เบื้องหลัง ปฏิบัติการปิด ”ลับ” กลุ่ม 40 สว. ล้มเศรษฐา
กลุ่ม 40 สว.ที่ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญในคดี เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี หลังมีการเปิดเผยชื่อออกมาใครเป็นใครที่ร่วมลงชื่อบ้าง
โดยที่ ทักษิณ ชินวัตร แกนนำรัฐบาลเพื่อไทยตัวจริง ออกมาระบุถึงความเคลื่อนไหวของกลุ่ม 40 สว.ว่า
“ สังคมการเมืองเขารู้ว่าใครเป็นคนของใคร อย่างไร เป็นเรื่องธรรมดา มีเช่นนี้มาช้านานแล้ว คงไม่ถึงขั้นล้มนายกฯ เศรษฐาได้”
แปลความได้ว่า ทักษิณ เชื่อว่างานนี้มีคนอยู่เบื้องหลัง ในการเคลื่อนไหวของกลุ่ม 40 สว. ทำนองเพื่อหวังล้มเศรษฐา เปลี่ยนตัวนายกฯ
ขณะที่สองวันที่ผ่านมา แวดวงการเมือง มีการวิเคราะห์โยงใยถึงกลุ่ม 40 สว.ว่า น่าจะรับใบสั่งหรือรับคำสั่งใครมา เพราะเชื่อว่า สว.แต่ละคน”มีค่าย-มีสังกัด”
แม้จะมี สว.ตัวแกนหลักในการเคลื่อนไหว ทั้งการ”เขียนคำร้อง”และ”ล่ารายชื่อสว.”จนได้มา 40 คน จากที่ต้องการแค่ 25 คน พบว่า สว.ที่เป็นแกนนำหลักมีไม่กี่คน โดยแกนนำในกลุ่ม พอเคลื่อนไหว เอาไอเดียนี้เสนอกับสว.บางส่วน ที่คิดว่า คุยกันรู้เรื่องเพราะมีแนวคิดการเมืองเหมือนกัน ชนิดมองตาก็รู้ว่า คิดอะไรอยู่ในใจ ที่มีทั้ง อดีตข้าราชการประจำทั้งทหาร-ตำรวจ-อดีตข้าราชการพลเรือน ที่พอ รู้เรื่อง เห็นคำร้อง ก็เชื่อมือเชื่อใจ ก็เซ็นชื่อในคำร้องให้ทันที ไม่คิดอะไรมาก
ไม่ได้ไปรับใบสั่งใคร แต่ทำด้วยใจล้วนๆเพราะต้องการสร้างบรรทัดฐานการเสนอชื่อคนเป็นรัฐมนตรี
หรือบางคนพอทราบเรื่อง แต่ไม่ได้รับการติดต่อในตอนแรก ก็ไปติดต่อขอร่วมลงชื่อด้วย เพราะรับไม่ได้ที่ตั้งทนายถุงขนม พิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรี
กระบวนการทั้งหมด ยกเว้นการเขียนคำร้องที่ใช้เวลาซุ่มเขียนนานพอสมควร ส่วนความเคลื่อนไหวล่ารายชื่อสว. ข่าวว่า ทำกันรวดเร็วมาก แค่ข้ามคืน และปิดลับมาก เพื่อป้องกันการล็อบบี้ไม่ให้ลงชื่อรวมถึงป้องกันการล็อบบี้ให้ถอนชื่อ จนได้ชื่อเกินจำนวนมา 15 คน แบบเหลือๆ จากนั้นพอชื่อครบ เอกสารถูกต้อง ก็ส่งประธานวุฒิสภา ชนิดไม่มีข่าวรั่วออกมาก่อน
กระนั้นก็มีข่าวว่า ขนาดปิดลับ แต่ก็ยังข่าวรั่ว เพราะมีคนในตึกวุฒิฯ คาบข่าวไปบอกพวกเพื่อไทย จนลือกันว่ามีการต่อสายโทรศัพท์ล็อบบี้ ไม่ให้ร่วมลงชื่อ แต่ก็ช้าเกินไปแล้วและสายที่โทรไป โทรผิดคน เพราะเป็นพวกไม่ได้รับการติดต่อให้ลงชื่อ เลยฮากันไป
ซึ่งหากจัดกลุ่ม 40 รายชื่อ ที่เปิดเผยออกมา พบว่าส่วนใหญ่เป็นสว.ที่เคยร่วมลงชื่อขอเปิดอภิปรายรัฐบาลทั่วไปแบบไม่ลงมติ ในช่วงท้ายของการประชุมสภาฯสมัยที่แล้ว และหลายคน ก็ไม่ได้โหวตให้เศรษฐา เป็นนายกฯ
โดยบางคนแค่เห็นหน้าเห็นชื่อ ก็ชัดเจนว่าเป็นพวกไม่เอา ทักษิณ-เพื่อไทย-เสื้อแดง
ต้องยอมรับตามจริง สว.หลายคน ก็มีที่มาที่ไป ที่เชื่อมโยงกับ 3 ป. “พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา -พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ”ในฐานะคนทำโผรายชื่อสว. 250 คน เมื่อปี 2562
