xs
xsm
sm
md
lg

Weekend Focus : สุมไฟขัดแย้ง! สหรัฐฯ อัดงบ $95,000 ล้าน ช่วย ‘ยูเครน-อิสราเอล-ไต้หวัน’ แถมปูทางแบน TikTok

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



สภาคองเกรสสหรัฐฯ ลงมติผ่านร่างงบประมาณช่วยเหลือต่างชาติก้อนใหญ่ 95,000 ล้านดอลลาร์ในสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นการเปิดทางให้ยูเครนได้รับเงินอัดฉีดเงินระลอกใหม่หลังจากที่ล่าช้ามานานหลายเดือน

วุฒิสภาสหรัฐฯ ลงมติ 79 ต่อ 18 เสียงในวันอังคาร (23 เม.ย.) อนุมัติร่างกฎหมาย 4 ฉบับซึ่งผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เมื่อวันเสาร์ที่ (20) หลังจากที่บรรดาแกนนำรีพับลิกันเปลี่ยนจุดยืนกะทันหันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และเปิดทางให้มีการโหวตกฎหมายงบช่วยเหลือต่างชาติ 95,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นงบช่วยเหลือทางทหารที่สหรัฐฯ จะให้ยูเครน อิสราเอล ไต้หวัน รวมถึงประเทศหุ้นส่วนในอินโดแปซิฟิก

ร่างกฎหมายทั้ง 4 ฉบับถูกมัดรวมกันเป็นแพกเกจเดียวในชั้นวุฒิสภา ขณะที่ประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ก็ยืนยันว่าพร้อมที่จะลงนามประกาศใช้เป็นกฎหมายภายในวันพุธ (24)

ประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ออกมากล่าวแสดงความซาบซึ้งและขอบคุณสมาชิกสภาคองเกรสสหรัฐฯ ที่มอบความช่วยเหลืออันจำเป็นยิ่งยวดให้แก่ยูเครน

“การโหวตครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่า อเมริกายังคงเป็นแสงส่องนำทางแก่ระบอบประชาธิปไตย และเป็นผู้นำโลกเสรี” เซเลนสกี แถลงผ่านแอป telegram

งบประมาณก้อนใหญ่ที่สุด 61,000 ล้านดอลลาร์ถูกจัดสรรสำหรับยูเครน รองลงมาเป็นงบสนับสนุนอิสราเอลและความช่วยเหลือสำหรับพลเรือนในพื้นที่ขัดแย้งทั่วโลก 26,000 ล้านดอลลาร์ ส่วนก้อนสุดท้าย 8,120 ล้านดอลลาร์เป็นงบสำหรับ “ต่อต้านอิทธิพลของพรรคคอมมิวนิสต์จีน” ในอินโด-แปซิฟิก

สำหรับร่างกฎหมายฉบับที่ 4 ซึ่งสภาผู้แทนราษฎรได้เพิ่มเข้ามาในแพกเกจเมื่อสัปดาห์ที่แล้วกำหนดมาตรการซึ่งจะนำไปสู่การแบนแอปพลิเคชัน TikTok ในสหรัฐฯ การถ่ายโอนทรัพย์สินรัสเซียที่ถูกอายัดเพื่อนำไปช่วยเหลือยูเครน รวมถึงมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านระลอกใหม่

แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ 2 คนให้ข้อมูลกับรอยเตอร์ว่า รัฐบาล ไบเดน ได้เตรียมอนุมัติแพกเกจช่วยเหลือทางทหารมูลค่า 1,000 ล้านดอลลาร์แก่ยูเครนซึ่งถือเป็นงบก้อนแรกจากกฎหมายฉบับนี้ โดยจะครอบคลุมทั้งยานพาหนะ จรวดสติงเจอร์ (Stinger) เครื่องกระสุนสำหรับใช้กับระบบจรวด HIMARS กระสุนปืนใหญ่ขนาด 155 มิลลิเมตร ขีปนาวุธต่อต้านรถถัง TOW และ Javelin ตลอดจนระบบอาวุธอื่นๆ ที่จะสามารถส่งเข้าประจำการในสนามรบได้ทันที

