เอเจนซีส์/เอเอฟพี - KCNA แถลงวันศุกร์ (8 มี.ค.) ว่า ประธานาธิบดีเกาหลีเหนือ คิม จองอึน ควบคุมการซ้อมรบใหญ่แบบเสมือนจริงตั้งแผงยิงปืนใหญ่หลายลำกล้อง รวมยูนิตจู่โจมยิงไกลถึงกรุงโซล โชว์ตัวสวมแจ็กเกตหนังสีดำถือปืนไรเฟิลวานนี้ (8 มี.ค.) โชว์ข่มขู่เกาหลีใต้และสหรัฐฯ ที่เริ่มการฝึกซ้อมรบประจำปี ฮิวแมนไรท์วอชรายงานพบเปียงยางสั่งปิดพรมแดนทางเหนือกับจีนผุดรั้วลวดหนามหลายชั้นกั้นถาวร
เดลีเมลของอังกฤษรายงานวันนี้ (8 มี.ค.) ว่า สำนักข่าวทางการเกาหลเหนือ KCNA แถลงวันศุกร์ (8 มี.ค) ว่า มีการจัดซ้อมขนาดใหญ่แบบเสมือนจริงของเปียงยางเกิดขึ้นวันพฤหัสบดี (7) รวมไปถึงยูนิตที่โจมตียิงไกลถึงกรุงโซลได้
ในแถลงการณ์ระบุว่า ประธานาธิบดีเกาหลีเหนือ คิม จองอึน เป็นผู้ควบคุมการซ้อมรบ
สื่ออังกฤษเปิดภาพคิมในชุดเสื้อหนังสีดำพร้อมกับปืนไรเฟิลในมือโพสต์เตรียมเล็งใส่เป้าหมายในการเยือนฐานที่ตั้งกำลังทหารทางตะวันตกของเกาหลีเหนือในวันพุธ (6) ก่อนหน้า เกิดขึ้นระหว่างโซลและวอชิงตันกำลังเริ่มการฝึกซ้อมประจำปีของฤดูใบไม้ผลิภายใต้ปฏิบัติการโล่เสรีภาพ (Freedom Shield) ที่เกี่ยวข้องกับการฝึกภาคสนาม ฝึกการสกัดมิสไซล์ และการซ้อมยิงแบบใช้กระสุนจริง
เอเอฟพีรายงานว่า การฝึกซ้อมรบขนาดใหญ่วันพฤหัสบดี (7) เกี่ยวข้องกับ “ยูนิตพรมแดนที่สามารถโจมตีลึกเข้าไปถึงเมืองหลวงของศัตรูได้” อ้างอิงรายงานจาก KCNA
เอเอฟพีชี้ว่า เมืองหลวงฝ่ายอรินี้คาดว่าฝ่ายเหนือน่าจะหมายถึง “กรุงโซล”
เปียงยางปีนี้ได้ประกาศให้ “เกาหลีใต้” เป็นศัตรูหลักของประเทศก่อนที่จะข่มขู่จะก่อสงครามหากมีการล่วงล้ำพรมแดนแม้แต่ 0.001 มิลลิเมตร
สื่ออังกฤษชี้ว่า ระหว่างที่ประธานาธิบดีเกาหลีเหนือเฝ้าดูการฝึกซ้อมการยิงปืนใหญ่หลายลำกล้องพิสัยไกลวันพฤหัสบดี (7) เขาแสดงความพอใจออกมาอย่างสูงที่ได้เห็นหน่วยนั้นมีความพร้อมอย่างเต็มพิกัดสำหรับการเคลื่อนกำลังพลทันทีในการสู้รบ อ้างอิงจาก KCNA
คิมเรียกร้องให้ทหารเกาหลีเหนือผลักดันอย่างรุนแรงต่องานสำหรับการเตรียมความพร้อมต่อการเคลื่อนพลตามปกติโดยมีเป้าหมายไร้ความปรานี และการจู่โจมอย่างรวดเร็วในสงครามที่แท้จริง KCNA เผย
เดลีเมลรายงานว่า คณะเสนาธิการทหารร่วมเกาหลีใต้ JCS แถลงว่า ฝ่ายใต้ได้เฝ้าสังเกตการณ์การซ้อมรบของฝ่ายเหนือระหว่างการซ้อมรบร่วมระหว่างเกาหลีใต้และสหรัฐฯ กำลังดำเนินอยู่
รัฐมนตรีกลาโหมเกาหลีใต้ ชิน วอน-ซิค (Shin Won-sik) ได้เดินทางไปเยือนกองบัญชาการป้องกันเมืองหลวง (Capital Defense Command) วานนี้ (7) พร้อมออกคำสั่งให้ตอบโต้อย่างหนักหน่วงหากว่าเกาหลีเหนือยั่วยุโดยมีเป้าหมายมาที่กรุงโซล
หนังสือพิมพ์โคเรียเฮอรัลรายงานวันพฤหัสบดี (7) ฮิวแมนไรท์วอชที่มีฐานอยู่ในกรุงนิวยอร์ก ออกรายงาน 148 หน้าภายใต้ชื่อ "A Sense of Terror Stronger than a Bullet: The Closing of North Korea 2018-2023."
