xs
xsm
sm
md
lg

[คำต่อคำ ]SONDHI TALK : นักโทษ VVIP กับศักดิ์ศรีคนราชทัณฑ์ - ที่ปรึกษา กสทช.บ้ากามลวนลามสาว! - สังคมป่วย แห่กราบเด็ก "นอท" คัมแบก - ขรก.มหาดไทยเอี่ยวค้าปืนเถื่อน ผลงาน “เสี่ยหนูตี 4”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



วันที่ 22 ธ.ค.2566 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ได้ไลฟ์สด “SONDHI TALK” ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ คุยทุกเรื่องกับสนธิ ช่องยูทูป Sondhitalk หรือ Sondhitalk (ช่องสำรอง) และแอปพลิเคชัน Sondhi App โดยมีประเด็นที่ได้เล่าในวันนี้ ได้แก่

- นักโทษ VVIP กับ “ทวี สอดส่อง“ และศักดิ์ศรีคนราชทัณฑ์
- ที่ปรึกษา กสทช. บ้ากาม ลวนลามสาว!
- สังคมไทยป่วยหนัก แห่กราบ "น้องไนซ์" และการกลับมาของ นอท กองสลากพลัส
- ยาบ้าทะลับไทย ขรก.มหาดไทย เอี่ยวแก๊งค้าปืนเถื่อน สะท้อนผลงาน “เสี่ยหนูตี 4”
- คนไร้บ้านล้นเมืองใหญ่สหรัฐฯ
- ผลงาน 3 เดือนนายกฯ เศรษฐา

ติดตามได้ใน SONDHI TALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep.220



คำต่อคำ SONDHI TALK EP. 221 [22 ธ.ค. 66]

ช่องทางการรับชมรับฟัง "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" หรือ SONDHI TALK
แอปพลิเคชัน :SONDHI APP
ระบบ iOS ดาวโหลดได้ที่ AppStore : https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647.
ระบบ Android ดาวโหลดได้ที่ Google Play : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android
เฟซบุ๊กแฟนเพจ : คุยทุกเรื่องกับสนธิ
YouTube :Sondhitalk
เว็บไซต์:www.sondhitalk.com
Podcast หรือ podbean : SONDHI TALK

สวัสดีครับท่านผู้ชม วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2566 อีกอาทิตย์กว่าๆ ก็จะถึงวันที่ 31 จะขึ้นปีใหม่อีกแล้ว สวัสดีท่านผู้ชมแฟนๆ รายการที่รับชมสดทาง Sondhi App, Facebook, YouTube และ TikTok ท่านผู้ชมอย่าลืมเป็นอันขาดนะครับ เมื่อเข้ามาชมแล้วช่วยกันกดไลก์ กดแชร์ หรือว่าใน YouTube ก็กด Subscribe ไป ทั้งช่อง Facebook, YouTube และ TikTok ทุกๆ ช่อง เพื่อกระจายข่าวสารออกไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะไกลได้

ท่านผู้ชมครับ ตอนนี้ Sondhi App ยกเลิกการเก็บเงิน เปิดฟรีให้เข้าดูได้แล้ว ทั้งวิดีโอคลิป และข่าวสารต่างๆ แค่เข้ามาดาวน์โหลดผ่าน App Store สำหรับ Apple และ Play Store สำหรับ Android ค้นหาคำว่า 'Sondhi App' เพียงแค่ลงทะเบียนเท่านั้นเองว่าท่านเป็นใคร ผมมอบเป็นของขวัญให้กับท่านผู้ชมทุกท่านที่ได้เข้ามาใช้พื้นที่นี้เพื่อสร้างปัญญา แลกเปลี่ยนข้อมูลที่เป็นความจริง โดยไม่ปิดกั้น ซึ่้งต่อไปผมจะพัฒนา Sondhi App นี้ ต่อยอดออกไปให้เป็นโซเชียลมีเดียของพวกเรากันเอง ไม่ต้องง้อแพลตฟอร์มต่างประเทศอีกต่อไป เพราะว่ามีเรื่องราวเยอะมากที่เราจะพูด แต่ว่ามันไม่ถูกโฉลกกับนโยบายของแพลตฟอร์มต่างประเทศ เขาก็จะบล็อกเรา หรือปิดเราเป็นระยะเวลา 7 วันบ้าง 14 วันบ้าง หรือไม่ก็ยกเลิกเราไปเลย ความจริงที่มีหนึ่งเดียว ที่ผมตั้งเป้าและตั้งใจจะทำนั้น ก็เลยถูกอุปสรรคต่างๆ เหล่านี้มาขัดขวาง ถ้าท่านผู้ชมต้องการจะฟังความจริง จริงๆ ให้เข้า Sondhi App ตอนนี้ได้ ไม่ต้องเสียเงิน ในขณะเดียวกัน อีกไม่นานนี้เรากำลังจะต่อยอดพัฒนา Sondhi App ให้กลายเป็นโซเชียลมีเดียของเราเอง


สำหรับท่านผู้ชมที่จ่ายค่าแอปฯ Sondhi App ไปแล้ว และยังอยู่ในระยะเวลาที่ยังไม่หมดอายุ เราจะคืนเงินให้หมด ติดต่อขอรับเงินคืนได้ผ่านทางไลน์ (LINE) @sondhitalk คืนให้ทุกราย แต่เท่าที่มีท่านผู้ชมที่น่ารักมากติดต่อเข้ามาทาง inbox เราติดต่อไปหมดแล้วทุกท่าน หลายท่านก็บอกว่าไม่เป็นไร ยกให้ แต่ก็ยังมีอยู่ประมาณ 40 ราย ที่เผอิญจ่ายมาเป็นรายปี อาจจะต้องขอรับเงินคืน ไม่มีปัญหาครับ เราจะจ่ายคืนให้

ท่านผู้ชม ตอนนี้ถ้าท่านผู้ชมสังเกตสักนิด จะเห็นว่าเราเริ่มข่าวสดใหม่ ทันเหตุการณ์ บทวิเคราะห์เจาะลึกออกมาทุกวัน ภายใต้ชื่อ 'SONDHI X' ที่สามารถติดตามกันได้ ตอนนี้เรายังแปะอยู่ในเพจ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ต่อจากนี้ไม่นานข้อมูลทุกอย่างจะย้ายไปอยู่ในแอปฯ ใหม่ ซึ่งจะเปลี่ยนชื่อเป็นอะไร จะแจ้งไปอีกทีนะครับ ตอนนี้เราได้ชื่อแล้ว


วันนี้เรามีรายการที่จะต้องพูดเล่าให้ฟังหลายๆ เรื่อง เรามีเรื่องของ ด.ช.ไนซ์ และคุณนอท อดีต เจ้าเก่ากองสลากพลัส เป็นกระจกสะท้อนสังคมไทยไม่ต่างกว่า เณรคำ ธัมมชโย ในอดีต รวมไปถึงคดีลุงพล และการฆาตกรรมน้องชมพู่ และเราก็มีเรื่องสั้นๆ หลายเรื่อง ซึ่งแต่ละเรื่องสั้นๆ นั้นก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก มันมีมิติแห่งความคิด มิติแห่งเหตุผล ที่ผมอยากจะมาพูดแต่ละเรื่องให้ฟัง เช่น ตรรกะวิบัติของไลฟ์โค้ช "ครูตี๋" ที่อยากดังแต่ไร้ศีลธรรม ฉุดสังคมให้เสื่อมทราม เดี๋ยวฟังผมพูดให้ดี ผมจะพูดความจริงให้ฟัง ต้องขอโทษท่านผู้ชมที่กดไลก์ให้กับเพจของ "ครูตี๋" ด้วยว่าท่านเป็นคนที่ไร้สาระที่สุด แล้วผมคิดว่าท่านยังไม่รู้ตัวท่านเองเลยว่าท่านเป็นคนที่ใช้ไม่ได้เลย

อีกเรื่องหนึ่ง เป็นเรื่องที่ปิดไม่ปิด ที่ปรึกษา กสทช. ลวนลามสาว ผมกำลังเน้นว่า นี่เป็นหน่วยงานที่เน้นความโปร่งใสจริงหรือเปล่า หลายๆ ฉบับไม่มีใครลงข่าวเรื่องนี้ แต่ที่นี่ ความจริงที่มีหนึ่งเดียว ไม่เกรงกลัวอันใดทั้งสิ้น

เรื่องที่สาม สงครามพม่าระอุ ยาบ้าทะลักไทย ผงะ! ข้าราชการกระทรวงมหาดไทยเอี่ยวค้าปืนเถื่อน

เรื่องที่สี่ หลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ได้มีเรื่องอะไรกับคุณอนุทินหรอกครับ แต่เผอิญมันเป็นความจริงที่มีหนึ่งเดียว คือคุณอนุทินนั้นไม่ได้มีวุฒิภาวะเป็นผู้นำเลยแม้แต่นิดเดียว ตอนนี้ก็พึ่งการไลฟ์สดของช่องไทยรัฐทีวี เพื่อที่จะออกมาถ่ายทำ เวลาไปตรวจผับจะมีการไลฟ์อยู่นั่นล่ะ 1-2 ชั่วโมง ไปตรวจผับ เพื่อโชว์ออฟคุณอนุทิน แต่สิ่งที่คุณอนุทินลืมหน้าที่ตัวเองว่ากระทรวงมหาดไทยนั้นเป็นกระทรวงที่ดูแลทุกข์สุขของประชาชน แล้ววันวานกับวันนี้ กับนโยบายเปิดผับถึงตี 4 ของคุณอนุทิน ชาญวีรกูล แล้วผมจะย้อนหลังให้ดูว่าคุณอนุทินเคยพูดอะไรบ้าง คนที่คิดว่าเป็นผู้นำ หัวหน้าพรรคการเมือง แต่พูดอะไรเอาไว้แล้วจำไม่ได้ ผมเชื่อว่าไม่ได้ต่างกว่าคุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เท่าไรนัก

อีกเรื่องหนึ่งคือ ผมไม่เคยพูดถึงเรื่องคุณเศรษฐาเลย วันนี้ผมจะพูดเรื่องคุณเศรษฐา ว่า 4 เดือนที่ผ่านมานี้ ผมมองคุณเศรษฐาอย่างในโลกแห่งความเป็นจริง ว่าคุณเศรษฐาทำงานได้ผลหรือไม่ มาฟังกันนะครับ

อีกเรื่องหนึ่งท่านผู้ชมคงอยากฟัง คือเรื่อง กรมราชทัณฑ์ และกระทรวงยุติธรรม ยุคคุณทวี สอดส่อง กำลังจะพิจารณาเงื่อนไข ระเบียบที่จะย้ายคุณทักษิณ ชินวัตร จากโรงพยาบาลตำรวจ กลับไปสู่การคุมขังที่บ้าน ตามข้อบังคับ/ระเบียบที่ร่างขึ้นมาใหม่ ซึ่งทำโดยลูกน้องของคุณทักษิณเก่า ก็คือคุณสมศักดิ์ เทพสุทิน แล้วคุณทวี สอดส่อง ก็มาประคบประหงม ประกบ ให้มันเป็นไปตามเจตนารมณ์ที่จะไม่ต้องติดคุกเลยแม้แต่วันเดียว วันนี้ผมจะพูดถึงกรมราชทัณฑ์ ข้าราชการกรมราชทัณฑ์ทุกคน และผมจะพูดถึงกระทรวงยุติธรรม ตั้งแต่ยุคสมัยคุณสมศักดิ์ เทพสุทิน มาจนถึงยุคสมัยของคุณทวี สอดส่อง

เรื่องสุดท้าย คือเรื่องที่ผมเอาความเข้าใจของพวกเราว่าอเมริกาเป็นมหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลก ผมเอาข้อเท็จจริงให้ดูว่า นี่หรือคือมหาอำนาจที่แท้จริง คนไร้บ้านในสหรัฐอเมริกาพุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์


ท่านผู้ชมครับ วันที่ 21 มกราคมนี้ เราจะมีรายการ "เมืองไทยรายสัปดาห์" ที่จัดเป็นครั้งแรก ครบรอบ 20 ปี เมื่อปีที่แล้ว จะเป็นรายการ "เมืองไทยรายสัปดาห์" ที่ย้อนยุค มีผม และคุณแอ้ม สโรชา พรอุดมศักดิ์ เป็นผู้จัดรายการขึ้นมา แล้วท่านผู้ชมอย่าพลาดนะครับ ท่านผู้ชมที่เคยติดตามการประท้วงของพวกเรามา เราจะมี "ลำตัดธรรมศาสตร์" เจ้าเก่า มาให้ท่านผู้ชมดู เพื่อรำลึกถึงความหลังกัน บัตรเข้าชมตอนนี้เราทยอยส่งไปให้แล้วสำหรับผู้ที่สั่งซื้อ พร้อมกับของที่ระลึกที่หาจากที่ไหนไม่ได้แน่นอน ตอนนี้เราเหลือที่นั่งอยู่สิบกว่าที่นั่งเอง ไม่ถึงสิบที่นั่งเสียด้วยซ้ำ พบกันที่หอประชุมเล็ก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ในวันอาทิตย์ที่ 21 มกราคม เวลา 13.00 น. วันงาน ท่านผู้ชมถือบัตรมาที่งาน เราจะมีของที่ระลึกมอบให้ทุกท่านด้วย ตอนนี้สอบถามเรื่องบัตรมาได้ที่ไลน์ @sondhitalk

ท่านผู้ชมครับ ตอนนี้ "พระสยามพุทธาธิราช" ของเรา ที่ทำพิธีปลุกเสกมาแล้ว พิธีพุทธาภิเษก ทั้งองค์เล็ก และองค์ใหญ่ "พระสยามพุทธาธิราช" นี้ เราได้จัดส่งไปให้เยอะแล้ว สำหรับองค์เล็กเราส่งไปให้ 10,000 แล้ว ยังเหลืออีกประมาณเกือบหมื่น จะเร่งส่งให้ทุกวัน วันหนึ่งเร่งทำอย่างเต็มที่ก็ได้วันละ 1,000 ชุด


ส่วนองค์ใหญ่เราก็ส่งไปเยอะแล้ว ยังขาดอีกประมาณเกือบครึ่งหนึ่ง คิดว่าภายในอาทิตย์หน้าเราก็จะส่งไปให้ ส่งให้ถึงบ้านนะครับ สำหรับท่านที่มารับที่นี่ก็รับไป ส่วนท่านที่ไม่สะดวก เราก็จะส่ง เราว่าจ้างรถส่งของของบริษัท Lalamove วันหนึ่งประมาณ 2,800 บาท วันหนึ่งส่งได้แค่ประมาณ 10 ท่านเท่านั้นเอง อาจจะใช้เวลานิด แต่ทุกท่านจะได้หมดครับ

ช่วงนี้เชฟเพนนีแจ้งมาให้ทราบว่า ตอนนี้เธอได้ทำขนมฟรุตเค้กขึ้นมาตลอดเวลาแล้ว เธอพร้อมที่จะส่งไปให้ท่านผู้ชมที่สั่งมา ส่งไปเลย ออนไลน์ ส่งให้ได้ทันทีเลย ก็เข้ามาดูตามเฟซบุ๊กของเชฟเพนนี เดี๋ยวผมจะขึ้นให้ดู รวมทั้งไลน์ด้วย


ช่วงนี้ท่านผู้ชมหลายๆ ท่านเป็นหวัด มีอาการเกี่ยวกับทางเดินหายใจกันเยอะมากๆ ประกอบกับเป็นช่วงการเฉลิมฉลองปลายปีที่ต้องมีการปาร์ตี้สังสรรค์ หลายคนเดินทางกลับไปหาครอบครัว ผมเตือนว่า ท่านผู้ชมต้องมีฟ้าทะลายโจร และยาขาว ติดตัวไว้ตลอด หากมีความเสี่ยงหรือมีอาการ ให้รีบกินทันทีระหว่างที่ไม่ป่วย ถ้าเป็นผู้สูงวัย อย่าลืมทาน "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" ทุกวัน วันละ 3 ซอง เหมือนที่ผมทานมาแล้ว เพื่อแก้ลมกองหยาบ ขับลมในเส้น

เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ผมมีคนสนิทคนหนึ่ง เขาไม่สบายมาก ตื่นมาเขาเจ็บคอ คอบวม แล้วก็เสียงไม่มี เขาก็ทานฟ้าทะลายโจรของอาจารย์ปานเทพไป แต่ผมได้ส่งยาขาวให้เขาอีกกล่องหนึ่ง เขาทานได้วันละ 3 เวลา แต่เขาทานแค่ 2 เวลาเท่านั้นเอง ปรากฏว่า 4 วัน อาการเขาหายดีหมดเลย กลับไปเป็นปกติ ซึ่งเขาก็บอกผมว่า ถ้าเขาไปเข้าโรงพยาบาลเอกชน เขาน่าจะหมดเงินเป็นแสน แต่เขาเสียเงินแค่ซื้อยาฟ้าทะลายโจรอาจารย์ปานเทพทาน แล้วก็ยาขาว ท่านผู้ชมอย่าลืมนะครับ "ยาขาว" คือยาแก้โรคระบาด มี อย. เรียบร้อยแล้ว นอกจากนั้นแล้ว "ยาขาว" ยังบรรเทาความอักเสบทุกอย่าง มี "ยาขาว" ติดเอาไว้ แล้วก็ "ฟ้าทะลายโจร" รวมทั้ง "ยาลม ๓๐๐ จำพวก"


ท่านผู้ชมครับ ตอนนี้เรามีโพรโมชันปลายปี เราจะจัดเซ็ตให้โดยเฉพาะ มีครบทั้งฟ้าทะลายโจร ยาขาว ยาลม ๓๐๐ จำพวก ในราคาพิเศษ 2,328 บาท จากราคาปกติ 2,450 บาท โพรโมชันนี้สิ้นสุด 31 ธันวาคมนี้ ถ้าสนใจ สั่งซื้อได้ โดยติดต่อที่ "สมุนไพรบ้านพระอาทิตย์" เพิ่มไลน์บัญชี @sunherb มีจำนวนจำกัด หมดแล้วหมดเลย

สิ้นปีนี้อย่าลืมร้าน SUN PAN นะครับ ยังมีเมนูยอดนิยมให้หาซื้อกันได้ตามปกติ มีทั้งโชกุปัง ขนมปังมันม่วงญี่ปุ่น ขนมปังฟักทองญี่ปุ่น ขนมปังใบเตยกะทิ ชีสเค้ก ที่สำคัญมีโอเลี้ยงสูตรคุณแม่ผม ไอศกรีม หมูแท่ง ปลาแท่ง รวมทั้ง Old English Fruitcake ของเชฟเพนนี


ฟรุตเค้กของเชฟเพนนี ทำจากเนยแท้ 100 เปอร์เซ็นต์ มีผลไม้แห้ง ถั่วคุณภาพพรีเมียม บริการจัดส่งทั่วประเทศ สนใจสั่งซื้อที่ไลน์ @pennythechef หรือไปซื้อที่สยามพารากอน ในซูเปอร์มาร์เก็ต Gourmet ด้านล่างของสยามพารากอน

ตอนนี้ที่ SUN PAN มีโพรโมชัน เริ่มวันที่ 22 ธันวาคม - 4 มกราคม ท่านผู้ชมซื้อโอเลี้ยง 10 ขวด ได้แถม 2 ขวด ซื้อหมูแท่งคู่กับปลาแท่ง แถมโอเลี้ยง 1 ขวด ซื้อครบ 1,000 บาท แถมโอเลี้ยง 2 ขวด เทศกาลส่งท้ายปีเก่า ซื้อครบ 2,000 บาท ลด 30% ใครอยากซื้อไปรับประทานหรือเป็นของขวัญฝากช่วงเทศกาลคริสต์มาส ก็แวะไปดูที่ร้านได้ ร้านอยู่ในปั๊ม ปตท. ราบ 1 ตรงกันข้ามกับมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ถนนวิภาวดีรังสิต


ท่านผู้ชมอย่าลืมนะครับ ProVita เครื่องดื่มโพรไบโอติก ผสมวิตามิน รสส้ม ผมทานทุกเช้า ProVita นี่ถ้าวางไว้ข้างนอก อยู่ได้ 4 เดือน ไม่ต้องแช่เย็น มีจุลินทรีย์โพรไบโอติก มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ตอนนี้มีโพรโมชัน ใครสั่งซื้อช่องทางออนไลน์ ไปที่เว็บไซต์ tpipolene.com หรือเฟซบุ๊ก TPI POLENE และไลน์ @TPIPL คือถ้าซื้อ ProVita ขนาดแพ็ก 10 ขวด เขาแถมให้ 1 ขวด ซื้อขนาดลังแพ็ก 30 ขวด แถมให้อีก 4 ขวด ลังหนึ่งก็ทานได้ 1 เดือนพอดี นับตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 31 ธันวาคม หรือไปซื้อที่ SUN PAN ก็ได้

