ฟ้าผ่า NBT โละ 3 รายการ ยุคใคร ยุคมัน!?
สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (เอ็นบีที) หรือ หอยม่วง ของกรมประชาสัมพันธ์ ถือเป็นหนึ่งในองค์กรที่ทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงของรัฐบาลแต่ละยุคสมัยแตกต่างกัน สุดแล้วแต่ใครจะขึ้นมามีอำนาจในเวลานั้น
ทำให้ใครที่เป็นแฟนติดตามรายการของสถานี จะเห็นได้ว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงเวลาการออกอากาศของรายการตลอดเวลา โดยเฉพาะในช่วงเปลี่ยนผ่านของรัฐบาลหนึ่งไปสู่อีกรัฐบาลหนึ่ง
ในกรณีของรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่มีนางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลกรมประชาสัมพันธ์ ก็กำลังเกิดเหตุการณ์เปลี่ยนผ่านที่ว่านั้นเช่นกัน
โดยปรากฎให้เห็นแล้วจากกรณีการยกเลิกรายการข่าวของสถานีถึง 3 รายการ ประกอบด้วย 1.รายการคุยถึงแก่น ดำเนินรายการโดย นายปรเมษฐ์ ภู่โต และ น.ส.นันทิญา จิตตโสภาวดี 2.รายการ NBT รวมใจ ดำเนินรายการโดย นายถนอม อ่อนเกตุพล และ3.รายการฟังชัดๆ ถนอมจัดให้ ดำเนินรายการโดย นายถนอม อ่อนเกตุพล
การปลดในนามปรับครั้งนี้ เรียกได้ว่าฟ้าผ่ากลางรายการเลยทีเดียว ถึงขนาดที่อดีตผู้ดำเนินรายการบางต้องออกมาแสดงความในใจผ่านสื่อสังคมออนไลน์
ไม่ว่าจะเป็น นายปรเมษฐ์ ที่โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า "ทีมงานก็เตรียมใจมานานแล้วว่า การเมืองเปลี่ยน วันหนึ่งเราก็อาจจะได้รับผลกระทบ ไม่ได้คิดว่าจะต้องอยู่กันไปจนชั่วฟ้าดินสลาย เพียงแต่บอกกันสักนิด ให้ทีมงานเตรียมตัวกันบ้างแค่นั้น"
หรือ ความในใจของนายถนอมบอกผ่านเฟซบุ๊กตอนหนึ่งเช่นกันว่า "อาจจะใช้เวลาหลังปีใหม่พักผ่อนสักระยะหนึ่ง สามารถติดตามได้ทางสื่อออนไลน์ ยังทำเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง ยังให้คำแนะนำ ปรึกษา ปัญหาต่างๆ และประสานให้เกิดการช่วยเหลือและแก้ปัญหาให้กับทุกท่านต่อไป ตามปณิธานทุกข์ของท่านคืองานของผม แล้วพบกันทางหน้าจอมือถือ"
ทั้งนี้ จากเหตุการณ์ฟ้าผ่าที่ช่อง NBT จุดสนใจที่สุดไปอยู่ที่การลาจอของนายถนอม โดยเมื่อดูจากประวัติการทำงานของนายถนอมถือว่ามีความใกล้ชิดกับพรรคการเมืองบางพรรคพอสมควร โดยเฉพาะกับพรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากเคยดำรงตำแหน่งอดีตที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร และนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน)อดีตเลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายองอาจ คล้ามไพบูลย์)
อีกทั้ง เมื่อเกิดปรากฎการณ์ขับไล่รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่นำโดยกลุ่มกปปส. ปรากฎว่านายถนอมก็ได้มีส่วนร่วมผ่านการทำหน้าที่เป็นโฆษกบนเวทีอีกด้วย
นอกจากนี้ เมื่อปี 2564 ยังได้ตกเป็นคนในข่าวเองมาแล้ว ภายหลังจัดรายการของสถานีที่มีเนื้อหาไปพาดพิงเชิงดูหมิ่นประชาชนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ที่ได้เริ่มต้นการเปิดให้บริการเดินรถไฟลาว-จีน ส่งผลให้พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ในเวลานั้น ต้องยกคณะเข้าพบเอกอัครราชทูต สปป.ลาว ประจำประเทศไทย เพื่อขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
จากประวัติการทำงานที่ผ่านมา จึงทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่าเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผู้บริหารNBT ตัดสินใจลงไปเช่นนี้หรือไม่
*****
Sondhi X