xs
xsm
sm
md
lg

“สายสีน้ำเงิน” FULL POWER จุดพลิก “ศึกกัญชา”? สายการแพทย์เฮ! สายต้านจ่อฟ้อง นักลงทุนมึนงง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -  ข่าวกระพือ “ปฏิญญาเขาใหญ่” ช่วยคลายปม “กัญชา” ใช่หรือไม่ ไม่มีใครยืนยันได้ แต่ที่แน่ๆ หลัง เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เคาะล้มเลิกนำกัญชากลับสู่บัญชียาเสพติด ทำให้คนที่ลงทุนธุรกิจกัญชาตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ คนตัวเล็กตัวน้อยที่ใช้กัญชารักษาโรคภัย โล่งอกโล่งใจอีกเฮือก ขณะที่กระแสหนุน-ค้าน คุกรุ่นขึ้น


ไม่เพียงการสลายความขัดแย้งระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อไทย-ภูมิใจไทย ที่เกิดขึ้นในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาว่าจะเอากัญชากลับคืนสู่บัญชียาเสพติดหรือไม่ ประเด็นสำคัญยังอยู่ที่ว่า นโยบายรัฐบาลที่ไม่แน่นอนในเรื่องนี้ จะก่อให้เกิดความเสียหาย กระทบความเชื่อมั่น สำหรับผู้ที่ลงทุนไปแล้วและอยู่ระหว่างการตัดสินใจจะมาลงทุน

 “มหาวิทยาลัย (เชียงใหม่) ไปร่วมลงทุนกับต่างชาติ กว่า 900 ล้าน ถ้าเอากัญชากลับมาเป็นยาเสพติดก็จะฟ้องรัฐบาล และกรรมการ ป.ป.ส. เราพร้อมหรือไม่ ผมไม่พร้อม ... การเปลี่ยนไปเปลี่ยนมายังจะกระทบความมั่นใจกับผู้ที่จะมาลงทุน... ใครจะกล้ามาลงทุนในไทย เพราะกฎระเบียบเปลี่ยนได้ตลอดเวลา” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย บอกเล่าเรื่องราวหลังการพูดคุยกับอธิการบดี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่  
กรณีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมลงทุนกับนักลงทุนต่างชาติ ที่ลุ้นระทึกกับนโยบายของรัฐบาลที่ชักเข้าชักออก เป็นเพียงหนังตัวอย่าง
 อิทธิศักดิ์ เห็นใจชน  ผู้บริหาร ฟาร์ม โกลเด้นลีฟ ศรีราชา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี หนึ่งในนักลงทุน บอกกล่าวผ่านสื่อในทำนองเดียวกันว่า จากการประชุมผู้เกี่ยวข้องกับกัญชามองกันว่า หากให้กัญชากลับไปสู่บัญชียาเสพติดอีกครั้งจะทำให้เกิดความเสียหายไม่ต่ำว่าหมื่นล้านบาท เพราะมีการลงทุนไปแล้วอย่างมาก ที่สำคัญก่อนหน้านี้มีการตั้งเป้าไว้ว่าจะทำให้ไทยเป็นฮับของภูมิภาคเอเชียด้วย

กระแสการลงทุนเรื่องกัญชง-กัญชา คึกคักอย่างมากเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา บริษัทในตลาดหุ้นหลายแห่ง ประกาศตัวชัดเจนว่าจะทุ่มลงทุนในอุตสาหกรรมกัญชง-กัญชา รวมทั้งผลิตภัณฑ์ต่อเนื่อง หลังจากพรรคภูมิใจไทยทำให้กัญชาพ้นจากบัญชียาเสพติด แต่เมื่อรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน เข้ามาบริหารประเทศ มีการงัดข้อกันระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย เรื่องจะเอากัญชากลับสู่บัญชียาเสพติดอีกครั้ง ทำให้การลงทุนเรื่องกัญชาเชิงพาณิชย์ มีความไม่แน่นอน สภาพหุ้นสายเขียวจึงอยู่ในอาการเสียวสันหลังกันเป็นทิวแถว