ท่านผู้ชมจำได้หรือเปล่า ผมเคยพูดถึงเรื่องวิหารพระโพธิสัตว์กวนอิม อี่ทงเทียนไท้ ณ สวนอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์ กบินทร์บุรี ตอนนี้จะมีพิธีสักการะองค์ท้าวมหาพรหม ครั้งที่ 25 และพิธีสมโภชใหญ่วิหารพระโพธิสัตว์กวนอิม อี่ทงเทียนไท้ ตั้งอยู่ที่สวนอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์ กบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี เปิดให้ประชาชนเข้าไปสักการะได้


องค์พระโพธิสัตว์กวนอิมองค์นี้ เป็นพระโพธิสัตว์กวนอิมแกะสลักจากหยกขาวเพียงชิ้นเดียว ทั้งชิ้น เป็นรูปปางประทับบนเต่ามังกร ส่วนสูงขององค์พระโพธิสัตว์ สูง 2.62 เมตร น้ำหนัก 2.8 ตัน หยกขาวที่ใช้แกะสลักนี้เป็นหยกทั้งแท่ง มาจากเหมืองในป่าลึกเขตเมืองนับปีตรู ประเทศพม่า นำเข้าไทยโดยมูลนิธิเทียมโชควัฒนา เป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย โดยวันที่ 24 ธันวาคมนี้ คือวันอาทิตย์นี้ 09.00 น. จะมีพิธีสักการะองค์ท้าวมหาพรหม ณ พรหมสถาน เครือสหพัฒน์ กบินทร์บุรี 17.00 น. เปิดมณฑลพิธี ณ วิหารพระโพธิสัตว์กวนอิม อี่ทงเทียนไท้

25 ธันวาคม วันคริสต์มาส วันจันทร์ 05.00-16.00 น. มีพิธีสมโภชใหญ่วิหารพระโพธิสัตว์กวนอิม อี่ทงเทียนไท้ ท่านใดนับถือเจ้าแม่กวนอิม ใครเป็นลูกศิษย์ท่าน สามารถเดินทางไปร่วมงานได้ ณ วิหารกวนอิม อี่ทงเทียนไท้ สวนอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์ กบินทร์บุรี

คดี "ลุงพล" น้องชมพู

ท่านผู้ชมครับ เรื่องลุงพล วันนี้ไม่พูดไม่ได้ เพราะวันพุธที่ 20 ธันวาคม ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดมุกดาหารสั่งจำคุก 20 ปี ลุงพล หรือ นายไชย์พล วิภา ระบุว่ามีหลักฐานมัดชัดเจน การกระทำประมาทเป็นเหตุให้น้องชมพู่ต้องถึงแก่ความตายบนภูเขาเหล็กไฟ โดยระบุว่ามีฐานทำความผิดโดยประมาท จำคุก 10 ปี ฐานพรากเด็กผู้เยาว์อายุไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดา ปราศจากเหตุอันสมควร อีก 10 ปี ต่อมาก็ให้ประกันตัวไป 500,000 บาท จำเลยที่สอง คือภรรยา นางแต๋น นางสมพร หลาบโพธิ์ หลักฐานไม่ชัด ก็เลยยกฟ้อง


ผมจะพูดเรื่องนี้ให้ฟังนิดหนึ่ง ท่านผู้ชม ความเห็นของผมเป็นอย่างไร เรื่องนี้เป็นประเด็น talk of the town ของสังคมไทยมานานหลายปี เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ผมเคยพูดถึงแล้วตั้งแต่รายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2564 หรือสองปีครึ่งที่แล้ว เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่สะท้อนความป่วยไข้หนักของสังคมไทย สังคมไทยป่วยไข้อย่างไร ? ตำรวจที่ทำคดีนี้ก็ป่วย ตั้งแต่ยุค พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข เพิ่งเข้ามาเป็น ผบ.ตร. ใหม่ๆ ก็รีบหาแสงทันทีในเรื่องนี้ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง ส่วนสื่อหลายๆ เจ้าก็ป่วย เอาเรื่องลุงพลมาทำเป็นดรามา ทำเป็นละคร มีการแต่งเพลงหวังจะสร้างละคร มีการเจาะสกู๊ปแบบไร้สาระ เชิญลุงพลมาเป็นเซเลบ ออกอีเวนต์ ไม่ว่าจะเป็นช่องอมรินทร์ทีวี หรือช่องไทยรัฐ ซึ่งแย่งชิงเรตติ้งกันอยู่ในเวลานั้น โดยเฉพาะคุณพุทธ อภิวรรณ ซึ่งเวลานี้ไม่ได้อยู่ช่องอมรินทร์ทีวีแล้ว


อย่างไรก็ตาม แม้ศาลชั้นต้นจะตัดสินให้ลงโทษจำคุกลุงพลเป็นเวลา 20 ปี แต่ผมตั้งสังเกตว่า ในท้ายคำพิพากษา มีการให้ความเห็นแย้งกับองค์คณะผู้พิพากษาในคดีนี้อยู่ ท้ายคำพิพากษาระบุว่า "อนึ่ง คดีนี้อธิบดีผู้พิพากษาภาค 4 และผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดมุกดาหารตรวจสำนวนและทำความเห็นแย้งว่า พยานหลักฐานของโจทก์และโจทก์ร่วมทั้งสองมีข้อสงสัยตามสมควร ต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยที่ 1 เห็นควรพิพากษายกฟ้อง จึงให้รวมไว้ในสำนวน ตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 11 (1)"


ด้วยเหตุนี้ ผมมองว่า เมื่อคดีขึ้นไปสู่ศาลอุทธรณ์ และศาลฎีกาแล้ว คำตัดสินศาลในชั้นต่อๆ ไป มีความเป็นไปได้สูงที่อาจจะไม่สอดคล้องกับศาลชั้นต้นก็ได้ เรื่องนี้เลยต้องดูกันยาวๆ ว่าเรื่องคดีลุงพลกับการฆาตกรรมน้องชมพู่ สุดท้ายแล้วจะจบลงอย่างไร

สัมคมป่วย คนแห่กราบ "น้องไนซ์"

ท่านผู้ชมครับ เรื่องที่ผมจะพูดเรื่องนี้ คือเรื่องน้องไนซ์ กับ นายนอท กองสลาก ท่านผู้ชมรู้ไหม ผมจะสรุปให้ฟัง มันเป็นกระจกสะท้อนสังคมไทย ไม่ต่างกว่า เณรคำ หรือ ธัมมชโย ในอดีตเลยแม้แต่นิดเดียว


กรณีน้องไนซ์ นิรมิตเทวาจุติ แม้กระทั่งนามสกุลก็พิเศษนะครับ เกิดจากเทวดา ถือว่าเป็นปรากฏการณ์ที่กำลังเป็นกระแสในสังคมไทยเมื่อผู้ใหญ่ไปแห่กราบไหว้เด็กประถมคนหนึ่ง เพียงเพราะเชื่อว่าเด็กมหัศจรรย์ เป็นเด็กมีของ อายุ 7-8 ขวบ แต่พูดเรื่องพุทธะได้เป็นฉากๆ ช่องแรกที่น้องไนซ์สามารถแจ้งเกิดจนเป็นที่รู้จักในวงกว้าง คือ TikTok ซึ่งเป็นสื่อสังคมออนไลน์ยอดนิยมในปัจจุบัน หลังจากนั้นก็กระจายไปยัง Facebook และ YouTube มีบิดาชื่อคุณนก มารดาก็ชื่อนก ส่งเสริมลูกให้มาทางนี้อย่างสุดตัว เพราะน้องไนซ์ไม่เพียงแต่มีคำสอนพุทธอย่างเดียว แต่ยังมีสตอรี่จากปากพ่อแม่เล่าเรื่องในเชิงปาฏิหาริย์ จนกระทั่งเป็นผู้วิเศษ


แม่เล่าในทำนองว่า น้องไนซ์ เป็นร่างอวตารขององค์เพชรภัทรนาคานาคราช เป็นองค์ร่างทรงของตระกูลๆ หนึ่งของพญานาค ลงมาจุติ สามารถถอดจิตสื่อสาร คุยกับเจ้าแม่กวนอิมได้ เป็นต้น

ท่านผู้ชมครับ ถ้าเราตั้งข้อสังเกตดีๆ เรื่องราวอภินิหารสิ่งต่างๆ เหล่านี้ ไม่ใช่น้องไนซ์พูดเอง เมื่อมีคำถามที่น้องไนซ์ต้องตอบ คนที่พูดตอบแทนยืดยาวมักจะเป็นคุณแม่ของน้องไนซ์ หากต้องจัดการปัญหาใดๆ อย่างการไล่ออกแอดมิน คุณแม่ก็อ้างว่าน้องไนซ์ไม่พอใจ ไม่ใช่คุณแม่ไม่พอใจ เพราะฉะนั้นแล้ว พูดได้ไหมว่า ถ้าจะบอกว่าน้องไนซ์เป็นร่างทรง ก็คงเป็นร่างทรงของคุณแม่นี่เอง ไม่ใช่ร่างทรงขององค์นาคาเทวราชที่ไหน


พอเริ่มโด่งดัง เป็นที่รู้จักแพร่หลาย น้องไนซ์จึงมีกิจรับเชิญบรรยายธรรมนอกสถานที่ เดินสายพูดไปทั่ว ก็เริ่มมีคนตั้งคำถาม ข้อสงสัยกับคำสอนของน้องไนซ์ออกมาจับผิดมากขึ้นๆ บางคนบอกว่าคำสอนน้องไนซ์ผิดทุกคลิป มั่วทุกคลิป เข้าข่ายลัทธิวิปริตวิปลาส โดยเฉพาะน้องไนซ์สอนให้การนั่งสมาธิเป็นการเชื่อมจิต นอกจากนั้นแล้ว ยังมีคลิปที่น้องไนซ์บอกว่าจะเชื่อมจิตคุยกับนายวลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย เป็นต้น

ท่านผู้ชมครับ ผมทำสมาธิภาวนามาไม่ต่ำกว่า 30 ปี วันละชั่วโมง ทุกเช้า ผมไม่ได้เชื่อมจิตกับใครเลย แต่ผมมีความสงบ และผมใช้ปัญญาของผมพิจารณาเรื่องราวต่างๆ ของผม ที่ผมทำผิดพลาดไป ไม่เข้าในหลักธรรม


สัปดาห์ที่แล้ว วันที่ 14 ธันวาคม 2566 มีอดีตผู้ศรัทธาออกมาเปิดเผยข้อมูลที่น่ากังวลเกี่ยวกับผู้ปกครอง รวมทั้งผู้ใหญ่รอบตัวที่มีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมและรายได้ต่างๆ ที่ได้รับจากผู้ศรัทธา ระบุว่า ตนถูกเตะออกจากห้องแชต หลังตั้งคำถามถึงความโปร่งใสและปลายทางของเงินรายได้ที่ไหลสะพัดเข้าไปยังขบวนการอย่างต่อเนื่องด้วยแรงศรัทธาผู้เลื่อมใส เพราะว่าขบวนการน้องไนซ์มีการเดินสายทำคอร์สบรรยายให้สาวกต้องจ่ายเงิน ระหว่างติดตามไปตามจังหวัดต่างๆ

คอร์สเชื่อมจิต 4 แพ็กเกจ มี 1. ไม่รวมที่พัก ราคา 1,900 บาท รวมกาแฟ+อาหาร คอร์สที่ 2 รวมที่พัก 1 คืน 3,000 บาท พักได้ 2 คน รวมอาหารเช้า คอร์สที่ 3 รวมที่พัก 2 คืน ราคา 4,100 บาท พักได้ 2 คน รวมอาหารเช้า คอร์สที่ 4 (พิเศษ) รวมที่พัก 2 คืน ราคา 4,200 บาท รวมค่าเดินทาง หากจะพักคนเดียวเพิ่มอีก 1,200 บาท เหมือนแพ็กเกจการจัดทัวร์เลย


นอกจากนี้ ยังมีการเชิญชวนสมาชิกเข้าร่วมกองทุน คนละ 300 บาท เพื่อสมทบทุนจัดซื้อที่ดินและก่อสร้างสถานปฏิบัติธรรม ตั้งงบประมาณไว้ 15 ล้านบาท ใช้โมเดล 3 มิติ จำลองสถานปฏิบัติธรรมในการสร้างความน่าเชื่อถือและดึงดูดใจให้คนเข้ามาร่วม

พ่อแม่น้องไนซ์สาบานว่าไม่มีการเรียกรับเงินแม้แต่บาทเดียว เพราะกิจกรรมต่างๆ ที่มีการระดมทุนและค่าคอร์สอบรมเป็นการเชื่อมจิต จะโอนไปบัญชีผู้รับที่ใช้ชื่อว่า นายแพทย์คเณศ คณินวรพันธุ์ หมอเด็กชื่อดังในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งประกาศตัวเป็นลูกศิษย์ของน้องไนซ์


คุณหมอคเณศ คณินวรพันธุ์ ประธานผู้จัดสร้างสถานที่ปฏิบัติธรรม คนรับเงินขบวนการน้องไนซ์ เป็นหมอเด็ก เรียนจบที่ มอ. หาดใหญ่ เปิดคลินิก หมอคเณศ อยู่ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี หมอคเณศ เป็นคนชอบปฏิบัติธรรม เจอกับน้องไนซ์ตอนน้องไนซ์ 4-5 ขวบ ไม่สบายไปหาหมอแล้วคุยเรื่องธรรมะแล้วถูกคอ ต่อมาคุณคเณศขอถวายตัวเป็นศิษย์ ตอนนี้อยากทำสถานที่ปฏิบัติธรรม

มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า บ้านนิรมิตทำอสังหาริมทรัพย์อยู่ ขายที่ดินแล้วมาเปิดทำกิจกรรมระดมทุนหาซื้อที่ดิน แล้วก็อ้างว่าน้องไนซ์อยากได้ที่ดินผืนนี้

พอเริ่มมีคนออกมาแฉ กระแสต่อต้านยิ่งนานยิ่งมาก จนพ่อแม่น้องไนซ์ต้องพึ่งบริการทนายความ บุกไปแจ้งความ ปอท. เอาผิดพวกที่มาบูลลี่น้องไนซ์ ยังงัดเอากฎหมายคุ้มครองเด็กมาเป็นเกราะป้องกันตัวให้น้องไนซ์อีกชั้นหนึ่ง ก็น้องไนซ์เป็นร่างอวตาร ทำไมต้องมาใช้กฎหมายคุ้มครองล่ะครับ ถ้าเป็นพญานาคอวตารมาเกิด ก็ไม่มีใครทำอะไรได้อยู่แล้วไม่ใช่หรือ

ล่าสุด ยังไปยื่นหนังสือร้องต่อ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ให้ช่วยปกป้องน้องไนซ์จากการบูลลี่ แต่เผอิญเหตุการณ์จะไม่เป็นไปตามที่ขบวนการน้องไนซ์คาดหมาย เพราะตำรวจถือโอกาสนี้ได้พูดถึงน้องไนซ์เสียที

พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ออกมาเผยว่า ตำรวจกำลังตรวจสอบทุกประเด็นของขบวนการน้องไนซ์ เพราะแม้จะมีรูปแบบเป็นเรื่องของความศรัทธา ความเชื่อส่วนบุคคล แต่มีความสุ่มเสี่ยงต่อการทำผิดกฎหมาย ทั้งเรื่องของการหลอกลวง แสวงหาผลประโยชน์จากเด็ก ซึ่งตำรวจจะตรวจสอบทั้งหมด ทั้งพื้นที่เกิดเหตุ และการโพสต์โฆษณาเชิญชวนผ่านสื่อออนไลน์ พ่อแม่น้องไนซ์เองก็ต้องอยู่ในข่ายที่ต้องถูกเรียกสอบปากคำด้วย พร้อมฝากไปถึงใครก็ตามที่รู้สึกเสียหาย ถูกหลอกลวง สามารถแจ้งความกับตำรวจได้ทั่วประเทศ


ยกตัวอย่าง น้องไนซ์กล่าวอ้างจนเป็นประเด็กถกเถียงว่าชัวร์หรือมั่วนิ่ม ว่า "สมัยพุทธกาลไม่มีไมโครโฟนขยายเสียง พระพุทธเจ้าจึงต้องแสดงเทศนาธรรมถึงเหล่าสาวกนับร้อยนับพันผ่านการเชื่อมจิตทางสมาธิ มิฉะนั้น การสื่อสารจะทำได้ไม่ทั่วถึง" ความจริงแล้วในพระสูตรเขียนเล่าว่า เวลาพระพุทธเจ้าปรากฏตัว บรรดาพระภิกษุทั้งหลายจะพากันเงียบเสียงแบบเงียบสนิทตลอดเวลา จึงได้ยินกันทั่วถึง

ท่านผู้ชมครับ ผมเคยเห็นการเชื่อมจิตกัน ผมมีรูปๆ หนึ่งซึ่งหลายท่านก็คงจะมีรูปเหมือนของผม คือรูปหลวงตามหาบัว ท่านนั่งข้างๆ สมเด็จญาณสังวร สมเด็จญาณสังวรในตอนนั้นท่านพูดไม่ได้ แต่หลวงตามหาบัว กับสมเด็จญาณฯ ส่งจิตเข้าหากัน พูดคุยกันทางจิต นั่นคือเป็นกรณีแบบที่พระอรหันต์กับพระอริยสงฆ์อย่างสมเด็จญาณสังวร ซึ่งไม่มีทางที่จะพูดได้ เนื่องจากว่าเป็นอัมพาต ตอนนั้น ใช้จิตทักทายกัน และจิตนี้เป็นจิตที่สามารถที่จะใช้ได้ ไม่ใช่ว่าใช้ไม่ได้ เป็นเพียงแต่ว่าเชื่อมจิตในลักษณะน้องไนซ์มันผิดธรรมชาติ แล้วผิดหลักการเลย ทุกอย่าง พระอรหันต์กับพระอรหันต์นั้นส่งจิตถึงกันได้ แต่เป็นการส่งหนึ่งคนถึงหนึ่งคน แต่ที่น้องไนซ์อ้างว่าสามารถจะส่งจิตเชื่อมได้ถึงเจ้าแม่กวนอิม และวลาดิมีร์ ปูติน ฟังแค่นี้ก็พอจะรู้แล้วว่าเรื่องนี้มันทะแม่งๆ

เด็กอายุ 8 ขวบ บุกคลิกหลุกหลิก ไม่เคยร่ำเรียนฝึกฝนทางพุทธ แต่อุปโลกน์ตัวเองเป็นอวตารของเทพองค์โน้น รูปของพระองค์นี้ ตั้งตัวเป็นพระอาจารย์ได้เลยจากสตอรี่ของพ่อแม่ ที่เอาปั่นศรัทธา ฟังดูแล้วไม่ควรจะมีใครหลงเชื่อได้ แต่มันเป็นไปแล้วในสังคมไทย

เรื่องขบวนการน้องไนซ์ กับการทำมาหากินกับความเชื่อและความโง่ของคน มีมานานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งมี เรื่องนี้ทำให้ผมนึกถึงหลายเรื่องในอดีตขึ้นมา คือเรื่องอะไร ? ท่านผู้ชมจำได้ ตามผมมา "ธรรมกาย"


ธัมมชโย เจ้าสำนักธรรมกาย ที่มักจะอวดอ้างว่าตัวเองเป็นตัวแทนพระพุทธเจ้า จัดการแก้คำสอนเข้าไปให้โดนใจสาวก อย่างของเดิม การนิพพานเป็นอนัตตา คือไม่มีตัวตน นิพพานแล้วก็ไม่มีตัวตนแล้ว ทางธรรมกายแก้ว่า นิพพานนั้นเป็นอัตตา คือมีตัวตน ซึ่งทำให้พระสงฆ์องค์เจ้าที่มีทั้งฌาน และศึกษาทางปริยัตรอย่างสูง ไม่ว่าจะเป็นท่านประยุทธ์ ปยุตโต ก็ออกมาชี้แจงให้ฟังว่า นิพพานไม่ใช่อัตตา แต่เป็นอนัตตา แต่ทำไมธรรมกาย คือธัมมชโย พูดอย่างนั้น เพราะจะเอาไปทำการค้าต่างๆ ซึ่งกลายเป็นหนึ่งในอัตลักษณ์ของธรรมกาย

