xs
xsm
sm
md
lg

'สิงห์ชัย' อดีต อสส.ฟ้อง 'นารี' ล้วงลูกเหตุสั่งไม่ฟ้องคดีใหญ่ ชี้เลือกปฏิบัติ-ไม่เป็นธรรม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



'สิงห์ชัย' อดีต อสส.ฟ้อง 'นารี' ล้วงลูกเหตุสั่งไม่ฟ้องคดีใหญ่ ชี้เลือกปฏิบัติ-ไม่เป็นธรรม

เกิดแผ่นดินไหวที่สำนักงานอัยการสูงสุดอีกครั้ง ภายหลังมีการใช้กระบวนการตามกฎหมายเพื่อตรวจสอบการทำงานของอัยการสูงสุด โดยนายสิงห์ชัย ทนินซ้อน อดีตอัยการสูงสุด (อสส.) ได้ยื่นฟ้อง นางสาวนารี ตัณฑเสถียร อดีตอสส. และนายศักดา ช่วงรังษี รองอัยการสูงสุด หัวหน้าคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงในคดีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้อง บริษัท ซี.พี.เค. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กับพวก บุกรุกยึดครองหรือทำประโยชน์ในอุทยานแห่งชาติและป่าสงวนฯกว่า 6,200 ไร่ ใน อ.ภูเรือ จ.เลย ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด

ทั้งนี้ การฟ้องคดีของนายสิงห์ชัยเป็นผลมาจาก น.ส.นารี เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุดมีคำสั่งเมื่อปี 2566 แต่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีข่าวสารและเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาที่อยู่ในความสนใจของประชาชนและอาจมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของสำนักงานอัยการสูงสูงสุด จำนวน 5 คณะทำงาน ได้แก่ คณะทำงานที่ 1 คดีนายกำพล วิระเทพสุภรณ์ คดีเผาสวนงูภูเก็ต , คณะทำงานที่ 2 คดี ซี.พี.เค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กับพวก , คณะทำงานที่ 3 คดีนายแทนไท ณรงค์กูล กับพวก , คณะทำงานที่ 4 คดีมาวินเบต ดอทคอม และคณะทำงานที่ 5 คดียาเสพติดเมทแอมเฟตามีน 400,000 เม็ด

คดี ซี.พี.เค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กับพวก , คดีนายแทนไท ณรงค์กูล กับพวก และคดียาเสพติดเมทแอมเฟตามีน 400,000 เม็ด เป็นคดีที่นายสิงห์ชัย มีคำสั่งชี้ขาดไม่ฟ้องตามความเห็นแย้ง ส่วนคดีมาวินเบต ดอทคอม เป็นคดีที่นายสิงห์ชัย มีคำสั่งไม่ฟ้องกรณีความผิดนอกราชอาณาจักร เป็นคดีที่โจทก์ใช้ดุลยพินิจสั่งตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาญาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 248 และตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 145 มาตรา 145 /1 และมาตรา 20 คดีถึงที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 147

ขณะที่การสั่งคดียังได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 248 พนักงานอัยการมีอิสระในการพิจารณาสั่งคดีและการปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปโดยรวดเร็ว เที่ยงธรรม และปราศจากอคติทั้งปวง ด้วย และไม่ปรากฎว่า น.ส.นารี มีคำสั่งให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงและการสั่งคดีในคดีอื่นๆ ของนายสิงห์ชัยที่กำลังเป็นกระแสสังคมและเป็นที่สนใจของประชาชนในขณะนั้น

ดังนั้น การกระทำดังกล่าวของน.ส.นารี จึงมีเจตนาใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยไม่สุจริต มุ่งตรวจสอบสำนวนคดีที่โจทก์มีคำสั่งวินิจฉัยชี้ขาดในขณะดำรงตำแหน่ง อสส. เป็นการเลือกปฏิบัติต่อโจทก์อย่างไม่เป็นธรรม ขณะที่การออกคำสั่งดังกล่าว ยังเป็นการกระทำที่ก้าวล่วงดุลยพินิจในการสั่งคดีของโจทก์ที่ได้พิจารณาและมีคำสั่งไปแล้วโดยชอบด้วยกฎหมาย เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายเสื่อมเสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่นเกลียดชัง ทำให้บุคคลอื่นเข้าใจว่าโจทก์ใช้อำนาจ อสส.ในการสั่งคดีโดยมิชอบ

ส่วนนายศักดา เป็นบุคคลที่เป็นปฏิปักษ์และมีสาเหตุโกรธเคืองกับนายสิงห์ชัยมาก่อน การปฏิบัติหน้าที่ของ นายศักดา ที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและพิจารณาความเห็นใน คดี ซี.พี.เค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กับพวก และมีการพิจารณาทำความเห็นให้ข้อเสนอแนะก้าวล่วงไปถึงดุลยพินิจในการพิจารณาสั่งคดีของนายสิงห์ชัย ในฐานะอสส. โดยไม่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะกระทำได้ และเสนอความเห็นต่อ อสส.คนปัจจุบันให้ดำเนินการทางวินัยร้ายแรงกับโจทก์ การออกคำสั่งอสส. โดยน.ส.นารี จำเลยที่ 1 แต่งตั้งนายศักดา จำเลยที่ 2 เป็นคณะทำงานดังกล่าว จึงมีเจตนาร่วมกันดำเนินการตรวจสอบทั้งที่ ไม่มีอำนาจและไม่เป็นกลาง เป็นการใช้อำนาจหน้าที่ในตำแหน่งโดยไม่สุจริต เป็นการกลั่นแกล้งโจทก์เพื่อให้ได้รับความเสียหายต่อชื่อเสียง อันเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

จากนี้ไปต้องรอดูว่าบทสรุปของคดีนี้จะลงเอยอย่างไร แต่ตอนนี้สำนักอัยการสูงสุดกำลังสั่นคลอนอีกคร้ง
กำลังโหลดความคิดเห็น