ป้ายโฆษณาจีนเทา ตำรวจ ตม.ปัดสวะ ป้องคนท้าทายระบบ
กรณีป้ายยักษ์ระดับบิลบอร์ด ประกาศด้วยภาษจีน รับบริการเปลี่ยนพาสปอร์ต เปลี่ยนสัญชาติ กลางสี่แยกย่านรัชดาฯ
เป็นความเหิมเกริมอุกอาจของคนทำป้าย เหมือนตบหน้าคนไทยทั้งประเทศ
แบบว่าประเทศนี้ อั๊วจะทำอะไรก็ได้ ขอแค่มีเงินหว่านเป็นพอ
อย่างไรก็ดี เหมือนจะมีคนที่หน้าด้านหน้าทน ไม่รู้สึกเจ็บปวดต่อการกระทำของพวกจีนเทา มิหนำซ้ำ ยังออกโรงป้องกลายๆ เสียอีก
คนนั้น ก็คือ ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง
จับจากคำพูดของ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. เจ้าของฉายา “เม่นดำ” ให้สัมภาษณ์ว่า เรื่องนี้ไม่กระทบกับความมั่นคงของประเทศไทย แต่อย่างใด
“เม่นดำ” ระบุว่า ป้ายโฆษณานั้น เป็นการซื้อขายสัญชาติในประเทศอื่น ไม่ได้เกี่ยวกับการซื้อขายสัญชาติไทย เพียงแต่ใช้พื้นที่โฆษณาในประเทศไทยเท่านั้น
ลองคนใน สตม. พูดปัดสวะให้พ้นตัวแบบนี้ ยิ่งน่าคิดว่า สตม. มีส่วนเกี่ยวข้อง จากการทำงานอย่างเหลาะแหละหละหลวมหรือไม่
ทั้งที่พอเกิดเรื่องงามหน้านี้ขึ้นมา สตม. น่าจะเป็นคนแรกที่เต้นผาง ลุยสแกนหรือเจาะเข้าไปในองค์กรลับของพวกจีนเทา เพื่อแสดงจุดยืนที่ถูกต้อง
แต่นี่กลับพูดว่า ไม่เห็นเป็นอะไรเลย ฟังแล้ว ผู้บังคับบัญชาน่าจะย้ายให้ไปทำหน้าที่อื่นๆ ที่งานเบากว่า สตม.
จริงๆ แล้ว ขั้นตอนที่ตำรวจไทยต้องทำจากนี้ คือ ประสานเพื่อสอบถามไปยัง 4 ประเทศ ที่ถูกประกาศว่า มีบริการเปลี่ยนพาสปอร์ต เปลี่ยนสัญชาติจริงหรือไม่
4 ประเทศนั้น ได้แก่ อินโดนีเซีย ซึ่งคิดค่าบริการ 30,000 บาท วานูอาตู 70,000 บาท กัมพูชา 100,000 บาท และตุรกี 150,000 บาท
หากทั้ง 4 ประเทศ ยืนยันกลับมาว่า เรื่องนี้ของจริง ถูกต้องแล้ว ก็ถือว่าจบเรื่องได้
แต่ถ้าคำตอบกลับมาว่า แต่ละประเทศไม่มีบริการพวกนั้น เป็นเรื่องของการแอบอ้างหากินของคนขึ้นป้าย
ก็จะเป็นเครื่องยืนยันว่า ประกาศทำพาสปอร์ตที่ว่านั้น แท้จริงคือการผ่าเล่ม ปลอมพาสปอร์ตข้ามชาติ ที่กล้าประกาศกันแบบไม่เกรงใจเจ้าของประเทศ
ซึ่งคนที่เปิดบริการแบบนี้ได้ ก็ต้องเป็นพวกนอกกฎหมาย พวกจีนเทา แน่ยิ่งกว่าแน่
และก็เป็นหน้าที่ของตำรวจไทย ที่ต้องเอาผิดทางกฎหมายกับแก๊งจีนเทาพวกนี้ ด้วยการสืบสวนให้ถึงตัวการจริงๆ
จากการตรวจสอบข้อมูลกับทางสถานทูตจีนประจำประเทศไทย ระบุว่า ปัจจุบันมีบริษัทใหญ่ของจีน เข้ามารับการส่งเสริมการลงทุน หรือ BOI ของไทย ประมาณ 1,400 แห่ง
ขอรับการช่วยเหลือด้านต่างๆ จากทางสถานทูตจีน ประมาณ 1,000 แห่ง
และเป็นบริษัทเล็กบริษัทน้อยอีกนับหมื่นบริษัท ไม่รู้ใครเป็นใคร
ทางสถานทูตจีนจึงเรียกร้องมาว่า เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องราวทำนองนี้อีก ตำรวจไทยจะต้องทำงานอย่างตรงไปตรงมา ไม่ลูบหน้าปะจมูก
วิธีการนี้เท่านั้น ที่จะกดหัวแก๊งจีนเทา ไม่ให้กำเริบเสิบสานในไทยได้
ตรงข้ามหากตำรวจไทย ดันไปโอนอ่อนผ่อนตามให้กับอำนาจเงินของแก๊งจีนเทา ก็จะมีเหตุอื้อฉาวอื่นๆ ตามมาอีกไม่รู้จบ