โครงการปลูกป่า CSR 1 ล้านไร่ของ กฟผ.โดนร้องทุจริต ปลูกป่าทิพย์ เบิกงบฯ แต่ไม่ปลูกป่าจริง แต่แทนที่ผู้บริหารจะให้หน่วยงานกลางมาตรวจสอบ กลับตั้งข้อหาเอาผิดคนร้อง อ้างว่าเอาข้อมูลเท็จไปเผยแพร่สู่ภายนอก ซ้ำยังลงพื้นที่จัดฉากสร้่างภาพว่าปลูกป่าจริง จ้างเอกชนภายนอกมาทำลายเอกสาร สร้างหลักฐานเท็จ พร้อมทุ่มเงินซื่อสื่อแก้ภาพลักษณ์องค์กร ผิดหวัง “พีระพันธุ์” ไหนบอกจะไม่ให้มีทุจริตในหน่วยงานที่ดูแล
ในรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” หรือ “สนธิทอล์ก”เมื่อวันศุกร์ที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมา นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการได้กล่าวถึงความไม่ชอบมาพากลของโครงการ CSR ปลูกป่า 1 ล้านไร่ ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ. ซึ่งทำเอ็มโอยูกับกรมป่าไม้ ต่อเนื่อง หลังจากได้นำมาเปิดเผยในรายการแล้ว 2 ตอน และเกิดแรงกระเพื่อมภายใน กฟผ.อย่างหนัก
โดยขณะนี้เกิดปัญหาภายใน ระหว่าง “ฝ่ายที่ร้องเรียน” คือ พนักงานที่เป็นกรรมการตรวจรับ และ “ฝ่ายที่ถูกร้องเรียน” คือ ผู้บริหาร กฟผ. ระดับสูงที่รับผิดชอบดูแลโครงการนี้
คนที่รับผิดชอบโครงการนี้คือนายชัยวุฒิ หลักเมือง ผู้ช่วยผู้ว่าการ กฟผ.ฝ่ายบริหารจัดการความยั่งยืน ในฐานะรองโฆษก กฟผ. ซึ่งคนๆ นี้จะต้องถูกตรวจสอบโดยมีประเด็นน่าสนใจดังนี้
ประเด็นที่ 1 การตรวจสอบข้อเท็จจริง ตามที่นายชัยวุฒิ หลักเมือง ได้ประกาศว่าพร้อมรับการตรวจสอบจากหน่วยงานทั้งภายในและภายนอก กฟผ. นั้น ขณะนี้ทำไมถึงได้มีแต่การตรวจสอบภายในกันเอง? ทำไมไม่เอาหน่วยงานภายนอกที่เป็นกลางมาตรวจสอบร่วม ด้วย เพื่อจะได้มีความเป็นกลางไม่ลำเอียงหรือเข้าข้างกันเอง
เพราะสายข่าววงในแจ้งว่า ผู้บริหารหน่วยงานที่มาตรวจสอบเป็น “เพื่อนกัน - รู้จักกัน และ เข้าข้างผู้บริหารด้วยกัน”
ดูได้จากการร้องเรียนเรื่องนี้ไปกับผู้บริหารทุกระดับ กลับเพิกเฉย ละเลย และยังถูกจับย้ายไปอยู่ในส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานปลูกป่าอีกด้วย แม้จะยังเป็นกรรมการตรวจรับงานอยู่ก็ตาม แถมหน่วยงานตรวจสอบภายใน กฟผ. ยังประเมินความเสี่ยงเรื่องนี้ว่าเป็นความเสี่ยงระดับปานกลาง
