xs
xsm
sm
md
lg

ลูกสาวลุงขับแท็กซี่ร่ำไห้ วอนขอโอกาสผู้ใหญ่ ช่วยประกันตัวพ่อ รับไม่เคยรู้พ่อมีปัญหา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



ลูกสาวลุงขับแท็กซี่ขโมยของร่ำไห้ยกมือไหว้ขอนายกเล็ก และประธาน กต.ตร. ขอโอกาสประกันตัวพ่อกลับมาดูแลภรรยาอดีตข้าราชการโรงพยาบาล ป่วยติดเตียง

วันนี้( 29 พ.ค.)เมื่อเวลา 12.30 น.ดร.ชัยเมศร์ ชัยพัชรกุลพงษ์ หรือ ดร.แก้ว ประธานคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามบริหารงานตำรวจ (กต.ตร.) นางสาวสุวรรณา โล้สมบูรณ์ นายกเทศมนตรีเมืองบางกร่าง ลงพื้นที่เข้าช่วยเหลือไปยังบ้านเลขที่ 122/111 ม.5 ต.บางกร่าง อ.เมือง จ.นนทบุรี ซึ่งบ้านของนายทองสุก แก้วกัณฑ์เยตร อายุ 53 ปี โชเฟอร์แท็กซี่ ผู้ต้องหา ที่อาศัยอยู่กับภรรยาที่ป่วยติดเตียงทราบชื่อนางอัญชลี อายุ 58 ปี อดีตข้าราชการบำนาญโรงพยาบาล และลูกสาวของนายทองสุกทราบชื่อ น.ส.อำไพพรรณ อายุ 28 ปี อาชีพ พนักงานร้านสะดวกซื้อ โดยสภาพความเป็นอยู่ทางนางอัญชลี จะนอนอยู่บนเตียงบริเวณชั้น 1 หน้าประตูบ้าน ใกล้เคียงพบแผงยา หรือยารักษาโรคจำนวนมากกองอยู่ ส่วนลูกสาวจะอาศัยอยู่บริเวณชั้น 2 ของบ้าน

ขณะที่ดร.แก้ว และน.ส.สุวรรณา นายกเทศมนตรีเมืองบางกร่าง เข้าพูดคุยกับนางอัญชลี ทางด้านน.ส.อำไพพรรณ ลูกสาวได้ยกมือไหว้ทั้งน้ำตาขอความช่วยเหลือกับผู้ใหญ่ทั้ง 2 ขอประกันตัวนายทองสุก พ่อของตนขอโอกาสโดยรับปากว่าจะมีการพูดคุยกันในครอบครัวมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ที่ไม่ค่อยเคยพูดจากันในครอบครัว

ต่อมาทางด้าน พ.ต.ท.เศรษฐหาญ เศรษฐภากรณ์ รอง ผกก.สส.สภ.บางศรีเมือง พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.บางศรีเมือง นำตัวนายทองสุก ผู้ต้องหา มาที่บ้านดังกล่าวเพื่อเอาของกลาง คือ 1. เสื้อเชิ้ตสีครีมแขนยาว 1 ตัว 2. เสื้อคอปกสีฟ้า 1 ตัว 3. กางเกงสแล็คสีดำขายาว 1 ตัว เพื่อประกอบสำนวนคดี โดยนายทองสุกได้ขอโอกาสเจ้าหน้าที่ตำรวจป้อนข้าวภรรยา ก่อนจะโอบกอดบอกลาทั้งน้ำตากับ และลูกสาวพร้อมพูดว่า “ขอโทษกับสิ่งที่ทำไป” ก่อนถูกตำรวจนำตัวกลับ สภ.เข้าห้องผู้ต้องขัง

นายทองสุก กล่าวว่า ตนต้องขอกราบขอโทษกับร้านที่ตนไปก่อเหตุ ยืนยันคำให้การเดิมก่อเหตุเพื่อนำข้าว นำของกินของใช้มาให้ภรรยา เพราะตนเองหาเงินไม่ทัน รายจ่ายเยอะทั้งค่ายา ค่ากินใช้ในชีวิตประจำวัน ยืนยันก่อหน้านี้ไม่เคยทำอะไรแบบนี้ ไม่มีเจตนา หมดหนทางโดยใจจริงแล้วตนอยากขายของ ขายก๋วยเตี๋ยวแต่ไม่มีทุน ซึ่งปัญหานี้ตนไม่เคยพูดคุยกับลูกสาวที่อยู่บ้านทำให้อารมณ์ชั่ววูบคิดก่อเหตุ ยอมรับว่าหมดหนทาง เพราะรายจ่ายตนจ่ายอยู่คนเดียว จากตอนแรกตนมีอาชีพขับแท็กซี่ แต่ก็สู้ไม่ไหว เพราะค่าเข่ารถ และไม่มีผู้โดยสาร รวมถึงตนจะต้องดูแลเมีย 24 ชม. เพราะเขาต้องกินข้าว กินข้าวเวลา 07.00 น. ตอน 13.00 น. และ 19.00 น. จึงทำให้ทำงานอย่างอื่นไม่ได้ด้วยขับรถเสร็จก็จะแวะมาหาเมียตลอด 3 เวลา

