ตำรวจสืบสวนนครบาลจับ 2 คนร้ายทุบกระจกรถยนต์ขโมยทรัพย์สิน ก่อนนำบัตรเครดิตเหยื่อไปรูดซื้อของ แล้วนำไปขายต่อ เพื่อหาเงินมาเสพยา
วันนี้ (27 พ.ค.) พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.นิวัฒน์ พึ่งอุทัยศรี รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.อิสเรศ ปาลาพงศ์ รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.อรรชวศิษฏ์ ศรีบุณยมานนทน์ ผกก.สส.3 บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.วิโรฒ จนุบุษย์ รอง ผกก.สส.3 บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.นิธิ ปิยะพันธุ์ รอง ผกก.สส.3 บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.รณฤทธิ์ กิตติมาศ สว.กก.สส.3 บก.สส.บช.น. ได้สั่งการให้ เจ้าหน้าที่ กก.สส.3 บก.สส.บช.น. จับกุมนายณธกร หรือต้น อายุ 40 ปี ภูมิลำเนา แขวงวังทองหลาง เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานครตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.483/2567 ลง 24 พฤษภาคม 2567 (สน.ทองหล่อ) และนายวชรกร หรือเก่ง อายุ 44 ปี ภูมิลำเนา ตำบลท่าคล้อ อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรีตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.482/2567 ลง 24 พฤษภาคม 2567 (สน.ทองหล่อ) ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐาน ร่วมกันลักทรัพย์โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใด และใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม ,ทร่วมกันเอาไปเสียซึ่งเอกสาร ร่วมกันใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบฯ โดยเป็นการกระทำเกี่ยวกับบัตร อิเล็กทรอกนิกส์ที่ผู้ออกได้ออกให้แก่ผู้มีสิทธิใช้ เพื่อประโยชน์ในการชำระสินค้าค่าบริการหรือหนี้อื่นแทนการชำระด้วยเงินสดหรือใช้เบิกถอนเงินสดฯ และร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม
พร้อมตรวจพบของกลาง ได้แก่ 1. แท่งเหล็กปลายสว่าน จำนวน 2 แท่ง (ใช้สำหรับงัด/ทุบกระจกรถยนต์) 2. โทรศัพท์มือถือยี่ห้อ iPhone รุ่น 12 Pro Max สีน้ำเงิน จำนวน 1 เครื่อง 3. อาวุธปืนแบลงค์กันพร้อมซองกระสุน จำนวน 1 กระบอก 4. รถยนต์ยี่ห้อ Nissan รุ่น Fairlady สีเทา จำนวน 1 คัน (รถผิดกฎหมาย) 5.ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) จำนวน 6 ถุง น้ำหนักรวม 5.79 กรัม 6.ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ( ยาอี ) จำนวน 1 ถุง น้ำหนักรวมถุง 0.55 กรัม และ 7.วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ประเภท 2 ( เคตามีน ) จำนวน 1 ถุง น้ำหนักรวมถุง 0.85 กรัม โดยจับกุมนายณธกร ได้ที่ บริเวณหน้าอู่ซ่อมรถ ซ.เทพลีลา 12 แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง จังหวัดกรุงเทพมหานคร ส่วนนายวชรกร จับกุมได้ที่ อพาร์ทเมนท์ ซอยแจ่มจันทร์ แขวงนวมินทร์ เขตบึงกุ่ม จังหวัดกรุงเทพมหานคร
