เจ้าหน้าที่ระดับสูงของยูเครนออกมาแสดงความกังวล กรณีประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย เสนอไอเดียให้สร้าง “เขตกันชน” (buffer zone) ขึ้นในดินแดนของยูเครน โดยมองว่าผู้นำหมีขาวมีเจตนายกระดับสงคราม
ระหว่างกล่าวสุนทรพจน์ประกาศชัยชนะในศึกเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (17 มี.ค.) ปูติน ได้เอ่ยถึงความเป็นไปได้ในการสร้างเขตกันชนขึ้น โดยชี้ว่าเป็นหนทางเดียวที่จะช่วยปกป้องดินแดนของรัสเซียไม่ให้ถูกยูเครนโจมตีได้โดยง่าย
“นี่คือการประกาศอย่างโจ่งแจ้งว่าสงครามกำลังจะถูกยกระดับขึ้น” มีไคโล โปลโดยัค ที่ปรึกษาของประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์
“ทั้งหมดนี้คือหลักฐานชัดเจนว่า สหพันธรัฐรัสเซียไม่พร้อมที่จะดำรงอยู่ภายใต้บริบทความสัมพันธ์ทางสังคมและการเมืองในยุคสมัยใหม่ที่คำนึงถึงสิทธิในอธิปไตยของชาติอื่นๆ”
ปูติน ไม่ได้แจกแจงรายละเอียด โดยบอกแค่ว่าเขตกันชนนั้นจะต้องกว้างใหญ่พอที่จะยับยั้งไม่ให้ระบบอาวุธที่ผลิตในต่างประเทศสามารถข้ามเข้ามาโจมตีถึงดินแดนรัสเซียได้
คำพูดของผู้นำรัสเซียมีขึ้นหลังจากที่เจ้าตัวถูกตั้งคำถามว่า จำเป็นหรือไม่ที่มอสโกจะต้องยึดภูมิภาคคาร์คิฟของยูเครนซึ่งมีพรมแดนติดกับจังหวัดเบลโกร็อด (Belgorod) ของรัสเซีย หลังจากที่เบลโกร็อดตกเป็นเป้าหมายโจมตีของกองกำลังยูเครนเรื่อยมาตั้งแต่ปี 2022
ประชาชนในเมืองคาร์คิฟซึ่งเป็นเมืองเอกของภูมิภาคชื่อเดียวกันยังคงแสดงท่าทีไม่หวั่นเกรง เมื่อถูกถามถึงสิ่งที่ผู้นำรัสเซียพูด
“ฉันคิดว่า ปูติน ไม่มีปัญญาทำอย่างที่พูดหรอก คาร์คิฟจะไม่มีวันกลายเป็นพื้นที่สีเทา คาร์คิฟคือเมืองในยูเครนและจะเป็นดินแดนของยูเครนเสมอไป” อันโตนินา ครีพุชนิกา ชาวเมืองคาร์คิฟคนหนึ่งให้สัมภาษณ์
กองทัพรัสเซียได้ส่งทั้งขีปนาวุธและโดรนเข้าไปถล่มเป้าหมายในคาร์คิฟและภูมิภาคข้างเคียงแทบจะทุกวันตลอดช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
ยูเครนอ้างว่าใช้ “อาวุธของตนเอง” ในการโจมตีดินแดนรัสเซีย เนื่องจากพันธมิตรบางประเทศรวมถึงสหรัฐฯ ตั้งเงื่อนไขไว้ว่า อาวุธของพวกเขาจะต้องไม่ถูกยูเครนนำไปใช้โจมตีเป้าหมายภายในรัสเซีย
เคียฟใช้กลยุทธ์ส่งโดรนโจมตีพิสัยไกลเข้าไปถล่มโรงกลั่นน้ำมันหลายแห่งของรัสเซียในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา และยังมีกองกำลังกึ่งทหารที่ยิงโจมตีข้ามแดนจากยูเครนเข้าไปในพื้นที่ทางตะวันตกของรัสเซียด้วย
ที่มา : รอยเตอร์