น.ส.อำไพพรรณ ลูกสาว กล่าวทั้งน้ำตาว่า ตนทำงานได้เงินเดือน 18,000 บาท ซึ่งค่าใช้จ่ายในครอบครัวตนมีการตกลงกับทางพ่อว่าจะต้องจ่ายค่าบ้าน ค่าน้ำไฟ และค่ากินอยู่แล้ว แต่ทางพ่อไม่เคยมาพูดเล่าปัญหาเรื่องเงินไม่พอ จึงคิดสั้นไปก่อเหตุลักทรัพย์ บ้านหลังนี้ตนอาศัยอยู่มาประมาณ 5 ปี แล้ว ต้องผ่อนเดือนละ 8,000 บาท ตนก็มีปัญหาเรื่องเงินจึงค้างค่าเช่า บ้านจะถูกยึดอีก 2 เดือนข้างหน้า ตอนนี้รับว่าเดือดร้อนหนักกว่าเดิมหลังพ่อถูกจับ อยากขอโอกาสกับทางผู้ใหญ่ให้ช่วยประกันตัวพ่อตน พร้อมรับปากว่าจะวางแผนในการดำเนินชีวิตใหม่ จะพูดคุยกันมากกว่าเดิมปัญหาก็จะไม่เกิดแบบนี้อีก ทั้งนี้ตนรับว่า “ตนไม่เคยไม่รักพ่อ ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรก็ตาม“

นางสาวสุวรรณา กล่าวว่า เคสนี้น่าเป็นห่วงมาก เพราะจริงๆแล้วตนเคยมาเยี่ยมเมียของเขาอยู่เป็นประจำอยู่แล้ว เพราะเขาเป็นผู้ป่วยติดเตียง และไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น พอมีปัญหาขึ้นตนรู้สึกตกใจ ดีที่มีทาง ดร.แก้ว ที่คอยให้ความช่วยเหลือ เพราะท่าน ดร.แก้ว รู้สึกเป็นห่วงจึงลงพื้นที่มาดูเอง และจากที่ดูแล้ว ทางบ้านเขาไม่น่าจะเจอกับปัญหาแบบนี้ ตอนนี้ทางหน่วยงานได้เร่งการปรึกษา เพื่อประกันตัวลุงออกมา เป็นการช่วยเหลือเบื้องต้นแต่ยังไงก็ยังต้องทำตามกฎหมาย ถ้าเค้าออกจากคุกมาแล้ว ในเรื่องของการทำมาหากินอาชีพตนจะเป็นคนดูแลให้ร่วมกับทาง ดร.แก้ว ส่วนเรื่องเมียที่ป่วยติดเตียงทางเจ้าหน้าที่เทศบาลร่วมกับเจ้าหน้าที่ อสม. ได้เข้ามาช่วยเหลือเบื้องต้นและคอยดูแลอย่างใกล้ชิด มาทุกวัน เพราะทางเทศบาลเมืองบางกร่างได้เห็นความสำคัญ ต่อผู้ป่วยติดเตียง และเป็นโครงการของ สปสช. ด้วย ตนเข้าใจว่าลุงเค้าเดือดร้อนแต่การที่ทำแบบนี้มันผิดกฎหมาย ก็ต้องให้ทางเจ้าเจ้าหน้าที่ตำรวจว่ากันไปตามกฎหมายต่อไป ส่วนความช่วยเหลือจะต้องช่วยอยู่แล้ว ตามที่พวกเราจะช่วยเหลือได้

ดร.แก้ว กล่าวว่า จากกรณีที่เกิดขึ้นจะต้องแบ่งเป็นสองกรณีคือส่วนเรื่องของคดีและการช่วยเหลือเบื้องต้น ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเทศบาลเทศบาลบางกร่าง กต.ตร.จังหวัดนนทบุรี จะช่วยเรื่องในการประกันตัว แต่ตนไม่ได้ช่วยคนผิด จากการลงตรวจสอบพบว่าเค้าเดือดร้อน พิษจากเศรษฐกิจ เขาจึงลงมือก่อเหตุ ตนจะช่วยเรื่องของคดีในการประกันตัว และหาทนายสู้คดีเพื่อให้หนักกลายเป็นเบา แต่ส่วนที่เขากระทำความผิดยังไงก็ต้องได้รับโทษอยู่ดี แต่สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดโดยสันดานของเขา เพราะเขาไม่มีประวัติใดๆทั้งสิ้น ส่วนเรื่องครอบครัวของผู้ต้องหาทางลูกสาวได้ขอร้องให้ช่วยเหลือพ่อ และขออาชีพสุกจริตทำ ตนมองว่าตนจะไม่ช่วยแก้ปัญหาเฉพาะหน้า อย่างเช่นวันนี้มาประกันตัวแล้วปล่อยเหมือนเดิม ตนจะต้องช่วยในระยะยาว ต้องให้อาชีพทำให้ดูแลครอบครัวได้ ให้โอกาส และเขารับปากไว้ว่าจะดูแลครอบครัวและตัวเองให้ดีขึ้น

