พันธมิตร 12 ชาติที่นำโดยสหรัฐฯ ในวันพุธ (3 ม.ค.) ส่งเสียงเตือนร่วมกันไปถึงกบฏฮูตีในเยเมน ว่า จะเจอผลสนอง ซึ่งไม่ได้ระบุอย่างเจาะจงหากว่าไม่หยุดโจมตีเรือในทะเลแดงในทันที ในขณะที่การโจมตีของพวกติดอาวุธกลุ่มนี้สร้างความปั่นป่วนแก่การค้าโลกมากขึ้นเรื่อยๆ
รัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน ให้คำจำกัดความถ้อยแถลงร่วม ที่ร่วมด้วยสหราชอาณาจักร เยอรมนี และญี่ปุ่น ว่าเป็นคำเตือนสุดท้าย ในขณะที่เขากำลังชั่งใจในความเป็นไปได้ที่จะโจมตีทางทหารเล่นงานพวกฮูตี หากยังคงเกิดเหตุโจมตีเรืออย่างต่อเนื่อง
กบฏฮูตีที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน ซึ่งควบคุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของเยเมน ในนั้นรวมถึงกรุงซากา และชายฝั่งริมทะเลแดงเกือบทั้งหมด ได้ยิงเข้าใส่เรือต่างๆ ที่ว่ากันว่ามีความเกี่ยวข้องกับอิสราเอล เพื่อแสดงความเป็นหนึ่งเดียวกันกับชาวปาเลสไตน์ ท่ามกลางสงครามระหว่างอิสราเอลกับพวกฮามาสในฉนวนกาซา
"เวลานี้ขอส่งสารของเราให้ชัดเจน เราเรียกร้องให้หยุดการโจมตีผิดกฎหมายเหล่านี้โดยทันทีและปล่อยเรือและลูกเรือที่ถูกควบคุมตัวอย่างผิดกฎหมาย" ถ้อยแถลงร่วมที่เผยแพร่โดยทำเนียบขาวระบุ "พวกฮูตีจะต้องรับผิดชอบกับผลสนอง หากว่าพวกเขายังคงคุกคามชีวิต เศรษฐกิจโลกและกระแสเสรีของการค้าในน่านน้ำอันสำคัญยิ่งของภูมิภาค"
เจ้าหน้าที่ระดับสูงรายหนึ่งของรัฐบาลไบเดน ไม่ได้เจาะจงถึงผลสนองดังกล่าว แต่เน้นย้ำว่าถ้อยแถลงนี้เป็นการส่งสารที่ชัดเจนมากๆ "ผมไม่คาดหมายว่าจะมีคำเตือนอีกรอบ ผมคิดว่าถ้อยแถลงนี้พูดแทนตัวมันเองแล้ว"
ไบเดนได้ปรึกษากับทีมงานด้านความมั่นคงแห่งชาติของเขาในเช้าวันขึ้นปีใหม่ ระหว่างพักผ่อนที่หมู่เกาะเวอร์จินของสหรัฐฯ เพื่อหารือเกี่ยวกับทางเลือกต่างๆ ต่อเหตุโจมตีของกบฏฮูตี จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่
ก่อนหน้านี้ สหราชอาณาจักร พันธมิตรใกล้ชิดของสหรัฐฯ ในประเด็นด้านความมั่นคง ได้ออกถ้อยแถลงของตนเองเตือนเกี่ยวกับ "การลงมือโดยตรง" จัดการกับภัยคุกคามโดยฝีมือของพวกฮูตี โดยที่นายกรัฐมนตรีริชี ซูแน็ก บอกว่าพวกฮูตี "ต้องหยุดการโจมตีเข่นฆ่าชีวิตและบั่นทอนเสถียรภาพ เล่นงานเรือต่างๆ และสหราชอาณาจักรจะดำเนินการอยู่เสมอ เพื่อปกป้องเสรีภาพแห่งการเดินเรือ"
ที่ผ่านมา สหรัฐฯ ได้ส่งเรือบรรทุกเครื่องบินลำหนึ่งเข้าไปยังพื้นที่ และแถลงจัดตั้งพันธมิตรทางทะเลเพื่อปกป้องความเคลื่อนไหวในทะเลแดง ซึ่งคิดเป็นเส้นทางผ่าน 15% ของการค้าโลก อ้างอิงจากข้อมูลของสหประชาชาติ
สหราชอาณาจักรส่งเรือพิฆาตของกองทัพเรือเอชเอ็มเอช ไดมอนด์ เข้าเสริมการปรากฏตัวของสหราชอาณาจักร ที่มีกองกำลังประจำการอยู่ในพื้นที่อ่าวอาหรับมาช้านาน
เมื่อวันอาทิตย์ (31 ธ.ค.) กองทัพสหรัฐฯ เปิดผยว่าพวกเขาจมเรือของกบฏฮูตี 3 ลำ ตามหลังเกิดเหตุโจมตีเรือสินค้าลำหนึ่งของ Maersk บริษัทขนส่งสัญชาติเดนมาร์ก ในขณะที่พวกกบฏยอมรับว่ามีนักรบของพวกเขา 10 คนเสียชีวิตในเหตุการณ์ดังกล่าว
ในวันพุธ (3 ม.ค.) พวกฮูตีประกาศเกี่ยวกับการโจมตีครั้งใหม่อีกมากกว่า 20 รอบ พร้อมบอกว่าพวกเขาได้โจมตีเรือสินค้าประดับธงมอลตาลำหนึ่ง ซึ่งเชื่อว่ากำลังมุ่งหน้าสู่ดินแดนปาเลสไตน์ที่ถูกยึดครอง แต่เรือไม่ได้รับความเสียหายใดๆ
ณ ที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเมื่อวันจันทร์ (1 ม.ค.) หน่วยงานทางทะเลของสหประชาชาติ เปิดเผยว่ามีบริษัทเดินเรือ 18 แห่งที่เปลี่ยนเส้นทางล่องเรือไปแถวแอฟริกา เพื่อหลีกเลี่ยงทะเลแดง สืบเนื่องจากเหตุโจมตีที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
องค์การทางทะเลระหว่างประเทศ ระบุว่าการเดินทางไปแถวแอฟริกา แทนที่จะผ่านช่องแคบสุเอซ ทำให้ต้องใช้เวลาเดินทางเพิ่มเติมอีก 10 วัน และหลังเหตุโจมตีรอบล่าสุด ทาง CMA CGM บริษัทขนส่งสัญชาติฝรั่งเศส ได้รับเพิ่มราคาขนส่งขึ้นอย่างมาก โดยคิดค่าบริการสำหรับเรือบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ 40 ฟุต ระหว่างเอเชียกับทางตะวันตกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว จาก 3,000 ดอลลาร์สหรัฐ เป็น 6,000 ดอลลาร์สหรัฐ
คาเลด ไคอารี ผู้ช่วยเลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติ แสดงความกังวลเกี่ยวกับการค้าโลก และความเสี่ยงที่เยเมนจะถูกลากเข้าสู่ความขัดแย้งที่ลุกลามบานปลายไปทั่วภูมิภาค
นับตั้งแต่วันอังคาร (2 ม.ค.) อิหร่านเจอเล่นงานด้วยเหตุระเบิดครั้งร้ายแรงสังหารผู้คนไปนับร้อยแล้ว และเกิดเหตุโจมตีปลิดชีพแกนนำระดับสูงรายหนึ่งของฮามาสในเลบานอน ซึ่งต้องสงสัยว่าเป็นฝีมือของอิสราเอล
(ที่มา : เอเอฟพี)