xs
xsm
sm
md
lg

เรือน้ำมันเถื่อนล่องหน เด้ง ผกก.กับ 3 ลูกน้อง "บิ๊กเต่า" มั่นใจไปไม่รอด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



เรือน้ำมันเถื่อนล่องหน เด้ง ผกก.กับ 3 ลูกน้อง "บิ๊กเต่า" มั่นใจไปไม่รอด


ชั่วโมงนี้คงไม่มีเรื่องไหนขายหน้าวงการตำรวจไทยไปมากกว่าการกรณีเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อนจำนวน 3 ลำที่ถูกยึดไว้เป็นของกลางได้หายไปจากทะเลอ่าวไทย

โดยเหตุการณ์เริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อวันที่ 19 มีนาคม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และ ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ร่วมกันจับกุมเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อนจำนวน 5 ลำ มีน้ำมันประมาณ 3.3 แสนลิตร และนำเรือเก็บรักษาไว้ที่ท่าเรือตำรวจน้ำ สัตหีบ ต่อมา 9 มิถุนายน ตำรวจน้ำได้นำเรือของกลางไปจอดห่างจากสะพานท่าเทียบเรือ 100 เมตร เพื่อลดผลกระทบต่อคลื่นลม

วันที่ 11 มิถุนายน ตำรวจน้ำที่เข้าเวร พบว่าเรือทั้ง 5 ลำได้ดับไฟในช่วงเวลากลางคืน จากนั้นวันที่ 12 มิถุนายน มาพบว่าเรือของกลางหายไป 3 ลำ จึงได้นำเรืออีก 2 ลำเข้าเทียบท่า ทั้งนี้ น้ำมันเถื่อนดังกล่าวมีความเชื่อมโยงกับเครือข่าย สหชัย เจียรเสริมสิน ที่มีชื่อเรียกในวงการว่า โจ้ น้ำมันเถื่อน หรือ โจ้ ปัตตานี

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ พลตำรวจโท จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ลงนามในหนังสือคำสั่งกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ที่ 131/2567 ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการตำรวจน้ำ (บก.รน.) จำนวน 4 นาย ย้ายมาช่วยราชการ ปฏิบัติหน้าที่ประจำศูนย์ปฏิบัติการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หรือ ศปก.บช.ก. โดยให้ขาดจากต้นสังกัด และมีผลทันที จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง

เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.รน. ทั้ง 4 นาย ที่ถูกสั่งย้าย ประกอบด้วย พันตำรวจเอก อินทรัตน์ ปัญญา ผกก.5 บก.รน.  พันตำรวจโท กอบชัย โตอ่อน สว.ส.รน.3 กก.5 บก.รน., สิบตำรวจเอก ธรรมรัตน์ เล็กมนตรา ผบ.หมู่ ส.รน.3 กก.5 บก.รน. และสิบตำรวจโท อภิชาติ จันทร์หนู ผบ.หมู่ ส.รน.3 กก.5 บก.รน.

ด้าน พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยถึงแนวทางการติดตามเรือบรรทุกน้ำมันที่หลบหนีว่า เชื่อว่าเรือที่หายทั้ง 3 ลำ ยังคงอยู่ในอ่าวไทย เนื่องจากเรือทั้ง 3 ลำมีน้ำมันอยู่ด้วย ทำให้เรือสามารถวิ่งได้ประมาณ 7-8 นอต และจะต้องใช้ระยะเวลาในการวิ่งเรือจากพื้นที่เกิดเหตุไปประเทศเพื่อนบ้านที่มีระยะทาง 240 ไมล์ทะเล ประมาณ 15 ชั่วโมง

สำหรับประเด็นที่ว่าทำไมเรือถึงหายไปเพียง 3 ลำจากทั้งหมด 5 ลำนั้น เนื่องจาก เรือบรรทุกน้ำมัน 3 ลำเป็นเรือของผู้มีอิทธิพลเรื่องน้ำมันเถื่อนในพื้นที่ปัตตานี ส่วนอีก 2 ลำ เป็นเรือไม่มีเจ้าของ แต่ถูกดำเนินคดีในข้อหาเดียวกัน ขณะที่ ลูกเรือที่ถูกจับ 28 คน พบว่าหายไปไปกับเรือ 3 ลำ จำนวน 18 คน ดังนั้น การสอบสวนในกรณีนี้หากหากพบเจ้าหน้าที่มีรู้เห็นเป็นใจและปล่อยเรือออกไปก็จะดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 โดยไม่มีการละเว้นแน่นอน
กำลังโหลดความคิดเห็น