xs
xsm
sm
md
lg

กรรมหรือคนแกล้ง ข้าวขายได้ราคา ห้ามชาวนาทำนาปรัง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



กรรมหรือคนแกล้ง ข้าวขายได้ราคา ห้ามชาวนาทำนาปรัง

มากันตามนัด โดยมิคลาดหมาย ครั้งใดที่ “ลมว่าว” เดือนกุมภาพันธุ์เข้ามาลอยชาย..
แผ่นดินไทยอากาศจะร้อนระอุ ปานว่าตับจะแลบ ทีเดียวเชียวส่งผลพวงมาอย่างยาวนาน จนกลายเป็นของคู่กันในฤดูกาล อย่างเห็นได้ชัด ทำให้มีการส่งเจี๊ยวจ๊าว เซ็งแซ่ อึกทึกครึกโครม ถึง “รัฐบาลเศรษฐา” กันอย่างอื้ออึงโกลาหล

สภาพ “ภัยแล้ง” เกิดการขาดแคลนน้ำกันอย่างหนัก เป็นวนลูปยุทธ์จักร ที่หลายรัฐบาลไทย ไม่มีปัญญาแก้สะเด็ดน้ำ ได้เสียที
มวลน้ำในหลายเขื่อนที่ได้กักเก็บเอาไว้ ก็ “พร่อง” เหือดระหาย ไปกับความร้อนที่แทบจะทะลุปรอทระหว่างนี้
“เขื่อน” ซึ่งเป็นหัวใจใหญ่ ประดุจว่าเป็น “คลังแห่งกระแสน้ำ” เมื่อลดลงมาเหลือไม่ถึงครึ่งของปริมาณ

ส่งผลลามแผ่ขยายวงกว้างไปอย่างรวดเร็ว สร้างกิริยาล่วงหน้า ให้ พ่อแม่พี่น้องชาวไทยที่ทำการเกษตร จนแทบจะหมดสภาพ
และทุกปีที่ “ภัยแล้ง” เข้ามาเคาะประตูเยือน รัฐบาลมักจะมีประกาศิตคำสั่งเด็ดขาด ไปยังเกษตรกรทุกอาชีพอาชีพ
ไม่ว่าจะปลูกผลผลิตใด ที่ “ใช้น้ำมาก” ก็ให้งด หยุด ละ หรือเว้น ในการหว่านพืชลงดิน

โดยเฉพาะชาวนา ดูจะรับกระแสความเดือดร้อน ขั้นสาหัส รุนแรง ร้ายแรง กว่าเกษตรกรอาชีพใด ๆ
มีคำสั่งออกมาระรัว เสียงถี่ยิบ ขั้นสะท้าน “ห้ามปลูกข้าวนาปรัง” เพราะจะเสียหายจนเกินคาดคิด

ว่ากันว่า “นาปรัง” เป็นผลผลิตที่ใช้ปริมาณน้ำกันเป็นอย่างมาก ดังนั้น, “รัฐบาลเศรษฐา” โดยกระทรวงเกษตรฯ ของ “ผู้กองธรรมนัส พรหมเผ่า” จึงส่งสาสน์ออกมา ห้ามกันเสียแต่หัววัน เรื่องปลูกข้าวนาปรังทำให้ “นาทีทอง” โอกาสสร้างรายได้มหาศาล ของ “กระดูกสันหลังของชาติ” หายวับไปอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว

เพราะ “ตลาดข้าวในโลก” หันมานิยมบริโภค “ข้าวไทย” ที่ปลูกและผลิตจากชาวนาไทย เป็นอันมากส์ขึ้น
แทนที่ “รัฐบาลเศรษฐา” จะมากดรีโมทสั่งห้ามในระยะไกลเช่นนี้ มันเป็นหน้าที่โดยตรง ของ “ท่านเศรษฐา ทวีสิน” ที่จะต้องรับหน้าเสื่อเป็นหัวเบี้ยในการเป็นหัวหน้า แก้ปัญหาภัยแล้ง ให้เห็นผลควบคู่ไปกับ “ปัญหาปากท้อง” ในความหิวโหยของประชาชน ที่ขาดเงินจนแทบเกลี้ยงกระเป๋า