คล้ายคลึงกับขบวนการน้องไนซ์ ขบวนการมีสตอรี่อวดอ้างการเป็นตัวแทนพระพุทธเจ้า การสร้างคำสอนเฉพาะตัวว่าด้วยการเชื่อมจิต น้องไนซ์มีความสามารถในการเชื่อมจิตผู้คนเข้าสู่สมาธิได้ แถมยังมโนไกลไปถึงยุคพุทธกาลด้วย พระพุทธเจ้าไม่มีไมโครโฟน จะสอนสาวกเป็นพันๆ รูปได้อย่างไร ต้องใช้บริการเชื่อมจิตอย่างน้องไนซ์นี่ล่ะ


นอกจากนี้ ธรรมกายยังมีความโดดเด่นในเรื่องการดูดเงินจากกระเป๋าสาวกในสารพัดรูปแบบ เพราะสวรรค์ของธรรมกายนั้นซื้อได้ด้วยเงิน ทำไมถึงซื้อได้ด้วยเงิน ? เพราะว่าธรรมกายตีความว่า นิพพานเป็นอัตตา จึงเป็นที่มาของบุญกุศลที่ซื้อได้ด้วยเงินทอง มีสวรรค์ชั้นต่างๆ ให้เลือก คนมีเงินทำบุญมาก ขึ้นสวรรค์ชั้นสูงกว่า สิ่งเหล่านี้ได้ถูกออกแบบตั้งแต่ชื่อเรียก เช่น กัลยาณมิตร ผู้นำบุญ มีระดับชั้นของผู้ศรัทธาแตกต่างกันออกไป ไม่ต่างกว่าการขายตรงของภาคธุรกิจ ธรรมกายก็คือการขายตรงนั่นเอง

ส่วนน้องไนซ์ อยู่ในขั้นเริ่มต้น คือเริ่มมีการระดมเงินบริจาคสร้างโน่นสร้างนี่ จัดแพ็กเกจทัวร์ธรรมะ

อย่างไรก็ตาม สามารถสรุปได้ว่า ทั้งธรรมกาย และขบวนการน้องไนซ์ ต่างอวดอ้างถึงพระพุทธเจ้าและแสวงหาประโยชน์จากสตอรี่ที่เหนือความจริง

ท่านผู้ชมจำไว้นะ วิธีการหาการเล่นกลหลอกลวงต่างๆ เพื่อหวังกอบโกยเงินทองจากผู้มีจิตศรัทธานั้น พอทำไปแล้วก็ต้องทำไปเรื่อยๆ ไม่สามารถจะหยุดกลางคันได้ กลายเป็นคนขี่หลังเสือ เมื่อทำแล้วต้องหน้าด้านทำไปเรื่อยๆ เพราะวันไหนถูกจับได้ขึ้นมา ชีวิตจะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้า ตัวอย่างให้เห็นชัดเจน ท่านผู้ชมจำ "เณรคำ" ได้ไหม อดีตพระชื่อดังกระฉ่อนโลก "หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก" หรือชื่อฆราวาสคือ นายวีรพล สุขผล อดีตประธานสงฆ์สำนักสงฆ์วัดป่าขันติธรรม จังหวัดศรีสะเกษ มีเงินมากมายหลั่งไหลมาจากแรงศรัทธาของประชาชน ซึ่งคนโดนหลอกมีทั้งชาวบ้านธรรมดาไปจนถึงนายพลใหญ่ระดับประเทศ นักธุรกิจใหญ่เจ้าของสบู่มีชื่อ ปัจจุบันเป็นเจ้าของโรงแรมใหญ่ที่ในจังหวัดนครศรีธรรมราช


หลายปีก่อน ผมเป็นคนแรกที่เปิดเผยออกมาว่า เณรคำมีลูก 8 คน ลูก 2 คน เอาเงินบริจาคมหาศาลไปใช้ส่วนตัว และเณรคำทำเป็นพระไฮโซ นั่งเครื่องบินเจ๊ตส่วนตัว มีคฤหาสน์ 2 หลัง รถยนต์หรูราคาแพงอีกหลายสิบคัน มีทั้ง Rolls-Royce, CHEVROLET, TOYOTA CAMRY, FERRARI, HUMMER, รถกระบะ รถเบนซ์ และรถจักรยานยนต์ มีทรัพย์สินเหล่านี้รวมกันแล้วมูลค่ากว่า 200 ล้านบาท คาดว่ายังมีเงินสดอีกหลายร้อยล้านบาท ที่เณรคำได้ยักย้ายถ่ายเทไปสร้างบ้านที่สหรัฐอเมริกาก่อนจะถูกจับกุมได้

9 สิงหาคม 2561 ห้าปีก่อน ศาลอาญาได้อ่านคำพิพากษา คดีดำ หมายเลข อ/2341/2560 ที่พนักงานอัยการฟ้องนายวีรพล สุขผล อายุ 39 ปี หรือ อดีตพระวีรพล ฉัตติโก หลวงปู๋เณรคำนั่นเอง อดีตประธานสำนักสงฆ์ ในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พิพากษาว่าจำเลยกระทำความผิด กระทำความผิดคอมพิวเตอร์ ทำความผิดฟอกเงิน รวมทุกกระทงตัดสินจำคุก 114 ปี แต่ตามกฎหมายจำคุกได้ 20 ปี พร้อมให้ชดเชยเงินกับผู้เสียหาย 29 ราย มิหนำซ้ำยังถูกฟ้องข้อหากระทำชำเราเด็กหญิงด้วย

จริงๆ แล้วเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผมไม่ได้แปลกใจเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะยังมีคนที่โง่เขลาด้อยปัญญา บ้าหวย บ้าไสยศาสตร์ บ้าพิธีกรรม อยู่อีกมากมายในสังคมไทย เรามาดูนายนอท คัมแบ็ก แล้วกัน

พูดถึงความโง่เขลาเบาปัญญาของคนไทยจำนวนไม่น้อย ก็ต้องพูดถึงเรื่อง "นายนอท กองสลากพลัส" หรือนายพันธวัช นาควิสุทธิ์ อีกสักรอบ หลังจากที่ต้นปี 2566 ผมเป็นคนแรกที่ออกมาฉีกหน้ากากว่า ธุรกิจหวยออนไลน์ หรือหวยสแกน ที่ใช้ชื่อว่า "กองสลากพลัส" นั้นจริงๆ แล้วมันคือธุรกิจฟอกเงิน ซึ่งในเวลาต่อมาก็เป็นความจริง เพราะดีเอสไอสั่งฟ้องนายนอทในความผิดฐานจัดให้มีการเล่นการพนันและฟอกเงิน ผมพูดตอนที่ 172 วันศุกร์ที่ 13 มกราคม 2566 แต่นายนอท หลังจากที่สำคัญตนผิด คิดสั้นไปลงการเมืองในนาม "พรรคเปลี่ยน" วันนี้กลับมาอีกแล้ว เปลี่ยนคำต่อท้ายจาก "กองสลากพลัส" เป็น "ล็อตเตอรีพลัส" ทำธุรกิจสไตล์เดิม แล้วหลอกคนไทยโง่ๆ ได้เยอะด้วย ด้วยความร่วมมือกับสื่อหลายเจ้าที่รับเงินรับทองเขามาเพื่อมอมเมาประชาชน




ท่านผู้ชมครับ ก็เพราะสังคมไทยมันเบาปัญญาอย่างนี้ไงล่ะครับ ไม่อย่างนั้นแล้ว คนอย่างนายนอท พันธวัช นาควิสุทธิ์ จะทำมาหากินอยู่ได้อย่างไร ทั้งๆ ที่มีคดีคาอยู่ที่ศาลในเวลานี้ ไม่ว่าจะเป็นคดีพิเศษ 288/2565 ข้อหาร่วมกันฟอกเงิน คดีพิเศษ 6/2566 ข้อหาร่วมกันจัดให้มีการเล่นพนันออนไลน์ หรือพนันทางอิเล็กทรอนิกส์ พยานหลักฐานของเจ้าหน้าที่พบว่า นอท กอบโกยทุกอย่าง ทั้งขายหวยเกินราคา อ้างว่าเป็นค่าบริการจัดการโน่นนี่นั่น ซึ่งกฎหมายหวยไม่ได้เปิดช่องให้สามารถทำได้ ทั้งฟอกเงินให้นักธุรกิจสีเทาด้วย เอาลอตเตอรีชุดรางวัลที่หนึ่งไปขายให้กับเจ้ามือเว็บพนันออนไลน์ ขายหวยทิพย์ แปลไทยเป็นไทยคือ เป็นเจ้ามือหวยใต้ดิน แบบไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ แค่ทำตัวเนียนๆ ให้สังคมเข้าใจว่าเป็นเจ้ามือหวยถูกกฎหมาย แล้วทำทีโวยวายแจ้งจับคนโน้นว่าขายหวยทิพย์ ทำให้ตัวเองเสียหาย 

ระหว่างรอตัดสินก็จัดการเปิดแพลตฟอร์มใหม่ ชื่อ "ลอตเตอรี่พลัส" ขึ้นมาแทน "กองสลากพลัส" ที่ถูกสั่งปิดไป เริ่มเปิดขายหวยครั้งแรกเมื่อเดือนมิถุนายน 2566 หายเงียบๆ อยู่พักใหญ่ ชักจะได้ใจ เปิดแคมเปญเต็มสูตร โพรโมต "สุชิน ถูกหวยชุดรางวัลที่ 1 สองงวดติด รวย 66 ล้าน" พอมีสื่อใหญ่ที่ไร้สติรับลูก ช่วยลงข่าวโพรโมตโฆษณา คราวนี้ก็มี FC แห่กลับมาชุมนุมเพจนายนอทกันอย่างคึกคัก ทั้งๆ ที่หวย 66 ล้าน ยังไม่มีการพิสูจน์ว่าถูกจริงหรือไม่ แต่นายนอทก็ทำตลาดสไตล์เดิม ระดมอินฟลูเอนเซอร์ นักร้องลูกทุ่งมาช่วยกันโพรโมต ถูกหวยกันทุกงวด ไม่ว่าจะเป็นสุนารี ราชสีมา อาภาพร นครสวรรค์ มนต์สิทธิ์ คำสร้อย เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น แถมด้วยคอนเทนต์แนวส่องผี บุกไปถ่ายทำสถานที่เฮี้ยน ให้หวยแม่นๆ เรียกว่าไหนๆ ก็จะมอมเมาคนบ้าหวยแล้ว เอาไปให้สุดซอยเลยก็แล้วกัน


นอกจากนี้ ยังไปร่วมกับตำหนักใบ้หวยของอาจารย์น็อตตี้ หรือนายนัฐพงษ์ ศุภพิตร ซึ่งเป็นเจ้าตำหนักปู่ใหญ่อาจารย์น็อตตี้ ตั้งอยู่ที่จังหวัดกาฬสินธุ์ คอยใบ้หวย ซึ่งช่วงหลังๆ สังเกตว่านอกจากให้เลขแล้ว ยังมีการโพรโมตกองสลากพลัสไปในตัว ครบ จบในที่เดียว แล้วยังมีไลน์นกพลัส ใกล้วันหวยออกจะยิงข้อความโพรโมตว่ามีหวยชุดใหญ่เข้ามาอีก เข้ามาอีกแบบรายวันเลยทีเดียว คำถามคือ หวยรัฐบาลอะไรจะมาเข้าระบบได้เป็นล้านๆ ใบทุงวด ในเมื่อลอตเตอรี่พลัสของนายนอทไม่มีโควตาใดๆ กับสำนักงานสลากกินแบ่งฯ จะอ้างว่ากว้านซื้อมาจากยี่ปั๊ว ซาปั๊ว ก็ไม่มีทางขาย 80 บาทได้ เพราะฉะนั้นแล้วมันคือหวยทิพย์ล้วนๆ ใช่หรือเปล่า พูดง่ายๆ คือ "ลอตเตอรี่พลัส" คือ "หวยใต้ดินเวอร์ชันดิจิทัล" ใช่ไหม ? ผมแค่ตั้งข้อสงสัย คำถามด้วยข้อความสงสัย ถ้าคำตอบคือใช่ พฤติกรรมนี้เข้าข่ายการกระทำผิดกฎหมายฐานฉ้อโกง หลอกลวงผู้บริโภคไหม ? นำไปสู่คำถามต่อไป นั่นคือ แล้วตำรวจ และคนที่มีอำนาจหน้าที่ในบ้านนี้เมืองนี้ทำอะไรกันอยู่ ? ถ้าลักษณะแบบนี้สามารถทำได้ ต่อมาก็มีเว็บแทงหวยแบบที่นายนอททำเกิดขึ้นอีกเยอะ เพราะทำง่าย ได้เงินเร็ว ไม่ต้องมีสลากในมือ ก็มีธุรกิจหลอกเอาเงินทองชาวบ้านอีกเยอะ เพราะสังคมไทยบางส่วนยังด้อยปัญญา เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ หรืออาจจะรับเงินไปด้วย สนใจเฉพาะเงินทองและผลประโยชน์ต่อหน้า

สรุป เรื่องขบวนการน้องไนซ์เชื่อมจิต ย้อนทบทวนความทรงจำไปถึงธรรมกาย ธัมมชโย เณรคำ ไม่นับรวมกับที่ผมยังไม่ได้พูดอีกหลายเหลือบในวงการศาสนาอีกหลายคน ในหลายยุคหลายสมัย ไม่ว่าจะเป็นพระนิกร หรือนิกร ยศคำจู ยันตระ วินัย ละอองสุวรรณ เณรแอร์จอมขมังเวทย์ ภาวนาพุทโธ อิสระมุนี เยอะแยะไปหมด ส่วนใครเกิดไม่ทันหรือจำไม่ได้ก็ลองไปค้นกูเกิลดูก็แล้วกันว่าเรื่องราวของแต่ละผู้คนเป็นอย่างไร พวกเหลือบไรที่มาเกาะกินพุทธศาสนาเหล่านี้ผลัดกันเกิดและตายไปแล้วเกิดใหม่ในสังคมไทยมาได้ทุกยุคทุกสมัย เพราะอะไร ? เพราะสังคมไทยเป็นสังคมด้อยปัญญา คนส่วนใหญ่จะหลงงมงายอยู่ในกิเลส อวิชชา ไม่แสวงหาความรู้และความจริงซึ่งเป็นสัจธรรม

ท่านผู้ชมครับ ขออนุญาตพูดถึงตรรกะวิบัติของ "ครูตี๋" หน่อย ไลฟ์โค้ชสอนชายเทรนผู้หญิงรับให้ได้ ให้มีบ้านเล็กได้ ตอนนี้มีคนติดตามกว่า 5 แสน แต่ละโพสต์มียอดไลก์รวมแล้ว 13.6 หัวใจ


"ครูตี๋" ผมไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่ว่าออกมาไลฟ์โค้ชในรูปแบบการควบคุมจิตใจในความสัมพันธ์ด้วยการพูดจาโน้มน้าว หว่านล้อม ปลูกฝังเมล็ดพันธุ์ความแคลงใจ ความสงสัย ความไม่เชื่อมั่นในตัวเองให้กับอีกฝ่าย จนคนฟังเชื่อว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิด คือให้ผู้ชายหลอกผู้หญิงให้ชินกับความเชื่อว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิด งี่โง่ เอาแต่ใจ เยอะ ผู้ชายเลยต้องหันไปหาคนอื่น ที่จริงแล้วมันเป็นเรื่องที่ผู้ชายกุเรื่องขึ้นทั้งนั้น

ไม่เพียงเท่านี้ คลิปวิดีโออื่นๆ ของนายคนนี้ยังแสดงทัศนคติในการมองเรื่องเพศไม่สมกับชื่อที่ตัวเองตั้งว่า "ครู" คำสอนของครูตี๋ มีเช่น วิธีสูบเงินและปอกลอกผู้หญิงอย่างถูกต้อง การแย่งแฟนคนอื่นให้ทำตามนี้ วิธีใช้ผู้หญิงคนหนึ่งเพื่อไปหาคนที่สวยกว่า เจ๋งกว่า อยากได้ดาราสวยๆ มาเป็นแฟนคุณ ทำตาม 3 ข้อนี้ วิธีคบซ้อนหลายคน (อย่างถูกต้อง) นอกจากนี้แล้ว นายคนนี้ เอาอีกแล้ว ยังดีที่ไม่บอกว่าตัวเองเป็นอวตารของพญานาค เปิดคอร์สสอนทั้งชายและหญิงวิดีโอคอลปรึกษาส่วนตัว 1 ต่อ 1 ครั้งละ 5,900 บาท เจ้าตัวยังออกมาทำคลิปเคล็ดลับเอาชนะดรามาทุกชนิดบนโลก แถมบอกว่า เรามาแสดงให้เห็นว่าช่องของเราแข็งแกร่งที่สุด


ท่านผู้ชมครับ ฟังผมพูดแล้ว ละเหี่ยใจกับผมไหม ในเรื่องของสังคมไทย นอกจากว่าสังคมไทยสติปัญญาด้อย ต่ำเตี้ยเรี่ยดินแล้ว ยังมีความโง่เขลาบดบังกิเลส ท่านผู้ชม ผมตั้งคำถามอย่างนี้ คนที่เข้ามาไลก์รายการของครูตี๋ ไลก์เพราะครูตี๋สอนดีใช่ไหมว่าทำอย่างไรวิธีพูดให้แฟนตัวเองยอมรับว่าตัวเองสามารถจะมีแฟนเพิ่มอีกคนหนึ่งได้ ท่านผู้ชมลองใช้สติปัญญาคิดซิ ใช้แค่หัวแม่เท้าคิด ก็คิดออก คนที่จะมีแฟนทีละหลายคนแล้วให้ทุกคนยอมรับได้ ไม่ใช่ท่านผู้ชมที่เข้ามากดไลก์นะ อย่าโกรธผม ท่านผู้ชมที่กดไลก์นี่เป็นพวกหาเช้ากินค่ำเสียส่วนใหญ่ ลำพังตัวเองยังเอาตัวเองไม่รอดเลย นอกจากนั้นแล้ว แม้กระทั่งคนทำงานบริษัท เงินเดือน 30,000-40,000 คุณมีแฟนแล้ว 1 คน แล้วคุณจะพูดให้แฟนยอมรับให้คุณมาหาแฟนอีกคนหนึ่งได้ เงินเดือน 30,000-40,000 คุณดูแลได้หรือเปล่า อ๋อ ต้องดูแลได้สิ เพราะว่าครูตี๋เขาสอนให้คุณปอกลอกผู้หญิงนี่


คำถามกลับ แล้วจิตวิญญาณความเป็นมนุษย์ผู้ชายคุณมีบ้างไหม สรุป คุณฟังครูตี๋แล้วคุณก็ไปหลอกผู้หญิง คือฟังเพื่อไปหลอกผู้หญิง ไอ้นี่มันผิดเรื่องฉ้อโกงแล้วนะ คนโบราณเขามีเมียหลายคนเพราะเขาต้องการเอาเมียมาช่วยกันทำมาหากิน เต็กกอ ที่นครปฐม มีลูกเมียเยอะเลย แต่ลูกเมียทุกคนมีงานทำหมด มาช่วยเต็กกอขายลูกชิ้น เจ้าสัวหลายคนมีลูกเยอะ มีเมียเยอะ เหตุผลก็เพราะว่าธุรกิจมันใหญ่โต คนจีนโบราณเขามองว่าเมื่อธุรกิจใหญ่โตแล้ว ครอบครัวต้องเป็นเจ้าของธุรกิจ เมียคนเดียวปั๊มลูกออกมาให้ได้ไม่เยอะ ต้องเอาคนโน้นคนนี้เข้ามา แต่ระบบโบราณเขาก็มีว่า ระบบกงสี อาซ้อใหญ่ นั่งอยู่ที่บ้านใหญ่ ซ้อหนึ่ง ซ้อสอง ซ้อสาม ซ้อสี่ มีลูก วันเกิดซ้อใหญ่ ก็ต้องมาอวยพร วันตรุษจีนแจกอั่งเปาก็แจกกันตามฐานะของซ้อหนึ่ง ซ้อสอง ซ้อสาม ซ้อสี่ พอตั้วเฮียตายไป อายุมากแล้ว เถ้าแก่เสียชีวิต ก็แบ่งมรดก ถ้าไม่แบ่งมรดก ก็รวมเป็นกงสีให้ทุกคนมามีส่วนในกงสีนี้ นั่นคือวัตถุประสงค์ของการมีภรรยามากในอดีต

