xs
xsm
sm
md
lg

มาก่อนเวลานัด ชาวบ้านหนองพะวาไม่ทนแล้วปัญหาสารเคมีวินโพรเสส รวมตัวบุกศาลากลางเร็วกว่ากำหนด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



ระยอง - ชาวบ้านหนองพะวา จ.ระยอง ไม่ทนแล้ว รวมตัวกว่า 300 คน บุกศาลากลางจังหวัดก่อนเวลาที่กำหนด ยื่น 4 ข้อเรียกร้องผู้ว่าฯ ย้ายสารเคมีอันตรายโรงงานไฟไหม้วินโพรเสส ถังแรกออกนอกพื้นที่ภายใน 30 วัน และให้ดำเนินกาาแล้วเสร็จใน 90 วัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ (15 พ.ค.) น.ส.ผ่องพรรณ เจริญรมย์ กำนัน ต.บางบุตร ได้นำชาวบ้านหนองพะวา พร้อมพระสงฆ์วัดหนองพะวา ม.4 ต.บางบุตร ต.หนองบัว อ.บ้านค่าย กว่า 300 คน เดินทางไปศาลากลางจังหวัดระยอง เพื่อยื่นหนังสือต่อ นายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้​ว่าราชการ​จังหวัดระยอง เสนอ 4 ข้อเรียกร้องในการแก้ไขปัญหาเดือดร้อนในการใช้ชีวิตประจำวันให้ชาวบ้านในพื้นที่หลังเกิดเหตุไฟไหม้โรงงานเก็บกากสารเคมีวินโพรเสส

รวมทั้งให้เร่งดำเนินการจัดการกากสารเคมีในโรงงาน หลังได้รวมตัวกันที่วัดหนองพะวา ต.บางบุตร เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา

โดย น.ส.ผ่องพรรณ บอกว่าตามที่ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้โกดังเก็บกากสารเคมีของ บ.วินโพรเสส ที่ลักลอบกักเก็บสารเคมีอันตรายผิดกฎหมายจำนวนมาก ซึ่งเกิดขึ้นมาแล้วตั้งแต่เช้าวันที่ 22 เม.ย.67 จนถึงเวลานี้ยังไม่สามารถยับยั้งผลกระทบจากวิกฤตในครั้งนี้ได้ ชาวบ้านในตำบลบางบุตร และใกล้เคียงได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากกลิ่นสารเคมีอันตราย

จนมีผลกระทบทางด้านความเป็นอยู่และสุขภาพ เกิดโรคระบบทางเดินหายใจ มีอาการแสบตา แสบจมูก เกิดอาการอักเสบตามผิวหนัง และยังไม่ทราบอาการที่จะมีผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว ชาวบ้านจึงต้องการให้ ผวจ.ระยอง ดำเนินการด่วนเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบดังนี้ 


1.ขอให้จัดตั้งคณะกรรมการทำงานเพื่อกำหนดแผ่นงานในการจัดการภายใน 7 วัน และขอให้เริ่มขนย้ายสารเคมีอันตรายถังแรกออกจากพื้นที่ภายใน 30 วัน ทั้งนี้ในส่วนของการขนย้ายสารเคมีอันตรายทั้งหมดต้องจัดการให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน 

2.ขอให้มีการตรวจสุขภาพเพื่อหาสารพิษปนเปื้อนในร่างกาย ผ่านการวินิจฉัยของแพทย์อย่างละเอียด และขอให้รายงานจำนวนผู้ป่วยเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจและผื่นขึ้นตามผิวหนังในขณะนี้ว่ามีจำนวนกี่ราย และทางหน่วยงานสาธารณสุขมีแผนงานจะทำการรักษาและติดตามผลอย่างไรต่อไป 

3.ขอให้จัดหาอุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล ที่ป้องกันสารพิษให้พี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบทันที รวมถึงพระภิกษุสงฆ์ และนักเรียนโรงเรียนบ้านหนองพะวา

และ 4.ขอให้มีการตรวจวัดคุณภาพอากาศตลอด 24 ชั่วโมง ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับทราบผ่านบอร์ดหรือแผ่นป้ายประชาสัมพันธ์ พร้อมทั้งนำข้อมูลเกี่ยวกับสารเคมีอันตราย ก๊าซพิษ เผยแพร่อธิบายให้พี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่ได้รับทราบเพื่อจะได้วางแผนป้องกันตนเองต่อไปด้วย


