xs
xsm
sm
md
lg

บิ๊ก ตร.-สุภา ปปช. สัมพันธ์ลึกหรือไม่ ดูคดี สตม.เก็บค่าวีซ่า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



บิ๊ก ตร.-สุภา ปปช. สัมพันธ์ลึกหรือไม่ ดูคดี สตม.เก็บค่าวีซ่า

กรณีคลิปเสียงบิ๊กตำรวจ คุยโวว่า ตัวเองสนิทกับกรรมการ ป.ป.ช. ชื่อสุภา ซึ่งน่าจะหมายถึง น.ส.สุภา ปิยะจิตติ ผู้ซึ่งหมดวาระไปหมาดๆ หลังอยู่ในตำแหน่งมาครบ 9 ปี ส่วนเสียงบิ๊กตำรวจไม่ต้องบอก ใครฟังก็รู้เป็นเสียงใคร!!

จะเห็นได้ว่าในอดีต น.ส.สุภา มีบทบาทในคดีที่สอบสวนโดย ป.ป.ช. เป็นคดีใหญ่ไปแล้วหลายคดี
คดีหนึ่งที่มีความสำคัญคือ กรณีบิ๊กตำรวจคนดัง ถูกร้องเรียนด้วยบัตรสนเท่ห์ ประมาณลางปี 2564 กล่าวหาว่า จัดซื้อจัดจ้างไม่ชอบด้วยกฎหมาย และไม่เป็นการดำเนินการตามขั้นตอน ตาม พ.ร.บ. จัดซื้อจัดจ้าง และการบริหารงานพัสดุพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560
ในการสรรหาบริษัทเอกชน เข้ามาทำการตรวจลงตรา Visa on Arrival (VOA) ให้นักท่องเที่ยวจำนวน 21 ประเทศ กับ1เขตเศรษฐกิจ ที่มาท่องเที่ยวไทย จะต้องยื่นขอวีซ่ากับบริษัทเอกชนเสียก่อน

วันที่ 24 ธ.ค. 2561 บิ๊กตำรวจดังกล่าว ลงนามสัญญา MOU กับบริษัทแห่งหนึ่ง ให้ตรวจประทับตรา Visa on Arrival โดยเก็บค่าธรรมเนียม 2,500 บาท
โดยการทำสัญญาดังกล่าว ไม่ผ่านการสรรหา หรือเลือกสรร หรือคัดเลือก หรือเปิดโอกาสให้มีการแข่งขันระหว่างบริษัทต่างๆ เสียก่อน

เงินค่าธรรมเนียม 2,500 บาท ที่เก็บจากนักท่องเที่ยว ทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง หรือสตม. จะได้รับไป 2,000 บาท ที่เหลืออีก 500 บาท เป็นของบริษัท

ในกรณีเร่งด่วน นักท่องเที่ยวต้องจ่ายเพิ่มอีก 2,000 บาทให้บริษัท เพื่อเป็นการอนุมัติอย่างเร่งด่วนภายใน 24 ชั่วโมง

นับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2562 บริษัทที่บิ๊กตำรวจเลือกมาเองนี้ จะได้รับเงินค่าวีซ่า VOA 500 บาทต่อคนอย่างต่อเนื่อง และยังได้รับการต่ออายุ เมื่อวันที่ 1 ม.ค. 2565

เมื่อคำนวณจำนวนนักท่องเที่ยวแล้ว พบว่า นักท่องเที่ยวจาก 21 ประเทศ 1เขตเศรษฐกิจ ที่มาเที่ยวเมืองไทย มีจำนวนปีละประมาณ 5 แสนคน
เท่ากับว่าบริษัทพรรคพวกของบิ๊กตำรวจ จะมีรายได้ถึง 250 ล้านบาทต่อปี

ส่วนกรณีอนุมัติเร่งด่วน สมมติว่ามีจำนวนแค่ 5% จากจำนวนทั้งหมด 5 แสนคน ก็จะเท่ากับ 25,000 คน
เมื่อคูณกับเงิน 2,000 บาท ก็จะเป็นเม็ดเงิน 500 ล้านบาท ทั้งนี้ จำนวนคนขออนุมัติแบบเร่งด่วน อาจมีมากกว่า 5% ก็เป็นไปได้

แสดงว่า บริษัทที่บิ๊กตำรวจจิ้มเลือกมาลงนาม MOU ได้รับผลประโยชน์มหาศาล ในการทำธุรกิจกับ สตม.
แต่จากการตรวจสอบตามข้อร้องเรียนดังกล่าว กลับพบความจริงที่น่าตื่นตะลึงว่า บริษัทนี้ ไม่มีสำนักงานประจำที่สนามบินสุวรรณภูมิแต่อย่างใด

เมื่อให้ “สาย” ทำการล่อจ่ายเงิน ก็พบว่าบริษัทแค่เปิดเว็บไซต์ในต่างประเทศขึ้นมา จัดการกรอกข้อมูลของนักท่องเที่ยว แล้วสแกนจ่ายเงินผ่านทางแอพของบริษัทเท่านั้น

ทั้งที่บิ๊กตำรวจ กระทำการผิดระเบียบการจัดซื้อจัดจ้าง มีลักษณะเอื้อประโยชน์ให้เอกชนอย่างชัดเจน แต่ผลสอบสวนในชั้น ป.ป.ช. สรุปว่าบิ๊กตำรวจ ไม่มีความผิด

ความมั่นใจเลยพุ่งสูง ถึงขั้นไปพูดคุยโวว่า สนิทกับ “สุภา” ป.ป.ช.ไม่สามารถทำอะไรตัวเองได้
*******
กำลังโหลดความคิดเห็น