คดีเหมืองทองอัครา ขยับ สั่งฟ้องผิด 3 ข้อหาหนัก อัยการนัดเจอ 24 ม.ค.
กลับมาเป็นข่าวใหญ่อีกครั้งสำหรับกรณีปัญหาเหมืองทองอัครา เพราะเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2566 นายวิรุฬห์ ฉันท์ธนนันท์ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ เปิดเผยว่า พนักงานอัยการมีความเห็นให้สั่งฟ้องต่อศาลเพื่อดำเนินคดีบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) กับพวกรวม 4 คน เป็นผู้ต้องหา ในความผิด 3 ข้อหา ดังนี้
1. ร่วมกันยึดถือครอบครองที่ดินของรัฐโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์สินที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณะประโยชน์ตามมาตรา 360 , 83 แห่งประมวลกฎหมายอาญา
2.ร่วมกันยึดถือครอบครองพื้นที่ป่าไม้ถาวรโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นความผิดตามมาตรา 54, 55, 72ตรี แห่ง พรบ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 และ
3. ร่วมกันก่อสร้างตะแกรงรุกล้ำเข้าไปในเขตทางหลวงโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์สินที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณะประโยชน์ อันเป็นความผิดตามมาตรา 47 วรรคหนึ่งประกอบมาตรา 72 แห่ง พ.ร.บ.ทางหลวง พ.ศ.2535 และร่วมกันทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์สินที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณะประโยชน์ อันเป็นความผิด ตามมาตรา 360 , 83 แห่งประมวลกฎหมายอาญา
ทั้งนี้ ตามขั้นตอนนั้นทางอัยการได้มีคำสั่งให้พนักงานสอบสวเรียกตัวผู้ต้องหาจำนวน 3 รายมาพบพนักงานอัยการในวันที่ 24 ม.ค. 2567 เวลา 10.00น. เพื่อนำตัวยื่นฟ้องศาล ส่วนมีผู้ต้องหาชาวต่างชาติ 1 ราย ที่อยู่ในระหว่างการหลบหนีนั้นพนักงานอัยการก็ให้พนักงานสอบสวนไปดำเนินการขอออกหมายจับมาภายในอายุความ 10 ปีต่อไป
โดยคดีนี้เป็นคดีแรกที่อัยการสามารถดำเนินการส่งฟ้องศาลได้ ซึ่งถือว่าใช้ระยะเวลานานพอสมควร โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เริ่มต้นกระบวนการตรวจสอบในปี 2559 และส่งสำนวนมาให้อัยการในปี 2561 ก่อนที่อัยการจะใช้เวลาการพิจารณาอีกประมาณ 5 ปีจนสามารถสรุปสำนวนได้ในที่สุด
อย่างไรก็ตาม คดีเหมืองทองอัครานั้นมีประเด็นอื่นที่อยู่ในระหว่างการตรวจสอบของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.อีกด้วย โดยเฉพาะในความผิดเกี่ยวกับารเข้ายึดถือครอบครองที่ป่า และออกเอกสารสิทธิ์โฉนดที่ดินทับที่ป่า ในแปลงประทานบัตร 26920/15807และแปลงประทานบัตรที่ 26922/15805
*****
Sondhi X