ด้าน นายไตรภพ ผู้ว่าราชการจังหวัด​ระยอง เผยว่า เบื้องต้นทางจังหวัดได้ตั้งคณะทำงานรับเรื่องร้องทุกข์ที่ได้รับผลกระทบที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ที่ว่าการอำเภอบ้านค่าย อบต.บางบุตร อบต.หนองบัว คณะงานเยียวยา มีประชาชนไปลงทะเบียนแล้วกว่า 700 คน จะใช้งบท้องถิ่นเยียวยารายละ 3,000 บาท และตั้งคณะทำงานติดตามช่วยเหลือและชดใช้เยียวยาค่าเสียหายระหว่างผู้รับผลกระทบและบริษัทวินโพรเสส เพื่อเร่งช่วยเหลือประชาชนให้ได้รับการเยียวยา

"ส่วนการขนกากสารเคมี เบื้องต้นได้พูดคุยกับกรมโรงงาน ทราบว่า นายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงาน ในวันศุกร์นี้จะนำผู้รับเหมาที่รับกำจัดกากสารเคมี 3 ราย มาดูมาพื้นที่ เพื่อจะดำเนินการขนกากสารเคมีในโรงงาน ซึ่งจะเร่งขนในวันเสาร์นี้ โดยนำเงินที่วางประกันที่ศาล จำนวน 4.6 ล้านบาท มาดำเนินการในเบื้องต้น 

และส่วนที่เหลือให้ทางกรมโรงงานเร่งดำเนินการขนย้ายไปก่อนค่อยของบประมาณส่วนกลางมาทีหลัง ส่วนการตรวจสุขภาพประชาชน โดยเฉพาะพระสงฆ์ที่ได้รับผลกระทบเป็นผดผื่นคัน เบื้องต้นได้จัดชุดเจ้าหน้าที่แพทย์พยาบาลเคลื่อนที่ได้ตั้งหน่วยตรวจสุขภาพประชาชน และพระสงฆ์ที่วัดหนองพะวา จำนวน 15 รูป ทันที 

ขณะที่การจัดหาอุปกรณ์ป้องกันสารพิษแก่ประชาชน เบื้องต้นไปขอหน้ากากป้องกันมาจากเอกชน จำนวน 20,000 ชุด โดยมอบให้กำนัน ต.บางบุตร ไปแจกก่อน 10,000 ชุด ส่วนอีก 10,000 ชุด สำรองไว้ที่ นอภ.บ้านค่าย 



ส่วนการตรวจวัดคุณภาพอากาศ 24 ชม. ขณะนี้ได้ขอเครื่องมือตรวจวัดคุณภาพอากาศจากกรมควบคุมมลพิษมาประจำไว้ที่ อบต.บางบุตร แต่ถ้าคิดว่าไม่เพียงพอจะประสาน บ.ไออาร์พีซีฯ และ กนอ. ขอรถโมบายตระเวนตรวจวัดคุณภาพอากาศในพื้นที่ด้วย เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ประชาชน

"ส่วนกรณีที่กำนัน ต.บางบุตร ที่พาลูกบ้านมาร้องเรียนในวันนี้นั้น จะลงโทษหรือไม่นั้น สโลแกนกระทรวงมหาดไทยคือ 'บำบัดทุกข์ บำรุงสุข' ซึ่งตนเป็นคนระยอง พี่น้องประชาชนเดือดร้อนมา ตนจะนิ่งดูดายได้อย่างไร"

ผู้ว่าราชการจังหวัด​ระยอง ยังบอกอีกว่าการที่ กำนันนำความทุกข์ชาวบ้านมาแจ้งผู้บังคับบัญชาเช่นนี้ ตนมองว่าเป็นเรื่องที่น่าชื่นชมยิ่ง และขอยืนยันว่าตนจะไม่ปลดกำนัน และผู้ใหญ่บ้านซึ่งเป็นแขนขาในการทำงานอย่างแน่นอน และจะเร่งทำงานแก้ไขเต็มมาตรการ แต่บางเรื่องอาจติดข้อกฎหมายจึงจำเป็นจะต้องรอและใช้เวลาบ้าง






กำลังโหลดความคิดเห็น