ท่านผู้ชมครับ มองในมุมกลับ ถ้าท่านผู้ชมเป็นผู้หญิง แล้วแฟนมาพูดจาโน้มน้าวให้คุณรู้สึกว่าคุณเป็นคนผิด ทำให้คุณรู้สึกผิด แล้วคุณเลยต้องยอมให้แฟนมีแฟนอีกคนหนึ่งได้ ผมถามจริงๆ เถอะ ทำไมคุณไม่ถามกลับไปบ้างล่ะว่าถ้าคุณอยากมีแฟนเพิ่มอีกคน ให้ฉันมีแฟนผู้ชายเพิ่มอีกคนได้ไหม พนันกันร้อยทั้งร้อยเลย พวกที่เข้ามาไลก์นี่ไม่ยอมหรอก เพราะฉะนั้นแล้ว ตรรกะนี้มันเป็นตรรกะวิบัติ มันไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปได้ แล้วคำสอนต่างๆ นี่สอนให้ผู้ชายทำชั่ว ก็คือไปปอกลอกเงินผู้หญิง เฮ้ย! ไหนว่าคบกัน รักกันไม่ใช่หรือ แต่ถ้าผู้หญิงมีเงิน แล้วคุณไปปอกลอกเขา คุณผิดไหม คุณอาจจะมีความสุขกับการปอกลอกเขา แต่ว่ามโนธรรมของคุณอยู่ที่ไหน


สิ่งที่ครูตี๋สอนให้คุณ กำลังสอนให้คุณน่ะ ไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นสัตว์ เหมือนไก่แจ้ เที่ยวไล่ปี้ไก่ตลอดเวลา ตัวนี้ไม่พอ ไปอีกตัว ไปอีกตัว หรือหมาก็ตาม มีหมาตัวหนึ่ง คู่เคียงกัน มีลูกกัน วันดีคืนดีหมาตัวเมียเดินผ่าน เกิดอารมณ์ขึ้นมา ติดสัด กระโดดขี่หมาตัวใหม่ ท่านผู้ชมครับ ถ้าท่านอยากจะติดตามเพจบ้านี่ ก็ไปเลย ผมมีแต่ความเศร้าและเสียดาย และสงสารสังคมไทย บ้ากันไปหมดแล้ว สอนให้ใช้หลักจิตวิทยาพูดให้ผู้หญิงเชื่อว่าตัวเองผิด เพื่อตัวเองจะได้ให้โอกาสแฟนตัวเอง นี่ยังเป็นแฟนนะ ยังไม่ได้เป็นผัวเมียแต่งงานกัน ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ถ้าเป็นแฟนแล้ว แต่งงานกันแล้ว ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ มันยิ่งเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ก็สรุปง่ายๆ ว่า สอนให้คุณเห็นการประกอบกิจกรรมทางกามนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง แล้วทำตัวเป็นหมาที่ไปเอาใครก็ได้ คือคลำแล้วไม่มีหาง ถือว่าเอาได้หมด เพราะฉะนั้นแล้ว ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ชมเห็นด้วยกับผมไหม ครูตี๋อาจจะห้าว อาจจะต้องการเป็นเพจที่แข็งแกร่งที่สุด แข็งแกร่งที่สุดแล้วยังไงล่ะ ? เพราะคุณแข็งแกร่งบนพื้นฐานของความชั่ว บนพื้นฐานของอวิชชา บนพื้นฐานของความไม่ใช่มนุษย์


นอกจากจะขอให้แฟนอนุญาตให้ตัวเองมีแฟนใหม่อีกคน สองคน หรืออย่างไรก็ตาม ยังสอนให้เขาไปปอกลอกผู้หญิงอีก ผมนึกไม่ถึง คนมันอยากดังนี่นะ ทำได้ทุกอย่าง วันนี้เป็นเรื่องที่ผมอ่านแล้วเศร้ามาก ไม่ว่าจะเป็นเณรคำ ไม่ว่าจะเป็นน้องไนซ์ นอท กองสลากพลัส มันเลวทรามต่ำช้ามากประเทศไทยเดี๋ยวนี้ เลวทรามจริงๆ และผมไม่นึกเลยว่า แพลตฟอร์มของต่างประเทศ ท่านผู้ชม แพลตฟอร์มต่างประเทศมันจะชอบเรื่องพวกนี้ ไม่บล็อกหรอก อะไรที่เป็นฟรีเซ็กซ์ เอาไปเลย ล่อให้หมด เต็มที่ ผมมีความเห็นเพียงแค่นี้ครับ และผมทุเรศมากเรื่องพวกนี้

ที่ปรึกษา กสทช. ลวนลามสาว

สืบเนื่องมาจากการลาออกของที่ปรึกษาประจำกรรมการ กสทช. คนหนึ่ง อ้างว่าเหตุผลด้านสุขภาพ แต่เพียงหนึ่งวันให้หลังการลาออกกลับมีประกาศ กสทช. ลงนามโดยนายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการเลขาธิการ กสทช. ให้ที่ปรึกษาประจำกรรมการ กสทช. คนเดียวกัน พ้นจากตำแหน่ง หรือพูดง่ายๆ ก็คือไล่ออกนั่นเอง


เหตุผลเพราะว่ามีเรื่องมีราวเกิดขึ้น และสื่อมวลชนไม่มีใครรายงานเท่าไรนัก แทบจะไม่มีใครรายงานเลย มีอยู่เจ้าหนึ่งรายงาน แต่ กสทช. ส่งคนไปล็อบบี้ขอให้ถอดข่าวออก แต่เผอิญผมไม่ได้อยู่ในกลุ่มของคนที่จะมาขออะไรได้ง่ายๆ เพราะผมถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่


มันเกิดเรื่องอื้อฉาวภายใน กสทช. หรือ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เพราะว่ามีผู้เสียหาย เป็นผู้หญิง เป็นพนักงาน กสทช. คนหนึ่ง มีชาติตระกูลที่ดี มีการศึกษาที่ดี ได้ถูกที่ปรึกษาประจำกรรมการ กสทช. ที่ กสทช. ให้ออก พ้นจากตำแหน่ง แล้วตัวเองขอลาออกก่อน 1 วัน ว่าลาออกเพราะเป็นปัญหาสุขภาพ ได้เดินทางร่วมงานสัมมนาที่จังหวัดภูเก็ต มีการระบุว่า ได้มีการล่วงละเมิดทางเพศ แล้วคนก่อเหตุที่เป็นที่ปรึกษาประจำตัวกรรมการ กสทช. ซึ่งเป็นอาจารย์ นักวิชาการ ก็คือเป็นที่ปรึกษาประจำตัวของ รศ.ดร.ศุภัช ศุภชลาศัย

รายงานข่าวแจ้งว่า หลังเกิดเหตุการณ์ มีความพยายามของกรรมการ กสทช. ที่ต้องการปิดเหตุอื้อฉาวไม่ให้แพร่งพรายออกมาสู่สาธารณะ ยังมีการข่มขู่ คาดโทษพนักงาน กสทช. ที่ล่วงรู้เหตุอื้อฉาวที่เกิดขึ้น ทุเรศมาก มีสำนักข่าวหนึ่งรายงานข่าวเหตุอื้อฉาวที่เกิดขึ้น กรรมการ กสทช. คนหนึ่งใช้คอนเนกชันส่วนตัวร้องขอให้ถอดข่าว อ้างว่าเกรงว่าจะกระทบภาพลักษณ์ขององค์กร ยิ่งทุเรศไปใหญ่ เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น แล้วคุณไม่ให้สื่อมวลชนรายงานได้อย่างไร

รศ.ดร.ศุภัช ศุภชลาศัย
คนเขาวิพากษ์วิจารณ์กันภายใน กสทช. ในวงกว้าง เพราะพนักงานหลายคนถูกข่มขู่ คาดโทษ เพราะรู้สึกเสียขวัญ ผิดหวังกับท่าทีของกรรมการ กสทช. ที่ไม่เพียงแต่พยายามช่วยปกป้องคนผิดเท่านั้น กลับไม่ปกป้องผู้เสียหายที่เป็นเพศเดียวกันด้วย

กรรมการ กสทช. ท่านหนึ่ง ท่านเป็นสุภาพสตรี ชื่อ อาจารย์พิรงรอง รามสูต ถ้าจำไม่ผิดท่านเป็นอดีตคณบดีของคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ ท่านนิ่งเฉย ท่านไม่พูดสักคำ ทั้งๆ ที่คนที่เสียหายนั้นเป็นเพศเดียวกับท่าน น่าเสียดายมากๆ ที่ท่านเลือกใช้ความสงบเพื่อหวังจะสยบความเคลื่อนไหว ทั้งๆ ที่มันเป็นเรื่องที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น ท่านน่าจะออกมาต่อสู้ให้กับพนักงานสาวคนนั้นด้วย


ท่านผู้ชมเห็นหรือยังว่า รู้จักคน ไม่รู้จักหน้า ไม่รู้จักใจ มีตำแหน่งแห่งที่ยิ่งใหญ่ แต่ในที่สุดก็ไม่ได้มีคุณค่ามากเกินไปกว่าขี้หมาหนึ่งกอง

ต่อมามีการพาดพิงว่าผู้ก่อเหตุเป็นที่ปรึกษา กสทช. ของ ดร.ศุภัช ศุภชลาศัย กรรมการ กสทช. ผู้เสียหายเป็นผู้ปฏิบัติการประจำในส่วนหน้าห้องของ ดร.ศุภัช เช่นกัน

วันที่ 20 ธันวาคม ที่ผ่านมา ดร.ศุภัช ออกมาชี้แจงเรื่องดังกล่าว 6 ข้อ แต่สาระสำคัญที่ชี้่แจงไม่ได้กล่าวถึงผู้ก่อเหตุเลยแม้แต่นิดเดียว คือปกป้องกันฉิบหายเลย แต่โชว์ออฟ โชว์เท่ ประกาศจุดยืนต่อต้านการใช้ความรุนแรงและคุกคามผู้อื่น รวมทั้งการเข้าไปช่วยเหลือผู้เสียหายในด้านต่างๆ ภายหลังเกิดเหตุ ดร.ศุภัช ย้ำหลายช่วงว่า การดำเนินการใดต้องกระทำด้วยความรอบคอบ ระมัดระวัง โดยคำนึงถึงผลกระทบทางจิตใจและการละเมิดความเป็นส่วนตัวของผู้เสียหาย และวิงวอนให้เคารพความเป็นส่วนตัวและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผู้เสียหายด้วย


จริงๆ นี่คือข้ออ้างบังหน้า แท้ที่จริงคือต้องการปกป้องที่ปรึกษาของตัวเอง ผู้เสียหายเขาเสียหายไปแล้ว เสียศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์แล้ว จิตใจโดนกระทบไปเรียบร้อยแล้ว และเขาก็รู้กันทั่ว กสทช. รวมทั้งขอให้บุคลากรในสำนักงาน กสทช. ตลอดจนสื่อมวลชน ผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ หลีกเลี่ยงการกระทำใดๆ อันอาจเป็นการซ้ำเติมความรู้สึกของผู้เสียหาย

อาจารย์ศุภัช ครับ อาจารย์เลอะเทอะไปใหญ่แล้วนะ เรื่องแบบนี้คุณจะไปปิดได้อย่างไร คุณต้องแสดงจุดยืนชัด ถ้าคุณต้องการปกป้องผู้เสียหาย คุณต้องพูดถึงผู้ที่ถูกกล่าวหาและผู้กระทำสิ ต้องบอกเลยว่าผมเสียใจที่มีเรื่องนี้เกิดขึ้น ผมนึกไม่ถึงเลยว่าที่ปรึกษาของผมจะเป็นคนแบบนี้ แต่คุณเอาผู้เสียหายมาปกป้องเพื่อนคุณว่าอย่าพูดไปเลย เดี๋ยวมันจะเสียหายถึงผู้เสียหาย ก็ผู้เสียหายเขาเสียหายไปแล้ว ปรากฏว่าได้ผลจริงๆ ก็คือว่า เขาด่ากันให้เช็ดในสำนักงาน กสทช. อย่างมาก เป็นการยกผลกระทบที่มีต่อผู้เสียหายขึ้นมาเพื่ออ้างไม่ให้มีการขยายข่าวเรื่องที่เกิดขึ้น ใช่หรือเปล่า

ก็มีการตั้งข้อสังเกตว่า ที่ผ่านมามีขบวนการปกปิดเรื่องที่เกิดขึ้นหรือเปล่า แม้ว่าการปกปิดชื่อหรือรูปของผู้เสียหายเป็นสิ่งที่ต้องกระทำ เห็นด้วย แต่การปกปิดเรื่องอื้อฉาวทั้งที่เกิดมานานหลายวันแล้ว สมควรหรือเปล่า อาจารย์ศุภัช ครับ

หลังจากที่เกิดเหตุล่วงละเมิดทางเพศ หญิงสาวผู้เสียหายที่เป็นพนักงาน กสทช. เป็นคนที่มาจากครอบครัวที่มีหน้ามีตาในสังคม ได้รับผลกระทบทางจิตใจอย่างหนัก เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล ซึ่งข่าวแจ้งว่า ถ้าสภาพจิตใจมีความพร้อมแล้ว ผู้เสียหายและครอบครัวก็ยืนยันจะดำเนินคดีต่อผู้กระทำผิดจนถึงที่สุด


เรื่องฉาวแบบนี้กลายเป็นเหตุการณ์อื้อฉาวที่มาซ้ำเติมภาพลักษณ์ กสทช. เพราะกรรมการ กสทช. นั้นเล่นเกมการเมืองมาก 7 คน มาจากแต่ละแห่ง มีฤทธิ์กันทุกคน ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มโน้นกลุ่มนี้ แล้วก็ฮั้วกัน ตกลงกันว่าคุณเสนอใคร ผมเสนอใคร เอารวมกันแล้ว 7 คน แต่ที่มาที่ไปไม่ได้มาจากแหล่งเดียวกัน ขัดแย้งกันจนกระทั่งกระทบต่อการทำงาน กสทช. ผมเสียใจมากที่เรื่องนี้เกิดขึ้นในสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ชื่อมันบอกอยู่แล้วว่าเป็นองค์กรที่มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ สมกับตำแหน่งที่คุณมีการแย่งชิงกันเลือดซิบๆ เลย ในตำแหน่งกรรมการ เพราะอะไร ? ค่าตอบแทนสูง ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าเงินเดือนหลายแสนบาทต่อเดือน งบเอนเตอร์เทน งบค่าเดินทาง สูงมาก

แล้วคุณรักษาการเลขาธิการ กสทช. บอกว่าสำนักงาน กสทช. จะเป็นองค์กรอิสระที่โปร่งใส เป็นที่เชื่อถือและพึ่งพาได้ของประชาชน แล้วที่คุณกรรมการ ดร.ศุภัช พูดออกมา จะทำให้ประชาชนเชื่อถือได้หรือเปล่า

จริงๆ เรื่องนี้มันต้องตั้งกรรมการสอบสวนให้เป็นเรื่องเป็นราว ถ้ามีมูล ผู้ก่อเหตุไม่เพียงต้องถุกไล่ออก หรือถูกดำเนินคดี แต่กรรมการ คือ ดร.ศุภัช คนที่เป็นผู้แต่งตั้งที่ปรึกษา ผู้ที่ก่อเรื่องน่าละอาย ต้องรับผิดชอบด้วยการลาออก เพื่อเป็นบรรทัดฐานของสังคมต่อไปอีกด้วย ซึ่งนั่นคือการฝันกลางวัน ไม่ทำหรอก หวงแหน เงินเดือนมันสูง กว่าจะได้มาสู้มาเลือดซิบเลย แต่ไม่ใช่มาทำเรื่องงุบงิบ ซุบซิบ ทำตัวลึกลับ ปกป้องพวกตัวเอง ปิดบังความจริงกับประชาชน ผมก็เลยถามว่า นี่้หรือหน่วยงานที่อ้างว่าเป็นอิสระ โปร่งใส น่าเชื่อถือ พึ่งพาได้หรือครับ ? แม้แต่ขี้ในสำนักงานพวกคุณเอง ยังออกมาช่วยกันกลบ ไม่สนใจความถูกผิด เพราะฉะนั้นแล้วมติ กสทช. ในอนาคต เป็นไปได้ไหมว่าเราตั้งคำถามว่าเป็นมติที่โปร่งใสหรือเปล่า

สงครามพม่า ยาบ้าทะลักไทย

ท่านผู้ชมครับ จำได้หรือเปล่าว่าผมได้พูดเรื่องสงครามพม่า วันนี้ผมจะพูดถึงผลพวงของสงครามพม่าที่กระทบไทยอย่างหนัก แล้วก็มีส่วนที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ของไทยอีกแล้ว

ท่านผู้ชมรู้ไหมครับ ตอนนี้ยาบ้าทะลักเข้ามาในประเทศไทย ยาบ้า ตอนนี้เป็นสินค้าส่งออกของกลุ่มว้าเหนือ และกลุ่มว้าใต้ ทำไมล่ะครับ ? พวกนี้ต้องการเอายาบ้ามาขาย ยาเสพติด เพื่อได้เงินมาจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ ประกอบเป็นทุนหล่อเลี้ยงปากท้องลูกสมุนทั้งกองทัพ ท่านผู้ชมบางคนอาจจะไม่ได้ติดตามข่าว หรือข่าวพวกนี้ไม่ค่อยได้ลงในหน้าหนังสือพิมพ์ทั่วไป

สัปดาห์ที่แล้ว อังคารที่ 12 ธันวาคม 2566 มีการจับกุมยาบ้าล็อตใหญ่ อภิมโหฬารที่สุดในประวัติศาสตร์ของจังหวัดกาญจนบุรี วันนั้นทหาร ตำรวจ สนธิกำลังกับฝ่ายปกครอง ตั้งด่านตรวจร่วมกันบริเวณสามแยกทองผาภูมิ ถนน 323 สังขละบุรี-กาญจนบุรี หมู่ที่ 1 ตำบลท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี


ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าเขาเจออะไร ? เขาเจอรถบรรทุกหกล้อขนยาบ้ามาทั้งหมด 50 ล้านเม็ด มูลค่าของกลาง 1,500 ล้านบาท คนขับรถคือ นายปิยะพันธ์ ยอมรับว่าทำอย่างนี้มาแล้ว 5 ครั้ง แต่ละครั้งได้ค่าจ้าง 100,000 บาท ครั้งนี้ครั้งที่ 6 ดันถูกจับได้

หลังจากนั้นอีก 4 วัน ดึกคืนวันเสาร์ที่ 16 ธันวาคม ทหารชุดเฉพาะกิจทัพเจ้าตาก ได้ดำเนินการวิสามัญฯ กองกำลังคาราวานขนยาบ้าที่พยายามเดินเท้าลักลอบเข้ามาทางชายแดนเทิดไท จังหวัดเชียงราย ไปอีก 15 ราย วิสามัญฯ ตายเลย 15 คน ยึดยาบ้าในเป้สะพายหลัง 17 ใบ รวมแล้ว 2 ล้าน 4 หมื่นเม็ด มูลค่ากว่า 61 ล้านบาท


พล.ต.ประพัฒน์ พบสุวรรณ ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง ได้รายงานที่ไปเกาะติดสถานการณ์ให้ทราบว่า ปัจจุบันขบวนการค้ายาเสพติดพยายามลักลอบนำสินค้าเข้าสู่ประเทศไทยมากยิ่งขึ้น ทำให้ผู้บังคับบัญชาได้เน้นย้ำให้สกัดกั้นที่ชายแดนให้ได้มากที่สุด ช่วงประมาณ 2-3 เดือนที่ผ่านมา คือตุลาคม-ธันวาคม เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติงานสามารถสกัดกั้นยาเสพติดได้มากกว่าช่วงเดียวกันของปี 2565 หรือปีที่แล้ว ถึง 6 เท่า

ท่านผู้ชมจำได้ไหมว่าผมเคยให้ความรู้ในรายการ SONDHI TALK เกี่ยวกับสถานการณ์การสู้รบของรัฐบาลพม่า พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย กับบรรดานักรบชาติพันธุ์ซึ่งมี 3 แกนนำหลัก 3 กลุ่ม ที่เรียกตัวเองว่า กองกำลังภาคเหนือ อันได้แก่ กองทัพโกก้าง กองทัพอาระกัน และ กองทัพตะอาง หรือปะหล่อง

