xs
xsm
sm
md
lg

จับตา ปิดฉากคดีดัง อดีตส.ส.มุกดาหาร เรียกตบทรัพย์ 5 ล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



จับตา ปิดฉากคดีดัง อดีตส.ส.มุกดาหาร เรียกตบทรัพย์ 5 ล้าน

ถ้าใครยังจำกันได้ครั้งหนึ่งในแวดวงการเมืองเคยมีข่าวหนึ่งที่ได้รับความสนใจจากสังคม คือ กรณีมีการกล่าวหานายอนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท์ อดีตส.ส.มุกดาหาร พรรคเพื่อไทย เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งประธานคณะอนุกรรมาธิการแผนงานบูรณาการ 2 ในคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณเมื่อปี 2564 มีพฤติกรรมเรียกรับผลประโยชน์เป็นจำนวน 5 ล้านบาทเพื่อแลกกับการผ่านงบประมาณของกรมทรัพยากรน้ำบาดาล

เรื่องราวใหญ่ถึงขนาดที่มีการไต่สวนในชั้นการพิจารณาของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และดำเนินการส่งฟ้องศาลฎีกา โดยช่วงต้นปี 2566 ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาให้เพิกถอนสิทธิ์สมัครรับเลือกตั้งตลอดไปและไม่มีสิทธิ์ดำรงตำแหน่งทางการเมืองใดๆ และเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งเป็นเวลา 10 ปี นับตั้งแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษา

เนื่องจากได้ใช้อำนาจหน้าที่ในการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ โดยมีหลักฐานและพยานบุคคลยืนยันว่า มีการติดต่อนายศักดิ์ดา อันเป็นฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง

จากคำพิพากษาดังกล่าวส่งผลให้นายอนุรักษ์ หมดสิทธิลงเลือกตั้งส.ส.ในครั้งล่าสุด ก่อนที่ต่อมาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะมีคำพิพากษาลงโทษ จำคุกเป็นเวลา 6 ปี ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 173 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 เพราะหลักฐานที่แสดงให้ถึงความผิดชัดเจน

อย่างไรก็ตาม ศาลฎีกาได้ให้นายอนุรักษ์ได้รับการประกันตัวออกมาสู้คดีในชั้นการอุทธรณ์ จึงเท่ากับว่าคดีนี้ยังไม่ถึงที่สุด

นับตั้งแต่นายอนุรักษ์ ต้องแพ้คดีในชั้นศาลฎีกาถึงสองครั้งพร้อมกับถูกตัดสิทธิไม่ให้ลงสมัครเลือกตั้งส.ส. ปรากฎว่านายอนุรักษ์เองก็ยังมีความเคลื่อนไหวต่อเนื่องให้เป็นระยะ โดยเมื่อเดือนมิถุนายน 2566 ยื่นฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เพื่อดำเนินคดีกับ นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อดีตอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ในความผิดฐาน ร่วมกันทำเอกสารซึ่งมีข้อความอันเป็นเท็จ ทำให้ได้รับความเสียหาย และเป็นเจ้าพนักงานละเว้นหรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

ซึ่งนายอนุรักษ์ ยืนยันว่าการฟ้องดังกล่าวไม่ได้เป็นการไม่ยอมรับต่อคำพิพากษาของศาลฎีกา แต่เป็นเพราะการต่อสู้คดีในศาลฎีกาได้มีการนำข้อเท็จจริงที่ไม่ถูกต้องมาพิจารณา

ขณะเดียวกัน เมื่อปลายเดือนธันวาคมที่ผ่านมา นายอนุรักษ์ได้มีความเคลื่อนไหวอีกครั้งด้วยการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเพื่อยืนยันว่าจะขอต่อสู้คดีอาญาให้ถึงที่สุด เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองและจะเป็นการแสดงให้เห็นว่าการจัดทำงบประมาณของหน่วยงานดังกล่าวในขณะนั้นมีความไม่ถูกต้อง

แม้ว่าคดีของนายอนุรักษ์ในส่วนที่เป็นความผิดเกี่ยวกับมาตรฐานทางจริยธรรมจะถึงที่สุดไปแล้ว แต่คดีอาญาในชั้นศาลฎีกายังอยู่ในระหว่างการพิจารณาอุทธรณ์ ซึ่งคาดว่าในปี 2567 ศาลฎีกาอาจมีคำพิพากษาออกมา ดังนั้น เมื่อถึงเวลาดังกล่าวคงจะได้เห็นกันว่าเรื่องนี้จะมีบทสรุปอย่างไรต่อไป
*****
Sondhi X
กำลังโหลดความคิดเห็น