ลูก จปร. เปิดหน้าชน ปกป้องพระอาจารย์ กรมสมเด็จพระเทพฯ

ลูก จปร. เปิดหน้าชน ปกป้องพระอาจารย์ กรมสมเด็จพระเทพฯ 
จากกรณีนางสาวทานตะวัน ตัวตุลานนท์ วัย 20 ปี ผู้ต้องหาคดี 112 ที่อยู่ในระหว่างการประกันตัว ก่อเหตุย่ำยีหัวใจคนไทยทั้งประเทศ โดยร่วมกับพวกขับรถยนต์ไล่กวดขบวนเสด็จของสมเด็จพระขนิษฐาเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนสุดาฯ พร้อมกับบีบแตรรบกวนและพยายามจะเข้าประกบบนทางด่วน แต่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดท้ายขบวนสกัดกั้นจนเกิดปะทะคารม กลายเป็นคลิปที่มีการแชร์กันราวกับไฟลามทุ่ง

สร้างความโกรธแค้นให้กับผู้คนที่รับไม่ได้กับการกทำอันสุดโต่งของผู้ต้องหาหญิงคนนี้
และตะวันสามกีบหรือนางสาวทานตะวันก็ยังไม่หยุดพฤติกรรมท้าทายเพียงแค่นั้น เพราะในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา นางสาวทานตะวันกับพวกยังเปิดกิจกรรมทำโพล “คุณเดือดร้อนหรือไม่กับขบวนเสด็จ” ที่สยามพารากอนจนเกิดการปะทะกับกลุ่ม คปปส. ซึ่งเป็นที่ชัดเจนว่าจงรักภักดีต่อสถาบัน ทำให้กิจกรรมทำโพลต้องยกเลิกไปโดยปริยาย

เหตุการณ์ต่อเนื่องทั้งสองกรณีจากการจุดชนวนของผู้ต้องหาหญิงคดี 112 ที่ชื่อ นางสาวทานตะวัน ได้สร้างปฏิกิริยาและผลกระทบเป็นวงกว้าง สมดังเจตนารมณ์ของผู้จุดชนวนที่ “หิวแสง” และต้องการสุมไฟ เร่งเร้าให้เกิดการเผชิญหน้ามากยิ่งขึ้น

การก่อกวนขบวนเสด็จของกรมสมเด็จพระเทพฯ เป็นการกระทำที่เลวร้ายอย่างยิ่ง
ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้น ในแวดวงสังคมใดๆไม่อาจเทียบได้กับความเคลื่อนไหวของบรรดาลูก จปร. หรือนักเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า สถาบันหลักของกองทัพบกไทย ในการผลิตนายทหารสัญญาบัตร

นางสาวทานตะวันอาจจะไม่เคยรับรู้มาก่อนว่า พฤติกรรมของตนเอง คือการ “ท้ารบ” กับนายทหารสัญญาบัตรที่จบจากโรงเรียนนายร้อย จปร. ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของกรมสมเด็จพระเทพฯ โดยพระองค์ทรงเป็นพระอาจารย์ของนักเรียนนายร้อยมาตั้งแต่ปี 2523 นับถึงตอนนี้เท่ากับว่า ทรงทำหน้าที่พระอาจารย์มาแล้วถึง 44 ปี มีลูกศิษย์ถึง 88 รุ่น

พระองค์ทรงสอนวิชาประวัติศาสตร์ร่วมสมัยแก่นักเรียนนายร้อยชั้นปีที่ 2 และวิชาประวัติศาสตร์เลือกเสรีให้แก่นักเรียนนายร้อยชั้นปีที่ 3

นางสาวทานตะวันซึ่งมีมันสมองเพียงน้อยนิด และมีจิตสำนึกอันต่ำตม คงไม่เคยรับรู้ถึงความผูกพันระหว่างพระอาจารย์กับลูกศิษย์ของพระองค์ ที่ผูกพันกันอย่างแนบแน่นยาวนาน จากรุ่นสู่รุ่น ทรงปฏิบัติหน้าที่พระอาจารย์สัปดาห์ละ 2 วัน ซึ่งนอกจากจะทรงบรรยายในห้องเรียนแล้ว ยังทรงนำนักเรียนนายร้อยที่เป็นลูกศิษย์ของพระองค์ ไปศึกษาดูงานในสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์โดยพระองค์เองทุกปี

ไม่เพียงแต่เท่านั้น หลายครั้งที่พระองค์เสด็จเยือนต่างประเทศ และเห็นว่า มีสถานที่ทางประวัติศาสตร์แห่งใดที่จะเป็นประโยชน์ต่อนักเรียนนายร้อยของไทย ก็จะทรงนำลูกศิษย์ของพระองค์ไปทัศนศึกษา ณ สถานที่นั้นๆ แม้ว่า พระองค์จะเพิ่งเสด็จกลับมาประเทศไทยก็ตาม