นักรบ 3 กลุ่มนี้เปิดปฏิบัติการ 1027 ดำเนินยุทธวิธีเข้าโรมรันพันตูกับกองพันทหารพม่า เริ่มจากพื้นที่ในเขตการปกครองพิเศษโกก้าง เมืองเล่าก์ก่าย ทางตอนเหนือของรัฐฉาน ตั้งแต่ 27 ตุลาคม มาเดือนกว่า จะสองเดือนแล้ว ถึงปัจจุบัน สถานการณ์สู้รบได้บานปลายไปในหลายๆ เมือง และในที่สุดก็มีผลกระทบกับประเทศไทยไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้


จากข้อมูลการสู้รบกันระหว่างกองกำลังเพื่อนบ้าน ซึ่งตั้งแต่เริ่มอุบัติขึ้น กินระยะเวลายาวนานมาเกือบ 3 เดือน ได้สอดคล้องสัมพันธ์กันอย่างยิ่งกับข้อมูลการทะลักของยาบ้า ในช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม ซึ่งท่าน พล.ต.ประพัฒน์ พบสุวรรณ ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง ได้รายงานเอาไว้

ก่อนหน้านี้ทหารกองพลทหารราบที่ 9 ร่วมกับกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี ตรวจยึดยาบ้าได้ 50 ล้านเม็ด พ.อ.ณปพงศธร วังตาล หัวหน้าชุดปฏิบัติการพิเศษ กอง 12 หรือที่เรียกฉายาว่า พระกาฬ 12 ท่านเป็นนายทหารมือปราบยาบ้าติดระดับพระกาฬ ของศูนย์รักษาความปลอดภัย ท่านได้พูดกับทีมงานของเราไว้ว่า การลักลอบลำเลียง เส้นทาง และการเคลื่อนย้ายยาเสพติด ยาบ้า จำนวนมากเข้าสู่ชายแดนไทยในพื้นที่ภาคเหนือและช่องทางทางตะวันตก เฉพาะด่านเจดีย์สามองค์ ตรงข้ามกับเมืองพญาตองซู สาเหตุหลักเกิดขึ้นเพราะว่าการสู้รบภายในพม่าทวีความรุนแรงมากขึ้น ทำให้ช่องทางของเพื่อนบ้านที่ตรวจตราเรื่องยาเสพติดนั้นขาดความเข้มงวด


นอกจากนี้แล้ว การพยายามจับกุมอย่างหนักของเจ้าหน้าที่ไทยทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้ขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติได้ทดลองเปลี่ยนเส้นทางลำเลียงยาเสพติดมาทางเมืองพญาตองซู โดยลักลอบผ่านเข้าตามช่องทางธรรมชาติ ในพื้นที่บ้านพระเจดีย์สามองค์ กาญจบุรี ซึ่งมีชายแดนติดกัน รวมทั้งมีเครือข่ายค้ายาเสพติดคอยอำนวยความสะดวกอยู่จำนวนมาก ทั้งฝ่ายพม่าและฝ่ายไทย

ด้วยเหตุผลการสู้รบของกองกำลังติดอาวุธชาติพันธุ์กับรัฐบาลทหารพม่า ซึ่งมีความจำเป็นต้องจัดหาเงินทุนไว้ใช้ในการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ในการสู้รบกับรัฐบาลทหาร แหล่งข่าวในพื้นที่อ้างอิงให้ข้อมูลกับทหารไทยว่า กองกำลังชาติพันธุ์มีส่วนเกี่ยวข้องในฐานะเป็นผู้ค้ายาเสพติดหลายครั้ง ตั้งแต่ก่อนจะเกิดการทำรัฐประหารของรัฐบาลทหารพม่าเสียอีก

 พ.อ.เพียว ลิน หรือ เอวัน กลุ่มกองกำลังกะเหรี่ยง KNLA ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมในการค้ายาเสพติด
ที่ผ่านมาการจับกุมเครือข่ายยาเสพติดข้ามชาติชายแดนฝั่งตะวันตกมักมีผู้ต้องหากล่าวถึงกองกำลังชาติพันธุ์หลายกลุ่มที่เกี่ยวข้อง อย่างกลุ่ม พ.อ.เพียว ลิน

นอกจากความต้องการด้านทุนทรัพย์เพื่อนำไปซื้อหาอาวุธยุทโธปกรณ์ของกลุ่มกองกำลังชาติพันธุ์เหล่านี้ ผมยังมีข้อมูลลักษณะยาเสพติด บรรจุภัณฑ์ของยาบ้า และตราสัญลักษณ์ต่างๆ จากฝั่งเพื่อนบ้านที่ทางการข่าวไทยได้เก็บรวบรวมไว้อย่างละเอียด

ลักษณะหีบห่อของยาบ้านั้น ลักษณะที่หนึ่ง มีการเขียนอักษร 'Y-1' สีชมพู ภายในกระสอบ จะพบห่อบรรจุภัณฑ์ยาบ้าปั๊มบนห่อว่า 'Y-1' สีแดง ลักษณะเม็ดยาที่พบจะเป็นสีแดง ปั๊มอักษร 'WY' หางยาว ไม่มีเม็ดยาสีเขียวคั่น


ลักษณะที่สอง คือ ภายในกระสอบพบห่อบรรจุผลิตภัณฑ์ยาบ้าปั๊มบนห่อรูป 'เครื่องบิน F-35' สีแดง ในวงกลมสีแดง ลักษณะเม็ดยาที่พบภายในสีแดง ปั๊ม 'WY' หางยาว ไม่มียาเม็ดสีเขียวคั่น


ลักษณะที่สาม คือ ภายในกระสอบพบห่อบรรจุภัณฑ์ยาบ้าปั๊มบนห่อเป็นรูปจานบิน UFO ด้านบนประทับตราอักษร 'UFO' ด้านล่างประทับตรา '999' ในกรอบสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีน้ำเงิน


ทั้งนี้ เมื่อวิเคราะห์จากข้อมูลการเก็บสถิติยาเสพติดประเภทยาบ้าของหน่วยงานไทยแล้ว ได้พบว่ายาเสพติดที่ทะลักเข้ามาจากฝั่งพม่า ยาบ้าที่จับกุมได้ในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี และยาบ้าที่ยึดได้จากการวิสามัญฯ คาราวานยาเสพติด 15 ศพ ในพื้นที่เชียงรายต่อมานั้น มาจากการผลิตในเขตของว้าเหนือในเขตว้าใต้ และโรงงานย่อยซึ่งกระจายไปตามพื้นที่ต่างๆ โดยทั้งสามแหล่งผลิตใหญ่ช่วยกันเร่งปั๊ม เร่งลำเลียงขนส่งเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย เพื่อระดมทุนทรัพย์ไปใช้ในการซื้อหาอาวุธยุทโธปกรณ์

ตอนนี้ข้อมูลของชาวมอญระบุว่า กลุ่มหลักที่ผลิตยาเสพติดในรัฐฉาน ประเทศพม่า แบ่งออกเป็น 8 กลุ่ม คือ 1) ว้า 2) โกก้าง 3) กลุ่มเมืองลา 4) ไทใหญ่เหนือ 5) คะฉิ่น 6) มูเซอ 7) อาข่า และ 8) กลุ่มทหารพม่าเอง ที่มีที่ตั้งอยู่บริเวณรัฐคะฉิ่น


นอกจากนี้แล้ว ในบริเวณท่าขี้เหล็กยังมีโรงงานผลิตยานรกเกิดขึ้นใหม่อย่างน้อย 4 โรงงาน มีทั้งโรงงานปั๊มยาบ้า ผลิตยาเค มีบางโรงงานผลิตยาอีด้วย 4 โรงงานนี้มีนายทุนเป็นกลุ่มจีนสีเทา ซึ่งว่าจ้างกองกำลังชาติพันธุ์ดูแลและเคลื่อนย้ายยาเสพติดส่งให้เอเยนต์ผู้ค้ายาอีกทอดหนึ่ง

มาถึงนาทีนี้ ท่านผู้ชมคงสงสัยว่ากองกำลังชาติพันธุ์ คู่ปรับทหารพม่า เอาเงินทุนจำนวนมากไปซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์จากใคร หลายท่านอาจจะคาดเดาได้ว่าเป็นไอ้โม่งจากฝั่งอเมริกา ทางรัสเซีย ทางอินเดีย หรือจีนแผ่นดินใหญ่ เป็นคนส่งอาวุธให้กองกำลังชนกลุ่มน้อยใช่หรือเปล่า ก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องส่วนหนึ่ง อย่างที่ผมตั้งข้อสังเกตไว้ว่า อาวุธหนักๆ หลายอย่าง ตั้งแต่อาวุธไฮเทค ไม่ว่าจะเป็นโดรน โน้ตบุ๊กที่ใช้ควบคุมอาวุธ ปืนกล จรวด กล้องส่องกลางคืน หรือโทรศัพท์ผ่านดาวเทียม ของกองกำลังชาติพันธุ์พม่านั้น แน่นอนที่สุด ต้องจัดหาหรือถูกส่งมอบให้จากต่างประเทศทั้งสิ้น


แต่ท่านผู้ชมเชื่อหรือเปล่าว่านอกจากเหล่าประเทศมหาอำนาจที่คอยส่งอาวุธเติมเชื้อไฟให้สงครามในพม่าแล้ว ยังมีกลุ่มอาวุธพ่อค้าคนไทยอีก ทำการลักลอบนำอาวุธเถื่อน อาวุธปืนสวัสดิการจากราชอาณาจักรไทยส่งขายให้ชนกลุ่มน้อย ทั้งฝั่งพม่า ลาว และกัมพูชา กับเขาด้วยเหมือนกัน

เรื่องนี้ช่วงที่ผ่านมา พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช หรือผู้บัญชาการก้อง ผู้บัญชาการสอบสวนกลาง ได้รวบรวมข้อมูลไว้ตั้งแต่ปี 2534 หรือสามสิบสองปีที่แล้ว มันมีอาวุธปืนสงครามตกค้างอยู่ตามชายแดนไทย-พม่า ชายแดนไทย-กัมพูชา และชายแดนไทย-ลาว ถูกซื้อขาย โยกย้ายกันไปผ่านหลายช่องทาง เรียกว่าตลาดมืด จำนวนหลายล้านกระบอก โดยเฉพาะเมื่อการสื่อสารเข้าสู่ยุคโลกไร้พรมแดน การซื้อขายผ่านทางออนไลน์ ติดต่อสื่อสารกันเอง แอปพลิเคชันต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น LINE, Facebook, Twitter ก็เลยทำให้เกิดกระบวนการที่เขาเรียกว่า "นารายณ์ปราบศาสตรา" ขึ้น โดยกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ตั้งขึ้นมาเพื่อระดมกวาดล้างจับกุมพ่อค้าปืนและขบวนการซื้อขายอาวุธสงครามมาตั้งแต่ 2564 จนถึงปัจจุบัน ปีนี้เป็นปีที่สามแล้ว


ปฏิบัติการที่ผ่านมาสามารถทำลายเครือข่ายผู้ค้า/ผู้ผลิตรายใหญ่ไปแล้ว 18 เครือข่าย จับกุมผู้ซื้อขายมากกว่า 1,000 ราย ยึดของกลางอาวุธปืน เครื่องกระสุน อุปกรณ์ ไปจำนวนหลายร้อยรายการ

มีอยู่คดีหนึ่งน่าสนใจมาก คดีที่กองบัญชาการสอบสวนกลางขยายผลจากการที่ฝ่ายสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี เข้าจับกุมนายดนุพล ยมพงษ์ หรือ เบล อายุ 32 ปี อดีตผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านตำบลแสมสาร หมู่ 1 หรือฉายา "เบล 100 กระบอก" ได้พร้อมของกลางอาวุธปืนจำนวนมาก ภายในบ้านเลขที่ 143/22 หมู่บ้านนาวีเฮ้าส์ 43 หมู่ 4 ตำบลพลูตาหลวง อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี


ครั้งนั้น "เบล 100 กระบอก" ถูกจับกุมได้ในวันที่ 14 กันยายน 2564 สองปีที่แล้ว ตามหมายจับศาลจังหวัดหนองคาย ในความผิดฐานร่วมกันส่งออกนอกราชอาณาจักรซึ่งของที่ยังไม่ผ่านพิธีการศุลกากรโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันมีอาวุธปืนในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร ร่วมกันนำอาวุธปืนผ่านราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรี

ท่านผู้ชมครับ ในเวลานั้นฝ่ายสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรีสามารถตรวจยึดอาวุธปืนในบ้านพักผู้ต้องหาได้ 46 กระบอก แบ่งเป็น ปืนสั้นชนิดกึ่งอัตโนมัติ และลูกโม่ จำนวน 30 กระบอก ปืนยาวอีก 14 กระบอก ทั้งหมดนี้มีใบอนุญาต ป.4

"ใบอนุญาต ป.4" คือ ให้มีและใช้พร้อมตีตราเพื่อการกีฬา

ท่านผู้ชมที่ไม่เคยใช้หรือไม่เคยสนใจเรื่องปืน ผมอธิบายให้ฟังก่อน มันมีใบ ป.3, ป.4 และ ป.12 มันคืออะไร ?


"ใบ ป.3" คือ ใบอนุญาตให้ซื้ออาวุธปืนหรือเครื่องกระสุนส่วนบุคคล ให้มีอาวุธปืนหรือเครื่องกระสุนสำหรับการค้า

"ใบ ป.4" คือ ใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน ให้มีอาวุธปืนไว้เพื่อเก็บ ให้มี และใช้อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนชั่วคราว

ในทางปฏิบัติ ป.3 ใบอนุญาตให้ซื้อปืน ให้ไปยื่นคำร้องขออนุญาตซื้อต่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง นายอำเภออนุญาตให้ซื้อจะออกใบ ป.3 ให้ถือใบนั้นไปที่ร้านค้าเพื่อซื้อปืน

เมื่อนำใบ ป.3 ไปซื้อปืน ทางร้านจะดำเนินการตัดโอนออกจากโควตาร้าน เป็นใบคู่มือปืน แล้วนำใบคู่มือปืนไปขึ้นเป็นใบ ป.4 โดยใบ ป.4 คือทะเบียนปืนที่ระบุชื่อผู้ซื้อเป็นเจ้าของ แต่มันต้องมี "ใบ ป.12" ก็คือสามารถที่จะนำอาวุธที่ซื้อไปนั้น พกติดตัวได้

คำถามคือ "เบล 100 กระบอก" หรือนายดนุพล ยมพงษ์ ที่ถูกจับกุมที่สัตหีบนั้น มันไปเอาใบอนุญาตมาจากไหนมากมาย คำตอบ เมื่อสืบค้นไปสืบค้นมา พบว่าใบอนุญาตทั้งหมดออกให้โดยนายอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี อีกทั้งพบใบอนุญาต ป.4 ให้มีและใช้อาวุธปืน ซึ่งเป็นชื่อผู้อื่นอีกจำนวน 67 ใบ แต่ไม่พบอาวุธปืน ด้วยเหตุนี้ "เบล 100 กระบอก" จึงตกเป็นผู้ต้องหาที่ร่วมขบวนการสวมสิทธิ์ใบ ป.4 ปืนสวัสดิการ ก่อนที่จะนำอาวุธนั้นไปค้าข้ามชาติให้ชนกลุ่มน้อยประเทศเพื่อนบ้านทันที

ระหว่างที่ "เบล 100 กระบอก" ได้รับการประกันตัวออกมาสู้คดีเมื่อปี 2564 ผ่านไปเวลาไม่ถึง 1 ปี ชุดทำงานของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางก็พบข้อมูลว่า ไอ้หมอนี่้ไมได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมแต่อย่างใด มิหนำซ้ำยังไปในทางที่เลวมโหฬารมากยิ่งขึ้นไปอีก

แนวทางการสืบสวนของตำรวจกองปราบปรามพบว่า หลังจากถูกฝ่ายสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรีจับกุมนายดนุพล ยมพงษ์ หรือ "เบล" ผู้ต้องหารายนี้ ยังนำเอาชื่อบุคคลอื่น หรือคนในขบวนการ ไปขอใบอนุญาตซื้ออาวุธปืนสวัสดิการแบบ ป.3 มากกว่า 2,000 ใบ ถ้าเปรียบแล้วก็คือมากกว่า 2,000 กระบอก ที่จะซื้อมา เมื่อได้รับใบอนุญาตซื้อปืนมาเรียบร้อย กลุ่มของนายดนุพลก็จะไปซื้อปืนจากร้านขายปืนสวัสดิการ จากนั้นส่งอาวุธปืนไปขายชนกลุ่มน้อยประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งลาว กัมพูชา และพม่า รวมทั้งยังมีการแบ่งขายให้ตลาดมืดในประเทศอีกด้วย กลุ่มพวกนี้จะได้กำไรนอกจากราคาส่วนต่างของอาวุธปืนสวัสดิการสูงถึงกระบอกละ 30,000-50,000 บาท ได้มีการตรวจสอบเส้นทางการเงิน พบว่ามีเงินหมุนเวียนถึง 150 ล้านบาท


ต่อมา วันที่ 13 มิถุนายน "เบล 100 กระบอก" ถูกตำรวจกองปราบปรามออกหมายจับ เข้าจับกุมที่บ้านพักหลังเดิม ที่เก่าที่เคยถูกจับมาแล้ว คราวนี้วิวัฒนาการของฉายาที่ยิ่งใหญ่ขึ้น จาก "เบล 100 กระบอก" กลายเป็น "เบล 1,000 กระบอก" เพราะครั้งนี้เจ้าตัวโดนรวบพร้อมของกลาง รถยนต์ 5-6 คัน บ้าน 2 หลัง เรือ 5 ลำ อาวุธปืน 17 กระบอก เครื่องกระสุนขนาดต่างๆ กว่า 10,000 นัด ใบ ป.3 จำนวน 36 ใบ ใบ ป.4 จำนวน 490 ใบ และสมุดบัญชีธนาคารอีก 48 เล่ม

นอกจากนี้แล้ว ยังมีผู้ต้องหาอีก 16 ราย ที่อยู่ในขบวนการเดียวกับ "เบล 1,000 กระบอก" ถูกจับกุมด้วย ท่านผู้ชมรู้ไหม มีข้าราชการระดับสูง และอดีตข้าราชการระดับสูงของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย เช่น นายดงพล รุจิธรรมธัช อายุ 49 ปี นายอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี โดนจับกุมได้ที่บ้านพัก อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี นายสาวิตร เจียมจิระพร อดีตนายอำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี โดนจับกุมได้ในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ น.ส.กรณิศ เป๋าทุ้ย อายุ 52 ปี เป็นเจ้าหน้าที่อำเภอไทรโยค และนายญาณเดช เอี่ยมสะอาด อายุ 31 ปี เจ้าหน้าที่อาสาสมัครที่ทำหน้าที่รวบรวมรายชื่อคนขอใบอนุญาต ถูกจับกุมได้ในพื้นที่อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี


ท่านผู้ชมครับ การจับกุมล่าสุดทางคณะทำงานของกองปราบปราม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เผยข้อมูลสำคัญว่า เป็นการขยายผลจากขบวนการค้าอาวุธสงครามต่างๆ ที่จับกุมมาได้หลายปีในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ขบวนการค้าปืนเถื่อน อาวุธสงครามดังกล่าวมีการวางแผนการทำงานในลักษณะกลุ่มอาชญากร แบ่งหน้าที่กันทำชัดเจน คือ 1. กลุ่มนายทุน ออกเงิน 2. กลุ่มนายดนุพล หรือ "เบล 1,000 กระบอก" ทำหน้าที่หาคนมาทำใบ ป.3 และขนส่งอาวุธ 3. กลุ่มเจ้าหน้าที่รัฐที่้มีส่วนเกี่ยวข้องในการทำหน้าที่ออกใบอนุญาต และ 4. กลุ่มร้านปืน

บุคคลในขบวนการที่มีการยื่นรายชื่อมาขอออกใบ ป.3 ซื้ออาวุธปืนสวัสดิการ ส่วนใหญ่มีพฤติการณ์ที่ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย บางส่วนไม่ทราบว่าชื่อตัวเองถูกสวมสิทธิ์ไปยื่นคำร้องขอใบ ป.3 ที่สำคัญที่สุด ขบวนการค้าปืนเถื่อนและอาวุธสงครามนี้จะไม่สามารถทำมาหากินได้เลย ถ้าเจ้าหน้าที่รัฐไม่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับออกใบอนุญาตให้ซื้ออาวุธปืนแบบ ป.3 ร่วมดำเนินการปลอมเอกสารและออกใบอนุญาตให้ซื้ออาวุธปืน ซึ่งเป็นเอกสารเท็จให้ขบวนการของนายดนุพลนำไปใช้ซื้ออาวุธปืนกับทางร้านค้า


