xs
xsm
sm
md
lg

ครอบครัว “เสี่ยต้น” แถลงเปิดใจปมไม่ส่งศพไปผ่าชันสูตร

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



ทนายเดชา พร้อมครอบครัว “เสี่ยต้น” แถลงเปิดใจกรณีไม่ส่งศพไปผ่าชันสูตร ด้านพระพ่อเผย ภรรยาผู้ตายเสนอเงิน 2 ล้านบาท แลกไม่เอาศพไปผ่า เพราะกลัวเจอสารเพิ่มกล้ามเนื้อ

วันนี้ (25 พ.ค.) ที่ สำนักงานทนายคลายทุกข์ นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความ พร้อมด้วย ครอบครัวของนายพิชิต กลีบจินดา หรือ เสี่ยต้น ซึ่งถูกคนร้ายประกบยิง พื้นที่ สน.วังทองหลาง เมื่อวันที่ 8 เม.ย.ที่ผ่านมา ก่อนไปเสียชีวิตปริศนาที่บ้านพักใน จ.มหาสารคาม ร่วมกันแถลงข่าวเปิดใจการตายของเสี่ยต้น โดยเฉพาะประเด็นที่สังคมตั้งคำถามว่า ทำไมไม่ส่งศพเสี่ยต้นไปผ่าชันสูตร

โดย พระวสันต์ กลีบจินดา (กตคุโณ) พ่อของเสี่ยต้น กล่าวถึงการต้องการจะนำศพของเสี่ยต้นไปผ่าพิสูจน์หาสาเหตุการตายแต่ไม่ได้ทำ เพราะเนื่องจากครอบครัวไม่มีเงินจ้างรถและจ้างแพทย์ชันสูตร โดยในวันต่อมา ตนก็ไปเคารพศพลูกชายที่บ้าน น.ส.มด ภรรยาเสี่ยต้น ในขณะกำลังจุดธูป น.ส.มด เข้ามานั่งข้างๆ และบอกว่า ถ้าเอาศพไปผ่าแล้วเจอสารที่ทำให้กล้ามเนื้อใหญ่ ประกันจะไม่จ่ายเงินให้ แต่ถ้าไม่ผ่า ก็จะได้เงินมาบ้าง และทาง น.ส.มด จะถวายให้ 2-3 ล้านบาท ตนจึงตอบกลับไปว่า ถ้าจะให้ ขอไม่รับ แต่ขอคอนโดให้แม่ของเสี่ยต้น เพราะทางแม่ไม่มีที่อยู่อาศัย และขอให้ น.ส.มด สร้างกุฏิถวายสงฆ์ อุทิศส่วนกุศลให้เสี่ยต้น ปัจจัยที่จะให้ ตนไม่เอา ขอแค่นี้

ด้าน น.ส.หมวย ญาติสนิทเสี่ยต้น เปิดคลิปเสียง เวลา 21.25 น. ของวันที่ 16 เมษายน ที่ผ่านมา ขณะครอบครัวเดินทางไปที่ รพ.แห่งหนึ่งใน จ.มหาสารคาม เพื่อจะขอให้ชันสูตรศพเสี่ยต้น เนื่องจากยังติดใจการเสียชีวิต จากเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น อาจจะถูกฆาตกรรมจริงหรือไม่ก็ได้ แต่อยากให้เป็นไปตามกระบวนการตามกฎหมาย ซึ่งทางแพทย์แจ้งว่า ดูภายนอกที่ตรวจได้ พฤติการณ์อาจจะบอกไม่ได้ ซึ่งทางแพทย์เข้าไปเจอเสี่ยต้นเสียชีวิตช่วง เวลา 06.00 น. ขณะนั้นได้ตรวจสภาพศพอย่างละเอียดระดับนึง โดยศพนั้น ตัวแข็ง นอนหงาย เลือดตกข้างหลังแล้ว โดยเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 4-6 ชั่วโมงแล้ว ไม่พบร่องรอยบาดแผล และหากญาติยังติดใจสามารถส่งชันสูตรต่อได้