จากที่ตนสัมผัสคนมาเยอะเจาไม่ได้มีพฤติกรรมขี้ขโมย เพียวแต่ว่าเขาไม่มีเงินจะกิน เมียก็ต้องดูแล ลูกก็ไม่ได้คุยกัน ต่างคนต่างอยู่ เขาคงคิดว่าการไปขโมยของครั้งแรกลงมือทำแล้วได้ของมา1ครั้ง ครั้งต่อไปที่ขโมยก็จะกลายเป็นเรื่องปกติ แต่สิ่งที่เขาทำมันผิดกฎหมาย ถ้าเขาได้ปรึกษากับหน่วยงานคงไม่คิดจะทำแบบนี้ ถ้ามีปัญหาแบบนี้สามารถเข้ามาคุยได้ที่หน่วยงานทุกหน่วยงาน เช่นเทศบาลท้องถิ่น ทางหน่วยงานก็พร้อมที่จะช่วยเหลืออยู่แล้วแต่ประชาชนบางคนก็ไม่เข้าใจ และตัดสินใจลงมือทำในส่วนที่ตนเองคิดเอง ทุกๆหน่วยงานพร้อมให้โอกาสทุกคน แต่ชาวบ้านหลายคนไม่รู้ว่าจะต้องไปที่หน่วยงานไหน ซึ่งเคสนี้เป็นกรณีตัวอย่างที่เค้าไม่ได้ปรึกษาใครถ้าเค้าเอ่ยปากปรึกษาใครหรือติดต่อหน่วยงานเทศบาลหรือติดต่อนายก เพื่อขอความช่วยเหลือ ทุกคนก็พร้อมที่จะซับพอร์ตเสมอ เพราะหน่วยงานต่างๆมีศักยภาพที่ต้องช่วยเหลือประชาชน ที่ได้รับความเดือดร้อน แต่บางครั้งเจ้าหน้าที่ก็ไม่เพียงพอที่จะรับทราบหรือรับรู้ความเดือดร้อนของประชาชนได้

ส่วนเรื่องที่หลายคนมองว่า ตนช่วยเหลือคนผิดแล้วคิดจะทำตาม หรือมีฟีดแบคตีกลับ ตนมองว่า มันมีอยู่สองทาง คือคนกระทำความผิดยังไงก็ต้องติดคุกซึ่งเคสนี้ติดคุกแน่ๆตนรับประกัน แต่ส่วนคนที่อยู่ข้างหลังเช่นเมียที่ป่วยติดเตียงและลูกสาว จะอยู่กันอย่างไรในเมื่อหัวหน้าครอบครัวล้มไปหนึ่งคน ตนไม่สามารถทนมองเฉยได้ ตนต้องลงมาช่วยประชาชน เพราะตนรู้ว่าความเดือดร้อนคืออะไร ส่วนเรื่องประกันตัวที่ช่วยเพราะเขาไม่สามารถหนีไปไหนได้ เพราะเขามีเมียที่ต้องดูแล ตนจะให้โอกาสแค่นี้ ถ้าเขาผิดซ้ำซาก หรือผิดสัญญาเงื่อนไข กับโอกาสที่เขาได้รับ ก็จะไม่มีใครช่วยเขาได้แล้ว ถ้าใครที่คิดจะทำเหมือนลุงจะต้องได้รับโทษอย่างแน่นอน ไม่มีใครช่วยใครได้ ซึ่งตนเป็น กต.ตร.ที่ดูแลเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยตรงก็ไม่สามารถทำอะไรได้หรือช่วยใครได้ เพราะเขาเป็นผู้ทำผิดทางด้านกฎหมายเอง ถ้าได้โอกาสแล้วทุกคนก็จะต้องดิ้นรนเพื่อตัวเองด้วย ตนช่วยได้แค่ชั่วคราวทำผิดอย่างไรก็ต้องยอมรับและติดคุกอย่างแน่นอน และทำให้มั่นใจขึ้นเพราะเขาไม่เคยมีประวัติอาชญากรรม หรือมีการติดสารเสพติดใดๆ การขโมยครั้งนี้เป็นครั้งแรกจริงๆ แต่เพียงทำต่อเนื่องติดกันประมาณเดือนกว่า









@thaicrime4 ลูกสาวลุง#ขับแท็กซี่ ขโมยของร่ำไห้ยกมือไหว้ขอนายกเล็ก และประธาน กต.ตร. ขอโอกาสประกันตัวพ่อกลับมาดูแลภรรยาอดีตข้าราชการ#โรงพยาบาล ป่วยติดเตียง ♬ เสียงต้นฉบับ - Thaicrime

กำลังโหลดความคิดเห็น