ดังเช่น ช่วงต้นปี 2567 ที่ผ่านมา บมจ.สวนอุตสาหกรรมโรจนะ (ROJNA) ได้ขายหุ้นบริษัทบริษัท เฮิร์บ เทรเชอร์ จำกัด (บริษัทย่อย) ซึ่งดำเนินธุรกิจปลูก ผลิต และจำหน่ายสารสกัดซีบีดีจากกัญชง กัญชา ให้กับบริษัท ฮาร์วีกรุ๊ป จำกัด วงเงิน 165 ล้านบาท

เช่นเดียวกันกับ บมจ.แอดวานซ์ คอนเนคชั่น (ACC) ที่ขายหุ้นทั้งหมดที่ถือในบริษัท แคนนาบิซ ครอป จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ดำเนินธุรกิจผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกัญชา ให้กับ ณฐนน วัชโรทัย เพื่อปรับโครงสร้างบริษัท

ขณะที่วิสาหกิจชุมชน ผู้ลงทุนปลูกกัญชา และผู้ประกอบการรายย่อยที่เปิด “คาเฟ่” สายกัญ ต่างเข้าคิวเจ๊งระนาว กระทั่งมีเสียงร้องระงมว่าจะรัฐบาลที่มีนโยบายไม่แน่นอน จะชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้นอย่างไร ความโกลาหลเกิดขึ้นในวงกว้าง

 รศ.ดร.นพ.ธวัชชัย กมลธรรม อดีตอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข มองว่า นโยบายลักปิดลักเปิดเรื่องกัญชา ขึ้นอยู่กับการเมืองอยากให้เป็น ทำให้มั่วกันไปหมด ไม่ว่ากัญชาจะเป็นยาเสพติดหรือไม่ การแพทย์และธุรกิจต้องดำเนินต่อไปได้อย่างมั่นคง มีมาตรฐาน ป้องกันนำไปใช้ในทางที่ผิด

อย่างไรก็ดี เมื่อสองพรรคใหญ่เคลียร์ปมกันลงตัว กระแสเสียงในสังคมก็แตกเป็นสองฝ่าย หนึ่ง คือ สายหนุนไม่เอากัญชากลับสู่บัญชียาเสพติด ส่วนอีกฝ่ายก็เตรียมลุยฟ้องร้องถ้ายังปล่อยให้กัญชาอยู่นอกบัญชียาเสพติด

ความเคลื่อนไหวของสายหนุน นำโดย  เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย เรียกร้องให้รัฐบาลมีคำสั่งให้มีการใช้กฎหมาย พ.ร.บ.ควบคุมกัญชา ว่า กัญชาจะไม่กลับไปเป็นยาเสพติดอีก และเดินหน้าผลักดัน พ.ร.บ.กัญชา เพื่อกำหนดโครงสร้างเชิงระบบเพื่อควบคุมกัญชาในไทย

 ประสิทธิ์ชัย หนูนวล  แกนนำเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย สะท้อนว่า ผู้ประกอบการมองเห็นสัญญาณที่ดี มีความเชื่อมั่นว่าธุรกิจน่าจะไปต่อได้ กฎหมายที่จะออกมาจะเป็นหลักประกันที่ทุกคนสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างเสมอภาค หากกลไกการเสนอร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ ไม่ติดขัดเรื่องการเมือง เชื่อว่า 4 เดือนน่าจะแล้วเสร็จ เพราะเนื้อหาสาระในร่าง พ.ร.บ.เป็นไปในทิศทางเดียวกัน

ขณะที่  ผศ.นพ.สมิทธิ์ ศรีสนธิ์ นายกสมาคมแพทย์นิติเวชแห่งประเทศไทย และหนึ่งในเครือข่ายนักวิชาการและภาคประชาชนต้านภัยยาเสพติด บอกว่า ขณะนี้รวบรวมผู้เสียหายไว้แล้ว หากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ตัด (ร่าง) ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ที่ให้กัญชากลับเป็นยาเสพติดออกไป จะพาผู้เสียหายไปฟ้องศาลปกครอง