ผู้นำ ส.ว.เดโมแครตและรีพับลิกันชี้ว่า ความเคลื่อนไหวของสภาคองเกรสในครั้งนี้เป็นการประกาศให้ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย และ “ศัตรูต่างชาติ” รายอื่นๆ ของสหรัฐฯ ได้รับรู้ว่า วอชิงตันพร้อมที่จะเดินหน้าสนับสนุนยูเครนและหุ้นส่วนทั้งหลายต่อไป

“กฎหมายความมั่นคงแห่งชาตินี้นับว่าเป็นหนึ่งในมาตรการอันสำคัญที่สุดที่ผ่านการอนุมัติจากสภาคองเกรส โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อปกป้องความมั่นคงของอเมริกา และความมั่นคงของระบอบประชาธิปไตยตะวันตก” ชัค ชูเมอร์ แกนนำ ส.ว.เดโมแครตเสียงข้างมาก ระบุในงานแถลงข่าวภายหลังการโหวต

แพกเกจช่วยเหลือนี้อาจเป็นล็อตสุดท้ายที่ยูเครนจะได้รับจากวอชิงตันจนกว่าจะถึงศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในเดือน พ.ย. ซึ่งจะมีการช่วงชิงทั้งตำแหน่งผู้นำทำเนียบขาว สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร รวมถึงวุฒิสมาชิกอีกราว 1 ใน 3

การหลั่งไหลของอาวุธเข้าสู่ยูเครนคาดว่าจะช่วยเพิ่มโอกาสให้เคียฟสามารถสกัดการรุกคืบครั้งใหญ่ของรัสเซียในภาคตะวันออก แต่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ชี้ว่าความช่วยเหลือดังกล่าวคงจะเป็นประโยชน์มากกว่านี้ หากมีการอนุมัติทันทีตั้งแต่ตอนที่ ไบเดน ร้องขอเมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว


ในส่วนของอิสราเอลนั้นยังไม่ชัดเจนว่า งบสนับสนุนที่ได้รับจากสหรัฐฯ คราวนี้จะมีผลกระทบอย่างไรต่อสงครามในกาซา ทว่าที่ผ่านมาอิสราเอลได้รับเงินอุดหนุนด้านความมั่นคงจากสหรัฐฯ ปีละหลายพันล้านดอลลาร์อยู่แล้ว

ความสัมพันธ์สหรัฐฯ-อิสราเอลเริ่มที่จะระหองระแหงจากแนวปฏิบัติในการทำสงครามของอิสราเอลในกาซา รวมถึงเรื่องที่นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู ดึงดันจะส่งทหารเข้าไปยังเมืองราฟาห์ (Rafah) ซึ่งมีพลเรือนปาเลสไตน์ราว 1.5 ล้านคนเข้าไปอาศัยลี้ภัยอยู่

อิสราเอล คัตซ์ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศอิสราเอล โพสต์ข้อความผ่าน X ว่า การที่วุฒิสภาสหรัฐฯ อนุมัติแพกเกจช่วยเหลือทางทหาร 13,000 ล้านดอลลาร์ให้แก่อิสราเอลถือเป็นการ “ส่งสัญญาณเตือนที่แข็งกร้าวไปยังศัตรูทุกรายของเรา”

ฝ่ายที่สนับสนุนกฎหมายยังคาดหวังว่า พลเรือนปาเลสไตน์ในกาซาคงจะได้รับอานิสงส์จากงบช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมครั้งนี้ หลังจากที่ถูกกองทัพอิสราเอลบดขยี้บ้านเมืองจนย่อยยับเพื่อแก้แค้นกลุ่มฮามาสที่บุกโจมตีภาคใต้รัฐยิวเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ปีที่แล้ว

หน่วยงานสาธารณสุขกาซาระบุว่า ปฏิบัติการโจมตีของอิสราเอลได้คร่าชีวิตชาวปาเลสไตน์ที่นั่นไปแล้วไม่ต่ำกว่า 34,000 คน

