กนง.ตรึงดอกเบี้ย 2.5% 'เศรษฐา' ไม่เห็นด้วย ทำใจน้อมรับ-ไม่ก้าวก่าย
มติเสียงข้างมาก 5 ต่อ 2 ของที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. ที่ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 2.5 % เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา นับว่าได้สร้างความสั่นสะเทือนพอสมควร โดยเฉพาะกับท่าทีของผู้นำรัฐบาลอย่างนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประกาศตรงไปตรงมาว่าไม่เห็นด้วยกับมติของกนง.ในครั้งนี้ ซึ่งยิ่งจะเป็นการตอกย้ำให้เห็นว่ารัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทยเริ่มเป็นขมิ้นกับปูนเข้าไปทุกทีในเรื่องเศรษฐกิจ
ในเรื่องนี้ นายเศรษฐา ยอมรับว่า ต้องน้อมรับมติของกนง.เพราะเป็นหน้าที่ของกนง.โดยตรง เมื่อผลโหวตออกมาแบบนั้น รัฐบาลไปก้าวก่ายไม่ได้ แต่ถ้าถามว่าเห็นด้วยไหมก็ต้องบอกว่าไม่เห็นด้วย แต่ไม่มีสิทธิไปก้าวก่ายอยู่แล้ว กนง.มีความเป็นอิสระในการดำเนินนโยบายทางการเงิน เราอยากเห็นนโยบายการเงินการคลังไปด้วยกัน และตอนนี้ก็เงินเฟ้อติดลบ 4 เดือนแล้ว
ส่วนความคิดเห็นของภาคเอกชนนั้นส่วนใหญ่แม้ต้องการให้ลดดอกเบี้ย แต่ยอมรับกับมติของกนง.ที่ออกมา โดยนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้ไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า แน่นอนว่าผู้ประกอบการต้องการให้ กนง. รวมถึง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ลดดอกเบี้ย เพื่อลดภาระต้นทุน ขณะเดียวกันก็เข้าใจว่าทาง ธปท.เอง ก็คอยเฝ้าระวังและติดตามมติของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งล่าสุดก็ยังไม่มีมติลดดอกเบี้ย ซึ่งคงเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้การลงคะแนนเสียงของ คณะกรรมการกนง.ไม่ได้เป็นเอกฉันท์ แต่ก็เห็นสัญญาณว่ามีคณะกรรมการบางคนเเลือกให้ลดดอกเบี้ย
ดังนั้นเชื่อว่าพอถึงเวลา กนง. ก็คงมีการปรับลดดอกเบี้ยแน่นอน จากสถานการณ์ในตอนนี้ก็เข้าใจและเคารพมติของกนง.ที่ออกมา แต่ถ้ามีโอกาสที่ทำได้ ก็อยาก กนง.ช่วยลดต้นทุน หรือทำมาตรการที่เป็นประโยชน์ เนื่องจากว่าเศรษฐกิจของประเทศไทยตอนนี้กำลังพื้นตัว แต่เป็นการฟื้นตัวมาเชื่องช้ามาก
เข่นเดียวกับ นายทวี ปิยะพัฒนา รองประธานอาวุโสสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า การกำหนดอัตราดอกเบี้ยคงที่มีทั้งแง่บวกและแง่ลบ ส่วนหนึ่งอาจสวนทางกับความต้องการของนักลงทุนและภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่ยังไม่ฟื้นตัว เนื่องจากขาดแรงสนับสนุนการลงทุน แต่คิดว่าธนาคารแห่งประเทศไทยคงจะมีข้อมูลเชิงลึกและมีข้อเสนอแนะที่ดีต่อภาพรวมการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงต้องมองถึงอัตราเงินเฟ้อค่าเงินในทุกด้าน ซึ่งผลกระทบที่เกิดขึ้นไม่สามารถเลี่ยงได้โดยฝั่งเอกชนจะพยายามรวบรวมข้อมูลเพื่อลดความเสี่ยงให้มากที่สุด
ขณะที่ ท่าทีของกนง.ต่อเสียงวิพากษ์วิจารณ์นั้น นายปิติ ดิษยทัต เลขานุการคณะกรรมการนโยบายการเงิน ยืนยันว่า กนง.ประเมินเศรษฐกิจขยายตัวชะลอลงในช่วงที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เกิดจากแรงส่งจากภาคต่างประเทศที่น้อยลงและผลกระทบจากปัจจัยเชิงโครงสร้าง แต่การบริโภคยังขยายตัวดีต่อเนื่อง ขณะที่อัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับที่สอดคล้องกับการรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจและการเงินซึ่งเป็นรากฐานสำคัญสำหรับการเจริญเติบโตที่ยั่งยืนในระยะยาว กนง.ส่วนใหญ่จึงเห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งนี้
ขณะเดียวกัน จากแรงกดดันทางการเมืองมีผลต่อการดำเนินนโยบายของ กนง.หรือไม่นั้น ที่ผ่านมา มีการพูดคุยเรื่องอัตราดอกเบี้ย ซึ่งเป็นปกติที่มีมุมมองหลายภาคส่วน และเป็นข้อมูลที่มีค่ามาก เพราะทำให้ กนง.มองปัจจัยหลากหลาย และควรจะพิจารณาประเด็นใดบ้าง โดยเป็นเรื่องปกติที่มีการดำเนินการในหลายประเทศด้วย