ชนักปักหลัง ‘ทักษิณ’ คดี112 ต้อนเข้ามุม-หยุดล้ำเส้น
ไม่มีอะไรผิดคาดทั้งกรณีที่อัยการสูงสุดมีคำสั่งฟ้อง นายทักษิณ ชินวัตร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 112 และพระราชบัญญัติที่ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 และ การขอเลื่อนเข้าพบพนักงานอัยการของอดีตนายกฯทักษิณ
เหตุผลที่ทำให้บทสรุปช่วงแรกลงเอยเช่นนี้ เนื่องจากในส่วนของคดีอาญามาตรา 112 จะเห็นได้ว่าอัยการสูงสุดจะยืนมาตรฐานเดียวกันมาตลอด คือ การสั่งฟ้องต่อศาล ซึ่งจะเห็นได้จากบรรทัดฐานในการดำเนินการกับกลุ่มมวลชนที่เรียกร้องการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ก่อนหน้านี้ เช่นเดียวกับในรายของทักษิณที่ในบรรยากาศแบบนี้การไม่เอาตัวเองไปเสี่ยงคุกตารางเป็นดีที่สุด
มองในมุมของทักษิณแล้ว ไม่ว่าเจ้าตัวจะเป็นโควิดจริงหรือไม่ แต่หากเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม ตัดสินใจมาพบอัยการเพื่อรับฟังการสั่งคดี ถือว่ามีความเป็นไปได้สูงที่จะได้รับโอกาสติดคุกจริงๆ เพื่อลบครหาการติดคุกทิพย์ก่อนหน้านี้ เป็นเพราะเมื่อมองย้อนกลับไปที่การดำเนินคดีกับจำเลยในความผิดมาตรา 112 แม้ว่าจะได้รับการประกันตัวกันเกือบทุกคน แต่กว่าที่จะได้ออกจากคุกมาสู้คดีนั้นบางคนต้องใช้เวลามากกว่า 100 วันกันเลยทีเดียว ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นคนระดับพระยาเหยียบเมืองอย่าง 'ทักษิณ ชินวัตร' จะยอมรับได้หรือไม่
การตัดสินใจชะลอการไปเผชิญหน้ากับอัยการ จึงไม่ต่างอะไรกับการขอตั้งหลักและดูทิศทางลมก่อน โดยหวังว่ากว่าจะถึงวันที่ 18 มิถุนายน ซึ่งเป็นวันที่อัยการนัดพบกันอีกครั้ง ทิศทางลมในประเทศไทยจะเปลี่ยนในทางที่เป็นคุณแก่นายใหญ่บ้านจันทร์ส่องหล้า โดยเฉพาะโอกาสในการได้ประกันตัวอย่างไม่มีเงื่อนไข หรือ ประกันตัวแบบมีเงื่อนไขเล็กน้อยที่จะไม่กระทบการเดินสายทำกิจกรรมทางการเมือง
การที่ทักษิณไม่มาตามนัด ก็อาจจะกลัวภาพที่ต้องตกอยู่ในสภาพถูกควบคุมตัวทั้งที่อัยการและศาลอาญา หากถูกถ่ายบันทึกไว้ และเผยแพร่ออกไป ก็ไม่มีวันลบออกทั้งหมดได้ จึงเบี้ยวนัดแต่ทักษิณอาจจะเลือกวันมาพบอัยการอีกทีแบบดอดมาเงียบๆ วันไหนก็ได้ เป็นจำเลยที่คงได้ประกันตัวออกไปแน่ แต่มาแบบนี้ก็ไม่มีภาพจำที่ไม่อยากให้มีปรากฎออกมา
อย่างไรก็ตาม คดีที่เกิดขึ้นก็กลายเป็นชนักปักหลังทักษิณที่ยากต่อการดึงออกไปเรียบร้อยแล้ว
ที่ผ่านมาปฏิเสธไม่ได้ว่าทักษิณล้ำเส้นพอสมควร โดยเฉพาะการเข้ามามีบทบาทนำในทางการเมือง ทั้งการกำหนดทิศทางการทำงานของรัฐบาล และพรรคเพื่อไทยทั้งด้านหน้าและด้านหลัง หลายครั้งที่ทักษิณทำตัวประหนึ่งเป็นซูเปอร์นายกรัฐมนตรียิ่งกว่า 'เศรษฐา ทวีสิน' นายกรัฐมนตรี ยิ่งเป็นการตอกย้ำว่าระบบทักษิณได้กลับมาฟื้นคืนชีพอีกครั้ง
คดีมาตรา 112 จึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะคอยสยบโอหังไม่ให้ระบอบทักษิณเติบใหญ่ไปมากกว่านี้ สาเหตุหนึ่งที่ทำให้คดีอาญามาตรา 112 เป็นชนักใหญ่ปักหลังทักษิณ คือ ระยะเวลาการพิจารณาคดีที่ไม่ได้มีกรอบเวลาพิจารณาชัดเจนมากนัก
หลายกรณีพิจารณาเร็ว บางคดีใช้เวลาพอสมควร ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากเกินคาดเดา เพราะคดีนี้จบเร็วหรือช้าจะมีนัยทางการเมืองต่อทักษิณแตกต่างกันไป
ถ้าผลของคดีในศาลชั้นต้นออกมาเป็นคุณกับทักษิณ ก็ยังพอได้หายใจทั่วท้องและไปรอลุ้นว่าอัยการจะยื่นอุทธรณ์หรือไม่ แต่ถ้าศาลชั้นต้นตัดสินให้ทักษิณผิดและจำคุก ก็ต้องลุ้นหนักอีกหลายชั้น ตั้งแต่การลุ้นว่าจะได้รับการประกันตัวในชั้นอุทธรณ์หรือไม่ หรือแม้แต่ผลคดีของศาลอุทธรณ์ เรียกได้ว่าเหนื่อยหนักเป็นสองเท่า
ฉากทัศน์ทางการเมืองของทักษิณนับจากนี้ไป ถือว่าเป็นช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานสำหรับครอบครัวชินวัตรพอสมควร ดังนั้น การดูทิศทางลมให้ถูกทางจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะนั่นหมายถึงอิสรภาพที่เพิ่งได้รับมาอาจต้องเสียไปภายในพริบตาเดียวได้เช่นกัน ทักษิณจึงเป็นเสมือน นกที่หวาดเกาทัณฑ์ ในช่วงนี้