กระบวนการผ่านกฎหมายงบประมาณช่วยเหลือต่างชาติครั้งนี้ยังได้รับความสนใจอย่างมากจากแวดวงอุตสาหกรรมอาวุธ เพราะเป็นที่แน่นอนว่าบริษัทกลาโหมหลายแห่งของสหรัฐฯ ต่างรอคว้าสัญญาผลิตและส่งมอบอาวุธยุทโธปกรณ์ให้ยูเครนและประเทศหุ้นส่วนอื่นๆ ของอเมริกา

ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า กฎหมายงบประมาณนี้จะเพิ่มปริมาณออเดอร์ให้ผู้ผลิตอาวุธรายใหญ่อย่าง RTX Corp รวมถึงบริษัทอื่นๆ ที่เป็นคู่สัญญากับรัฐบาลสหรัฐฯ เช่น ล็อกฮีดมาร์ติน เจเนอรัล ไดนามิกส์ และนอร์ธร็อป กรัมแมน เป็นต้น

ขณะเดียวกัน สหภาพยุโรป (อียู) ได้อนุมัติแพกเกจช่วยเหลือทางการเงินรอบใหม่แก่ยูเครนจำนวน 1,500 ล้านยูโรเมื่อวันพุธ (24) และเคียฟยังมีหวังที่จะได้งบสนับสนุนจากอียูเพิ่มอีกถึง 10,000 ล้านยูโรภายในปีนี้

เซอร์ฮีย์ มาร์เชนโก รัฐมนตรีกระทรวงการคลังยูเครน ระบุว่า อียูได้มอบความช่วยเหลือแก่ยูเครนแล้ว 31,000 ล้านยูโร และถือเป็นผู้บริจาคช่วยเหลือรายใหญ่ที่สุดของเคียฟนับตั้งแต่สงครามกับรัสเซียปะทุขึ้นในเดือน ก.พ. ปี 2022

ไต้หวันเป็นอีกหนึ่งชาติที่ได้รับอานิสงส์จากงบช่วยเหลือของสหรัฐฯ ในครั้งนี้ โดยประธานาธิบดี ไช่ อิงเหวิน กล่าวเมื่อวันพุธ (24) ว่า เธอรู้สึก “ยินดีอย่างยิ่ง” เมื่อได้ทราบข่าวว่าสภาคองเกรสผ่านกฎหมายงบประมาณช่วยเหลือต่างชาติ ซึ่งรวมถึงการสนับสนุนด้านอาวุธให้แก่ไต้หวันด้วย

ด้าน ชิว กั๋วเจิ้ง รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมไต้หวัน ระบุว่าไทเปจะมีการหารือกับสหรัฐฯ อีกครั้งว่าจะนำเงินช่วยเหลือไปใช้ในภาคส่วนใดบ้าง

“สหรัฐฯ ได้แสดงเจตนารมณ์ที่ดีมาแล้ว และนี่เป็นเรื่องที่เราทั้ง 2 ฝ่ายจะต้องมาหารือกันในรายละเอียดอีกครั้ง” เขากล่าวต่อรัฐสภา


สหรัฐฯ ถือเป็นมหาอำนาจรายสำคัญที่ให้การหนุนหลังไต้หวันในเวทีโลก และยังเป็นซัปพลายเออร์อาวุธรายใหญ่ด้วย แม้จะไม่มีความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการก็ตาม ในขณะที่จีนซึ่งย้ำว่าไต้หวันเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของตน พยายามเตือนอเมริกาซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้เลิกติดอาวุธแก่เกาะประชาธิปไตยแห่งนี้เสีย

จู เฟิ่งเหลียน โฆษกสำนักงานกิจการไต้หวันของจีนแผ่นดินใหญ่ ออกมาประณามแพจเกจช่วยเหลือของสหรัฐฯ ว่าเป็นการ “ส่งสัญญาณที่ผิดพลาดไปยังพวกแบ่งแยกดินแดนและเรียกร้องเอกราชไต้หวัน ซึ่งจีนขอคัดค้านอย่างรุนแรง”

“เราขอให้สหรัฐฯ มีมาตรการที่จริงจัง เพื่อให้เป็นไปตามคำมั่นสัญญาว่าจะไม่สนับสนุนเอกราชไต้หวัน และขอให้หยุดติดอาวุธแก่ไต้หวันในทุกรูปแบบด้วย” เธอกล่าว

