xs
xsm
sm
md
lg

'บิ๊กรอย' นั่งเลขา สมช. 'ประจวบ' ขึ้นรอง ผบ.ตร.แต่งตัวรอเก้าอี้ ผบ.ตร.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



'บิ๊กรอย' นั่งเลขา สมช. 'ประจวบ' ขึ้นรอง ผบ.ตร.แต่งตัวรอเก้าอี้ ผบ.ตร.

ในที่สุดตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. เกิดความชัดเจนสักที ภายหลัง พลตำรวจเอกรอย อิงคไพโรจน์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยอมย้ายข้ามหัวจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มาทำหน้าที่ผู้บริหารสูงสุดของสมช.

จากเดิมที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง อยากจะจัดกำลังงานความมั่นคงที่อยู่ภายใต้การกำกับของฝ่ายพลเรือนให้เสร็จสิ้นตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา

แต่ก็ทำไม่สำเร็จ เพราะติดขัดตรงที่เดิม 'บิ๊กรอย' ยังไม่ยอมย้ายมา

ความชัดเจนในเรื่องการย้ายข้ามหัวข้ามห้วยนั้นปรากฎให้เห็นผ่านหนังสือด่วนที่สุด ที่ลงนามโดยนายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เรื่อง การขอรับโอนข้าราชการตำรวจ ถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 28 ธ.ค. 2566 โดยระบุว่า

ด้วยสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ พิจารณาเห็นว่า พลตำรวจเอกรอย ตำแหน่ง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ข้าราชการตำรวจ สังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถ ทักษะและประสบการณ์ที่เหมาะสม จึงมีความประสงค์จะขอรับโอนพลตำรวจเอกรอย มาแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เพื่อประโยชน์ของทางราชการ

สาเหตุหนึ่งที่ทำให้บิ๊กรอยตัดสินใจมาทำงานที่ทำเนียบรัฐบาลในตำแหน่งดังกล่าว เป็นเพราะกำลังจะเกษียณอายุราชการในปี 2567 นั่นหมายความว่าเส้นทางสู่ตำแหน่งสูงสุดในวิชาชีพตำรวจเป็นไปได้ยากมาก จึงเลือกมาเป็นใหญ่ในที่อื่นแทน

ดังนั้น การลุกออกจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติของบิ๊กรอย เท่ากับว่าเก้าอี้รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะว่างอีก 1 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นที่จับตาว่า พลตำรวจโทประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วยผบ.ตร. จะเข้ามานั่งในตำแหน่งดังกล่าวแทน โดยยิ่งจะทำให้ราศีตำแหน่งผบ.ตร.จับมามาที่ 'บิ๊กจวบ' เด่นชัดมากขึ้น

พลตำรวจโทประจวบ มีอายุราชการเหลือถึง 2568 และเป็นผู้ช่วยผบ.ตร.ที่มีอาวุโสลำดับที่ 1 ชีวิตการรับราชการส่วนใหญ่เติบโตมาจากการเป็นนายตำรวจใหญ่ทางภาคเหนือก่อนจะได้ตำแหน่งผู้ช่วยผบ.ตร.เมื่อปี 2564 แต่ปัจจัยที่ทำให้ชื่อพลตำรวจโทประจวบโดดเด่นกว่าใคร คือ การได้รับภารกิจจากผู้บังคับบัญชาให้ดูแลการรับตัวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เดินทางกลับมารับโทษตามคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2566

เท่ากับว่า เก้าอี้รองผบ.ตร.ที่กำลังจะว่างลงย่อมตกเป็นของพลตำรวจโทประจวบ เพื่อรอเวลาและสำหรับการขึ้นเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนถัดไป แม้ว่าอาวุโสอาจจะยังไม่มากเมื่อเทียบรองผบ.ตร.คนอื่นๆ แต่พระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 เปิดช่องให้การแต่งตั้งผบ.ตร.ไม่จำเป็นต้องยึดอาวุโสเป็นหลัก

ดังนั้น ถ้าพระอาทิตย์ไม่ขึ้นทางทิศตะวันตกหรือเกิดเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงทางการเมืองไปเสียก่อน ตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ คงไม่หลุดไปจาก 'บิ๊กจวบ' แน่นอน

*****
Sondhi X
กำลังโหลดความคิดเห็น