ด้าน นายตั้ง สามี ของ น.ส.หมวย ผู้ที่เป็นคนเห็นและถ่ายภาพหน้าศพของเสี่ยต้นที่เป็นสีคล้ำ ยืนยันว่า ไม่ได้ตัดแต่งภาพ ตรวจสอบต้นฉบับจากมือถือตนได้ สภาพศพดำเหมือนขี้เลน ตอนนั้นผิดสังเกตเหมือนกันว่าตั้งแต่รดน้ำศพหรือพิธีต่างๆ ไม่มีใครเปิดผ้าคลุมศพ ลักษณะใช้ผ้าขาวห่อศพมิดชิด กระทั่งก่อนที่จะเผา จึงมีญาติโวยวายว่า ทำไมไม่เปิดหน้าเลย โดยปกติการรดน้ำศพต้องเปิดให้เห็นหน้า เพราะเป็นการส่งวิญญาณครั้งสุดท้าย พอเปิดออกมาก็เห็นว่าดำมากและมีเลือดไหลบริเวณจมูก คนในงานก็เริ่มมีการพูดกัน แต่ทางภรรยาเสี่ยต้น ไม่ได้พูดอะไร

ส่วนที่มีการเปลี่ยนโลงศพนั้น มีจริง โดยตนเป็นคนยกโลง แต่ตอนนี้ผ้าก็ปิดอยู่ ใจก็อยากดูสภาพศพเหมือนกัน แต่เจ้าหน้าที่รีบเอาเข้าโลงใหม่ ซึ่งพบว่ามีการส่งกลิ่นเหม็นแล้ว นอกจากนี้ ยังสังเกตว่า ทำไมรีบเผา และเผาวันศุกร์ ซึ่งปกติที่วัดจะไม่เผาศพวันศุกร์กัน ส่วนภาพในงานศพเห็นมีน้องสาวภรรยาเสี่ยต้น แต่ไม่เจอแฟนของน้องสาวแต่อย่างใด

ด้าน นางประภาพินท์ แม่เสี่ยต้น ยอมรับว่า ตนสังสัยว่าทำไมสภาพลูกชายถึงดำขนาดนี้ ดำเหมือนถ่าน แต่ไม่ได้ถามอะไร ทุกคนรู้อยู่ในใจ และทางฝ่ายเมียลูกชาย เป็นผู้จัดการเองหมด ซึ่งหลังจากเผาศพลูกชายไปแล้ว ยังไม่ได้คุยกับลูกสะใภ้และไม่ได้เจอกันเลย มีแต่เข้ามาเอาแมว และโพสต์ต่อว่าในทำนอง “คนซื้อไม่ได้อยู่ คนอยู่ไม่ได้ซื้อ” ซึ่งที่ผ่านมา เป็นคนเลี้ยงหลานทั้ง 3 คน มาตั้งแต่เกิด อยู่กันมาหลายสิบปี จะมาไล่ตนออกจากบ้าน ซึ่งอยากเรียกร้องความยุติธรรมให้ลูกชาย อยากให้ทุกคนช่วย เท่าที่จะช่วยได้ ส่วนปัญหาความขัดแย้งของลูกชาย ไม่เคยมี มีแต่ปัญหาภายในครอบครัว

ส่วนที่มีกระแสว่า เสี่ยต้น เคยพาผู้หญิงอื่นเข้าบ้านหรือไม่ ตนไม่ทราบไม่เคยเห็น เพราะลูกชายตนรักเมียจะตาย ส่วนภาพคนร้ายที่ตำรวจเอามาเปิด ไม่เคยเห็น ไม่รู้จัก และยืนยันไม่เคยเจอญาติฝ่ายภรรยาลูกชายมาก่อน

ด้าน ทนายเดชา เปิดเผยว่า พรุ่งนี้ (26 พ.ค.) เวลา 13.00 น. จะพาพยานทั้งหมดไปพบพนักงานสอบสวน สน.วังทองหลาง อีกรอบหนึ่ง เพื่อดูความเชื่อมโยงการกระทำความผิดที่พื้นที่ สน.วังทองหลาง และเหตุการณ์เสียชีวิตที่ จ.มหาสารคาม พร้อมเชื่อว่า สัปดาห์หน้าตำรวจมีความคืบหน้าและทราบตัวคนร้ายลอบยิงเสี่ยต้นประมาณ 4-5 คน รวมถึงคนจ้างวานด้วย

ส่วนคดีนี้จะเป็นคดีครอบครัวหรือไม่ ทนายเดชา ตอบว่า ลักษณะคล้ายกับคดีครอบครัวเหมือนที่ผ่านๆ มา แต่ก็ไม่แน่ใจคดีนี้ผลจะเป็นอย่างไร เท่าที่ทราบจากตำรวจจะมีความคืบหน้า ส่วนคนก่อเหตุตนยังไม่ทราบ ต้องถามตำรวจ อยากให้มามอบตัวเพราะหลักฐานชัดเจน และมั่นใจว่า คนทำน่าจะมีความแค้นมาก สะสมมานานและสะสมทั้งทางตรงทางอ้อมกับผู้เสียชีวิต


กำลังโหลดความคิดเห็น