สว.รอเก้อ รัฐบาลชักคะเย่อ หนีเปิดอภิปราย

สว.รอเก้อ รัฐบาลชักคะเย่อ หนีเปิดอภิปราย

“สว.” ถือว่าเป็นผู้เฒ่า ที่เชี่ยวชาญ มองปัญหาของชาติ ด้วยความเก๋าในวัยวุฒิคุณวุฒิ เพียบพร้อมความสุขุมรอบรู้ทะลุเข้าไปถึงเนื้อใน

มองเห็นแล้วว่า “รัฐบาลเศรษฐา” ที่รำเซิ้ง เข้ามาแก้ปัญหาแผ่นดิน เข้ามาครึ่งปี 6เดือนนั้น

ผลงานหยำแหยะ กลืนไม่ลง

ดูกันทั้ง10ทิศ และรอบด้านแล้ว สอบตกกลิ้งเป็นลูกขนุน ร่วงลงคลุกดิน จนเป็นห่วงไม่ได้

แทนที่ “รัฐบาลเศรษฐา” จะเปิดคอนโดมิเนี่ยมทั้ง 4 ห้อง เพื่อรับฟัง สว. ที่เป็นเอกลักษณ์ของเอกบุรุษ

ในการเปิดหูเปิดตา ให้เห็นภาพของปัญหาที่แท้จริง ช่วงที่ประชาชน กำลังรอการแก้ปัญหาของชาติ อย่างกระตือรือร้น

กลายเป็นว่า “รัฐบาลเศรษฐา” เหมือนคนไข้ขึ้น ที่กลัวจะไปพบหมอ ได้รับการฉีดยา ให้อาการบรรเทาดีขึ้น

ใช้เทคนิคการเมือง หนีการแก้ปัญหาอย่างจุกก้น เสียยังงี้แหละท่านผู้ชม

อ้างอย่างตาลีตาเหลือก ร้อนร้น ชนิดที่ไม่ประสีประสาเอาเสียเลย ปฏิเสธเยื่อไยไมตรี ของ สว. ที่ยื่นไมตรีมาอย่างมิตรแท้

สว.ทำงานกันมา เกือบจะ 5 ปี 5ฤดูฝน การนั่งหลังขดหลังแข็ง มาราธอนอย่างตรากตรำ จึงเห็นปัจจัยของปัญหา ดีกว่านักการเมืองส้มหล่นกันอยู่หลายเท่า

เป็นมือใหม่ แต่ทำตัวใหญ่คับซอยเช่นนี้ “นายกฯเศรษฐา ทวีสิน” ที่เกาะบารมีพรรคเพื่อไทยเข้ามาควรคำนึงถึงสิ่งนี้บ้างก็ดี

การคอแข็ง ไม่กระวีกระวาด รีบเร่ง ขมีขมัน ตามสิทธิ์ตามสิทธิแห่งรัฐธรรมนูญ ที่เปิดประตูบานใหญ่ ให้ “สว.” เปิดการซักฟอก ตาม ม. 153โดยไม่มีการลงมติ...

ใช้วิธีการเตะถ่วง ให้การซักฟอกของ สว. ออกนอกสนามเช่นนี้ มันไม่แฟร์

จากที่แบะท่า ให้ไฟเขียวเพื่อซักฟอก ในเดือนมกราคม ก็เลื่อนไปเดือนกุมภาพันธุ์ เดือนแห่งความรัก แทนที่ได้รับฟังคำแนะนำ และสิ่งท้วงติงที่ดี ย่อมทำให้งานของรัฐบาลนี้ ปรับศูนย์และจูนเครื่อง ได้ดีตามมาด้วย

แต่แล้วคุณเจ้าเอ๋ย รัฐบาลเศรษฐา เกิดอาการขัดลำกล้อง เป็นโรคเลื่อนมา อย่างปุบปับไม่มีปี่มีขลุ่ย

เลื่อนระยะถอยหลัง ไปวันที่ 20 มีนาคม ไปแล้วจะให้ “สว.” จับขึ้นขาหยั่ง เพื่อสำรวจภายใน ว่ามือถึงอย่างที่คุยกันหรือเปล่า

ใครต่างก็เห็นว่า “นายกฯเศรษฐา” มีชีพจรลงเท้า ไปที่นั่นที่นี่ วันละ 24ชั่วโมง ประชาชนต่างก็เห็นกันอยู่คาตา

ควรสละเวลา ดีกว่าไปทอดน่องที่อื่น มาเปิดหูทั้งสองข้าง รับฟังความจริง ที่ “สว. 200กว่าท่าน” ได้เตรียมจุดอ่อนอันกระปลุกกระเปลี้ย ถึงความอ่อนด้อย ในการแก้ปัญหา ที่ตนยังเข้าจุดไคลแม็กซ์ ไม่ถึง

ถ้า “นายกฯเศรษฐา” เปิดกว้าง เหมือนจอยักษ์ 2ดี ไอแม็กซ์ ดิจิตอล เช่นโรงภาพยนตร์ ชั้นหนึ่ง แล้วก็จะดีมากเป็นที่สุด

ท่านจะได้รับรู้ปัญหา จากปากและความรู้ของ สว.ไวขึ้น อีกหลายกิโลขีด ทีเดียว

ต่อให้ปฏิเสธคอเป็นเอ็น ว่าไม่คิดหนีจากซักฟอก ก็ตามทีเหอะ

แต่พฤติการณ์ ผิดกันราวกับฟ้ากับเหว ใครมองต่างจับไต๋นี้ ได้ทัน อย่ามาปฏิเสธ ให้เปลืองน้ำลายเลย

การเก็บเกี่ยวปัญหา ที่ สว. จะนำมาชี้จุดบอดให้กับรัฐบาลนี้ ไม่ว่าปัญหาปากท้อง ปัญหาด้านการยุติธรรม และการบังคับใช้กฎหมาย

ไม่ควรเป็นสิ่งละเลย เพิกเฉย ทอดทิ้ง ไม่นำพาแม้แต่วินาทีเดียว

ยิ่งด้านพลังงาน การศึกษา ปัญหาต่างประเทศ และการท่องเที่ยว เป็นเครื่องสำคัญ ที่ต้องรีบมาฟังการเลคเชอร์ คำปราศรัย ในการนำไปปฏิบัติ

“สว.” ก็มีดีย่อมถือเป็นผู้ทรงความรู้ เพียบพร้อมด้วยภูมิปัญญา ความสามารถอันสะสมมานานหาใครเทียบไม่ได้

ไม่อยากให้ “รัฐบาลเศรษฐา” มองใครก็เป็นศัตรู กันอย่างพร่ำเพรื่อ

เสียงสะท้อนถึงแม้นว่ามันขม

แต่ก็ดีกว่ารัฐบาลล้ม จมดิน เพราะไม่คิดจะรับฟังใครเลย