ศึกแย่ง บ้านอากู๋ นาง ศ.อ้างสิทธิ์ปรปักษ์ ย้ำสู้ไม่เลิกเพื่อศีลธรรม

ศึกแย่ง บ้านอากู๋ นาง ศ.อ้างสิทธิ์ปรปักษ์ ย้ำสู้ไม่เลิกเพื่อศีลธรรม 
กรณีพิพาทระหว่างเจ้าของโฉนดตัวจริงกับคู่กรณีซึ่งอยู่หมู่บ้านเดียวกันที่สวมรอยเข้าไปในบ้านของผู้อื่นที่ถูกทิ้งร้างแล้วอ้างกฎหมายครอบครองปรปักษ์ฮุบเอาบ้านหลังดังกล่าวไปเป็นกรรมสิทธิ์ ด้วยการต่อเติมเพื่อใช้ประโยชน์ พร้อมกับแสดงบทบาทให้ผู้คนในชุมชนเข้าใจผิดคิดว่าตนเองเป็นเจ้าของบ้าน

กระทั่งเมื่อเจ้าของตัวจริงเดินทางมายังบ้านที่เกิดเหตุซึ่งได้รับมอบเป็นของขวัญแต่งงานจากอากู๋ เรื่องจึงแดงขึ้นมาพร้อมกับการเผยแพร่ผ่านสื่อทุกสำนักและโลกโซเชียล

ศึกชิงบ้านโลกต้องจำจึงอุบัติขึ้น เมื่อทั้งสองฝ่ายเปิดหน้าชนกัน

โดยมีทนายที่ถือกฎหมายฉบับเดียวกันแต่แตกต่างกันด้วยมุมมองเป็นกุนซือ ซึ่งแม้กระแสสังคมจะตัดสินไปแล้วว่าการเบียดบังสมบัติของผู้อื่นมาเป็นของตนทั้งที่รู้อยู่แก่ใจ นอกจากจะผิดศีลแล้วยังจะผิดกฎหมายในข้อหาบุกรุกลักทรัพย์ฉ้อโกงอีกด้วย

ล่าสุดนายซันหรือนายภาคิน ซึ่งได้รับมอบบ้านจากอากู๋ พร้อมด้วยทนายความได้เดินทางไปยัง สภ. โคกคราม เพื่อลงประจำวันและนำเจ้าหน้าที่ตำรวจไปยังบ้านหลังดังกล่าว เพื่อตัดกุญแจที่คู่กรณีนำมาคล้องไว้ รวมทั้งเพื่อยึดข้าวของเครื่องใช้ของอีกฝ่ายที่นำมาวางไว้ในบ้าน เหมือนกับต้องการจัดฉากให้เห็นว่า เป็นการเข้ามาพักอาศัย และใช้ประโยชน์จริง

และยึดป้ายโฆษณาที่แขวนไว้หน้าบ้านระบุว่า เป็นร้านขายไก่ตะเกียบ พร้อมเบอร์โทร. ในการสั่งซื้อ รวมทั้งยังมีป้ายติดไว้ระบุว่า บ้านนี้เป็นของ นาง พ. ซึ่งได้เป็นผู้ครอบครองตามกฎหมายครอบครองปรปักษ์ ห้ามมิให้ผู้ใด เข้ามา หากฝ่าฝืนจะถือว่าบุกรุกและมีความผิดตามกฎหมาย

ขณะนี้ตำรวจได้ส่งสำนวนไปยังอัยการเพื่อฟ้องดำเนินคดีแล้วจำนวน 5 คน และมีการแจ้งความและฟ้องเพิ่มเติมอีก 1 คน คือนาง ศ. ซึ่งมีชื่ออยู่ในป้ายประกาศว่า เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ ตามกฎหมายครอบครองปรปักษ์ ทั้งที่ศาลยังไม่ได้มีคำตัดสิน

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าฝั่งของนาง ศ. ซึ่งเป็นคู่กรณี และเคยมาออกรายการ โหนกระแสเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว พร้อมกับยืนยันว่า จะคืนบ้านหลังดังกล่าวให้แก่นายภาคิน ผู้เป็นเจ้าของตัวจริง และจะไม่มีการฟ้องร้องใดๆ เป็นอันขาดกับเปลี่ยนท่าทีที่เคยพูดไว้ว่า ไม่เคยอยากได้ทรัพย์สินของคนอื่น ไม่เคยอยากครอบครองบ้านหลังนี้ด้วยวิธีการที่สกปรก

แต่ในวันนี้นาง ศ. ซึ่งมีภาพลักษณ์เป็นคนใจบุญสุนทาน ใส่บาตรทุกเช้า ผูกมิตรไมตรีกับผู้คนในชุมชน ได้ออกมาเปิดหน้าชนกับนายซันหรือนายภาคินหลานอากู๋เจ้าของบ้านตัวจริงด้วยการฟ้องศาล โดยอ้างพระภิกษุ 1 รูป และเพื่อนบ้านอีก 9 คนที่อยู่ในชุมชนเดียวกัน เป็นพยานยืนยันว่า ตนเองได้เข้ามาพักอาศัยอยู่ในบ้านหลังดังกล่าวเกินกว่า 10 ปี

ยิ่งไปกว่านั้น ทนายความของนาง ศ. หรือคนแถวนั้นเรียกขานกันว่า คุณป้าศรึคนดี ซึ่งเป็นที่รักของเพื่อนบ้านในชุมชนยังออกมาให้สัมภาษณ์ หลังปฏิบัติการนายภาคินตัดกุญแจยึดสิ่งของที่เป็นหลักฐานไปเก็บไว้ที่สถานีตำรวจ เพื่อเป็นพยานวัตถุประกอบสำนวนในคดี โดยใจความสำคัญที่สุดยอดทนาย ซึ่งมีบ้านอยู่ใกล้กับนาง ศ. ระบุก็คือ

ทำแบบนี้เข้าทางผมเลย ผมเห็นว่า คู่กรณีกระทำการโดยไม่ให้เกียรติต่อศาลและไม่เห็นความสำคัญของศาล การที่เขามาขับไล่ช่วงเช้าที่ผ่านมานั้น เป็นอำนาจเถื่อนและถือว่าเป็นการละเมิดคำสั่งศาลด้วยซ้ำ
ผมในฐานะทนายได้เก็บข้อมูลเอาไว้ทุกอย่างแล้ว แต่จะมีฟ้องกลับหรือไม่นั้นแล้วแต่ความต้องการของลูกความ อย่ามาคุกคามอย่ามาขู่ฆ่า

ในท้ายที่สุด ทนายคนดังกล่าวได้สรุปว่า หากชนะคดีครั้งนี้ นาง ศ. ยินดีจะขายบ้านคืนให้กับลูกหลานของอากู๋ เพราะเจตนารมณ์ในการต่อสู้คดี มิได้เพื่อต้องการครอบครองบ้าน แต่เป็นการต่อสู้เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์และศีลธรรมของตนเอง

จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า วิญญูชนที่มีจิตสำนึกและได้ยินบทสรุปของยอดทนายคนดังกล่าว คงจะหลุดปากร้องอุทานเป็นเสียงเดียวกันว่า

“โอ้แม่เจ้า นาง ศ. แม่พระคนดีแห่งชุมชนหมู่บ้านย่านรามอินทรา”