งามมุข ผู้อำนวยการเขตห้วยขวาง เปิดเผยว่าได้ส่งเจ้าหน้าที่กรมโยธาลงไปตรวจสอบในกรณีที่มีการแอบลักลอบติดแผ่นป้ายโฆษณาโดยไม่ได้รับอนุญาตตาม พ.ร.บ.สาธารณสุข มีโทษ จำคุกไม่เกิน 3 เดือนหรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โทษปรับอีกวันละไม่เกิน 10,000 บาท ส่วนความผิดข้อหาอื่นๆ ต้องปล่อยให้เป็นดุลพินิจของตำรวจ

กรณีป้ายโฆษณาบิลบอร์ดหลอกขายพาสปอร์ตปลอมในพื้นที่เขตห้วยขวางนั้น  นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล วิพากษ์ป้ายโฆษณาตั้งอยู่ในเขตห้วยขวางที่มีพลเมืองจีนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ชี้ให้เห็นว่าเป้าหมายการโฆษณาอยู่ที่คนเหล่านี้เป็นหลัก หมายความว่าประเทศไทยของกำลังเป็นศูนย์ภัยคุกคามโลก และมันจะเป็นการตบหน้ารัฐบาลไทยฉาดใหญ่ ชี้ให้เห็นถึงการไม่เคารพต่อทางการไทยอย่างไม่ไว้หน้า

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นนอกจากทำลายภาพลักษณ์ของไทย อาจเป็นการเปิดประตูสร้างโอกาสเชื้อเชิญให้อาชญากรข้ามชาติให้เข้ามาทำผิดกฎหมายในประเทศ ที่ต้องจับตามีข่าวลือว่าเครือข่ายอาชญากรจีนกำลังใช้ไทยเป็นที่กบดานก่อนจะย้ายไปประเทศอื่น และเครือข่ายนี้ดูเหมือนจะมีการจัดการที่ดีพร้อมพรั่งเพื่อการให้สินบนและความสามารถในการซื้อเจ้าหน้าที่ไทยบางส่วน เปลี่ยนให้ไทยกลายเป็นฮับการกระทำผิดกฎหมาย

 ตลกร้าย “มณฑลไท่กั๋ว” ซึ่งแปลได้ว่าไทยเป็นมณฑลหนึ่งของจีน เป็นผลพวงมากจากการรุกคืบของทุนจีนใหม่อย่างล้นทะลัก ไร้ทิศทาง ไร้การควบคุม ซึ่งจะเกิดเป็นปัญหาต่อสังคมและเศรษฐกิจของไทย จะเห็นว่าเรื่องอื้อฉาวกลุ่มจีนเทาในไทยก่อถูกเปิดโปงมากมาย ตั้งแต่บ่อนการพนัน ยาเสพติด ฟอกเงิน สวมบัตรประชาชนคนไทย ทำวีซ่าพำนักในไทยผิดประเภท เป็นต้น 

แก๊งจีนเทาพำนักอยู่แบบผิดกฎหมายในไทย มิหนำซ้ำ ยังอยู่กันแบบชนชั้นอภิสิทธิ์เพราะเพียงแค่มีเงิน กลุ่มคนจีนกลุ่มนี้มองว่าเงินแก้ปัญหาทุกอย่างได้ในประเทศไทย เพราะมีเงินก็สามารถซื้ออำนาจ ซื้อพรรคพวกและเป็นอภิสิทธิ์ชนได้ และเมื่อมีผลประโยชน์ทับซ้อนกันอยู่คนมีอำนาจในไทยก็คงไม่ได้อยากจะแก้ปัญหาอย่างจริงจัง

นอกจากนี้ ยังมีกรณีเพจ  “นิวส์ชลบุรี-ระยอง ออนไลน์”  เผยภาพพบป้ายประกาศภาษาจีนแปลความหมายประมาณว่า จัดหาแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานในประเทศไทย ได้แก่ เมียนมา กัมพูชา ลาว เวียดนาม ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ (ปราจีนบุรี)

 นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่าการจะขึ้นป้ายโฆษณาจัดหางาน ผู้ที่จะโฆษณาจะต้องเป็นบริษัทจัดหางานที่ได้รับอนุญาตจากกรมการจัดหางาน (กกจ.) ก่อน ส่วนการจะโฆษณาใดๆ จะต้องมีการขออนุญาตกับนายทะเบียนแห่งท้องที่ที่สำนักงานตั้งอยู่ เพื่อตรวจสอบข้อความที่จะโฆษณาว่าเหมาะสมหรือไม่ ไม่ใช่จะโฆษณาก็ทำได้เลย โดยข้อมูลเบื้องต้นทราบว่าการขึ้นป้ายโฆษณาดังกล่าวยังไม่ได้ขออนุญาต

และสั่งการให้มีการตรวจสอบกรณีที่คล้ายกันนี้ ถ้ามีความผิดก็ต้องดำเนินคดี เพื่อไม่ให้บริษัทอื่นเอาเป็นเยี่ยงอย่าง ส่วนโทษของการไม่ขออนุญาตโฆษณา มีโทษปรับไม่เกิน 100,000 บาท จำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือทั้งจำทั้งปรับ

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบข้อมูลกับทางสถานทูตจีนประจำประเทศไทย ระบุว่า ปัจจุบันมีบริษัทใหญ่ของจีน เข้ามารับการส่งเสริมการลงทุน หรือ BOI ของไทย ประมาณ 1,400 แห่ง ขอรับการช่วยเหลือด้านต่างๆ จากทางสถานทูตจีน ประมาณ 1,000 แห่ง และเป็นบริษัทเล็กบริษัทน้อยอีกนับหมื่นบริษัทโดยไม่สามารถระบุตัวตนชัดเจนได้

 อย่างไรก็ดี สถานการณ์ฉาวของจีนเทาในไทยที่เกิดขึ้นนั้น ทางสถานทูตจีนได้เรียกร้องว่าเพื่อไม่ให้เกิดเรื่องราวทำนองนี้อีก ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไทยจะต้องทำงานอย่างตรงไปตรงมาไม่ลูบหน้าปะจมูก ซึ่งเป็นวิธีการเดียวที่จะกำราบแก๊งจีนเทาในเมืองไทยได้. 


กำลังโหลดความคิดเห็น