อาทิเช่น สาย”ลุงป้อม-ป่ารอยต่อฯ”จริงอยู่ว่า งานใหญ่แบบนี้ และเป้าหมายชัดว่าล้มรัฐบาล หากจะมีชื่อสว.อย่าง พลเอกนพดล อินทปัญญา น้องเลิฟน้องรักของลุงป้อม หรือ พลเรือเอกศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ น้องชายแท้ๆ ของลุงป้อม ก็น่าเกลียด เพราะจะชัดเจนเกินไป แต่ก็มีสว.ที่แนบแน่น เข้าออกป่ารอยต่อฯ ร่วมด้วยหลายคน
เช่น พล.ต.ท. ตรีทศ รณฤทธิวิชัย อดีตผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล อดีตสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ยุคคสช. และยังเป็นอดีตข้าราชการการเมือง ประจำสำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทีมงาน หน้าห้อง พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ สมัยเป็นรองนายกฯ ควบรมว.กลาโหม ยุครัฐบาลคสช.
-ธานี อ่อนละเอียด อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ยุคคสช. เป็นอดีตกกต.จังหวัดนครปฐม เป็นหนึ่งในทีมงานทนายความประจำตัวของ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ , พล.อ.เลิศฤทธิ์ เวชสวรรค์ อดีตสนช.ยุคคสช. -พลเอก เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ยุคคสช.
-วิวรรธน์ แสงสุริยะฉัตร ทนายความ แต่คนส่วนใหญ่รู้จักในฐานะ ทายาท-ลูกชายของ “หมอเส็งสมุนไพรพันล้าน” หรือ ฉัตรชัย แสงสุริยะฉัตร ที่ผ่านมามีตำแหน่งในยุคคสช.ตลอด ทั้งสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช. )สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) จนมาเป็นสว. ปี 2562 ก่อนหน้านี้เคยถูก รังสิมันต์ โรม ส.ส.พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า เคยบริจาคเงินในนามบริษัทในเครือหมอเส็งกรุ๊ป จำกัด ให้มูลนิธิป่ารอยต่อ 2,000,000 บาท หลังเป็นสว.
-พลตำรวจโท สมบัติ มิลินทจินดา อดีตจเรตำรวจ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1เพื่อนสนิท นรต.35 กับ พลตำรวจเอก ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่รู้กันดีว่า เป็นอดีตบิ๊กตำรวจ คนสนิทกับบิ๊กป้อม
ขณะที่กลุ่มที่ถูกมองว่าใกล้ชิดกับ”ลุงตู่”ก็มีเช่น พล.อ.อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์ อดีตเพื่อนร่วมรุ่น ตท.12 แกนนำกลุ่มสว.สายอดีตทหาร เพื่อนสนิทพลเอกประยุทธ์ -พล.อ.ธวัชชัย สมุทรสาคร อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 อดีตรองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนา เพื่อนร่วมรุ่นตท.12 กับพลเอกประยุทธ์ -พลเอกนิวัตร มีนะโยธิน อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม ทีมงานหน้าห้องพลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา องคมนตรีสมัยเป็น รมว.ยุติธรรม ในยุครัฐบาลคสช.