หมดเวลา สิ้นเสียงของระฆัง สำหรับรัฐบาล 6 เดือน ครึ่งปี ที่จะไม่แก้ปัญหา “น้ำในเขื่อน” ยุบและลดกันไปอย่างรวดเร็ว
ถ้าหาน้ำ และ ระบบชลประทานที่มีประสิทธิภาพสูงเข้ามาได้ “ชาวนา” ที่ถูกยกว่ามีปริมาณจำนวนคนมากของประเทศ
ก้อสามารถสร้างรายได้ ให้ประเทศอย่างเป็นกอบเป็นกำ พ้นสภาพความยากจน ไปได้ในตัว

ต้องให้ชาวนา ลืมตาอ้าปากด้วยลำแข้ง และมือทั้งสองข้าง ของเขาเอง ไม่ใช่ตะบี้ตะบัน พอถึงหน้าแล้ง ภัยแล้งมา ก็ออกมาบอกให้หยุดทำนาปรัง โดยรัฐบาลสั่งจ่ายเงิน “ไร่ละ 1พันบาท” เพื่อให้สตอปหยุดทำนา มันถูกที่ไหนกัน

ต้องเริ่มกันอย่างจริงจัง ที่จะสร้างระบบชลประทาน นำน้ำเข้าไปสู่นา และพืชพันธุ์ธัญญาหารทุกชนิด ที่เกษตรกรไทยเป็นผู้ปลูก

เลิกเสียทีกับคำโกหกโต ที่ว่าไทยเราเป็น “ครัวโลก” ผลิตอาหารทางเกษตร ป้อนหมู่มวลมนุษย์ทุกเผ่าพันธุ์ในโลก

เมื่อเกษตรกรเรา ต้องกลายเป็น “ไร้อาชีพ” ทันทีที่ “ภัยแล้ง” มาถึง..จะประกอบสัมมาอาชีพเพื่อเลี้ยงตนเอง ก็ถูกห้ามกันเสียดื้อๆ

แผ่นดินทะเลทราย เช่น “อิสราเอล” ที่เกิดสงครามฮามาสควบคู่กันไปนั้น เขาก็ยังไม่ได้ปลูกผลผลิต ป้อนให้แก่ประชาชนเขารับประทาน

และยังมีเหลืออย่างล้นหลาม มากมายเหลือประมาณ ส่งไปหารายได้เข้าประเทศ อีกมิใช่น้อย

โดยเฉพาะกับสหรัฐอเมริกา เป็นลูกค้าขาประที่ผูกขาด กันเลยหละ

แผ่นดินเดือด ทะเลทรายร้อนเป็นไฟ “อิสราเอล” ขาดแคลนน้ำอย่างหนักกว่าไทยเรา มากนัก

แต่เขาก็แก้ปัญหานี้ ได้อย่างมีระบบ พร้อมด้วยประสิทธิภาพอันดีด้วย

ไทยเราเป็นเมืองอู่ข้าวอู่น้ำ มีน้ำท่วมทุกปี และทุกครั้งที่เข้าหน้าฝน และมรสุมเข้ามา จะเกิดภัย “นำท่วม” จนเป็นที่ชาชิน และสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวง กันอยู่เนืองๆ

งบประมาณแผ่นดินเราก็มีมากพอ ที่จะแก้ปัญหา “ภัยแล้ง” และ “น้ำท่วม” ได้อย่างไม่ยากเย็น

ถ้ายังไม่คิด “หาน้ำ” ให้กับ “เกษตรกร” ปลูกผลิตผล ได้ตลอดทั้งปี

รอให้ถึงชาติหน้า..โอกาสลืมตาอ้าปาก ของเกษตรกรไทย ก็ไม่มี
กำลังโหลดความคิดเห็น