สุภาสั่งสอบเศรษฐา ตั้ง ผบ.ตร.ไม่ชอบ ปปช.ขยับอุ้มบิ๊กโจ๊ก

สุภาสั่งสอบเศรษฐา ตั้ง ผบ.ตร.ไม่ชอบ ปปช.ขยับอุ้มบิ๊กโจ๊ก

จับกระแสสังคม ณ เวลานี้ กองเชียร์บิ๊กโจ๊ก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. ที่มักเชียร์กันแบบไม่ลืมหูลืมตา ตอนนี้เริ่มซาไปมากแล้ว

กลายเป็นว่า ที่ประชาชนอยากรู้มากๆ ความจริงคืออย่างไรกันแน่? ลูกน้อง 8 คนของบิ๊กโจ๊ก รับเงินจากเว็บพนันมินนี่ แต่คนเป็นหัวหน้าไม่รู้อะไรเลย จะเป็นไปได้อย่างไร?

คำชี้แจงของบิ๊กโจ๊กค่อนข้างจะย้อนแย้ง และรับฟังยาก ซึ่งปกติ บิ๊กโจ๊กก็มีตรรกะของตัวว่า “ถ้าลูกน้องผิด หัวหน้าต้องรับผิดชอบ” หรือ “ลูกน้องทำอะไร หัวหน้าต้องรู้เห็น” อย่างที่ประกาศปาวๆ ประจำ

แต่พอเป็นเรื่องชั่วๆ ของลูกน้องตัวเอง บิ๊กโจ๊กกลายเป็นหัวหน้าผู้ใสซื่อ ตามไม่ทันลูกน้องเอาซะเลย และไม่คิดจะจัดการลูกน้องเลวๆ ของตัวอีกต่างหาก

ความมั่นใจของบิ๊กโจ๊ก ที่แสดงออกมาอย่างกร้าว คงเป็นเพราะมี ป.ป.ช. เป็นเกราะคุ้มกันถึงพูดเชิดชู ป.ป.ช. ว่ามีระบบทำคดีที่น่าเชื่อถือกว่าตำรวจ ทั้งที่ตัวเองก็เป็นตำรวจ

ขณะที่ ป.ป.ช.เอง ก็ไม่ค่อยจะเกรงใจประชาชน พร้อมจะลากองค์กรทั้งองค์กรให้พังพินาศ เพราะคนๆ เดียว

พยายามดองคดีที่บิ๊กโจ๊กถูกกล่าวหา จนล่าช้าอย่างผิดสังเกต ช่างสอดคล้องกับคลิปลับที่บิ๊กโจ๊กเคยฟุ้งไว้ ว่าเขาเคลียร์กับ ป.ป.ช.ได้ ยังไงยังงั้น

ข้อน่าสังเกตก็คือ คดีฟอกเงินมินนี่ ผู้ต้องหาชุดแรกที่มี 8 ลูกน้องของบิ๊กโจ๊กรวมอยู่ด้วย ป.ป.ช.คืนสำนวนอย่างฉับไว ในเวลาไม่ถึง 1 เดือน สนับสนุนให้ตำรวจไปทำสำนวนต่อได้เลย

แต่พอผู้ต้องหาชุดสองตามมา ดันมีชื่อบิ๊กโจ๊กเท่านั้น ป.ป.ช. ก็เกิดอาการเครื่องสะดุด กลายเป็นดองคดีไว้เงียบๆ ร่วม 2 เดือน ไม่เคยมีความคืบหน้าใดๆ จะอัพเดตให้สาธารณชนทราบ

โดยตัวช่วยของบิ๊กโจ๊ก ก็คือ เจ๊สุภา ตอนนี้หมดวาระไปแล้ว แต่ทิ้งทวนด้วยการออกเลขรับเรียบร้อยให้เป็นสำนวนตรวจสอบ สำนวนก็เลยถูกดองเค็มไว้ ไม่ส่งคืนให้ตำรวจลุยได้เลย แบบผู้ต้องหาชุดแรก