ทั้ง ๆ ที่มีหลักฐานเชิงประจักษ์เรื่องทุจริตโครงการปลูกป่าทิพย์ กฟผ. แบบนี้ และความผิดนั้นได้สำเร็จไปแล้ว เพราะได้จ่ายเงินงบประมาณให้กับผู้รับจ้างปลูกป่าไปทั้งที่ไม่มีการปลูกป่าจริง ๆ ฟังแล้วน่าเศร้าใจมาก แล้วต้องทุจริตเบอร์ไหน จึงจะประเมินว่าเป็นความเสี่ยงสูง
“ผมงง กับเรื่องนี้จริง ๆ ว่าหน่วยงานตรวจสอบภายในของ กฟผ. ประเมินออกมาแบบนี้ แล้วหน่วยงานกฎหมาย กฟผ. ทำอะไรอยู่ เรื่องฉาวโฉ่แดงโร่ขนาดนี้แล้ว ไม่ใช้อำนาจทางกฎหมาย หรือเรื่องระเบียบวินัยเข้ามาจัดการเรื่องนี้ด่วนเลย” นายสนธิกล่าว
ประเด็นที่ 2 การใช้ศาลเตี้ยในองค์กร หลังจากที่มีการร้องเรียนเรื่องทุจริตงบ CSR ปลูกป่าทิพย์ กฟผ.ออกไปจนเป็นกระแสที่สังคมให้ความสนใจและติดตามเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องนั้น ตอนนี้ได้เกิดมีการใช้ศาลเตี้ยในการลงโทษผู้ที่ร้องเรียนเรื่องนี้ ซึ่งในตอนแรก ดูเหมือนจะเป็นโจทก์ที่ร้องเรียนผู้บริหาร แต่จู่ ๆ กลับกลายมาเป็นจำเลยขององค์กร โดยมีข้อกล่าวหาว่า ผู้ร้องเรียนนำข้อมูลของ กฟผ. เรื่องการทุจริตโครงการปลูกป่าล้านไร่ กฟผ.ออกไปให้สื่อและหน่วยงานภายนอก เช่น ป.ป.ช. ปปท. ทำให้ กฟผ. เสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียงและภาพลักษณ์ขององค์การอย่างมาก
โดยมีการอ้างว่า ตั้งแต่ก่อตั้ง กฟผ.มาจวบจนจะ 55 ปีหน่วยงาน กฟผ. เป็นรัฐวิสาหกิจชั้นนำของประเทศ และเป็นองค์การธรรมาภิบาลเสมอมาแต่คงไม่ใช่ในยุคสมัยนี้อีกต่อไปแล้ว ที่ผู้บริหาร กฟผ.ใช้อำนาจและฤทธิ์เดชในทางมิชอบ ที่ตั้งกรรมการสอบฝ่ายโจทก์ที่ไปร้องเรียน และตั้งธงจะให้ผู้ร้องเรียนออกจากงานให้ได้แทนที่จะตั้งกรรมการสอบฝ่ายที่ตรวจรับการปลูกป่าทิพย์ ทำให้ กฟผ.เสียผลประโยชน์มหาศาล แต่กลับมาตั้งกรรมการสอบฝ่ายที่ร้องเรียน ซึ่งเป็นฝ่ายที่ช่วยรักษาผลประโยชน์ให้องค์การ
หนักไปกว่านั้นทราบว่ามีการจ้างบุคคลภายนอกเข้ามาทำลายเอกสารที่เกี่ยวกับงานปลูกป่า และร่วมกันสร้างหลักฐานใหม่ขึ้นมา เรื่องแบบนี้ระดับเล็ก ๆ คงไม่กล้าทำแน่ ๆ ต้องเป็นตัวใหญ่ ระดับสูง ๆ ถึงจะมีอำนาจสั่งการได้ทุกอย่าง เรื่องนี้จะรอดูผู้ว่าการคนใหม่ ว่าจะดำเนินการล้างบาง ปัดกวาดโครงการปลูกป่าทิพย์นี้อย่างไร และจะให้ความเป็นธรรมกับคนปกป้องและรักษาผลประโยขน์ให้ กับ กฟผ. อย่างไร
