xs
xsm
sm
md
lg

คดีส่วยคาราโอเกะ "บิ๊กโจ๊ก" รอด ปปช.อุ้ม "เสี่ยแต๋มอุดร" เป็นพยาน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



คดีส่วยคาราโอเกะ "บิ๊กโจ๊ก" รอด ปปช.อุ้ม "เสี่ยแต๋มอุดร" เป็นพยาน


แกะรอยคดีใหญ่ที่บิ๊กโจ๊กถูกป.ป.ช.สอบสวน ยุติไปอย่างไร ป.ป.ช.สั่งยุติเรื่องด้วยเหตุผลกลใด ซึ่งหมายถึง คดีที่มีบิ๊กโจ๊ก พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้ถูกร้อง คือกรณีนายเขตสยาม เนาวรังสี ร้องเรียนบิ๊กโจ๊กสมัยเป็นผู้กำกับ 3 กองปราบปรามการค้ามนุษย์ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เมื่อปี 2553 ถึง 2554 จนเป็นข่าวคึกโครม เพราะมีข้อมูลการโอนเงินจากส่วนร้านคาราโอเกะทั่วภาคอีสานเข้ามาในบัญชีของบิ๊กโจ๊กอย่างชัดเจน

แต่ปรากฏว่า บิ๊กโจ๊ก ให้การออกไป ในเชิงว่าได้นำเงินให้เสี่ยแต๋ม คือเสี่ยแต๋มคนเดียวกันกับที่ให้บ้านบิ๊กโจ๊กอยู่อาศัยตอนที่บิ๊กโจ๊กถูกตำรวจ PCT ค้นบ้านเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2566 คดีมินนี่ เครือข่ายเว็นพนันออนไลน์

เสี่ยแต๋ม มาเป็นพยานให้กับบิ๊กโจ๊กว่าเงินที่บิ๊กโจ๊ก ถูกโอนเข้ามาในบัญชีหลายแสนบาทหรือบางครั้งก็หลายล้านบาทนั้น เป็นเงินที่บิ๊กโจ๊กนำไปปล่อยกู้ให้กับร้านคาราโอเกะต่างๆทั่วภาคอีสาน

แค่นี้ ปปช. ก็เชื่ออย่างไม่ต้องไปทำอะไรต่อ ไม่ต้องไปสืบสวนอะไรต่อ หนึ่งในกรรมการ ปปช. ก็คือสุภานั่นเอง ไม่มีการดำเนินคดีฐานปล่อยเงินกู้ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

โดยสุภาวินิจฉัยว่า เสี่ยแต๋มเป็นผู้เสียหายในคดีด้วย ดังปรากฏในข่าว เมเนเจอร์ออนไลน์ว่า “ มติเป็นทางการประธาน-กรรมการ ป.ป.ช. 7 เสียงตีตกคดีสุเชษฐ์เรียกเงินคาราโอเกะ“

โดยเนื้อหาข่าว สุภาอ้างว่าเสี่ยแต๋มเป็นผู้เสียหายด้วย เสี่ยแต๋มเป็นผู้ถูกเรียกดอกเบี้ยจากเงินกู้ด้วย ซึ่งเป็นการขัดกับข้อเท็จจริง

ข้อเท็จจริงคือเสี่ยแต๋มเป็นพยานให้บิ๊กโจ๊กซึ่งเสี่ยแต๋มได้ไปให้การกับคณะกรรมการ ป.ป.ช. ว่าเงินที่เข้ามาในบัญชีบิ๊กโจ๊กนั้น คือเงินที่บิ๊กโจ๊กนำไปปล่อยให้คนกู้ทั่วภาคอีสานตอนบนไม่ใช่เงินส่วยแต่อย่างใด

แค่เพียงคำให้การเสียแต๋มแค่นี้ก็ทำให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. เชื่อไปแล้ว โดยไม่มีการตรวจสอบใดใดหรือมีการดำเนินคดีเกี่ยวกับการปล่อยเงินกู้ อีกทั้งยังได้มีความเห็นยุตติเรื่องบิ๊กโจ๊กสมัยนั้น รับส่วยคาราโอเกะไปอย่างง่ายดาย

