เปลี่ยนตัวนายกฯ จากเศรษฐาเป็นใคร คำตอบไม่ใช่อุ๊งอิ๊ง
ข่าวลือเรื่องทวงดีล ก่อน สว.หมดวาระในเดือนพฤษภาคม เพื่อเปลี่ยนตัวนายกฯ หลัง เศรษฐา บริหารประเทศมา 6 เดือนนั้น ประเด็นนี้มันก็แค่ความอยากของบางกลุ่ม บางพรรคเท่านั้น
ไม่ใช่ในราย อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทยแน่ เพราะการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี ภายในพรรคเพื่อไทยเองไม่ได้ส่งผลบวกอะไรมากมาย หากให้ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีลงกลางทาง แล้วเอา อุ๊งอิ๊ง มาเป็นนายกฯเลย เลือกตั้งรอบหน้าพรรคเพื่อไทยจะขายอะไร เพราะไม่มีของใหม่ไปเร่ขาย
อุ๊งอิ๊งยังต้องรอไปก่อน เนื่องจากรัฐบาลชุดนี้แม้จะมีเสียงทะลุ 300 เสียง มั่นคง แต่มันเป็นรัฐบาลรวมการเฉพาะกิจ ถูกจับมัดรวมด้วยเงื่อนไขจำเป็น ต่างคนต่างมีอาณาเขตของตัวเอง
พรรคเพื่อไทยไม่สามารถสั่งใครได้เบ็ดเสร็จ เพราะต้องบริหารความพึงพอใจภายในพรรคร่วมรัฐบาลที่มีผู้มากบารมีอยู่ข้างหลัง
กระทรวงสำคัญที่เอื้อต่อนโยบายพรรคเพื่อไทย ทั้งกระทรวงแรงงาน กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพลังงาน ไม่ได้อยู่ในมือตัวเอง ผลิตผลงานตามที่ต้องการก็ยาก
จะเดินหน้านโยบายประชานิยมอย่างโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาทก็ถูกขวางทางเต็มไปหมด ต้องอยู่ในกรอบที่กลุ่มอำนาจเก่าตีเส้นไว้ให้
ฉะนั้น เอา อุ๊งอิ๊ง มาก็ไม่ได้ต่างอะไรในตอนนี้ เก็บไว้ใช้เป็นของใหม่ในการเลือกตั้งรอบหน้าดีกว่า
คนที่อยากให้เปลี่ยนนายกฯ น่าจะมาคนอกหักที่ยังหวังฟลุ๊คจะเป็นนายกฯมากกว่า
เพราะถ้าเรื่องดีล และการเปลี่ยนตัวนายกฯเป็นเรื่องจริง นายกฯต้องไม่ได้มาจากพรรคเพื่อไทยแน่นอน แต่จะมาจากพรรคร่วมรัฐบาล
ซึ่งหลายคนก็มองว่า น่าจะเป็นจากกลุ่มอำนาจเก่าอย่างพรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคพลังประชารัฐ ที่ผิดเป้าในสนามเลือกตั้ง แต่ยังไม่ละความพยายาม
มีการพยายามโหมกระพือชื่อของ เสี่ยตุ๋ย พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่เยินยอกันว่า เป็นโคลนนิ่งของอดีตนายกรัฐมนตรีคนเก่า จะมาเสียบแทน หาก เศรษฐา ถูกเปลี่ยนตัวออก
แต่อย่าลืมว่า พรรครวมไทยสร้างชาติมี สส.แค่ 30 กว่าคน จะให้มาถือธงนำรัฐบาล แล้วจะบริหารประเทศอย่างไร จะสั่งใครได้ แล้วใครจะฟัง พรรคเพื่อไทยซึ่งมี สส.ร้อยกว่าคนต้องมานั่งฟัง อย่างนั้นหรือ
อีกทั้ง สว.ก็จะหมดวาระไปแล้ว แต้มต่อและอำนาจต่อรองของกลุ่มอำนาจเก่าก็จะลดลง ฉะนั้น มันจึงเป็นอาการกระสันของคนที่ไม่ละความพยายามจะเป็นนายกฯโดยไม่ได้มองความเป็นจริง
พอๆ กับพรรคพลังประชารัฐ ที่มีข่าวลือออกมาตลอดว่า นักการเมืองทั้งหลายในพรรคพยายามป้อนข้อมูลเท็จให้ บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ยังมีความหวังว่าจะกลับมาได้ ในสถานการณ์การเมืองแบบนี้
ทั้งที่นายทหารข้างกายพยายามจะบอกว่า เจ้านายตัวเองพอแล้ว แต่นักการเมืองเหล่านี้ไม่ยอมหยุด พยายามเข็น บิ๊กป้อม ออกมาอยู่เรื่อยๆ
จึงไม่แปลก ที่ระยะหลัง บิ๊กป้อม จะปรากฏตัวบ่อย กลับมาลงพื้นที่ ทั้งที่ความเป็นจริงนักการเมืองข้างกายต่างหากที่หวังจะใช้ประโยชน์จากเจ้านายตัวเอง
ดังนั้น ดีลลับ ที่ว่าจึงไร้น้ำหนัก
เศรษฐา แม้จะไม่ได้มีอำนาจตัวจริง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า จะให้มาก็มา จะให้ไปก็ไป เปลี่ยนนายกฯกันง่ายขนาดนั้น
วันนี้ยังไม่เห็นสถานการณ์อะไรจะพาไปจุดนั้นได้เลย
สว.จะหมดวาระอีกเดือนสองเดือน แต่เงื่อนไขที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนนายกฯ ยังหาไม่เจอ
ถ้ามีจริง ความเคลื่อนไหวน่าจะหนักกว่านี้แล้ว