ปมเดือด 'แลนด์บริดจ์' เชื่อมสองฝั่งทะเล แต่ 'เพื่อไทย-ก้าวไกล' ตัดขาด
การเมืองเวลานี้ไม่มีเรื่องไหนจะร้อนเท่ากับการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งเพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้เชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน (โครงการแลนด์บริดจ์) ที่มีนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เป็นประธานคณะกรรมาธิการ ภายหลังกรรมาธิการในสัดส่วนของพรรคก้าวไกลลาออกพร้อมกันทั้ง 4 คน ประกอบด้วย นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายจุลพงศ์ อยู่เกษ สส.บัญชีรายชื่อ นายศุภณัฐ มีนชัยนันท์ ส.ส. หกกทม. และ นายสมพงษ์ ศิริโสภณศิลป์ เพราะไม่พอใจกับท่าทีของคณะกรรมาธิการเสียงข้างมากของพรรคเพื่อไทยที่เร่งรัดการทำงาน ทั้งๆที่คณะกรรมาธิการยังได้รับข้อมูลไม่ครบถ้วน
ตลอดการประชุมกว่า 3 เดือนของคณะกรรมาธิการชุดนี้ ถือว่ามีความเข้มข้นพอสมควร เพราะดูเหมือนว่าพรรคก้าวไกลกำลังถูกโดดเดี่ยว ภายหลังกรรมาธิการทั้งของพรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย หรือแม้แต่พรรคประชาธิปัตย์ จับมือรวมการเฉพาะกิจรุมถล่มพรรคก้าวไกลเป็นการเฉพาะ ทำให้ต่างฝ่ายต่างสะสมความบาดหมางกันมาเป็นระยะ ก่อนที่พรรคก้าวไกลจะระเบิดออกมา
ด้วยการประกาศลาออกตามที่มีข่าว
ความบาดหมางที่สะสมมาตั้งแต่แรกเริ่มมาจากพรรคก้าวไกลไม่พอใจกับท่าทีของนายวิสุทธิ์ ภายหลังพยายามสื่อสารกับกรรมาธิการฯด้วยกันว่าต้องการพิจารณาให้เสร็จตามกรอบที่สภาผู้แทนราษฎร กำหนดไว้ที่ 90 วัน ซึ่งจะครบกำหนดช่วงกลางเดือนมกราคม เพื่อให้แสดงให้เห็นเป็นตัวอย่าง
เพราะที่ผ่านมาคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาญัตติของสภาฯส่วนใหญ่ มักจะขยายเวลาการทำงานต่อไปแบบไม่มีกำหนด ทั้งที่บางกรณีได้พิจารณาเสร็จสิ้นแล้ว แต่ที่ขยายก็เพราะคนที่มาเป็นประธานคณะกรรมาธิการนั้นไม่ต้องการออกจากตำแหน่งประธาน ดังนั้น คณะกรรมาธิการวิสามัญชุดนี้ ควรสร้างบรรทัดฐานใหม่ให้กับการทำงานของสภา
อย่างไรก็ตาม กรรมาธิการวิสามัญในส่วนของพรรคก้าวไกล พยายามแจ้งว่าการทำงานของคณะกรรมาธิการควรตั้งอยู่บนพื้นฐานที่ว่าต้องได้รับข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมากที่สุดก่อน จากนั้นถึงจะมาพิจารณาว่าควรขยายเวลาหรือไม่
ขณะที่ อีกประเด็นสำคัญสำคัญที่ทำให้กรรมาธิการของพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล ไม่ลงรอยกันชัดเจน คือ การเรียกผู้บริหารของสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักที่ทำหน้าที่ศึกษาความคุ้มค่าของโครงการแลนด์บริดจ์มาให้ข้อมูลเชิงลึกลงรายละเอียดถึงรายผลงานการศึกษาของโครงการดังกล่าวที่ใช้งบประมาณราว 68 ล้านบาท โดยขอให้คณะกรรมาธิการนัดประชุมและเชิญสนข.มาชี้แจงเป็นการเฉพาะแยกต่างหาก หรือไม่ก็ควรตั้งคณะอนุกรรมาธิการเพื่อพิจารณาเรื่องนี้เป็นการเฉพาะ
แต่ปรากฎว่ากรรมาธิการในสัดส่วนของพรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมรัฐบาล พยายามเลี่ยงข้อเสนอของพรรคก้าวไกลด้วยการกำหนดให้สนข.ส่งตัวแทนมาร่วมประชุมเสมือนหนึ่งเป็นผู้สังเกตุการณ์ ไม่ใช่ในฐานะผู้ชี้แจง และจดประเด็นข้อสังเกตที่มีการพาดพิงสนข. แล้วค่อยนำมาตอบคณะกรรมาธิการเป็นครั้งคราว
ขณะที่ พรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย พยายามเรียกหน่วยงานราชการ ท้องถิ่น ภาคเอกชนของจังหวัดอื่น ๆ ในพื้นที่ภาคใต้นอกเหนือไปจากจังหวัดชุมพรและระนองจำนวนมากมาชี้แจงจำนวนมาก ซึ่งผู้แทนบางจังหวัดเคยแจ้งกับที่ประชุมว่าเห็นด้วยกับโครงการดังกล่าวแต่จังหวัดของตัวเองไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการนี้โดยตรง
แม้การกำหนดวาระการประชุมในบางครั้ง หนังสือนัดประชุมจะมีการระบุลงไปว่าสนข.มาร่วมประชุมในฐานะผู้ชี้แจง แต่ก็เป็นการพิจารณารวมกับเรื่องอื่น ๆ ทำให้กรรมาธิการในสัดส่วนของพรรคก้าวไกลไม่อาจถามคำถามกับสนข.ได้กับเต็มที่ เนื่องจากมีผู้ชี้แจงจากภาคส่วนอื่น ๆมาด้วย
เมื่อความไม่พอใจสะสมมาต่อเนื่องและมาถึงจุดแตกหักเมื่อวันที่ 12 มกราคมที่ผ่านมา จึงสาเหตุที่ทำให้กรรมาธิการของพรรคก้าวไกลทั้ง 4 คน ลาออกในที่สุด เรียกได้ว่าทั้งสองพรรคต่างยอมหักและไม่ยอมงอกันเลยทีเดียว
ดังนั้น ต้องรอดูว่าในยกสองที่ต้องมีการพิจารณารายงานฉบับนี้ในที่ประชุมสภาฯจะเดือดเหมือนกับในห้องประชุมคณะกรรมาธิการฯหรือไม่ต่อไป
////////