โดยพฤติการณ์แห่งคดีสืบเนืีองจากเมื่อวันที่ 28 เม.ย.ที่ผ่านมา เวลา 09.30 น.ผู้เสียหาย ได้ขับขี่รถยนต์ (ป้ายแดง) มาจอดไว้ที่ลานจอดอาคารจอดรถชั้น 5 โรงแรมแห่งหนึ่ง ซอยสุขุมวิท 23 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ หลังจากนั้นได้เข้าไปสัมมานาภายในโรงแรม ซึ่งในวันเดียวกันเมื่อผู้เสียหายเดินทางกลับมาที่จอดรถยนต์พบว่า กระจกรถยนต์ประตูหลังด้านซ้ายมีร่องรอยถูกทุบจนแตกละเอียด และพบว่ากระเป๋าเป้สีดำ กระเป๋าคาดเอวสีน้ำเงิน และกระเป๋าสะพายที่วางอยู่เบาะด้านหลังได้หายไป โดยภายในกระเป๋าทั้งสามใบ มีทรัพย์สิน อาทิ บัตรเครดิตและบัตรอื่นๆ เงินสดประมาณ 5,000 บาท หูฟังแอร์พอดโปร 5 อัน สมุดบัญชี ใบขับขี่ ใบขับรถสาธารณะ และบัตรประชาชน
ต่อมาผู้เสียหาย ได้รับการแจ้งเตือนผ่านทางโทรศัพท์มือถือ แจ้งว่ามีการใช้บัตรเครดิต หลายครั้ง ที่ภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ย่านลาดพร้าว จำนวนเงินที่ใช้ผ่านบัตรเครดิตทั้งหมดประมาณ 167,298 บาท จึงมาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน ให้ดำเนินคดีอาญากับผู้ต้องหาตามกฎหมาย
จากการสอบปากคำนายณธกร ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ว่าได้ร่วมกับพวกคือนายวชรกร ก่อเหตุจริง ซึ่งตนเองทำหน้าที่ ตัวซ้อนรถและทุบกระจก นายวชรกรทำหน้าที่ คนขับขี่รถ โดยหลังก่อเหตุ ตนได้นำบัตรเครดิตของผู้เสียหายไปรูดซื้อของ เพื่อนำไปขายต่อ เงินที่ได้จะนำไปซื้อยาเสพติดเพื่อเสพ ส่วนที่เลือกทุบรถ เพราะว่าสถานที่ดังกล่าวปลอดคน และมองเห็นสิ่งของมีค่าในรถได้ชัด
ด้านนายวชรกร ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าว แต่ให้การว่ารู้จักนายณธกร หรือต้น เนื่องจากเป็นเพื่อนกินเที่ยวด้วยกัน และรับว่ายาเสพติดที่ตรวจพบ เป็นของตนที่มีไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมายจริง
ทั้งนี้จากการตรวจสอบในฐานระบบข้อมูล ตรวจสอบประวัติของ นายณธกร มีทั่งคดีอาวุธปืน และร่วมกันลักทรัพย์ ส่วนนายวชกรมีคดียาเสพติด จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย นำส่งพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช ฝากเตือนและห่วงใยประชาชน ปัญหาการถูกทุบกระจกรถขโมยทรัพย์สินเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ระบาดแพร่สะพัดทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด สร้างความเดือดร้อนทั้งต่อทรัพย์สินและการเสียเวลา ฉะนั้นฝากเตือนว่าควรหลีกเลี่ยงไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของโจร ไม่จอดรถในที่เปลี่ยว ที่ไม่มีผู้คนผ่านไปมาหรือตามตรอกซอกซอยลึก เลี่ยงการจอดรถริมถนนยามค่ำคืน แต่ถ้ามีความจำเป็นต้องจอดริมถนน ควรเลือกบริเวณที่มีแสงสว่างมากที่สุดและมีผู้คนสัญจรไปมา ไม่ทิ้งของมีค่าไว้ในรถ ถ้าคุณไม่สามารถเลือกที่จอดได้ และต้องรถในที่เปลี่ยวและมืด ไม่ควรทิ้งของมีค่าไว้ในรถ ทั้งคอมพิวเตอร์แล็ปท็อป กล้องถ่ายรูป กระเป๋าราคาแพง และอื่นๆ เพราะจะล่อตาล่อใจโจรที่ตระเวนออกล่าเหยื่อ ทางที่ดีควรหยิบของมีค่าติดมือลงจากรถไปด้วย ติดสัญญาณกันขโมย ถึงแม้สัญญาณอาจจะไม่สามารถป้องกันการถูกลักทรัพย์ได้เต็ม 100% แต่ก็ยังช่วยชะลอการก่อเหตุหรืออาจทำให้โจรเตลิดหนีไปได้