ภาคเหนือรับศึกหนัก ฝุ่นพิษกระตุ้นมะเร็งปอด คนในพื้นที่ป่วยเพิ่ม
สถานการณ์มลพิษฝุ่นควันยังรุมเร้าพื้นที่ภาคเหนือต่อเนื่อง โดยเฉพาะในจังหวัดเชียงใหม่ที่เป็นเมืองที่มีมลพิษติดอันดับหนึ่งของโลกมาหลายวันในช่วงเดือนเมษายน ทั้งๆที่ช่วงเวลานี้ควรเป็นเวลาแห่งความสุขเนื่องในโอกาสเทศกาลสงกรานต์
จากปัญหาดังกล่าวทำให้กระทรวงสาธารณสุข ออกมาให้ข้อมูลว่าโรคมะเร็งถือเป็นปัญหาสำคัญในพื้นที่ภาคเหนือ โดยนพ.สกานต์ บุนนาค รองอธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า โรคมะเร็งปอดเป็นปัญหาสำคัญทางสาธารณสุขในภาคเหนือ โดยพบว่ามีอุบัติการณ์ของโรคมะเร็งปอดสูงกว่าภาคอื่นๆ โดยภาคเหนือพบผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดรายใหม่เฉลี่ยปีละ 2,487 ราย หรือประมาณวันละ 7 ราย และเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปอดเฉลี่ยปีละ 1,800 ราย หรือประมาณวันละ 5 ราย ทั้งนี้ ร้อยละ 80 ของผู้ป่วยมะเร็งปอด ส่วนใหญ่อยู่ในวัยสูงอายุ มีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป ซึ่งอุบัติการณ์ของโรคมะเร็งปอดที่สูงในภาคเหนือมีปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญหลายประการ
ด้าน นพ.วีรวัต อุครานันท์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมะเร็งลำปาง กล่าวว่า ปัจจัยเสี่ยงหลักของโรคเกิดจากการสูบบุหรี่และควันบุหรี่มือสอง การสัมผัสแร่ใยหิน การสัมผัสรังสี ควันธูป และมลภาวะทางอากาศต่างๆ ซึ่งฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน หรือ PM2.5 จัดอยู่ในส่วนนี้ นอกจากนี้ มีการศึกษาพบว่า หากเป็นผู้ที่สูบบุหรี่ร่วมด้วยกับการสัมผัส PM2.5 จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งปอดร้อยละ 40 เทียบกับประชากรทั่วไป
นพ.วีรวัต กล่าวว่า การรณรงค์ลดปัจจัยเสี่ยงต่อโรคมะเร็งปอด โดยที่สำคัญที่สุดยังเป็นเรื่องของการรณรงค์หยุดสูบบุหรี่ และไม่สัมผัสควันบุหรี่มือสอง หลีกเลี่ยงการก่อมลภาวะทางอากาศ เช่น ควันธูป และมลภาวะต่างๆ หากต้องอยู่ในสถานที่มีฝุ่น PM2.5 เฉลี่ยสูง ควรสวมหน้ากากที่สามารถป้องกันฝุ่นขนาดที่เล็กกว่า 2.5 ไมครอน ได้ เช่นหน้ากาก N95 หมั่นตรวจสุขภาพประจำปีอย่างสม่ำเสมอ และหากมีอาการผิดปกติทางระบบทางเดินหายใจ เช่น ไอเรื้อรัง ไอเป็นเลือด ให้รีบปรึกษาแพทย์โดยเร็ว