-จิรชัย มูลทองโร่ย อดีตปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ยุครัฐบาลคสช. ที่มีบทบาทสำคัญเช่น ทำเรื่องการคิดค่าเสียหายจากโครงการจำนำข้าว ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร , พล.ต.ท. ศานิตย์ มหถาวร อดีตผบช.นครบาล ยุครัฐบาลพลเอกประยุทธ์ -ว่าที่ ร.ต.เชิดศักดิ์ จำปาเทศ-อดีตผวจ.ระนอง อดีตที่ปรึกษา พลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา อดีตแกนนำคสช.สมัยเป็นรมว.ยุติธรรม แต่ปัจจุบันเป็นองคมนตรี
ส่วนสว.กลุ่มที่เห็นหน้าก็รู้ว่า อยู่ฝ่ายตรงข้ามระบอบทักษิณ พวกนี้ เรียกได้ว่า เคลื่อนไหวครั้งนี้ แบบไม่ต้องมีใครมาสั่ง หรือมาล็อบบี้ ซึ่งที่ผ่านมาคนในกลุ่มนี้หลายคน ในช่วงยุครัฐบาลเพื่อไทยเกือบหนึ่งปีที่ผ่านมา ก็แสดงบทบาทตรวจสอบรัฐบาลเศรษฐาอย่างเข้มข้น เช่นอภิปรายรัฐบาลไม่ลงมติ ที่ผ่านมา แสดงความเห็นคัดค้านนโยบายรัฐบาลเช่น ดิจิทัลวอลเล็ต
เบอร์หนึ่งในสายนี้คือ สมชาย แสวงการ ชื่อนี้ไม่ต้องบรรยายสรรพคุณมาก เรียกว่าไม่เผาผี กับทักษิณ เพื่อไทยมาตลอด -สังศิต พิริยะรังสรรค์ สว.สายนักวิชาการคนดัง ที่ผ่านตำแหน่งสำคัญการเมืองและแวดวงวิชาการมามากมาย-ประพันธุ์ คูณมี สว.คนดัง สายทนายความ เช่นเดียวกัน คนนี้รู้กันดีว่า ไม่เอาทักษิณ เพื่อไทย และเศรษฐา ทวีสิน เรียกว่ารบกับทักษิณมาร่วมยี่สิบปี และตอนโหวตนายกฯ ก็อภิปราย เรื่อง คุณสมบัติของ เศรษฐา กลางที่ประชุมหลายสิบนาที
-ถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการสมช. คนนี้ไม่ต้องบรรยายสรรพคุณมาก-พลเดช ปิ่นประทีป อดีตรมช.พัฒนาสังคมฯ ยุครัฐบาลขิงแก่ พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ตอนช่วงสว.อภิปรายรัฐบาลฯ เป็นคนหนึ่งที่ถูกมองว่าอภิปรายค่อนข้างดุเดือดกรณีอภิปรายร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรฯ
สายไม่ฝักไฝ่ฝ่ายใด และเซ็นชื่อครั้งนี้เพราะใจสั่งมามีเช่น ดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม อดีตเลขาธิการศาลปกครอง บทบาทสว.ในการตรวจสอบรัฐบาลเศรษฐา ชัดเจนมาตลอดเช่น เป็นแกนนำล่ารายชื่อสว.ขอเปิดอภิปรายรัฐบาลทั่วไปแบบไม่ลงมติ-จเด็จ อินสว่าง อดีตปลัดก.ท่องเที่ยวฯ -ทันตแพทย์ พิทักษ์ ไชยเจริญ หมอฟันรพ.วิชัยยุทธ -นายแพทย์ หม่อมหลวง สกุล มาลากุล เป็นต้น