xs
xsm
sm
md
lg

‘มณฑลห้วยขวาง’ ขาลง มังกรถอยทัพ รอเวลารีเซ็ตธุรกิจใหม่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



‘มณฑลห้วยขวาง’ ขาลง มังกรถอยทัพ รอเวลารีเซ็ตธุรกิจใหม่

การค้าขายในย่านธุรกิจสำคัญอย่าง 'ห้วยขวาง' ช่วงเวลาหนึ่งถูกจับตามองถึงมูลค่าทางเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก ถึงขนาดที่ได้รับการขนานนามว่า ‘มณฑลห้วยขวาง’ หรือ 'ไซน่าทาวน์ ห้วยขวาง' เหมือนกับเยาวราช ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังกล่าวที่ครองใจนักเดินทางทั่วโลกมาเป็นเวลานาน

'ห้วยขวาง' มีจุดเด่นที่แตกต่างเหมือนที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว เช่น ตลาดกลางคืนที่ขายสินค้ากันถึงสว่าง หรือ เทวาลัยพระพิฆเนศ ที่มีนักท่องเที่ยวสายมูเตลูมาขอพรกันอย่างล้นหลาม เรียกได้ว่าเป็นอีกแหล่งที่มีเสน่ห์ไม่แพ้ที่อื่น จึงไม่แปลกที่ทำให้มีนักลงทุนชาวจีนขนเงินหยวนลงทุนในย่านนี้เป็นจำนวนมาก

ต้องไม่ลืมว่าย่านห้วยขวางนั้นเต็มไปด้วยโรงแรมระดับ 3-4 ดาว ซึ่งเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวแดนมังกรมาพักเป็นจำนวนมาก รวมทั้งยังใกล้กับสถานทูตจีนประจำเทศไทย และต้องไม่ลืมว่านักท่องเที่ยวจีนส่วนใหญ่ไม่พูดภาษาอื่นนอกจากภาษาถิ่นตัวเอง ทำให้เป็นช่องทางที่นักลงทุนชาวจีนจะมาทำธุรกิจเพื่อเปิดร้านอาหารหรือบริการอื่นๆ เพื่อเอาคนบ้านเดียวกัน อันเป็นที่มาของร้านอาหารที่ขึ้นป้ายและมีเมนูเป็นภาษาจีนจำนวนมาก

แต่มาเวลานี้สถานการณ์กลับตาลปัตรอย่างสิ้นเชิง ธุรกิจของคนจีนจำนวนไม่น้อยประกาศปิดตัวลง ดังจะเห็นได้จากประกาศเลิกและเซ้งกิจการของร้านสุกี้ชาบูหม่าล่าเจ้าใหญ่อย่างร้าน “หม่าล่า หอม สดชื่น-หม้อไฟชูดู” ที่ตั้งในทำเลที่ดีที่สุดใกล้กับแยกห้วยขวาง สถานีไฟฟ้าใต้ดิน MRT ทางออก 1 โดยระบุว่า "ประกาศ ตอนนี้ บริษัท ชูดู ฮอท พอท จำกัด (สำนักงานใหญ่) หาเจ้าของใหม่ หรือเทกโอเวอร์ เอกสารของบริษัทมีครบทุกฉบับ เนื่องด้วย บริษัทต้องการไปพัฒนาที่ประเทศจีน" จากนั้นก็เริ่มมีร้านค้าของคนจีนนอกเหนือจากร้านอาหาร เช่น ร้านซูเปอร์มาร์เก็ตจีน ก็ทยอยปิดตัวลงมากกว่า 10 ร้าน

สาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดปรากฎการณ์ทุนจีนกลับบ้าน คือ สภาพเศรษฐกิจภายในของประเทศไทย ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าเวลานี้อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจตกต่ำต่อเนื่อง สวนทางกับต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ธุรกิจที่สายป่านยาวไม่พอจึงไม่อาจแบกรับต้นทุนหลายๆด้านโดยเฉพาะค่าเช่าอาคารไม่ไหว สุดท้ายก็ต้องยอมแพ้

หรืออีกปัจจัยที่มีผลไม่แพ้กัน เช่น การกวดขันของเจ้าหน้าที่รัฐ โดยเดิมทีการประกอบธุรกิจก็ใช้วิธีการซิกแซกพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นการใช้แรงงานผิดกฎหมาย การหาคนไทยมาเป็นนอมีนีออกหน้าทำธุรกิจให้ และเมื่อพอธุรกิจไปได้ดี จึงทำให้เจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบก่อนจะพบว่ามีการเปิดโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือ คุณภาพของร้านอาหารไม่ได้เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด ทำให้ต้องมีการดำเนินการแก้ไข ซึ่งการแก้ไขดังกล่าวถือได้ว่าเป็นต้นทุนที่สูงมากของการประกอบธุรกิจ อีกทั้งร้านค้าส่วนใหญ่ก็ล้วนเช่าจากเจ้าของอีกทอดหนึ่ง ดังนั้น การจะให้ทุ่มเงินเพื่อปรับปรุงร้าน อาจไม่ได้สร้างความคุ้มค่าให้กับผู้ประกอบการเท่าใดนัก

ด้วยเหตุนี้เอง ทุนจีนที่เพิ่งเฟื่องฟูในห้วยขวาง จึงเข้าสู่ขาลงอย่างรวดเร็ว ยิ่งไปกว่านั้นผลกระทบที่เกิดขึ้นอาจมีมาถึงธุรกิจแวดล้อมที่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยอย่างผู้ประกอบการซัพพลายเออร์ที่ส่งวัตถุดิบเข้าร้านอาหารเหล่านี้ ที่ต้องขาดรายได้ไปจำนวนมาก หรือแม้แต่ลูกจ้างคนไทยต้องยอมรับสภาพตกงานโดยที่ไม่รู้ว่าจะได้รับการเยียวยาจากนายจ้างตามกฎหมายไทยหรือไม่

อย่างไรก็ตาม ถ้ามองในแง่ดีอีกด้านหนึ่งก็อาจถือเป็นการรีเซ็ตธุรกิจของคนต่างชาติในย่านนี้ให้ถูกต้องตามกฎหมายอีกครั้ง เพราะอย่างน้อยภาคการท่องเที่ยวของประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น และมีนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศไทยจำนวนมาก แน่นอนย่อมยังเป็นโอกาสในการให้กลุ่มทุนเข้ามาประกอบธุรกิจอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งจะเป็นการสร้างประโยชน์ในทางเศรษฐกิจระยะยาวต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น