ทางด้านเครือข่ายเยาวชนไม่นะกัญชาและยาเสพติด (YNAC) เคลื่อนไหวเช่นเดียวกัน เมื่อนายกรัฐมนตรี เปลี่ยนใจไม่นำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด และให้มีการควบคุมโดยกฎหมาย เท่ากับเมินเสียของประชาชนกว่า 2 แสนคน ที่ได้ลงชื่อเห็นด้วยกับการให้กัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ประเภท 5 และไม่สนใจเสียงประชาชน 8 หมื่นเสียง ที่เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด

YNAC ตั้งคำถามต่อนายกรัฐมนตรี ด้วยว่า เหตุใดถึงเปลี่ยนไปมา ทั้งที่ก่อนหน้าบอกให้กลับไปเป็นยาเสพติด แต่วันนี้บอกไม่ต้องเอากลับเข้าไปแล้ว กระบวนการออก พ.ร.บ.กัญชาฯ กว่าจะผ่านเป็นกฎหมายออกมาใช้เวลาอย่างน้อย 2 - 3 ปี ระหว่างนี้ประชาชนและเยาวชนเสี่ยงได้รับผลกระทบจากการใช้กัญชาเพื่อสันทนาการ เครือข่ายฯ จึงเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี ทบทวนนำกัญชากลับเข้าบัญชียาเสพติด ส่วนการใช้ประโยชน์กัญชาทางการแพทย์และงานวิจัยทำได้

 นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ขมวดปมว่าระหว่างการรอ พ.ร.บ. กัญชาฯ กระทรวงสาธารณสุข ต้องออกประกาศกระทรวงฯ เพื่อควบคุมและกำกับ ตามนโยบายของ สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข 

ส่วน ร่าง พ.ร.บ.กัญชา เวลานี้มี 4 ฉบับ ที่เตรียมเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ โดยมีหลักการใหญ่ตรงกัน คือ กัญชามีไว้เพื่อประโยชน์ทางการแทพย์ การวิจัย และเศรษฐกิจ ไม่ส่งเสริม หรือห้ามสันทนาการ

 ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา  ศาสตราจารย์เชี่ยวชาญทางอายุรกรรมและสมอง ที่ปรึกษาวิทยาลัยแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์แสดงดีใจที่ไทยมีสมุนไพรกัญชงและกัญชา สามารถนำไปใช้กับผู้ป่วยในสภาวะต่างๆ ที่มีการอักเสบของอวัยวะภายในทั้งตับ สมอง ทางจิตอารมณ์ การแข็งเกร็งของกล้ามเนื้อ ที่มีอาการดีขึ้นโดยไม่ใช้ยาแผนปัจจุบันขนาดสูงหรือยาแผนปัจจุบันไม่สามารถเยียวยาอาการได้แล้ว

แต่ที่เสียใจคือ แทนที่จะส่งเสริมให้การใช้กัญชาทางการแพทย์และวิจัยพัฒนา เพื่อประโยชน์ของคนไทยทั้งประเทศ กลับประณามกัญชง กัญชา โดยสรรหาแต่โทษที่เกิดจากการใช้ผิดขนาด ใช้เป็นสารสังเคราะห์ที่อันตราย นี่คือประเทศไทยต้องรอให้ฝรั่งทำเป็นยามาขาย จะสรรเสริญแซ่ซ้องว่าเป็นของดีเป็นที่เชิดชู แต่ราคาแพงยับ

 ศึกกัญชายกใหม่ เริ่มขึ้นอีกครั้ง ลุ้นระทึกกันว่าเมื่อครบยก สถานะกัญชาจะถูกถอดออกจากบัญชียาเสพติดหรือไม่ ร่างกฎหมายควบคุมและใช้ประโยชน์กัญชาที่จะทำคลอดออกมา หน้าตาจะเป็นรับกันได้ทุกฝ่ายหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ ก็คือ “จุดพลิก” ของศึกครั้งนี้อยู่ที่พลังของสายสีน้ำเงินที่อยู่ในสถานะ FULL POWER นั่นเอง  


กำลังโหลดความคิดเห็น