ด้านกระทรวงการต่างประเทศจีนก็ออกมาเตือนเช่นกันว่า การยกระดับ “สมรู้ร่วมคิดทางทหาร” ระหว่างสหรัฐฯ และไต้หวันจะไม่เป็นผลดีต่อความมั่นคงของไต้หวันเอง

นอกจากงบช่วยเหลือต่างชาติแล้ว ร่างกฎหมายนี้ยังกำหนดมาตรการบังคับให้ไบต์แดนซ์ (ByteDance) ซึ่งเป็นบริษัทแม่สัญชาติจีนของ TikTok ต้องดำเนินการขายหุ้นในแอปแชร์วิดีโอสั้นยอดนิยมภายในเวลา 9 เดือนถึง 1 ปี ไม่เช่นนั้น TikTok ก็จะถูกแบนในสหรัฐอเมริกา

“เป็นเวลาหลายปีมาแล้วที่เราปล่อยให้พรรคคอมมิวนิสต์จีนควบคุมแอปยอดฮิตที่สุดตัวหนึ่งในอเมริกา ซึ่งเป็นมุมมองที่ตื้นเขินและอันตราย” มาร์โก รูบิโอ ประธานคณะกรรมการข่าวกรองแห่งวุฒิสภาจากพรรครีพับลิกัน ระบุ

“กฎหมายใหม่นี้จะบังคับให้เจ้าของชาวจีนต้องขายแอปดังกล่าว นี่คือย่างก้าวที่จะส่งผลดีต่ออเมริกา”

นักการเมืองในสหรัฐฯ ต่างกังวลว่าจีนอาจใช้ TikTok เป็นช่องทางสอดแนมข้อมูลส่วนตัวของชาวอเมริกัน ขณะที่ TikTok เองยืนยันเสียงแข็งว่าไม่เคยแชร์ และจะไม่มีทางแชร์ข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ให้รัฐบาลจีน

TikTok เตรียมที่จะยื่นฟ้องศาล โดยอ้างว่าคำสั่งของสหรัฐฯ นั้นขัดต่อบทบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญอเมริกันครั้งที่ 1 (First Amendment) ที่ให้หลักประกันว่าจะต้องไม่มีการออกกฎหมายที่ขัดต่อเสรีทางศาสนา เสรีภาพทางการแสดงออก และเสรีภาพสื่อ ขณะเดียวกัน ก็คาดว่าจะมีผู้ใช้ TikTok จำนวนหนึ่งที่คัดค้านมาตรการของสหรัฐฯ ด้วย

สหภาพเสรีภาพพลเมืองอเมริกัน (American Civil Liberties Union) เตือนว่า การแบนหรือบังคับขายหุ้น TikTok จะเป็นการสร้างบรรทัดฐานที่น่ากังวลในระดับสากลว่ารัฐบาลสามารถเข้าควบคุมสื่อโซเชียลมีเดียได้อย่างเกินขอบเขต และหากสหรัฐฯ แบนแพลตฟอร์มที่ต่างชาติเป็นเจ้าของ ประเทศอื่นก็อาจใช้มาตรการแบบเดียวกันได้ด้วย

มรสุมทางกฎหมายที่ยืดเยื้อมานาน 4 ปีของ TikTok ซึ่งมีผู้ใช้งาน 170 ล้านคนในสหรัฐฯ เป็นเพียงหนึ่งในหลายๆ แนวรบด้านอินเทอร์เน็ตและเทคโนโลยีระหว่างวอชิงตันกับปักกิ่ง โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วแอปเปิลก็ประกาศว่าถูกรัฐบาลจีนสั่งให้ถอด WhatsApp และ Threads ของค่าย Meta ออกจาก App Store ในจีน โดยอ้างว่ากระทบต่อความมั่นคงเช่นกัน

ทหารยูเครนจากหน่วย 25th Separate Airborne Brigade ยิงจรวดหลายลำกล้อง BM-21 Grad พุ่งตรงไปยังฐานที่มั่นของกองทัพรัสเซียใกล้พื้นที่แนวหน้าในภูมิภาคโดเนตสก์ เมื่อวันที่ 24 เม.ย.
กำลังโหลดความคิดเห็น