ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - “ชัยวัฒน์” ผู้ว่าฯ ใหม่โคราช เร่งติดตามการส่งน้ำจาก 2 เขื่อนใหญ่เติมอ่างเก็บน้ำดิบ กปภ.นครราชสีมา 4 ล้าน ลบ.ม. ป้องกันวิกฤตขาดน้ำผลิตประปาให้บริการ ปชช.เมืองโคราชในช่วงหน้าแล้งกว่า 45,000 ครัวเรือน พร้อมเตรียมตั้งวอร์รูมบริหารจัดการน้ำเข้มทุกพื้นที่
วันนี้ (28 มี.ค.) ที่บริเวณประตูระบายน้ำฝายบ้านไร่ ต.ด่านเกวียน อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วย นายวิจิต กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดฯ, หัวหน้าสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครราชสีมา, นายอำเภอโชคชัย, นายกเทศมนตรีตำบลด่านเกวียน, รองผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 8, ผู้จัดการการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) สาขานครราชสีมา และหัวหน้าโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาอ่างเก็บน้ำลำมูลบน อ.ครบุรี ร่วมกันลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าการดำเนินการส่งจ่ายน้ำดิบจากอ่างเก็บน้ำลำมูลบน และอ่างเก็บน้ำลำแชะ อ.ครบุรี ตามลำน้ำมูลเป็นระยะทางไกลกว่า 144 กิโลเมตร มายังจุดสูบน้ำแรงต่ำจุดพักน้ำดิบภายในอ่างเก็บน้ำของการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) สาขานครราชสีมา บ้านโนนไม้แดง อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.นครราชสีมา บนพื้นที่กว่า 700 ไร่ ขนาดความจุประมาณ 4.1 ล้าน ลบ.ม. เพื่อผลิตน้ำประปาให้บริการประชาชนในพื้นที่รอบอำเภอเมืองนครราชสีมากว่า 45,000 ครัวเรือน
หลังจากก่อนหน้านี้การประปาส่วนภูมิภาคสาขานครราชสีมาได้ทำหนังสือขอความร่วมมือจากทางจังหวัดนครราชสีมา เพื่อขอน้ำดิบจากอ่างเก็บน้ำลำมูลบนและอ่างเก็บน้ำลำแชะ ซึ่งเป็น 2 ใน 4 อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ของจังหวัดนครราชสีมา มาผลิตประปาให้ประชาชนกว่า 45,000 ครัวเรือนได้ใช้ในช่วงหน้าแล้ง เนื่องจากปริมาณน้ำดิบสำรองที่มีอยู่ในปัจจุบันเหลือปริมาณน้อยไม่เพียงพอผลิตน้ำประปาให้ประชาชนผู้ใช้น้ำในเขตพื้นที่ให้บริการได้ตลอดช่วงหน้าแล้งปีนี้
นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า การส่งจ่ายน้ำจากอ่างเก็บน้ำทั้ง 2 แห่งมายังบ่อพักน้ำของการประปาส่วนภูมิภาคสาขานครราชสีมาในครั้งนี้เป็นการป้องกันการขาดแคลนน้ำประปาของประชาชนในช่วงหน้าแล้ง ซึ่งได้กำชับให้เร่งดำเนินการสูบน้ำเข้าบ่อพักน้ำของการประปาส่วนภูมิภาคให้เต็มความจุที่ 4 ล้านลูกบาศก์เมตรโดยเร็วที่สุดเพื่อป้องกันการสูญเสียน้ำโดยเปล่าประโยชน์ และเพื่อให้ประชาชนมีน้ำใช้ตลอดระยะเวลา 3 เดือนในช่วงหน้าแล้ง
อย่างไรก็ตาม ได้เน้นย้ำให้อ่างเก็บน้ำทั้งขนาดใหญ่ และขนาดกลาง รวม 27 แห่งของจังหวัดนครราชสีมา ต้องบริหารจัดการน้ำอย่างรู้คุณค่า และประชาชนผู้ใช้น้ำต้องใช้น้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยทุกฝ่ายจะต้องช่วยเหลือและให้ความร่วมมือกันในช่วงหน้าแล้งนี้
สำหรับสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำทั้ง 27 แห่งของจังหวัดนครราชสีมา ขณะนี้มีปริมาณน้ำรวมเหลือเพียง 43 เปอร์เซ็นต์ของความจุทั้งหมด โดยเฉพาะอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 4 แห่ง ประกอบด้วย อ่างเก็บน้ำลำตะคอง มีปริมาณน้ำใช้การได้ 105 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 36 เปอร์เซ็นต์ ของความจุ 314 ล้านลูกบาศก์เมตร, อ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง มีปริมาณน้ำใช้การได้ 90.7 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 59.86 เปอร์เซ็นต์ ของความจุ 155 ล้านลูกบาศก์เมตร, อ่างเก็บน้ำลำมูลบน มีปริมาณน้ำใช้การได้ 50 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 44 เปอร์เซ็นต์ของความจุ 141 ล้านลูกบาศก์เมตร และอ่างเก็บน้ำลำแชะ มีปริมาณน้ำใช้การได้ 110 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 41 เปอร์เซ็นต์ของความจุ 275 ล้านลูกบาศก์เมตร
“หลังจากนี้จะต้องมีการประชุมหารือเพื่อวางแนวทางการบริหารจัดการน้ำในทุกพื้นที่เพื่อรับมือกับภัยแล้งปีนี้” นายชัยวัฒน์กล่าว
