“คมนาคม” ดันพัฒนาท่าเรือสำราญ "เกาะสมุย" เร่งสรุปรายงาน PPP ชง ครม.ใน ก.ค.นี้ คาดเริ่มก่อสร้างปี 72 เผยบิ๊กเนม "หมอเสริฐ" บางกอกแอร์เวย์ส สายเรือญี่ปุ่นและเอกชนสมุยและภูเก็ต สนใจชิงแพกเกจลงทุนบริหาร 30 ปี
นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือสำราญขนาดใหญ่ (Cruise Terminal) ณ บริเวณแหลมหินคม อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานีว่า ขณะนี้กรมเจ้าท่า (จท.) ได้ส่งรายงานผลการศึกษาและวิเคราะห์การให้เอกชนร่วมลงทุน (PPP) ในการพัฒนาโครงการฯ มาที่กระทรวงคมนาคมแล้ว โดยอยู่ระหว่างพิจารณาและตรวจสอบรายละเอียด จากนั้นจะเสนอไปที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป โดยจะเร่งรัดในการเสนอ ครม.เห็นชอบโครงการภายในกรอบเดือน ก.ค.-ก.ย. 2567 จากนั้นจะเป็นการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนฯ โดยประกาศ RFP เปิดประมูล
ซึ่งตามขั้นตอน หลังได้ตัวผู้ร่วมทุนฯ จะต้องรับผิดชอบในการศึกษาจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) คู่ขนานไปด้วย ใช้เวลาประมาณ 1 ปีครึ่ง โดยได้หารือกับทางกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไว้เบื้องต้นแล้ว คาดว่าไม่น่าจะมีปัญหาที่ทำให้ล่าช้าแต่อย่างใด ดังนั้นคาดว่าจะได้เริ่มต้นการก่อสร้างประมาณปี 2572 ใช้เวลาก่อสร้างไม่เกิน 3 ปี โดยจะเร่งรัดการก่อสร้างเพื่อให้แล้วเสร็จเปิดให้บริการได้ในปี 2574 ไม่เกินปี 2575
ทั้งนี้ จากการเปิดมาร์เกตซาวน์ดิ้งฟังเสียงนักลงทุนภาคเอกชน และผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้อง เบื้องต้นมีนักลงทุนสนใจอย่างน้อย 3 ราย เป็นเอกชนในประเทศ 2 ราย คือ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้ประกอบการสายการบิน บางกอกแอร์เวย์ส และเป็นผู้บริหารท่าอากาศยานสมุย อีกรายเป็นกลุ่มนักธุรกิจในจังหวังภูเก็ตและสมุย ส่วนต่างชาติ เป็นผู้ประกอบการสายเดินเรือจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเอกชนสนใจขอดูผลการศึกษา โดยได้ขอให้รอให้สรุปผลการศึกษาเรียบร้อยก่อน โดยทางกลุ่มนักธุรกิจผู้ประกอบการที่สมุยและภูเก็ตนั้นได้มีการลงพื้นที่จริงเบื้องต้นแล้ว
สำหรับโครงการพัฒนาท่าเทียบเรือรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่ (Cruise Terminal) อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี อยู่ด้านตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะสมุย บริเวณแหลมหินคม ตำบลตลิ่งงาม อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นพื้นที่ที่มีความเหมาะสมในการพัฒนาท่าเทียบเรือรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่มากที่สุด
มีพื้นที่รวม 47-38-6 ไร่ 1. พื้นที่บนชายฝั่ง มีขนาดพื้นที่รวม 15-1-23 ไร่ เป็นพื้นที่ของกรมป่าไม้ ประมาณ 10 ไร่ ซึ่งได้เจรจากรมป่าไม้ยินยอมให้ใช้พื้นที่แล้ว และเป็นที่ดินของเอกชนประมาณ 5 ไร่ ซึ่งในส่วนนี้อาจจะเป็นการเวนคืน หรือเจรจาให้เข้ามาเป็นหุ้นส่วนของ PPP ในการลงทุนโครงการก็ได้ หากเวนคืนทางผู้รับ PPP จะต้องจ่ายชดเชยให้
2. พื้นที่นอกชายฝั่ง มีพื้นที่รวม 32-1-38 ไร่ โดยจะสร้างสะพานขึงลงไปในทะเล ความกว้าง 40 เมตร ยาว 445 เมตร เพื่อเชื่อมต่อระหว่างอาคารผู้โดยสารกับอาคารศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยว อาคารจำหน่ายตั๋วโดยสาร ร้านอาหาร และอาคารบริการ (บริเวณหลังท่าเรือ) โดยการก่อสร้างสะพานขึงจะช่วยไม่ให้ปะการังที่อยู่บริเวณใต้สะพานได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างและท่าเทียบเรือเฟอร์รีและเรือยอชต์
โครงการมีขอบเขตการดำเนินงาน ประกอบด้วย การก่อสร้างอาคารผู้โดยสาร พื้นที่อย่างน้อย 7,200 ตารางเมตร รองรับผู้โดยสารได้ 1,200 คนต่อชั่วโมง ส่วนท่าเรือสำราญ จะสามารถรองรับเรือสำราญได้พร้อมกัน 2 ลำ ได้แก่ เรือสำราญขนาดใหญ่ 4,000 คน เรือสำราญขนาดกลาง 2,500 คน และรองรับเรือยอชต์สูงสุด 80 ลำ เรือเฟอร์รีสูงสุด 6 ลำ ซึ่งท่าเรือมีขนาดความยาวหน้าท่า 362 เมตร ความลึกร่องน้ำ 12 เมตร อาคารผู้โดยสารบรรจุ 3,600 คน
มีมูลค่าการลงทุน ค่าใช้จ่ายตลอดระยะเวลาโครงการ รวม 12,172 ล้านบาท โดยขั้นตอนและระยะเวลาการเสนอโครงการปี 2567-2570 ก่อสร้างปี 2570-2572 และให้บริการ 30 ปี ตั้งแต่ปี 2572-2602) มี อัตราผลตอบแทนทางเศรษฐศาสตร์ (EIRR) 15.57% ผลประโยชน์โครงการฯ จะได้รับคือ สามารถรองรับนักท่องเที่ยว 180,000 คนต่อปี รองรับเรือ Cruise 120 เที่ยวเรือต่อปี และนักท่องเที่ยวใช้จ่าย 5,000 บาทต่อคน รวมรายได้จากการคาดการณ์รายได้ของโครงการตลอดระยะเวลาโครงการมีมูลค่า 8,504 ล้านบาท สัดส่วนของรายได้โครงการแบ่งเป็นรายได้จากท่าเทียบเรือ 91% ของโครงการและรายได้เชิงพาณิชย์ 9%
ทั้งนี้ หลังจาก นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ตรวจราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานีเมื่อวันที่ 7 เม.ย. 2567 โดยมีการติดตามโครงการพัฒนาท่าเทียบเรือรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่ (Cruise Terminal) ณ แหลมนิคม อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี โดยเห็นว่าโครงการจะช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวได้ ทำให้กระทรวงคมนาคมได้เร่งรัดแผนการดำเนินโครงการให้เร็วขึ้น