ประเด็นที่ 3 การใช้งบประมาณซื้อสื่อโฆษณา เพื่อกลบข่าวปลูกป่าทิพย์ กฟผ. เพราะข่าวการทุจริตงบ CSR ปลูกป่าทิพย์ กฟผ. กำลังเป็นกระแสที่ได้รับความสนใจจากภาคสังคมเป็นอย่างมาก เพราะเป็นองค์การใหญ่ของประเทศ และงบประมาณในการทุจริตตลอดโครงการเป็นเงินกว่าพันล้านบาท
ด้วยความเล่ห์เหลี่ยมของผู้บริหาร กฟผ. และมีอำนาจในการสั่งการ จึงได้สั่งการให้หน่วยงานประชาสัมพันธ์ของ กฟผ. ไปจัดการกลบข่าว กฟผ. ตอนนี้ ด้วยการใช้งบประมาณซื้อสื่อโฆษณาหลายสื่อ และใช้งบซื้อแต่ละสื่อไม่ต่ำกว่า 500,000 บาท จึงเป็นที่สังเกตได้ว่าทำไมสื่ออื่น ๆ ไม่เล่นเรื่องข่าวปลูกป่าทิพย์ กฟผ. เลย มีแต่รายการคุยทุกเรื่องกับสนธิ และสื่อเครือผู้จัดการ ที่ตามติดเรื่องนี้ตั้งแต่แรก เพื่อจะตีแผ่กระบวนการทุจริตที่ทำกันเป็นกระบวนการตั้งแต่ระดับล่างจนถึงระดับสูง
อย่างนี้ถือว่าเป็นการใช้อำนาจในทางมิชอบ ใช้เงินในการปกปิดปัญหา ใช่หรือไม่?
“ถามหน่อยเถอะครับ ถ้าเป็นเงินของคุณเอง จะกล้าซื้อสื่อด้วยงบประมาณมหาศาลอย่างนี้ได้หรือ ถ้าสุจริต โปร่งใสจริง การแก้ปัญหานี้ง่ายนิดเดียว คุณแค่ตั้งโต๊ะแถลงข่าวชี้แจงอย่างตรงไปตรงมา ให้สื่อต่างๆ ได้ซักถาม ได้เป็นสื่อกลางในการสื่อสารให้ประชาชนรู้ข้อเท็จจริง แล้วก็ตอบคำถามภาพที่ทีมงานผมถ่ายไป ว่ามันถูกต้องหรือเปล่า ถ้าไม่ถูกต้อง ไม่ถูกต้องตรงไหน แต่คุณกลับใช้วิธีการซื้อสื่อโฆษณามากมายแบบนี้ ในวงการสื่อเขาถึงกันหมดนะ ลูกน้องผมก็รู้ว่าคุณใช้เงินซื้อสื่อ แล้วคุณชัยวุฒิ กำลังจะเป็นแคนดิเดตผู้ว่าฯ กฟผ. ที่ว่างลง ถ้ามีคดีทุจริตติดตัว คงหมดโอกาสขึ้นตำแหน่งที่คาดหวังไว้ ไม่สง่างาม” นายสนธิกล่าว
ประเด็นที่ 4 การลงพื้นที่สร้างภาพ เตรียมความพร้อมรอรับสื่อฯ แหล่งข่าวรายงานให้ทราบว่า นายชัยวุฒิ หลักเมือง นำทีมผู้ปฏิบัติงาน ทีมประชาสัมพันธ์และเจ้าหน้าที่ของ กฟผ. ในพื้นที่ภาคเหนือ ลงพื้นที่ปลูกป่าที่จะนำสื่อมวลชนลงไปทำข่าวโดยการเข้าไปปรับสภาพป่าให้มีความพร้อม เพื่อสร้างภาพให้เห็นว่าโครงการปลูกป่าล้านไร่ กฟผ. มีป่าไม้สมบูรณ์ ไม่ได้มีสภาพแห้งแล้งอย่างที่มีการร้องเรียนขึ้นมา