พบว่าผู้นำเกาหลีเหนือได้ใช้ข้ออ้างจากสถานการณ์โควิด-19 สั่งสร้างรั้วลวดหนามหลายชั้นที่มีความมั่นคงปิดพรมแดนทางตอนเหนือติดจีน ยิ่งเป็นการทำให้สถานการณ์ทางมนุษยธรรมและสิทธิมนุษยชนภายในเกาหลีเหนือเลวร้ายหนักขึ้น
ฮิวแมนไรท์วอชกล่าวในรายงานว่า "ภาพถ่ายดาวเทียมได้เปิดเผยให้เห็นการเพิ่มขึ้นของการควบคุมทางความมั่นในฝั่งเกาหลีเหนือบริเวณพรมแดนทางตอนเหนือในภายหลังต้นปี 2020"
ตามการรายงานพบว่า ในปี 2019 รั้วพรมแดนได้ขยายออกไปราว 230 กม.
และ "ในการวิเคาะห์เชิงลึกของพื้นพรมแดน 6 แห่งมีความยาวทั้งสิ้น 321 กม. แสดงให้เห็นว่าเจ้าหน้าที่เกาหลีเหนือสั่งล้อมรั้วในพื้นที่เกือบทั้งหมดภายในปี 2022 หรือปี 2023 ที่มีรั้วถูกสร้างขึ้นใหม่ยาวเกือบ 500 กม."
ฮิวแมนไรท์วอชได้อ้างไว้ในรายงานว่า มาจนถึงมกราคมปี 2024 หรือปีนี้ การ์ดยังคงอยู่ภายใต้คำสั่งยิงทันทีต่อใครก็ตามหรือสัตว์ป่าที่เข้าใกล้พรมแดนทางเหนือ โคเรียเฮอรัลรายงาน
หนึ่งในเกาหลีเหนือแปรพักตร์ที่หลบหนีออกนอกประเทศไปได้ อ้างอิงจากบีบีซีพบว่า เกาหลีเหนือแปรพักตร์ได้ติดต่อกับญาติทางบ้านของเธอ พร้อมกับเผยถึงสถานการณ์ภายในเกาหลีเหนือว่า ทั้งข้าวสารและข้าวสาลีไม่สามารถถูกลักลอบแอบนำเข้าประเทศได้อีกต่อไป
ขณะที่เจ้าหน้าที่เกาหลีเหนือจะออกไปเดินเคาะประตูตามบ้านเพื่อทำให้แน่ใจว่าบ้านทุกหลังต้องมีเครื่องรับสัญญาณเพื่อฟังคำสั่งจากรัฐบาลเปียงยาง เรดิโอฟรีเอเชียของสหรัฐฯรายงานวันอังคาร (5) ก่อนหน้าโดยอ้างจากคำให้การของประชาชนเกาหลีเหนือ
ทั้งนี้ การกระจายเสียงจะกระทำ 3 ครั้งต่อวันเป็นเวลา 1-2 ชม.ในแต่ละครั้ง เป็นการกระจายเสียงคำสั่งจากพรรคแรงงานเกาหลีใต้หรือรายงานข่าวที่แง่ลบของสหรัฐฯ และเกาหลีใต้
การกระจายเสียงจะรวมไปถึงข่าวท้องถิ่น คำสั่งการเคลื่อนพล หรือแม้กระทั่งการประกาศชื่อบุคคลที่ถูกจับในคดีทางอาญา
เรดิโอฟรีเอเชียรายงานว่า ข้อมูลเหล่านี้มาจากเหล่าเกาหลีเหนือแปรพักตร์ที่เปิดเผบกับโครงการ 38 North project ของศูนย์สติมสันที่มีฐานอยู่ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.