ซึ่งสำนวนเรื่องนี้ถูกยุติเสร็จสิ้นในยุค คสช. เรืองอำนาจ หรือยุคบิ๊กตู่เป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อต้นปี 2559 ที่บิ๊กโจ๊ก มีความสัมพันธ์สนิทกับบิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หนึ่งใน คสช. ที่ปฎิบัติรัฐประหารมา

ยิ่งไปกว่านั้นมีรองผู้การท่านหนึ่งได้ร้องเรียนให้ตรวจสอบกรณีที่นายเขตสยามเสียชีวิตและน่าเชื่อว่ามีการถูกบังคับให้ไปถอนเรื่องร้องเรียน

ปรากฏว่ารองผู้การท่านนั้นก็ถูกบิ๊กโจ๊กดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นประมาท โดยสั่งให้เขมรินทร์ คนเดียวกันกับผู้ต้องหาในคดีมินนี่เข้าไปดูการสอบสวน เข้าสอบสวนพยานเอง ที่สถานีตำรวจนครบาลปทุมวัน โดยรองผู้การท่านนั้นได้ฟ้องกลับ เขมรินทร์ที่ศาลคดีอาญาทุจริต แต่คดีหรือคำโต้แย้ง แม้ได้ทำหนังสือร้องเรียนไปที่อัยการสูงสุดหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใดใด ก็ไม่มีผล

กลายเป็นว่าผู้ร้องเรียนให้เปิดเผยความจริงแต่กลับต้องถูกทำร้ายโต้แย้งกลับคืน

อันแสดงให้เห็นว่านอกจากบิ๊กโจ๊กจะมีความสัมพันธ์ เชิงระบบอุปถัมภ์กับหน่วยงานอิสระ แล้วยังมีความสัมพันธ์กับหน่วยงานอื่นอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นอัยการสูงสุดไม่ว่าจะเป็นองค์กรหน่วยงานอื่นอีกมากมาย

จะเห็นได้จากคดีมินนี่หรือคดีพนันออนไลน์ที่สน. เตาปูนนั้นก็เป็นประจักษ์ชัดแล้วว่า ตำรวจลูกน้องบิ๊กโจ๊ก บางคนเช่นพ.ต.ท.คริษฐ์ ยังสามารถลอยนวลไม่ถูก ดำเนินการทางวินัยกลับยังไม่ได้รับการแต่งตั้งโยกย้ายไปด้ายดิบได้ดี หากเป็นตำรวจคนอื่นก็คงต้องถูกไล่ออกปลดออกหรือให้ออกไปเรียบร้อยแล้ว แต่กว่าจะดำเนินคดีได้ก็มีขั้นตอนซับซ้อนยุ่งยากมากมาย ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

พูดง่ายง่ายว่า ชุดทำงานในคดีนี้ ไม่สามารถทำงาน ได้อย่างเต็มที่เนื่องจากบิ๊กโจ๊กมีการโต้แย้งการกระทำของเจ้าหน้าที่ ในทุกขั้นตอนการดำเนินการ

แม้กระทั่งคดีของบิ๊กโจ๊กที่ถูกกล่าวหาเกี่ยวพันกับพนันออนไลน์ที่เป็นเส้นเงินถึงคนใกล้ชิด บางส่วนถูกส่งไป ป.ป.ช. ปัจจุบันนี้ก็มีมีเสียงแว่วแว่วมาว่าได้ส่งมอบสำนวนดังกล่าวให้กับลูกน้องในคาถาของอดีตป.ป.ช.คนหนึ่ง เป็นประธานกรรมการอนุไต่สวนเรียบร้อยแล้ว และยังไม่มีทีท่าจะส่งกลับมาให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการต่อ ตามระเบียบกฎหมาย
กำลังโหลดความคิดเห็น