จุดเปลี่ยนการเมือง คว่ำ ‘เศรษฐา’ ดันพี่ใหญ่ นายกฯ
การเมืองไทยเวลานี้ดูเหมือนว่าส่วนใหญ่จะไปโฟกัสที่ความเคลื่อนไหวของนายทักษิณ ชินวัตร แต่เอาเข้าจริงเวลานี้ภายในรัฐบาลเองก็เริ่มเกิดแรงกระเพื่อมให้เห็นแล้ว โดยเฉพาะนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มีแนวโน้มจะมีการปรับคณะรัฐมนตรีทั้งในส่วนของพรรคเพื่อไทย รวมไปถึงพรรคร่วมรัฐบาลด้วย
ซึ่งในกรณีของพรรคเพื่อไทย น่าจะเริ่มปรับที่ตัวนายเศรษฐาเองที่อาจยอมสละเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อให้คนนอกเข้ามาทำหน้าที่ หลังจากแบกกระทรวงการคลังไม่ไหว เนื่องจากต้องรับภารกิจเป็นเซลแมนเดินทางไปต่างประเทศมากขึ้น
แต่ที่ดุเดือดและต้องติดตาม คือ ความเคลื่อนไหวของพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรค ซึ่งกำลังคิดการใหญ่หวังให้เกิดการเปลี่ยนขั้วทางการเมือง โดยรัฐมนตรี ป. ยืนยันว่าอย่างไรเสียก็จะไม่มีทางย้ายออกจากเสนาบดีกระทรวง และขอต่อรองเพื่อจะอยู่ในตำแหน่งเดิมต่อไป
ไม่ใช่เพียงแต่ต่อรองเท่านั้น ยังมีการสะสมจำนวนส.ส.ให้เข้ามาสนับสนุนเพิ่มมากขึ้นทั้งจากส.ส.ภาคใต้พรรคภูมิใจไทย ส.ส.อีสานพรรคเพื่อไทย หรือแม้แต่ส.ส.พรรคก้าวไกล ที่ไม่อยากเสี่ยงไปกับพรรคที่กำลังถูกยุบ
ไม่เพียงเท่านี้ การล็อบบี้ส.ว.ก็ถูกดำเนินการควบคู่ไปเช่นกันโดยบ้านใหญ่กำแพงเพชร เนื่องจากส.ว.ชุดนี้ที่เกือบครึ่งมาจากการเลือกของพี่ใหญ่คสช. กำลังจะหมดวาระในเดือนพฤษภาคม
การสะสมกำลังที่กำลังทำอยู่ตอนนี้ แน่นอนว่าต้องคิดการใหญ่ไปพร้อมกันด้วย คือ การเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี แม้ฝ่ายค้านจะไม่ได้ยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐบาลก็จริง
แต่หากร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ไม่ผ่านความเห็นชอบจากสภาฯขึ้นมา นายกฯเศรษฐาในฐานะเจ้าของร่างกฎหมายฉบับนี้ย่อมต้องแสดงความรับผิดชอบทางการเมืองผ่านการลาออก เพื่อให้เกิดกระบวนการเลือกตั้งนายกฯใหม่ แทนการยุบสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งอาจทำให้พรรคเพื่อไทยเสียอำนาจไปในทันที
ดังนั้น บรรดาคนแวดล้อมพี่ใหญ่ จึงเอาไอเดียมานำเสนออีกครั้งด้วยการจับมือกับพรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมกับกำลังพล ส.ส.ที่สะสมกันมาร่วมกันโหวต “ล้มร่างกฎหมายงบประมาณ”ซึ่งมองแล้วก็มีความเป็นไปได้เนื่องจากพรรคก้าวไกลในฐานะฝ่ายค้านก็ย่อมต้องลงมติไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว เมื่อคว่ำกฎหมายงบประมาณได้ ตามด้วยการลาออกของนายเศรษฐา
จากนั้นจะเข้าสู่ขั้นตอนการเลือกนายกฯในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาทันที ซึ่งพี่ใหญ่เองก็มีส.ว.ในมือที่พร้อมยกมือให้ เห็นแบบนี้แล้วความฝันของพี่ใหญ่ก็พอมองเห็นถึงความเป็นไปได้เช่นกัน
บางฝ่ายอาจมองว่าอนาคตในทางการเมืองของนายเศรษฐายังแข็งแรงดีอยู่ เพราะมีบารมีนายใหญ่อุ้มชู แต่สำหรับถ้าประเมินกันตามโหราศาสตร์แล้ว ปฏิเสธไม่ได้ว่านายกฯเก้าอี้ก็อาจมีความสั่นคลอนเช่นกัน โดยราช รามัญ นักโหราศาสตร์ ชื่อดัง ได้ระบุว่า
ในปีพ.ศ 2567 นี้ ดาวราหู เคลื่อนย้ายจรไปอยู่ที่ราศีมีน เหมือนกับปี 2549 ทุกประการ และจะปรากฏ สิ่งที่เรียกว่า จันทรุปราคา ในวันที่ 24 -25 มีนาคมนี้ และจะทำการงัดแงะ กับดาวอาทิตย์ซึ่ง เป็นดาวในลัคนาของดวงเมือง เหมือนกับปีพ.ศ 2549 อย่างไม่ผิดเพี้ยน
ราช รามัญ ทำนายอีกว่า "เป็นไปได้ไหม ที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงแบบฉับพลันทางการเมือง อย่างชนิดที่คิดไม่ถึง ย่อมเป็นไปได้ แต่จะถึงขนาดกับปฏิวัติรัฐประหารไหม คงต้องบอกว่า ถ้าเกิดขึ้นจริงรูปแบบอาจจะแตกต่าง ไม่มีการนำกองกำลังถือปืนออกมาอย่างในอดีต แต่อาจจะเป็นอารยะขัดขืน อย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งเกิดจากการร่วมมือของข้าราชการทั้งปวง ไม่ทำงานให้กับ ฝ่ายบริหารบ้านเมือง ก็เป็นได้ เบาที่สุดอาจจะมีการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีฉับพลัน นี่คือการพยากรณ์ตามลักษณะองค์เกณฑ์ของดาวที่ปรากฏในกระดานโหร ที่มีหลักวิชาการอ้างอิง
ดังนั้น รัฐบาล ถ้าวางเกมไม่ดี ขาดซึ่งคุณธรรม โอกาสที่จะโดน มีสูงอย่างมาก