ซึ่งการกระทำแบบนี้ ก็ต้องถามว่า ถือว่าเป็นการเข้าพื้นที่ไปทำลายหลักฐานที่เป็นประเด็นของเรื่องนี้อยู่หรือไม่? เพราะตามหลักการแล้วในระหว่างการตรวจสอบข้อมูล ข้อเท็จจริง จะต้องไม่เข้าไปในพื้นที่ที่กำลังเป็นประเด็นปัญหาอยู่ เพราะเป็นการเคลื่อนย้าย ทำลาย บิดเบือน หรือสร้างหลักฐานใหม่ แต่ท่านกลับเป็นแกนนำในการเข้าไปดำเนินการเรื่องนี้ด้วยตนเอง
ซึ่งถ้าหากท่านมีความบริสุทธิ์ใจ สุจริตใจจริง ก็ต้องพร้อมให้สื่อหรือหน่วยงานที่เป็นกลางเข้าไปลงพื้นที่ร่วมตรวจสอบด้วย โดยไม่ใช่การไปจัดฉากเพื่อให้ทางสื่อมาลงพื้นที่ที่ได้เตรียมไว้ แต่ควรเป็นการสุ่มตรวจในพื้นที่ที่มีปัญหาตามที่มีการ ร้องเรียน เหมาะสมกับการพิสูจน์ด้วยความโปร่งใสและตรวจสอบได้ทุกกระบวนการทำงาน
ประเด็นที่ 5 เรื่องการให้ข้อมูล และนำเรื่องปลูกป่าทิพย์ กฟผ. มาตีแผ่นั้น ทำให้เป็นประเด็นปัญหาที่ผู้ร้องเรียนเรื่องนี้กับผู้บังคับบัญชาและหน่วยงานภายนอก โดนกล่าวหาว่านำข้อมูลลับของ กฟผ.มาให้รายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” โดยให้ข่าวที่เป็นข้อมูลเท็จและบิดเบือน
“เท็จตรงไหน คุณชัยวุฒิ ? ภาพมันชัดเจน ภาพนั้นไม่ใช่คนของคุณนำมาให้ผมนะ ผมไปถ่ายกันเอง คุณชัยวุฒิ คุณนึกว่าผมโง่หรือ คุณนึกว่าพวกผมโง่หรือ คุณนี่ยังอ่อนหัด ถ้าคุณขึ้นรองผู้ว่าฯ กฟผ. ได้ คุณนึกว่าคุณเท่หรือ การกระทำของคุณมีโอกาสทำให้คนนินทาหมาดูถูกได้นะครับ มิหนำซ้ำคุณจะลงโทษทางวินัยสูงสุดกับคนที่ให้ข้อมูลมา
“ผมไม่ได้รับข้อมูลจากคนพวกนี้หรอก คุณนึกว่าพวกผมไม่มีปัญญาหาข้อมูลเองหรืออย่างไร ก็ภาพถ่ายที่พวกผมลงมานี่ พวกผมไปถ่ายกันเอง ทำไมผมจะลงไม่ได้ แล้วผมถามชาวบ้านเขาเรียบร้อยหมดแล้ว มีประจักษ์พยาน การให้สัมภาษณ์ของชาวบ้านหมดเลย ว่าพวกคุณตลบแตลง ฉ้อโกง คุณลืมไปแล้วหรือว่าผมอายุ 76 ปี ทำข่าวมาแล้ว 50 ปี ผมมีเครือข่ายนักข่าว แหล่งข่าวทั่วประเทศ