ยิ่งไปกว่านั้นในบางครั้ง เมื่อเสด็จกลับจากต่าง ประเทศ พระองค์ยังมีของฝากมาพระราชทานแก่ลูกศิษย์ แม้จะเป็นเพียงของเล็กๆ น้อยๆ แต่ก็สร้างความปลื้มปิติสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ของนักเรียนนายร้อยทุกคน

รวมทั้งยังเสด็จพระราชดำเนินมาในงาน Goodbye Summer ซึ่งเป็นงานเลี้ยงปิดภาคการศึกษาของนักเรียนนายร้อยที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยมีตัวแทนนักเรียนได้รับการคัดเลือกให้ร่วมโต๊ะเสวย นอกเหนือไปจากผู้ที่ได้รับพระราชทานรางวัลผลการเรียนดีเด่น ในปีการศึกษาที่ผ่านมา

และเมื่อถึงคราวเปิดเทอมเริ่มต้นการศึกษาใหม่ พระองค์ก็จะทรงเสด็จมาเป็นองค์ประธานในพิธีไหว้ครูของนักเรียนนายร้อย จปร. รวมทั้งยังทรงดนตรีไทยร่วมกับลูกศิษย์อย่างสม่ำเสมอ เป็นภาพจำที่เหล่านักเรียนนายร้อย และพสกนิกรชาวไทยไม่เคยลืม

แต่สิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความผูกพัน และพระมหากรุณาธิคุณ กรมสมเด็จพระเทพฯที่มีต่อโรงเรียนนายร้อย จปร. ก็คือ ในวันที่ 2 เมษายน ซึ่งเป็นวันคล้ายวันประสูติของพระองค์จะเสด็จมายังโรงเรียนนายร้อย ซึ่งลูกศิษย์ของพระองค์ ได้ร่วมกันทูลเกล้าถวายเค้กวันประสูติ เพื่อแสดงความจงรักภักดี และน้อมรำลึกถึงพระคุณของพระอาจารย์ที่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อเหล่านักเรียนนายร้อยมาอย่างต่อเนื่อง

วันที่ 25 กันยายน 2558 ซึ่งเป็นปีที่กรมสมเด็จพระเทพฯ จะเกษียณอายุราชการ จากกองทัพบก ด้วยยศพลเอก ในตำแหน่งผู้บัญชาการพิเศษโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า และตำแหน่งองค์อำนวยการกองวิชาประวัติศาสตร์ โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า

นักเรียนนายร้อยทั้งหมดได้ร่วมกันสวนสนามเทิดพระเกียรติ และส่งเสด็จพระอาจารย์ของพวกเขาที่ครบวาระเกษียณอายุราชการเช่นเดียวกับข้าราชการทหารทั่วไป

แต่กระนั้นก็ตามการทำหน้าที่ของพระองค์มิได้สิ้นสุดลง เพราะยังทรงทำหน้าที่เป็นพระอาจารย์พิเศษแก่นักเรียนนายร้อยต่อมาจนถึงปัจจุบัน

โดยทรงสละเงินเดือนที่ได้รับตามสิทธิ์ของข้าราชการทหารให้แก่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ ซึ่งการสละเงินเดือนของพระองค์ เป็นสิ่งที่ทรงกระทำมาตั้งแต่แรกที่เริ่มทำหน้าที่ เป็นพระอาจารย์ของสถาบันแห่งนี้

ดังนั้นจึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า เมื่อพระอาจารย์ผู้เป็นศูนย์รวมดวงใจแห่งความจงรักภักดีของลูก จปร. ถูกคุกคาม พวกเขาจึงไม่อาจนิ่งเฉยอยู่ได้ การออกมาประกาศจุดยืนที่ชัดเจน และแสดงให้ฝ่ายตรงข้ามที่ต้องการบั่นเซาะสถาบันได้ประจักษ์ชัดว่า ลูก จปร. ทุกรุ่นจะไม่ยอมให้มันผู้ใด หรืออ้ายอีคนไหน มาลบหลู่คุกคาม พระอาจารย์ของพวกเขาอีกเป็นอันขาด

และนี่จึงเป็นที่มาของการจัดกิจกรรม ถวายพระกำลังใจแด่กรมสมเด็จพระเทพฯ ผู้บัญชาการพิเศษ โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า พระอาจารย์พิเศษของเหล่านักเรียนนายร้อย ซึ่งจัดให้มีขึ้นในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ นี้ ณ ลานสวนสนามของโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า จังหวัดนครนายก

หลังจากกิจกรรมดังกล่าวเสร็จสิ้นลง คงต้องติดตามกันต่อไปว่า จะมียุทธการในเฟสต่อไป เกิดขึ้นหรือไม่