ศูนย์ข่าวภาคใต้- ตำรวจ สรรพสามิต อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช บุกตรวจสอบท่าเรือขนน้ำมันเถื่อนแต่เช้ายึดได้แค่ 2,200 ลิตร คาดมีคนส่งซิกให้นายทุนย้ายเรือ อุปกรณ์กลางดึก ส่วน “เอก 3 เค” นายทุนใหญ่เผ่นเข้ามาเลย์กบดาน “รักษาการ ผบ.ตร.” สั่งจเรตำรวจเร่งตรวจสอบ พบท่าเรือน้ำมันเถื่อน ป.ป.ส.เคยยึดไอซ์ได้ 1.5 ตัน ของเถื่อนอื่นอีกเพียบ จ่ายส่วยส่งระดับจังหวัดเดือนละ 4 แสนบาท “นายระดับสูงขึ้นไป” เดือนละ 2.5 ล้านบาท
วันนี้ (18 เม.ย.) หลังจากที่ได้มีการการนำเสนอข่าวของ “เอก 3 เค” นายทุนค้าน้ำมันเถื่อนรายใหญ่ของอ่าวไทยใน จ.นครศรีธรรมราช ที่ไม่ได้เกรงกลัวคำสั่งของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รักษาการ ผบ.ตร. ให้เข้มงวดการทำผิดกฎหมายและการพนัน โดย “เอก 3 เค” ยังนำเข้าน้ำมันเถื่อนจากกลางทะเลอ่าวไทยขึ้นฝั่งที่ท่าเรือหน้าเขื่อนหัวแหลม หมู่ที่ 4 ต.ท่าศาลา ในเวลากลางคืน โดยมีรถบรรทุกน้ำมัน 22 ล้อ ที่มีเจ้าของปั๊มน้ำมันใน อ.จุฬาภรณ์ จ.นครศรีธรรมราช เป็นเจ้าของรถ นำไปส่งให้ลูกค้าคืนละไม่ต่ำกว่า 5-10 คันๆ ละ 40,000 ลิตร
นอกจากนั้น ยังมีกลุ่มของ “โกชัย” และ “โกเอก” ที่มีนักการเมืองท้องถิ่นและระดับชาติหนุนหลัง ขนน้ำมันเถื่อนจากอ่าวไทยขึ้นฝั่งใน อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช และที่ปากน้ำตาปี และ อ.ดอนสัก จ.สุราษฎร์ธานี โดยไม่เกรงกลัวกฎหมายแต่อย่างใดนั้น
ล่าสุด วันนี้ (18 เม.ย.) เวลา 09.00 น. ตำรวจ สภ.ท่าศาลา และเจ้าหน้าที่สรรพสามิต อ.ท่าศาลา ได้ลงพื้นที่ทำการตรวจสอบท่าเรือหน้าเขื่อนหัวแหลม ปากน้ำท่าสูงบน หมู่ 1 ต.ท่าศาลา อ.ท่าศาลา โดยได้ตรวจยึดน้ำมันเถื่อนจำนวน 2,200 ลิตร จากสถานที่เก็บกักน้ำมันใท่าเทียบเรือ เพื่อส่งไปตรวจสอบและหาเจ้าของเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
มีรายงานแจ้งว่า ก่อนที่จะมีการเข้าตรวจสอบท่าเรือและยึดน้ำมันเถื่อนได้จำนวน 2,200 ลิตรดังกล่าว มีเจ้าหน้าที่ที่รับส่วยน้ำมันเถื่อนได้แจ้งข่าวให้กลุ่มนายทุนได้ทราบ ทำให้มีการย้ายเรือประมงดัดแปลงและเรือเหล็กที่ใช้ขนน้ำมันเถื่อน และอุปกรณ์ในการถ่ายน้ำมันจากเรือขึ้นรถบรรทุกออกจากพื้นที่อย่างเร่งด่วน ทำให้เมื่อตำรวจและเจ้าหน้าสรรพสามิตเข้าตรวจสอบจึงพบเพียงน้ำมันในถัง 1,000 ลิตรรวม 2 ถัง ซึ่งเป็นน้ำมันที่เตรียมไว้สำหรับใช้ในการเติมให้รถและเรือที่ใช้ในการขนถ่ายน้ำมัน