ความร่วมมือระหว่างนายทุน ภาคเอกชน และเจ้าหน้าที่รัฐสังกัดกระทรวงมหาดไทย ก่อให้เกิดปัญหาขบวนการค้าอาวุธปืนข้ามชาติขนาดใหญ่ระดับโลก ท่านผู้ชมทราบไหมว่าสื่อต่างชาติให้ความสนใจและตราหน้าประเทศไทยว่าล้มเหลวในการปราบปรามอาวุธปืนและอาวุธสงคราม

4 ตุลาคม 2566 สำนักข่าวอิศราเคยแปลข่าวจากสำนักข่าว AFP ลงเป็นบทความภาษาไทย โดยระบุว่า สื่อนอกไม่เชื่อว่าไทยออกมาตรการคุมอาวุธปืนสำเร็จ หลังจากเหตุการณ์ยิงที่พารากอน ชี้โครงการสวัสดิการเป็นต้นตอปัญหาทำให้อาวุธปืนหลุดเข้าสู่ตลาดมืด


ในบทความนั้นได้แปลคำสัมภาษณ์จากนายไมเคิล พิการ์ด นักวิจัยอิสระ เรื่องการแพร่กระจายอาวุธปืนและการทุจริตด้วยว่า ปัญหาที่แท้จริงในเรื่องอาวุธปืนเถื่อนที่ขายต่อต่างประเทศนั้น คือโครงการปืนสวัสดิการ โครงการนี้บุคลากรของรัฐจะได้รับส่วนลดสำหรับปืนส่วนบุคคลและซื้อโดยตรงผ่านหน่วยงานของพวกเขา แทนผ่านการออกใบอนุญาตเหมือนอย่างพลเรือน

ผลงาน "เสี่ยหนู ตี 4"

ท่านผู้ชมครับ ผมไม่อยากจะจับผิดคุณอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หรอกนะ แต่อย่างไรคุณอนุทินก็จะมีไทยรัฐคอยสนับสนุนแก้ข่าวให้ตลอดเวลา ไม่ทราบว่าเรื่องนี้ไทยรัฐจะแก้ข่าวให้อย่างไร แต่เรื่องนี้ปล่อยปละละเลยไม่ได้ อดเสียไมได้เพราะปัญหานี้โยงกันไปโยงกันมา สุดท้ายแล้วชี้ไปที่ต้นตอ ท่านผู้ชมก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นกระทรวงมหาดไทยที่คุณอนุทินรับผิดชอบอยู่

สถานการณ์การทะลักเข้ามาของแรงงานต่างด้าวและยาเสพติดจากเพื่อนบ้าน เนื่องจากผลกระทบต่อภัยสงคราม ประกอบการเร่งปั๊มยาบ้ามาขาย เพราะกองกำลังชนกลุ่มน้อยต้องการหาเงินทุนไปซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ไปสู้รบกับรัฐบาล ล้วนมีความเกี่ยวพันกันอย่างลึกซึ้งกับข้อเท็จจริงในคดี "เบล 1,000 กระบอก" และขบวนการค้าอาวุธปืนและอาวุธสงครามเถื่อนแบบแยกแยะกันไม่ออกเลย


คุณอนุทิน ท่านทราบหรือเปล่าว่าจากคดีนี้และขบวนการนี้ มันมีคนๆ หนึ่ง ชื่อ นายดงพล รุจิธรรมธัช นายอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี คือหนึ่งในผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมคดีนี้คาบ้านพัก โดนตำรวจชุดจับกุมตั้งข้อหาร้ายแรงในฐานะเป็นข้าราชการที่ร่วมขบวนการค้าอาวุธข้ามชาติขบวนการเดียวกันกับ "เบล 1,000 กระบอก"

ช่วงนั้น หลังจากการถูกจับกุมเพียง 1 วัน คือวันที่ 14 มิถุนายน นายธนาคม จงจิระ อธิบดีกรมการปกครองในตอนนั้น ได้ย้ายนายดงพล ให้ไปช่วยราชการที่กรมการปกครอง โดยมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่ที่วิทยาลัยกรมการปกครองเป็นการประจำ ถ้าดูตามตำแหน่ง คือไปสอนหนังสือที่กรมการปกครอง ก็ดีเหมือนกันนะครับ เอาคนที่ถูกตำรวจจับกุมในข้อหาร้ายแรงไปสอนหนังสือที่กรมการปกครอง


แต่หลังจากนั้น 18 เดือนต่อมา ผมกลับมีข้อมูลว่านายดงพล ถูกแต่งตั้งไปเป็นนายอำเภอที่จังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดลพบุรี และจังหวัดนครสวรรค์

สรุปง่ายๆ ระยะเวลา 18 เดือนต่อมาหลังถูกจับกุม เจ้าตัวกลับได้รับคำสั่งไปทำหน้าที่รับใช้ประชาชนอีก 3 จังหวัด ท่านผู้ชมครับ คุณอนุทินครับ พวกคุณกำลังคิดเล่นปาหี่อย่างสนุกสนานอย่างนี้จริงๆ หรือ


ขณะนี้คดีที่นายดงพล รุจิธรรมธัช อดีตนายอำเภอศรีราชา โดนจับ จะถูกพิพากษาไปแล้วหรือไม่ อย่างไร ผมไม่ทราบ ผมไม่ทราบจริงๆ แต่ 18 เดือนที่ผ่านมา พบว่าเมื่อวันที่ 8 มกราคม 2566 ราวๆ 6 เดือนหลังโดนจับ มีคำสั่งกระทรวงมหาดไทยที่ 75/2566 เรื่องย้ายข้าราชการ ที่ลงนามโดยนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดเก่ง ปลัดกระทรวงมหาดไทย มีคำสั่งให้นายดงพล รุจิธรรมธัช นายอำเภอ (ผู้อำนวยการสูง) อำเภอนาโพธิ์ จังหวัดบุรีรัมย์ ย้ายไปเป็นนายอำเภอ (ผู้อำนวยการสูง) อำเภอลำสนธิ จังหวัดลพบุรี


จากนั้น เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2566 ห้าเดือนที่แล้ว ยังมีคำสั่งกระทรวงมหาดไทยที่ 2042/2566 เรื่องย้ายข้าราชการ ลงนามโดยนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทยคนเดิม ให้นายดงพล รุจิธรรมธัช นายอำเภอ (ผู้อำนวยการสูง) อำเภอลำสนธิ จังหวัดลพบุรี มาช่วยราชการกองบัญชาการแผนงาน กรมการปกครอง ย้ายไปเป็นนายอำเภอ (ผู้อำนวยการสูง) อำเภอพยุหคีรี จังหวัดนครสวรรค์ อำเภอใหญ่ด้วย ทำหน้าที่อยู่จนถึงปัจจุบัน


สรุป ตลกฉิบหายเลยท่านผู้ชม ผมกำลังงงว่ากระทรวงมหาดไทย โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล และท่านปลัดเก่ง กำลังเล่นอะไรกันอยู่ หลังจากถูกจับ 18 เดือน ยังได้มีโอกาสลงทำงานในพื้นที่ต่างๆ ทั้ง 3 จังหวัด คือ บุรีรัมย์ ลพบุรี และ นครสวรรค์ ทำกันอย่างนี้ ผมถามหน่อยว่า เมื่อไรปัญหาปืนเถื่อน ปัญหาข้าราชการทุจริต สมคบกับอาชญากร มันจะหมดสิ้นไปเสียที ถามหน่อยเถอะครับคุณอนุทิน ผมไม่อยากจะถามปลัดเก่ง เพราะคุณอนุทินท่านเป็นรัฐมนตรีว่าการ เป็นเจ้ากระทรวงมหาดไทย ท่านไม่รู้สึกกระอักกระอ่วนบ้างหรือ ไม่รู้สึกอับอายขายหน้าบ้างหรือ ทำไมเรื่องพวกนี้ท่านไม่ยอมรายงานให้ประชาชนได้รับทราบ แต่เวลาท่านไปเดินตรวจผับ มีหนังสือพิมพ์ไทยรัฐถ่ายรูปท่านลง ท่านยิ้มแย้มแจ่มใส ท่านเลิกหิวแสงได้หรือยัง ท่านลงมาทำงานจริงๆ เสียทีได้ไหม

คุณอนุทินครับ คุณต้องจริงจังกับเรื่องสวมบัตรประชาชนและเรื่องอาวุธปืน เพราะมันเป็นความมั่นคงของชาติ ไม่ใช่มัวเฮ้าเลี่ยนออกนโยบายเอาใจเด็ก เปิดผับถึงตี 4 อ้างเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ย


11 ธันวาคม 2566 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ลงนามกฎกระทรวงขยายเวลาการเปิดสถานบริการถึงตี 4 ใน 5 พื้นที่นำร่อง ได้แก่ สถานบริการในท้องที่กรุงเทพมหานคร จังหวัดภูเก็ต จังหวัดชลบุรี จังหวัดเชียงใหม่ ท้องที่อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี รวมทั้งสถานบริการที่ตั้งอยู่ในสถานที่ที่ตั้งโรงแรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรมทั่วประเทศ เริ่มต้นตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว วันที่ 15 ธันวาคม ที่ผ่านมา อนุญาตเป็นการชั่วคราวก่อน


นอกจากนั้นแล้ว งานส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ก็ให้เปิดได้ถึง 6 โมงเช้า นับตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม ที่ผ่านมา ที่มีผับเปิดถึงตี 4 ท่านรองนายกฯ อนุทินและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยลงพื้นที่ตรวจผับ โดยเจ้าเก่า ไทยรัฐออนไลน์ไปถ่ายทอดสดเป็นชั่วโมงๆ ไม่รู้จะมีอะไรถ่ายทอด นอกจากรับงานเขามา ตรวจผับทั้งย่าน RCA ทั้งถนนข้าวสาร ออกข่าวใหญ่ นโยบายนี้ดี นโยบายแนวโน้มดี เจ้าของร้านให้ความร่วมมือดี บรรยากาศคึกคัก เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและส่งเสริมการท่องเที่ยว


แต่ปรากฏว่าสิ่งที่ปรากฏในโลกออนไลน์หลังนโยบายเปิดผับตี 4 คือข่าวเหล่านี้ครับ

18 ธันวาคม 2566 โลกโซเชียลได้แชร์ภาพเหตุการณ์เจ้าหน้าที่เทศกิจและผู้ปกครองกำลังหามร่างของเยาวชนหญิงรายหนึ่ง อายุแค่ 16 ปี ขึ้นรถเก๋งกลับบ้าน หลังมีข้อมูลว่าเยาวชนหญิงคนดังกล่าวแอบออกมาสังสรรค์กับเพื่อนที่ถนนข้าวสาร ตามนโยบายปิดผับตี 4 ของกระทรวงมหาดไทย เด็กคนนี้อยู่ในอาการเมาสุรา ขาดสติ นอนอยู่หน้าอาคารกองสลากเก่า ถนนราชดำเนิน คนที่เห็นเหตุการณ์ส่ายหัวด้วยความอนาถใจ และทุเรศกับนโยบายของกระทรวงมหาดไทย


17 ธันวาคม 2566 หนุ่มกานา ชาวต่างประเทศ ออกจากผับตี 3 เมาขับรถชนกลุ่มคนงานขณะทำงานฝังสายเคเบิลกลางเมืองเชียงใหม่ ตายไป 1 สาหัสอีก 3


ผมไม่แน่ใจว่าเปิดผับถึงตี 4 ใครคิดขึ้นมา แต่ท่านผู้ชมครับ ผมจำได้ว่าสมัยที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข คุณอนุทินค้านหัวชนฝาเรื่องความปลอดภัยต่างๆ นานา คุณอนุทินครับ พรรคภูมิใจไทยครับ ยังจำได้หรือเปล่า 7 ธันวาคม 2565 ไทยรัฐที่กำลังรับงานเชียร์คุณอนุทินอยู่ จำได้หรือเปล่า สมัยที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายอนุทินให้สัมภาษณ์คัดค้านถึงประเด็นที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอให้เปิดสถานบันเทิงถึงตี 4 คุณอนุทิน ถ้าจำไม่ได้คุณไปดูของเก่า ผมจะเตือนคุณนะ ข้อมูลเก่าๆ ผมมีเยอะมาก ผมกำลังรอจังหวะที่จะเปิดไปทีละเรื่องๆ

นี่คือคำพูดของคุณอนุทิน "คิดว่าช่วงเวลาในปัจจุบันเหมาะสมดีแล้ว มีความเป็นสากล เมืองใหญ่ๆ ของบางประเทศเปิดถึงเที่ยงคืน ถึงตี 1 เสียด้วยซ้ำ จริงๆ ตี 2 ก็ดึกแล้ว ถ้าคนต้องทำงาน 8 โมงเช้าก็นอนไม่พอแล้ว ประสิทธิภาพการทำงานก็จะลดลง"


คุณอนุทินพูดต่อ "พรรคการเมืองจะมุ่งมั่นเอาแต่คะแนน โดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ประชาชนไม่ได้ อะไรก็ตามที่มันเกิดความเสี่ยง ที่จะเกิดโทษกับประชาชนแม้แต่ 1 เปอร์เซ็นต์ ก็อย่าทำ"

คุณอนุทิน พูดต่อ "ถ้าต้องแลกกับชีวิต ได้มากี่ล้านก็ไม่คุ้ม โดยเฉพาะชีวิตคนบริสุทธิ์ด้วย เพราะทุกวันนี้หลายคนตื่นตั้งแต่ตี 4 เพื่อเตรียมตัวไปทำงาน ทั้งคนในเมืองและในจังหวัดท่องเที่ยว ฉะนั้นเวลาตี 4 มีคนหนึ่งกำลังมึนเมากลับบ้าน กับอีกคนกำลังเดินทางออกไปทำงาน เปิดร้านขายของ ส่งลูกไปโรงเรียน ถ้าสองคนมาบรรจบกัน เราจะบอกเรื่องความคุ้มนั้นไม่ได้"

นี่คือคำพูดแท้ๆ ของคุณนะ เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2565 คุณลืมไปแล้วหรือ หรือว่าอะไรที่คุณจะได้คะแนนเสียงจากวัยรุ่น เฮกัน แล้วในที่สุดคุณก็ไม่ได้หรอก เหมือนกับคุณไม่ได้คะแนนเสียงจากคนที่ต้องการใช้กัญชาเพื่อรักษาโรค เพราะคุณทิ้งเขาไปหมดแล้ว ก็อย่างที่คุณพูด วันนี้มีคนตายแล้ว ถูกนักท่องเที่ยวเมาขับรถชนขณะที่ฝังสายเคเบิล แล้วคุณจะว่าอย่างไรล่ะ สิ่งที่คุณพูดว่าไม่คุ้มกับชีวิต วันนี้ทำไมมันคุ้มล่ะ หรือเพราะว่าคุณย้ายมานั่งกระทรวงมหาดไทย ไม่ได้อยู่กระทรวงสาธารณสุขแล้ว ก็ช่างมัน ไม่เป็นไรหรอก หรือเพราะว่าคุณเป็นนักการเมือง คุณพูดอะไรก็ตาม คุณไม่จำเป็นต้องจำใส่ใจ ขอให้พูดแล้วได้แสง ได้คะแนน คุณก็พอใจแล้ว นี่คือหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ครับท่านผู้ชม

4 เดือน "นายกฯเศรษฐา"

มีคนถามผมมาเยอะจริงๆ ทั้ง inbox ว่าคุณสนธิคิดอย่างไรกับผลงานของท่านนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ใจผมคิดว่าผมจะรอสัก 6 เดือนก่อน เพราะว่าจะไปวัดอะไรก็ตาม แค่ 3-4 เดือน มันรู้สึกว่าจะเร็วเกินไป แต่เผอิญเสียงเรียกร้องของ FC เรามีเยอะมาก ผมก็เลยตัดสินใจว่าวันนี้จะพูดเรื่องผลงานของท่านนายกฯ เศรษฐา หลังจากทำงานมาได้ 4 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคม 2566 ที่ท่านนายกฯ ได้รับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30


ได้มีการพยายามทั้งฝ่ายค้าน สว. ออกมาให้ความเห็นตัวเองเมื่อทำงานครบ 100 วัน 110 วัน ก็ว่ากันไป ผมให้ความเห็นส่วนตัวที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานแห่งความเป็นจริง ไม่เข้าข้างใครทั้งสิ้น

ประการแรก ท่านนายกฯ เศรษฐามีพื้นเพมาจากภาคเอกชน เป็นนักธุรกิจ ที่สำคัญเป็นคนที่อยู่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ คนที่ทำงานอยู่ในอสังหาริมทรัพย์นั้น ส่วนใหญ่มักจะเป็นคนที่มองภาพรวม ซื้อที่ดินมาแล้วและจะทำที่ดินอย่างไรกับอะไรต่อไป จะสร้างตึกอย่างไร จะสร้างบ้านกี่หลัง จะทำถนนเข้าไปอย่างไร และที่สำคัญคือคนที่อยู่ในอสังหาริมทรัพย์ ท่านผู้ชมสังเกตสิครับ เป็นคนที่มีวิสัยทัศน์ในธุรกิจของตัวเอง คือมักจะมองไกลออกไป ไม่ใช่ว่าทำโครงการนี้เสร็จแล้วค่อยไปคิดใหม่ เขาจะมองล่วงหน้าเลย อย่างเช่น ที่ดินควรจะซื้อเพิ่มเติมหรือเปล่าในขณะนี้ แนวโน้มควรจะเก็บธนาคารที่ดินเอาไว้เป็นหลักทรัพย์ แล้วพอราคาที่ดินขึ้นก็จะได้กำไรหลายส่วน แต่หลักๆ แล้วคนที่มาจากภาคธุรกิจจะทำงานเร็ว ตัดสินใจเร็ว สไตล์อดีตนักธุรกิจ


เผอิญท่านนายกฯ เศรษฐา ท่านทำงานต่อจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่ง 9 ปีที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่า พล.อ.ประยุทธ์ ท่านทำงานเชื่องช้ามาก ท่านระมัดระวังตัวจนตัวลีบ แต่สิ่งหนึ่งที่ผมเห็นได้ชัดก็คือว่า ข้อตำหนิและข้อบกพร่องของท่านนายกฯ เศรษฐานั้น ถ้าพิจารณากันดีๆ แล้วก็ไม่ได้ต่างกับ พล.อ.ประยุทธ์ หรอก ก็คือปากไวทั้งคู่ พูดก่อนคิด ใครว่าท่านนายกฯ ประยุทธ์ ไม่ปากไว ก็บอกผมมา ท่านสร้างซีนมาเยอะมากในอดีต ไม่ว่าจะเป็นการตวาดนักข่าว หรือการพูดจาเหน็บแนม พูดเรื่องโน้นเรื่องนี้ แต่ท่านเศรษฐาจะปากไวเฉพาะในเรื่องงาน เรื่องส่วนตัวไม่มี ไม่ค่อยจะประชดประชันคนมากน้อยเท่าไรนัก แต่จะเป็นการพูดก่อนว่าเขาจะทำอันนั้น อันนี้ อันนั้น

อย่างเช่น เงินดิจิทัล 10,000 บาทนั้น ถ้าเราเข้าใจเหตุผลแล้ว เราจะเห็นใจเขาพอสมควร เพราะว่ามันเป็นไฟต์บังคับ ก็ดันไปหาเสียงเอาไว้ จะดีเดย์ทีไรก็ติดหลายเรื่อง ติดโน่นติดนี่ ล่าสุดก็อยู่ที่กฤษฎีกาแล้ว ก็ยังไม่รู้ว่าออกมาแล้วผลจะเป็นอย่างไร เพราะว่ามีการฟ้องร้องกันเละเทะไปหมด ทั้งยื่นศาลรัฐธรรมนูญ ยื่นศาลปกครอง ก็ว่ากันไป แต่เอาเป็นว่า "หมื่นบาทดิจิทัล" เงินดิจิทัลที่สัญญาเอาไว้ เป็นคำมั่นสัญญาที่ท่านให้ไว้ และท่านก็ทำ