ทั้งที่ผู้ต้องหาชุดแรก กับผู้ต้องหาชุดสอง ก็คดีเดียวกัน คือรับเงินและฟอกเงินของเจ้าแม่มินนี่ นั่นแหละ แต่ ป.ป.ช. ตัดสินใจที่จะใช้สองมาตรฐานกับคดีเดียวกัน

เจ๊สุภา ยังเซ็นสั่งก่อนลงจากตำแหน่งอีกเรื่องหนึ่ง คือ ให้ ป.ป.ช. เรียกตัวนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มาสอบ ในฐานะที่แต่งตั้ง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล เป็น ผบ.ตร.
โดยความเห็นของเจ๊ อ้างถึง พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ ก.ตร.หนึ่งเดียว ที่คัดค้านการแต่งตั้งบิ๊กต่อ เพราะฉะนั้น ต้องสอบนายกรัฐมนตรี โดยอิงความเห็นของ พล.ต.อ.เอก อังศนานนท์ กรรมการก.ตร.

การที่เจ๊สุภา วุ่นวายกับเรื่องนี้อย่างมาก เพราะคนที่ร้อง ป.ป.ช. เรื่องการตั้งบิ๊กต่อเป็น ผบ.ตร. ก็คือ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ซึ่งอดีตวีรบุรุษนาแก ออกโรงป้องบิ๊กโจ๊กมาตลอด นับแต่เกิดเรื่องส่วยมินนี่
โดยทนายที่ช่วยดำเนินการให้ ก็คือ นายอนันต์ชัย ไชยเดย เจ้าของฉายาเหี้ยมหาญ “ทนายกระดูกเหล็ก” แต่กลับชอบพูดจา ด้วยลีลาสำนวนลิเก

จะเห็นว่าสายสัมพันธ์โยงใยระหว่างบิ๊กโจ๊กและเครือข่าย กับเจ๊สุภา นั้นไม่ธรรมดา ขนาดเจ๊กลับบ้านไปเลี้ยงหลานแล้ว ก็ไม่วายทิ้งทุ่นไว้ใน ป.ป.ช. เพื่อช่วยชีวิตไว้ให้บิ๊กโจ๊ก
คนหนึ่งที่ชีช้ำกะหล่ำปลี ก็คือ บิ๊กเต่า พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้ออกมาเป็นหัวหอกชนดะทั้งบิ๊กโจ๊ก ทั้ง ป.ป.ช.

ที่ผ่านมา อุตส่าห์ช่วยงาน ป.ป.ช. ในการทำคดีต่างๆ จนสำเร็จลุล่วงมากมาย แต่พอมีเหตุให้ต้องเลือกข้าง ป.ป.ช.ก็เลือกบิ๊กโจ๊ก แทนที่จะเลือกบิ๊กเต่า ซะอย่างนั้น

และในวันที่27 กุมภาพันธ์ กรรมการปปช.จะนั่งประชุม เพื่อพิจารณาเรื่องบิ๊กโจ๊กที่ถูกร้องทุกข์กล่าวโทษ ผิดมาตรา157 และ 149 เป็นเจ้าหน้าที่ทุจริต จากคดีเว็บพนันมินนี่ บอร์ดปปช ทั้ง5 คนจะชี้ไปทางไหน จะส่งกลับให้ตำรวจหรือดองไว้ที่ปปช.

ถ้าหากปปช.จะอุ้มโจ๊กก็หนัก ต้องชี้แจงสังคมให้ได้ แต่ถ้าคดีอยู่ปปช. โจ๊กมีโอกาสฟื้นได้ เพราะแม้สุภา ไปแล้ว แต่เครื่องจักรสังหารชื่อย่อ พ.พาน“ ยังอยู่ ที่จะรับใช้แทนเจ๊ใหญ่ กับพวกอีกสองคนที่แสบพอกันคือ ”ว” อดีตผอ.สำนัก และ “ส.”พนักงานไต่สวน

องค์กรปราบทุจริต กลับทำงานไม่สุจริต เสียเอง กำลังจะพาองค์กรลงเหว เพราะทำเพื่อพวกพ้อง