ทั้งนี้ ใน อ.ท่าศาลา นอกจากเป็นท่าเรือแห่งนี้ที่ใช้ขึ้นน้ำมันเถื่อนของ “เอก 3 เค” แล้ว ยังมีท่าเรือที่ใช้ในการขนถ่ายยาเสพติดในพื้นที่ ซึ่งก่อนหน้านี่ เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.ยึดยาเสพติดชนิดยาไอซ์จำนวนมากกว่า 1.5 ตัน ขณะที่มีการลำเลียงจากรถยนต์ 2 คันไปส่งให้เรือเดินสมุทรขนาดเล็กที่จอดเทียบท่าอยู่ท่าเรือแห่งนี้ โดยยาเสพติดทั้งหมดเป็นของกลุ่มทุนในพื้นที่ ซึ่งมีการลำเลียงมาสะสมไว้ใน อ.ท่าศาลา เพื่อส่งออกไปประเทศที่สาม
นอกจากน้ำมันเถื่อน ยาเสพติดแล้วยังมีกลุ่มค้าสินค้าเถื่อนอื่นๆ ที่เป็นรายใหญ่ เช่น บุหรี่เถื่อน เครื่องในไก่ ที่เป็นสินค้าหลบหนีมาจากประเทศมาเลเซีย ไม่มีพิกัดของภาษี รวมทั้งเป็นตลาดใหญ่ในการนำเข้าน้ำมันปาล์มจากประเทศมาเลเซียอีกต่างหาก
กลุ่มทุนที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเถื่อนเหล่านี้ นอกจาก “เอก 3 เค” แล้วยังมีนักการเมืองท้องถิ่นในพื้นที่ ซึ่งกลุ่มทุนที่เป็นคนของนักการเมืองท้องถิ่นและนักการเมืองระดับชาติมีการจ่ายส่วยให้แก่เจ้าหน้าที่รัฐ ทั้งใน อ.ท่าศาลาและในระดับจังหวัด โดยใน อ.ท่าศาลา ผู้นำระดับสูงสุดของกลุ่มน้ำมันเถื่อนจ่ายรายละ 40,000 บาทต่อเดือน โดยเฉพาะในธุรกิจน้ำมันเถื่อน มี “รองผู้การ พ.พาน" เป็นผู้เหมาจ่ายให้จังหวัด 400,000 บาทต่อเดือน
ทั้งนี้ในอดีตที่ผ่านมานั้น ผู้ที่เก็บส่วยน้ำมันเถื่อนจะเป็นตำรวจ “รอง ก.ไก่” เป็นผู้เก็บ แต่ส่งให้หน่วยเหนือเดือนละ 350,000 บาท ทำให้ “รองผู้การ พ.พาน” ได้รับมอบให้เป็นผู้เก็บส่วยแทน เพราะได้เงินค่าส่วยมากกว่า “รอง ก.ไก่” และในระดับจังหวัดมีนายตำรวจระดับสูงเป็นผู้เก็บส่วยส่งให้ “นายระดับสูงขึ้นไป” เดือนละ 2.5 ล้านบาท จึงทำให้การค้าของผิดกฎหมายดำเนินไปได้ เพราะมีการจ่ายส่วยและการรับส่วยเกิดขึ้น
สำหรับ “เอก 3 เค” หลังจากที่เป็นข่าวในการ “ค้าน้ำมันเถื่อน” ได้หลบจากพื้นที่ไปประเทศมาเลเซียเป็นการชั่วคราวแล้ว ในขณะที่ พล.ต.อ.กิตต์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รักษาการ ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจ ตรวจสอบข่าวที่เกิดขึ้น เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งแหล่งข่าวเปิดเผยว่า หลังการนำเสนอข่าวของ “MGR Online” ครั้งนี้น่าจะทำให้การนำน้ำมันเถื่อนจากอ่าวไทยมาขึ้นท่าเรือที่ท่าศาลาต้องหยุดชะงักไประยะหนึ่ง หรือไม่ก็มีการเปลี่ยนท่าเรือแห่งใหม่ในการนำน้ำมันจากทะเลขึ้นฝั่ง
อ่านข่าวเกี่ยวเนื่อง
๐ น้ำมันเถื่อนอ่าวไทยขนขึ้นฝั่งคึกคักทั้งนครศรี-สุราษฎร์ธานี ไม่กลัวเกรงรักษาการ ผบ.ตร.
๐ ป.ป.ส.ปฏิบัติการลับยึดยาไอซ์ล็อตยักษ์กว่า 1.5 ตัน คาท่าเรือท่าศาลา