แต่หลายเรื่องท่านก็ตัดสินใจทำได้เร็ว เช่น ลดราคาน้ำมันทันที ลดค่าไฟทันที ท่านทุบโต๊ะเลย ตรึงราคาก๊าซ นายกฯ เศรษฐาก็ผลักดันจนให้เกิดผลในระยะเวลาอันรวดเร็ว ส่วนการปรับโครงสร้างของพลังงานในภาพใหญ่นั้น ท่านนายกฯ คงมีความคิดอยู่แล้ว เป็นเพียงแต่ว่าต้องดูท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ซึ่งมาจากอีกพรรคหนึ่ง คือรวมไทยสร้างชาติ คือคุณพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค จะเอาอย่างไรกับการปรับโครงสร้าง ก็เป็นที่น่าเสียดายว่าจนวันนี้คุณพีระพันธุ์ก็ยังไม่ได้พิจารณาเรื่องการปรับโครงสร้าง เพราะว่าการลดราคาน้ำมันแต่ละครั้งนั้น ลดให้ประชาชน แต่รัฐเสียรายได้จากภาษีสรรพสามิต ก็คือกระเป๋าซ้ายเข้ากระเป๋าขวา เมื่อเข้ากระเป๋าขวาแล้ว กระเป๋าขวาคือประชาชนได้ประโยชน์ แต่กระเป๋าซ้าย คือรัฐก็ต้องสูญเสียรายได้


หลายท่านก็อาจจะบอกว่า เฮ้ย! หน้าที่ของรัฐบาล ถ้าจำเป็นต้องขาดทุนเพื่อประชาชนก็ต้องยอมขาดทุน ถ้ามองผิวเผินแบบนี้ก็ถูกต้อง ไม่ผิดหรอกครับ แต่ถ้ามองลึกลงไปนิดหนึ่ง ก็คือเงินที่หายไป คือเงินส่วนที่ต้องนำมาพัฒนาประเทศ เพราะฉะนั้นแล้วการปรับโครงสร้างน้ำมันและพลังงานนั้นเป็นเรื่องใหญ่ ที่ถ้าทำสำเร็จแล้ว เราไม่ต้องมานั่งลดกันทีละครั้งๆๆ

ค่ารถไฟฟ้าสายสีม่วง สายสีแดง เหลือ 20 บาทตลอดสาย ซึ่งถึงแม้ว่าจะมีคนพูดออกมาในเชิงว่าสายนี้มันไม่มีคนนั่งหรอก แทบจะว่างโหรงเหรงเลย เพราะฉะนั้นลด 20 บาท ปริมาณคนนั่งก็น้อย แต่ท่านก็ได้ทำเรื่องใหญ่ๆ หลายเรื่อง แล้วท่านทำอย่างจริงจัง เช่น นโยบายการแก้หนี้ทั้งระบบ ไม่ว่าจะเป็นหนี้ข้าราชการ หนี้เกษตรกร หนี้นอกระบบ ก็ดำเนินการอยู่ ท่านผู้ชมครับ มีครอบคลุมลูกหนี้ถึง 5 ล้านคน เกือบๆ 10 เปอร์เซ็นต์ ของประชากรประเทศไทย ต้องถือว่าเยอะมาก

อีกเรื่องหนึ่งที่ท่านนายกฯ เศรษฐาทำได้สำเร็จมากคือท่านเดินสายดึงดูดนักลงทุนต่างชาติเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจระยะกลาง และระยะยาว ถึงแม้ว่าในบางครั้งท่านจะผิดคิวไปบ้าง อย่างเช่น ท่านไปประชุม "1 แถบ 1 เส้นทาง" ที่ปักกิ่ง เขากำลังพูดถึงการลงทุนระหว่างประเทศที่อยู่ใน "1 แถบ 1 เส้นทาง" แต่ท่านก็ไปชักชวนให้คนโน้นคนนี้มาลงทุนที่ประเทศไทย แต่ต้องถือว่ามีความตั้งใจจะทำงาน ใครจะด่าจะว่า ไม่สน จะเอาพวกนักลงทุนมาก็แล้วกัน


อีกเรื่องหนึ่งที่ผมต้องชมเชยท่านคือท่านประกาศเดินหน้านโยบายแลนด์บริดจ์ เชื่อมทะเลฝั่งอันดามันกับฝั่งอ่าวไทย การเดินทางไปญี่ปุ่นครั้งหลังสุดท่านก็ไปเสนอ มีนักลงทุนญี่ปุ่นเยอะแยะมากที่สนใจจะมาลงทุน ในขณะที่นักลงทุุนจีนนั้นอยู่เฉยๆ เพราะว่าจีนนั้นต้องการจะขุดคอคอดกระมากกว่า แต่เมืองไทยคิดว่าระหว่างคอคอดกระ ซึ่งมีนัยทางความมั่นคงของประเทศ กับแลนด์บริดจ์นั้น แลนด์บริดจ์ดีกว่าเยอะ


ล่าสุดที่ท่านนายกฯ เศรษฐาทำก็คือว่า หลังจากที่ไปเอาอกเอาใจญี่ปุ่น ให้กำลังใจเรื่องการผลิตรถสันดาป ยังไม่ทันไร ท่านกลับมาท่านก็เอาไม้กระบองฟาดหัวญี่ปุ่นแล้ว โดยท่านสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าเป็นระยะที่ 2 ในช่วง 4 ปีนี้ จาก 2567-2570 เพื่อสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน ยกระดับศักยภาพอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนสำคัญในประเทศไทย ให้เกิดการขยายตัว เปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมยานยนต์ทั้งระบบ อย่างที่ผมเรียนให้ทราบว่านายกฯ เศรษฐานั้นเป็นคนมองทุกอย่างเป็นภาพรวม และมองวิสัยทัศน์ระยะยาวว่าต้องการให้ประเทศไทยนั้นเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาคให้ได้อย่างน้อย 30 เปอร์เซ็นต์ ของยานยนต์ทั้งหมด ภายในปี 2573 คิดเป็นกำลังการผลิตยานยนต์ประมาณ 725,000 คัน จักรยานยนต์ประมาณ 675,000 คัน


อย่างไรก็ตาม ท่านผู้ชมครับ ถ้าเรามองอย่างเป็นธรรม ต้องยอมรับว่าช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา ท่านนายกฯ เศรษฐา ได้ทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่ ทั้งๆ ที่ในข้อเท็จจริง ในวงการการเมือง ท่านผู้ชมรู้ใข่ไหมครับว่ามีนายกรัฐมนตรีอยู่ 4 คน คนหนึ่ง อยู่โรงพยาบาลตำรวจ ชั้น 14 คนหนึ่งคือ อุ๊งอิ๊งค์ อีกคนหนึ่งคือ เศรษฐา และอีกคนหนึ่งคือผู้หลักผู้ใหญ่ที่บ้านของอุ๊งอิ๊งค์ แต่ละคนมีฤทธิ์ทั้งนั้น เพราะฉะนั้นแล้ว ผมเห็นใจนายกฯ เศรษฐามาก ที่ต้องเดินทุกเรื่องด้วยความระมัดระวังตัว เพราะว่าจะมีความกดดันมาตลอด รวมทั้ง สส. ซึ่งท่านนายกฯ เศรษฐาไม่มีอยู่ในมือเลย ก็พยายามกดดัน ใช้กระบวนทัศน์เดียวกับสมัยก่อนที่กดดัน พล.อ.ประยุทธ์ ว่าไม่ดูแล สส. เลย ก็เลยทำให้เสียงทั้งหมดเทไปหา พล.อ.ประวิตร ในขณะนั้น

ผมถือว่า 3-4 เดือนที่ผ่านมานั้น ต้องถือว่าทำงานประสบผลสำเร็จ แต่สาเหตุที่ถูกโจมตีจากหลายฝ่ายก็เนื่องจากองคาพยพต่างๆ ปรับตัวไม่ทัน รัฐมนตรีหลายคนมุ่งแต่เรื่องกระทรวงของตัวเอง ไม่ได้สร้างผลงานมาช่วยเหลือนายกรัฐมนตรีเลย ผมเห็นนายกฯ เศรษฐาคนเดียวที่กระโดดโลดเต้นเหมือนลิง ทำโน่นทำนี่ มีไฟลุกตรงนั้นก็ไปดับไฟตรงนั้น แต่ละรัฐมนตรีก็หมั่นทำมาหากินของตัวเองไปอย่างเงียบๆ อย่าให้ผมเอ่ยชื่อเลยนะ แม้กระทั่งรัฐมนตรีพรรคเดียวกัน พรรคเพื่อไทย ก็ขยันขันแข็งในการหาโครงการต่างๆ ทำ บางกระทรวงนั้นพอได้ตำแหน่งรัฐมนตรี ได้เก้าอี้ ก็หายหัวไปเลย กลายเป็นรัฐมนตรีโลกลืม


ข้าราชการ ท่านนายกฯ เศรษฐากำลังเผชิญรัฐราชการที่ยิ่งใหญ่มาก พอรัฐมนตรีไม่เข้มแข็ง ท่านผู้ชมรู้ใช่ไหมครับ เห็นนายกรัฐมนตรีบี้งานลงมา ข้าราชการก็ใส่เกียร์ว่าง บางหน่วยงานก็คัดค้าน ไม่ให้ความร่วมมือ เพราะว่ามองไม่เห็นภาพใหญ่

ที่เป็นเช่นนี้เพราะ 9 ปีที่ผ่านมา นักการเมืองบางส่วนไม่ได้เป็นรัฐบาล ส่วนที่เคยเป็นรัฐบาลมีแต่ขั้วการเมืองเก่าๆ ซึ่งไม่เคยชินกับการขับเคลื่อนแบบใหม่ ประกอบกับปัญหาที่เกิดขึ้นในอดีตหมักหมมเอาไว้เยอะมาก ทำให้งานมีเยอะ เพราะฉะนั้นแล้วบางส่วนจึงปรับตัวไม่ทัน ผนวกกับใส่เกียร์ว่างเข้าไปอีก เพราะยึดถือวัฒนธรรม "ไม่ทำก็ไม่ผิด" กูอยู่เฉยๆ ดีกว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าเสียดาย เพราะการทำงานเพื่อฟื้นฟูและพัฒนาประเทศชาติจำเป็นต้องทำงานเป็นทีม เหมือนการเล่นฟุตบอลต้องเข้าขากันและเล่นกันเป็นทีม และนี่คือการวิเคราะห์ของผมอย่างตรงไปตรงมา ไม่เข้าข้างใครครับ

คนไร้บ้านในอเมริกา

ท่านผู้ชมครับ เผอิญผมได้ข้อมูลเมื่อวันศุกร์ที่ 15 ธันวาคม 2566 ว่ากระทรวงการเคหะและพัฒนาเมืองสหรัฐฯ หรืออีกนัยหนึ่งก็คือเหมือนกับการเคหะแห่งชาติของประเทศไทย เขามีข้อมูลที่เขาเผยแพร่ออกมา น่าสนใจมาก และผมอยากจะเอามาเล่าให้ท่านผู้ชมฟัง


จากการเก็บสถิติเขาพบว่าปีนี้คนอเมริกันกลายเป็นคนไร้บ้านเพิ่มขึ้น แตะระดับสูงสุดเท่าที่เคยมีมา คือสูงถึง 653,104 ราย ในเดือนมกราคม 2566 (ประมาณสิบเดือนที่ผ่านมา) ต้องถือว่าเป็นตัวเลขสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่หน่วยงานแห่งนี้ริเริ่มเก็บสถิติจำนวนคนไร้บ้าน ในปี 2550 ตัวเลขนี้นับว่าเพิ่มขึ้น 12 เปอร์เซ็นต์ จากปีที่แล้ว คือ 2565


นอกจากนี้แล้ว ทางกาาของอเมริกายังยอมรับว่า ครอบครัวคนไร้บ้านที่มีเด็กเป็นสมาชิกด้วยนั้น มีจำนวนมากถึง 186,100 คน ท่านผู้ชมหลับตาวาดภาพ แต่ก่อนมีแต่ผู้ชาย ผู้หญิง คนแก่ ไม่มีบ้านอยู่ ตอนนี้กลายเป็นเด็กต้องมาเร่ร่อนนอนริมถนนอีกแล้ ทั้งหมดนี้เด็กเพิ่มขึ้น 16 เปอร์เซ็นต์ เป็นครั้งแรกในรอบกว่าทศวรรษที่จำนวนสมาชิกครอบครัวคนไร้บ้านเพิ่มจำนวนขึ้น


ตอนนี้ที่อเมริกา เมืองต่างๆ 5 เมือง ยกตัวอย่าง มหานครนิวยอร์ก คนไร้บ้าน 88,025 คน ลอสแองเจลิส 71,320 คน ซีแอตเทิล 14,149 คน ซานดิเอโก 10,264 คน และ เดนเวอร์ 10,054 คน


ทางการสหรัฐฯ ให้เหตุผลว่า สาเหตุที่คนไร้บ้านในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นมานั้น จาก ปัญหาเงินเฟ้อ ปัญหาขาดแคลนบ้าน การหมดอายุของมาตรการป้องกันการขับไล่ผู้อยู่อาศัยให้ออกจากพื้นที่เช่าระหว่างที่้โรคระบาดใหญ่ โควิด-19 นอกจากนี้ ในรายงานยังระบุด้วยว่า เกือบ 1 ใน 3 หรือราวๆ 31 เปอร์เซ็นต์ ของประชากรคนไร้บ้าน ไม่มีที่อยู่อาศัยมาเป็นเวลานานแล้ว คำว่า "เป็นเวลานาน" ในที่นี้คือ คนไร้บ้านเหล่านี้ไม่มีที่อยู่อาศัยมานานกว่า 12 เดือน (1 ปี ที่ไม่มีบ้านอยู่) หรือประสบปัญหาการไร้บ้านต่อเนื่องกันมาในระยะเวลา 3 ปี


ท่านผู้ชมครับ ผมต้องโยงกลับมาที่บ้านเรานิดหนึ่ง พวกเด็กสามนิ้ว พวกชังชาติหลายคน ชอบเหลือเกิน เอาข้อมูลเฮงซวยมาเล่าให้ฟังว่าต้นทุนการอศัยอยู่ที่อเมริกานั้น ค่าครองชีพถูกกว่าไทย เพราะเมื่อเทียบกับรายได้ขั้นต่ำแล้ว แต่พวกเด็กพวกนี้ นี่คือปัญหาใหญ่ของสังคมไทย เด็กพวกนี้เป็นพวกมโนโซเชียลกันซะเยอะ ฝันอยู่แต่ในอินเทอร์เน็ต คีย์บอร์ด ไม่เคยไปอยู่จริง และละเลยผู้ที่พูดถึงเรื่องค่าครองชีพในส่วนอื่นในสหรัฐฯ ที่พุ่งสูงขึ้นไม่หยุด ไม่ว่าจะเป็นภาวะเงินเฟ้อ การรีดภาษีรายได้ที่หนักหน่วง ค่าเช่าบ้านที่แพงหูฉี่ การขาดการสนับสนุนของรัฐในเรื่องการรักษาพยาบาล

ท่านผู้ชมรู้ไหมครับ มีรายงานฉบับหนึ่งเผยแพร่โดย มูดีส์ อนาไลติกส์ ในปีนี้ โดยเฉลี่ยแล้ว เขาบอกครอบครัวสหรัฐฯ ต้องเจียดรายได้ของตัวเองเกือบ 40 เปอร์เซ็นต์ ทั้งครัวเรือน ไปกับค่าเช่าที่อยู่อาศัยจ่ายให้กับเจ้าของบ้าน


ประเด็น เรื่องคนไร้บ้าน คนจรจัด เป็นปัญหาเรื้อรังในอเมริกาควบคู่ไปกับปัญหาอื่นๆ ที่กัดกินสังคมอเมริกาอยู่ จริงๆ ครับท่านผู้ชม เป็นอย่างนั้นจริงๆ คือปัญหาหนี้สาธารณะที่พุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ ณ วันนี้ ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าหนี้สาธารณะของอเมริกาตัวเลขกลมๆ ก็แล้วกัน 34 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ สูงไหม ? สูงมากๆ แล้วอีกอย่างหนึ่ง พันธบัตรที่อเมริกาพิมพ์ออกมาเพื่อกู้หนี้ยืมสินก็เริ่มขายไม่ออก เพราะคนทั่วโลกเริ่มสงสัยว่า ในเมื่อคุณมีหนี้เยอะขนาดนี้ คุณจะมีปัญญาจ่ายคืนค่าดอกเบี้ย และในที่สุดแล้ว คืนหนี้ที่กู้ยืมไปไหม ?


เรื่องมาจนถึงปัญหาฟองสบู่ ค่าเงินดอลลาร์ อันเป็นส่วนหนึ่งที่อเมริกาพิมพ์เงินดอลลาร์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ก่อให้เกิดปัญหาเงินเฟ้ออย่างรุนแรง

มาตรการใช้เปโตรดอลลาร์ในการซื้อขายพลังงานของโลก ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันหรือก๊าซ ก็เสื่อมมนต์ขลังลงไปเรื่อยๆ เพราะทั่วโลกนั้นหันมาให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาโลกร้อน และต้องการที่จะลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลลงไปให้มากที่สุด ประกอบกับโลกตะวันตกได้แซงก์ชันรัสเซีย ทำให้ชาติอื่นๆ เริ่มใช้เงินสกุลอื่นๆ ในการซื้อขายพลังงานแทนดอลลาร์กันหมด


ท่านผู้ชม ถ้าดูรายการผมเป็นประจำ จะจำได้ว่าผมย้ำแล้วย้ำอีก เล่าให้ฟังว่า สังคมอเมริกาทุกวันนี้เป็นสังคมจอมปลอม ท่านผู้ชมอย่าลืมนะครับ ผมเคยอยู่อเมริกามาเกือบสิบปี อเมริกาวันนี้ กับอเมริกาสมัยที่ผมอยู่เมื่อ 30-40 ปีที่แล้ว มันคนละเรื่องกันเลย หน้ามือกับหลังเท้าเลย

เป็นสังคมจอมปลอม หน้าไหว้หลังหลอก ผมพูดมาแล้วหลายครั้ง ครั้งหลังสุดคือการที่อเมริกายกมือวีโต้มติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ที่มีมติให้ดำเนินการหยุดยิงในฉนวนกาซา สงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์ของอิสราเอล ที่ทุกประเทศในจำนวน 19 ประเทศ ยกเว้นอเมริกา เห็นว่าต้องหยุดยิง แต่อเมริกาขัดขวาง และนี่เป็นการจอมปลอมหรือเปล่าท่านผู้ชม หน้าไหวหลังหลอกจริงๆ ยังไม่นับรวมกับช่วงหลายปีที่ผ่านมา อเมริกาพยายามเชิดชูนายเซเลนสกี ผู้นำยูเครน ให้ยั่วยุคุกคามรัสเซีย จนในที่สุดเกิดสงครามยูเครนขึ้นมา

ความพยายามในการแทรกแซงการเมืองในประเทศต่างๆ ทั่วโลก ท่านผู้ชมจำที่ผมพูดได้ไหมว่า อเมริกาตั้งฐานทัพ วางกำลังทหารไว้ทั่วโลก คิดเป็นจำนวน 750 กว่าแห่ง ใน 80 ประเทศ ใช้เงินปีหนึ่งมากมายหลายล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในการหล่อเลี้ยงกำลังทหารเหล่านี้ ไม่นับรวมกับที่ซื้ออาวุธ ใช้เงินสนับสนุนกลุ่มการเมือง กองกำลังในประเทศต่างๆ ทั่วโลก เพื่อปลุกระดมความวุ่นวาย โดยที่ทำทั้งหมดนี้อ้างว่าเพื่อจะได้อยู่ในประเทศได้อย่างสงบสุข มีกิน มีใช้ เศรษฐกิจรุ่งเรือง และประเทศสหรัฐฯ จะยังสามารถดำรงความเป็นมหาอำนาจเบอร์ 1 ของโลกใบนี้ต่อไปได้อยู่บนความพังพินาศฉิบหายของโลก และบนความพังพินาศฉิบหายของสังคมอเมริกาเอง อำมหิตมากครับ

แต่นัยที่หลายคนไม่ได้พูดถึง คือสถิติคนไร้บ้านในอเมริกาที่พุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ มันบ่งชี้ให้เราเห็นอะไรบ้าง ? ท่านผู้ชมครับ มันบ่งชี้ให้เราเห็นถึงปัจจัยสี่ที่มนุษย์ต้องมี คือ อาหาร ยารักษาโรค เครื่องนุ่งห่ม และ ที่อยู่อาศัย เห็นได้ชัดเลย คือ กว่าครึ่งหนึ่งคือ 3 ใน 4 ของปัจจัยสี่นั้น อเมริกายังจัดการดูแลให้ชาวอเมริกันไม่ได้ มิหนำซ้ำยังประสบปัญหาอย่างรุนแรง