“เรื่องปลูกป่าทิพย์ ไม่ใช่เรื่องแรกที่ผู้จัดการทำข่าวเกี่ยวกับหน่วยงาน กฟผ. ที่ผ่านมาผมเคยทำข่าวดัง กฟผ. มาแล้วหลายเรื่อง คุณชัยวุฒิ ไม่ต้องไปโยนความผิดให้พนักงานตัวเล็กๆ แต่คุณน่ะ คุณชัยวุฒิ ในฐานะผู้บริหารระดับสูง ได้กำกับดูแลเรื่องนี้รอบคอบรัดกุมเพียงใด คุณได้ทำงานอย่างสุจริตอย่างตรงไปตรงมาหรือเปล่า รักษาผลประโยชน์เต็มที่ให้ กฟผ. หรือเปล่า ทำไมถึงเกิดปัญหาเรื่องนี้ขึ้นมาได้ ที่ผ่านมาลูกน้องร้องเรียนเรื่องดังกล่าวมาแล้ว แล้วทำไมคุณกลับเพิกเฉย ละเลย ไม่รีบทำการตรวจสอบ จนเกิดปัญหาเรื่องการทุจริตขึ้นมา”
นายสนธิ กล่าวอีกว่าเรื่องนี้ อยากฝากไปถึงนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ซึ่งกำกับดูแลหน่วยงาน กฟผ. อีกครั้ง
“ผมผิดหวังกับท่านรัฐมนตรีฯ พีระพันธุ์ มาก ท่านจำได้หรือเปล่าว่าเราเคยนั่งคุยกันในห้องรับแขกที่บ้านพระอาทิตย์ ท่านบอกว่า คุณสนธิ สบายใจได้ เรื่องทุจริตในหน่วยงานที่ผมดูแลอยู่ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม ผมไม่ละเว้นเลยแม้แต่นิดเดียว ท่านรัฐมนตรีครับ ก่อนที่ผมจะเอาเรื่องนี้มาออก ผมได้ข่าวเรื่องนี้มา ข้อมูลเบื้องต้น ผมส่งไปให้เลขาฯ ส่วนตัวท่าน ที่ชื่อโก้ เอาไปให้ท่านดูว่าท่านจะจัดการอย่างไร ท่านไม่ตอบผมสักคำ จนกระทั่งเรื่องละเลยมาจนกระทั่งผู้บริหารระดับสูงของ กฟผ. กำลังเล่นงานผู้ที่ทำงานโดยสุจริต แล้วคุณชัยวุฒิ ผู้ช่วยผู้ว่าการฯ กฟผ. กำลังจะวิ่งเต้นขอขึ้นตำแหน่งรองผู้ว่าการ กฟผ.
“คุณพีระพันธุ์ ครับ ผมผิดหวังในตัวคุณจริงๆ ถือซะว่าที่คุณมารับปากกับผมที่บ้านพระอาทิตย์นั้น ถือว่าเป็นลมที่ผายออกมาก็แล้วกัน ผมไม่ถือสาคุณหรอก นี่ตกลงคุณจะปราบปรามทุจริตจริงหรือเปล่า หรือคุณแค่สร้างภาพให้ผมเชื่อคุณ เขาถึงบอกว่าการกระทำของคนนั้นจะเป็นตัวพิสูจน์ ข้อความที่คุณพูด หรือถ้าคุณไม่พูด แต่ถ้าคุณทำจริง เรื่องเกิดมาตั้งนานแล้ว ผมยังไม่เห็นคุณขยับเลยแม้แต่นิดเดียว คุณพีระพันธุ์
“คุณพีระพันธุ์ ครับ เรื่องนี้เป็นตราบาปในตัวคุณแล้วนะ ถ้าคุณไม่มาพูดกับผมว่าคุณเอาจริงการทุจริต ผมจะไม่ว่าอะไรทั้งสิ้น ผมฝากเอาไว้แค่นี้ คุณพีระพันธุ์ ผมมีรูป มีหลักฐานทุกอย่าง คุณสนใจ มาเอา ให้ลูกน้องคุณมาแล้วผมจะเอาให้ แต่คุณต้องลงไม้ลงมือนะ ถ้าคุณยังให้ กฟผ. เลื่อนตำแหน่งให้นายชัยวุฒิ ขึ้นเป็นรองผู้ว่าฯ อีก พ่อแม่พี่น้องครับ แสดงว่าเราไว้ใจคนชื่อ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค อีกต่อไปไม่ได้แล้ว” นายสนธิ กล่าว