ข้อแรก เรามาพูดเรื่องอาหารก่อน อาหารไม่ใช่เป็นสิ่งที่ชาวอเมริกันขาดแคลน แต่ว่าชาวอเมริกันกลับมีอาหารขยะมากที่สุด บริโภคที่ล้นเกินไป ท่านผู้ชมรู้ไหมว่ามีคนอเมริกันกว่า 70 ล้านคน กำลังประสบปัญหาโรคอ้วน ส่วนคนอเมริกันอีก 100 คน ก็มีปัญหาน้ำหนักเกิน ซึ่งจะนำไปสู่ปัญหาต่อไป ก็คือ ปัญหาในอุตสาหกรรมยา และระบบสาธารณสุขที่ในอเมริกา เป็นที่ทราบกันอยู่ว่าอุตสาหกรรมยา รวมไปจนถึงบริษัทประกันสุขภาพทั้งหลายได้ครอบงำการเมืองอเมริกัน ทำให้ชาวอเมริกันมีค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพที่สูงมาก


ส่วนบริการทางสาธารณสุขก็คุณภาพต่ำลงไปเรื่อยๆ คุณไปถามคนอเมริกันที่อยู่ในอเมริกาว่า หาหมอในเมืองไทยกับในอเมริกา ที่ไหนสะดวกกว่า คุณภาพดีกว่า และราคาถูกกว่า ท่านผู้ชมรู้ไหมครับ คนอเมริกันจำนวนไม่น้อยเลยที่รวบรวมกันแล้วนั่งรถบัสข้ามพรมแดนอเมริกาไปรักษาโรคตัวเองที่แคนาดา เพราะราคาถูกกว่ามาก หรือบางคนมีเงินมีทองหน่อยก็สามารถที่จะซื้อตั๋วเครื่องบินแล้วก็บินผ่านเม็กซิโกไปทื่คิวบา ไปรักษาตัวเองที่คิวบา ค่ารักษาถูกมาก

อเมริกา หนึ่ง ถ้าท่านผู้ชมไม่มีประกันสุขภาพ หรือแม้กระทั่งมีประกันสุขภาพแล้ว วงเงินที่ไม่พอเพียงกับการรักษา ท่านผู้ชมจะไม่ได้รับการรักษานะครับ อำมหิตมาก ในขณะที่ประเทศไทยมี 30 บาท รักษาทุกโรค และกำลังจะไปถึงจุดที่เรียกว่า ใช้ 30 บาท เปลี่ยนเพศได้ด้วย นี่คือความก้าวหน้าของประเทศไทย ถ้าพูดถึงเรื่องสุขภาพแล้ว อเมริกาต่างกับประเทศไทยฟ้ากับเหวเลย

ที่สำคัญที่สุด ระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมเสรีในอเมริกาปล่อยให้นายทุนครอบงำได้ทุกอย่าง ก่อให้เกิดปัญหาทางเศรษฐกิจ ส่งผลกระทบต่อสุขภาวะทางจิตของชาวอเมริกันอย่างรุนแรง มีสถิติระบุว่า คนไร้บ้าน คนจรจัด มีอยู่ 20 เปอร์เซ็นต์ หรือ 1 ใน 5 คนมีอาการป่วยทางจิตด้วย

ข้อที่สาม เรื่องที่อยู่อาศัย ซึ่งผมยกตัวอย่างให้เห็นกันชัดๆ แล้วว่า สถิติคนไร้บ้าน คนจรจัดในอเมริกานั้นพุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ และกำลังจะสูงขึ้นเรื่อยๆ เพราะเมืองต่างๆ ล้วนไม่สามารถหาทางแก้ได้ เพราะว่าต้นตอของปัญหานั้นเกิดจากระบบเศรษฐกิจของอเมริกาที่ออกแบบให้นายทุนหาส่วนเกินทางเศรษฐกิจได้อย่างไร้ขีดจำกัด จนในที่สุดผู้ที่ด้อยโอกาสทางสังคมถูกบีบ กีดกันไม่ให้เข้าถึงปัจจัยสี่ ซึ่งเป็นพื้นฐานของการดำรงชีพของมนุษย์

ที่ผมเล่าให้ฟังนี้ ไม่ได้บอกว่าบ้านเรา (ประเทศไทย) ไม่มีคนจรจัด มี แต่น้อยมาก น้อย ประเทศไทยเป็นประเทศเล็ก เมื่อเทียบกับอเมริกาซึ่งเป็นมหาอำนาจของโลกแล้วเทียบกันไม่ได้เลยแม้แต่น้อย

ท่านผู้ชมครับ ลองมาพิจารณากันจากข้อเท็จจริงที่ผมเล่าให้ฟัง แล้วใช้สติปัญญาของท่านผู้ชมวิเคราะห์อย่างตรงไปตรงมาว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในอเมริกา นี่คือสภาพของประเทศมหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลกหรืออย่างไร ผมยังไม่เข้าใจคนไทยกระเหี้ยนกระหือเหลือเกิน รวมทั้งคนหลายประเทศที่กระเหี้่ยนกระหืออยากไปอยู่อเมริกา คนเอเชียไปอยู่อเมริกา นอกจากเจอปัญหา 4 ข้อนี้แล้ว ยังต้องเจอปัญหาเหยียดผิวอีก คนเอเชียที่อยู่ในอเมริกาวันนี้ไม่มีใครอยู่รอดปลอดภัยได้ 100 เปอร์เซ็นต์ มีโอกาสที่จะถูกทำร้ายสูงมาก และอเมริกาคือสภาพประเทศที่อ้างว่าเป็นประเทศที่มั่งคั่งที่สุดในโลก เพราะมีระบบเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก ก็ในเมื่อเศรษฐกิจของคุณเป็นเศรษฐกิจของนายทุน กลุ่มทุนนิยมเสรี ประชาชนที่ยากไร้ของคุณก็ถูกเหยียบย่ำซ้ำเติม ทำงานแทบตายเพื่อเอาเงินมาสนับสนุนพวกกลุ่มทุนนิยมเสรี คุณมั่งคั่งที่สุดในโลก มั่งคั่งแบบไหนล่ะ มั่งคั่งกับคนกลุ่มน้อยๆ เท่านั้นเอง

แล้วนี่คือสภาพประเทศที่ไปไล่บีบบังคับ ข่มขู่ให้ประเทศอื่นๆ เป็นลูกไล่ของตัวเอง ไปเปลี่ยนระบบเศรษฐกิจ การเมือง มาเป็นแบบของตัวเอง และนี่้เป็นประเทศที่ชี้หน้าด่าจีน รัสเซีย และประเทศอื่นๆ ว่าล้าหลังเพราะปกครองด้วยระบอบเผด็จการ และที่สำคัญที่สุด ท่านผู้ชมครับ และคนบ้าคลั่งอเมริกา บ้าคลั่งระบอบประชาธิปไตย นี่คือสภาพสังคมต้นแบบของโลกเสรีประชาธิปไตยเหรอ ? ท่านผู้ชมครับ เราอย่าหลอกตัวเองเลย เราสามารถเรียนรู้จากปัญหาเรื่องนี้ในอเมริกา และมาสะท้อนปัญหาบ้านเราว่า ทิศทางการพัฒนาประเทศที่เราควรจะเป็น ควรจะเดินไปนั้น น่าจะไปในทิศทางใดกันแน่ ?

“ทักษิณ” นักโทษ VVIP

ท่านผู้ชมครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องสุดท้ายของวันนี้ ผมขอพูดหน่อยเรื่องนักโทษ VVIP กรณีที่ทักษิณ ชินวัตร เดินทางกลับมาประเทศไทย แต่ไม่ยอมติดคุกจริงๆ แม้จะได้รับพระมหากรุณาธิคุณลดโทษจำคุกให้เหลือเพียง 1 ปี แล้วก็ตาม


ผมเป็นคนที่เตือนมานานแล้วว่า โทษ 1 ปีนั้น ประเดี๋ยวเดียว นอนเรือนจำไม่กี่วันก็ออกมานอนชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ร้อยกว่าวันไปแล้ว จริงๆ แล้วผมแนะนำว่า อยู่เงียบๆ อยู่โรงพยาบาล เขาให้อยู่อยู่แล้ว โรงพยาบาลราชทัณฑ์ จะต้องการอะไร อำนาจทางการเมืองก็มีอยู่ ไม่ได้เดือดร้อน ไม่ได้ลำบากเลยแม้แต่นิดเดียว แต่คุณทักษิณไม่ยอมติดคุกเลยแม้แต่ 1 วัน อยู่เข้าไปแค่ 12 ชั่วโมง แล้วก็ย้ายไปอยู่โรงพยาบาลตำรวจ

ตอนนี้กลายเป็นว่า มีการออกระเบียบกรมราชทัณฑ์เรื่องจำคุกนอกเรือนจำ เพื่อเอื้อให้นักโทษอย่างคุณทักษิณสามารถออกจากชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ไปนอนสบายชิลๆ ได้ แบบมีโทษ 1 ปี แต่จำคุกไม่ถึง 24 ชั่วโมง ผมเอาการ์ตูนให้ดู


ท่านผู้ชมครับ ผมจะพูดเรื่องนี้กับท่านรักษาการอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และพูดกับเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ทุกคน ผมเคยติดคุกมาแล้ว 2 ปี 11 เดือน 27 วัน ที่คลองเปรม แล้วตอนท้ายก่อนที่ผมจะออกนั้น ผมย้ายไปอยู่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ เพราะว่าผมอายุมากแล้ว มีโรคประจำตัว

คุณทักษิณ ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ ตั้ง 3 เดือน แบกหามกันไป ดูแลปกป้องกันเต็มที่ ท่านผู้ชมและเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ทั่วประเทศไทย รู้หรือเปล่า ผมเป็นโรคตา ตาซ้ายเป็นต้อหิน ผมจะออกไปรักษาตา มีอำนาจทางการเมือง ผู้มีอำนาจในขณะนั้น สั่งอธิบดีกรมราชทัณฑ์ สั่้งเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ว่าไม่ให้ผมออก จนกระทั่งตาซ้ายผมที่เป็นต้อหิน ผมตาบอด ท่านเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ครับ ฟังอยู่หรือเปล่า จนกระทั่งบุตรชายผม นายจิตตนาถ ลิ้มทองกุล โวยวายออกมา ในที่สุดก็เลยอนุญาตให้ผมออกไปรักษา แต่ก็ไปเช้าแล้วกลับบ่าย แล้วจะออกอีกครั้งเพื่อไปให้หมอตรวจซ้ำก็ต้องขออนุญาตกันเยอะฉิบหาย

ท่านเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์และกรมราชทัณฑ์ครับ ผมเป็นนักโทษชั้นเยี่ยม อยู่ในระเบียบวินัย ผมโดนโทษ 20 ปี แต่ผมอยู่ 2 ปีกว่า แล้วมีพระราชทานอภัยโทษเนื่องในวาระของการเฉลิมฉลองราชาภิเษก ก็เลยมีการอภัยให้เป็นกรณีพิเศษสำหรับคนที่เป็นนักโทษชั้นเยี่ยม ได้ลดครึ่งหนึ่ง และอายุเกิน 70 สามารถออกได้เลย ท่านเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ทุกคนครับ จากระดับล่างจนถึงรองอธิบดี และอธิบดีปัจจุบัน ผมเห็นใจพวกคุณ แต่คุณต้องจำอะไรไว้อย่างหนึ่งนะ นักการเมืองมาแล้วจากไป สมศักดิ์ เทพสุทิน รับงานมาเพื่อมาออกระเบียบพวกนี้ ซึ่งสมศักดิ์ เทพสุทิน ก็ปฏิเสธเสียงแข็งว่าผมไม่ได้เป็นคนออก แต่ท่านก็รู้ใช่ไหมท่านเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ว่าระเบียบกักขังที่บ้าน กักขังนอกเรือนจำนั้น คนอย่างพวกท่าน เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ไม่มีวันทำหรอก พวกท่านกลัวจะตาย ต้องเป็นอธิบดีบอกมา ให้อธิบดีทำเรื่องขึ้นมา เพราะนี่คือการเอาตัวรอดของนักการเมือง คุณก็ต้องทำเรื่องเข้ามา แล้วนักการเมืองก็ทุบตีระหว่างขั้นตอนขึ้นมาว่าต้องเห็นด้วยๆๆ นะ และตั้งเรื่องเอาไว้


ผมกำลังมีความคิดอย่างนี้ ท่านอธิบดีและเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ท่านรองอธิบดี ทุกคนที่เป็นคณะกรรมการชุดนี้ อย่างมากที่สุดท่านอธิบดีวันนี้ รักษาการอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ท่านเคยมาจากรองปลัด และท่านเคยเป็นอธิบดีกรมสุขภาพจิต อธิบดีท่านก็เป็นมาแล้ว รองปลัดท่านก็เป็นมาแล้ว ถ้าท่านจะถูกย้ายอีกสักครั้งเพราะท่านไม่ยอมตามเขา อย่างเลวที่สุดท่านก็กลับไปเป็นรองปลัดเหมือนเดิม แล้วท่านรอการเกษียณอายุอย่างมีความสุข กับการที่ท่านทำทุกอย่างแล้วฉิบหายหมด เป็นตราบาปให้กับตัวท่าน ให้กับคณะกรรมการ ให้กับรองอธิบดีทุกคน พวกคุณจะสู้หน้าประชาชนได้อย่างไร ลูกหลานพวกคุณ ภรรยาพวกคุณ มีเพื่อนมีฝูงเขารู้ว่าคุณเป็นรองอธิบดีอยู่ที่กรมราชทัณฑ์ เป็นรักษาการอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เป็นผู้บัญชาการเรือนจำ เป็นผู้บัญชาการเรือนจำโน้นเรือนจำนี้ เขาจะรู้เรื่องนี้ดีกันหมด แล้วเพื่อนฝูง ญาติพี่น้องคุณ เพื่อนของลูกคุณ เพื่อนของภรรยาคุณ ลึกๆ เขาดูถูกเหยียดหยามคุณฉิบหายเลยงานนี้ ผมจะเตือนนะครับ ศักดิ์ศรีที่คุณต้องรักษาไว้ กับความพินาศฉิบหายในอนาคต

คนอย่างสมศักดิ์ อีกหน่อยก็ต้องสิ้นชีวิตไป แล้วทิ้งตำนานที่มีแต่คนหัวเราะเยาะ คนอย่างทวี สอดส่อง เข้ามา คุณสังเกตสิ รัฐมนตรีกระโดดตัวยาวทุกคนเลย ไม่มีใครยอม ให้ถามอธิบดีราชทัณฑ์ แล้วลับหลังก็ไปกดดันคุณ เฮ้ย! คุณต้องผ่านนะ คุณต้องผ่านนะ ชีวิตคุณมีความสุขเหรอ คุณคิดถึงลูก คิดถึงเมีย คิดถึงที่บ้านคุณ คิดถึงญาติพี่น้องคุณบ้างหรือเปล่า และที่สำคัญ คุณคิดถึงศํกดิ์ศรีของกรมราชทัณฑ์บ้างหรือเปล่า คุณลองเปรียบเทียบผมกับเรื่องที่เกิดขึ้นนี่สิ และเปรียบเทียบกับนักโทษอีกเยอะแยะเลย


จริงๆ แล้ว ทักษิณ ชินวัตร คุณเองคุณก็รู้ คุณอยู่กรมราชทัณฑ์ อธิบดี กติกามีอยู่ชัดเจน โทษ 1 ปี ถ้าคุณเป็นนักโทษชั้นเยี่ยมแล้วคุณอยู่ได้ถึง 1 ใน 3 ของ 12 เดือน คือ 4 เดือน พอคุณอยู่ครบ 4 เดือนแล้วคุณเข้าเกณฑ์ สามารถขอพักโทษได้แล้ว ยิ่งทักษิณ ชินวัตร อายุเกิน 70 ปี เขามีข้อกำหนดนี้แล้ว ถ้าอายุเกิน 70 อยู่ครบ 1 ใน 3 โทษของทักษิณแค่ปีเดียวเอง ก็สามารถยื่นเรื่องพักโทษได้ คุณต้องยืนในหลักนี้ให้แม่น แต่คุณไม่ คุณกลัวใช่ไหม คุณกลัวเพราะว่าคุณยังหลงใหลในยศฐาบรรดาศักดิ์อยู่เหมือนเดิม ทั้งๆ ที่มันเป็นเรื่องสมมุติ อีกไม่กี่วันพวกคุณก็เกษียณกันแล้ว ไม่ว่าจะเป็นรองอธิบดี หรืออธิบดี แต่ตราบาปที่คุณสร้างวันนี้ให้กับชื่อเสียงของคุณ ที่คุณทำมาตลอดชีวิต ตราบาปที่คุณทำครั้งนี้ ให้กับข้าราชการกรมราชทัณฑ์ที่จะต้องก้มหน้าดูพื้นดิน ไปที่ไหนก็มีแต่คนหัวเราะเยาะเย้ยข้าราชการกรมราชทัณฑ์

ผมเชื่อว่าถ้าคุณแข็งตรงนี้ ถ้าเขาจะย้ายคุณกลับไปเป็นรองปลัด ให้เขาย้ายไปสิ รองอธิบดีจะแข็งเรื่องนี้ ถ้าเป็นกรรมการแล้ว บอกว่าเรื่องการจำคุกข้างนอกนั้นยังไม่ชัดเจน ไม่ผ่าน ก็นี่คุณทักษิณอยู่มา 3 เดือนแล้ว อีกเดือนเดียวเองทนไม่ไหวเหรอ มันเป็นอะไร


เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ทุกคนครับ ใครก็ตามที่ยอมสยบต่ออำนาจนักการเมือง คุณก็รู้ว่ามาแล้วจากไป ทวี สอดส่อง จะเป็นรัฐมนตรีอีกกี่ปี สมศักดิ์ เทพสุทิน ก็ไม่ได้เป็นแล้วตอนนี้ เพียงแต่ว่ามาตั้งโต๊ะหมู่บูชาเตรียมไว้ เสิร์ฟให้ ผมเชื่อว่าทักษิณ ชินวัตร ถ้าเจอไม้แข็งแบบนี้เขาก็ต้องยอม คุณไปกลัวอะไร ผมโดนยิงตั้ง 200 นัด ผมยังไม่กลัวเลย อะไรถ้าไม่ใช่ความถูกต้อง คุณต้องรักษาความเป็นราชทัณฑ์เอาไว้ ผู้หลักผู้ใหญ่รุ่นเก่าๆ ลูกพี่คุณหลายคนที่มีชื่อมีเสียงในเรื่องความซื่อตรง เขาจะอับอายขายหน้าแค่ไหน ที่สำคัญที่สุด ตระกูลคุณจะอับอายขายหน้าแค่ไหน เรื่องนี้มันจะอยู่กับคุณจนตาย ผมมีข้อคิดอยู่เพียงแค่นี้ คุณไม่ต้องไปกลัวหรอก นักการเมือง เชื่อผมสิ แล้วพนันกับผม ใครจะมาทำอะไรคุณได้ล่ะ ก็คุณไม่ได้ทำอะไรผิดนี่ ทำได้อย่างเดียวคือย้ายคุณ ย้ายก็ย้ายไปสิ ไม่เห็นหนักกบาลกูเลย กูอยู่แล้วกูสบายใจ กูมองตาทุกคนได้ มองเพื่อนร่วมงานได้ มองหน้าลูกหน้าเมียได้ ที่รัก เธอเข้าใจฉันนะ ดีแล้วพี่ เราไม่เดือดร้อนอะไรทั้งสิ้น ดีแล้วเพื่อน เพื่อนทำดีแล้ว

ท่านผู้ชมครับ นี่คือคำตอบสุดท้ายที่ผมจะพูด แล้วผมไม่อยากจะพูดถึงทักษิณ ชินวัตร เพราะทั้งหมดนี้มันเกิดขึ้นเพราะนักการเมือง ทั้งคุณสมศักดิ์ เทพสุทิน และคุณทวี สอดส่อง ไปบีบอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ขึ้นอยู่กับว่าอธิบดีกรมราชทัณฑ์คนนี้มีกระดูกสันหลังหรือเปล่า ถ้าไม่มีกระดูกสันหลังก็ไม่เป็นไร ถือว่าเป็นเวรกรรมของประเทศไทยก็แล้วกัน

ท่านผู้ชมครับ รายการวันนี้จบเพียงแค่นี้ เอาไว้อาทิตย์หน้าเราค่อยเจอกันใหม่ สวัสดีครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น