ข่าวปนคน คนปนข่าว
** “โทนี่”นักโทษโคตร VVIP ปูดอีกไม่ต้องกรอกประวัติ-นอนนอกคุก “ทวี สอดส่อง” อย่าโยนกลองให้ราชทัณฑ์เป็นแพะ
ระเบียบกรมราชทัณฑ์เรื่องการคุมขังนักโทษนอกเรือนจำ กลายเป็นเรื่องที่สังคมเชื่อว่า มีทฤษฎี “สมคบคิด” โดยคนมากบารมีในรัฐบาล มีใบสั่งให้นักการเมืองบีบข้าราชการกรมราชทัณฑ์ทำออกมาเพื่อเอื้อประโยชน์ให้คนๆเดียว ซึ่งมองไปที่ นักโทษชาย “โทนี่” ทักษิณ ชินวัตร
อดีตนายกฯ ที่เคยหลบหนีคดีมา 17 ปี ก่อนจะบินกลับเข้าไทยเมื่อเดือนสิงหาคมปีนี้ เพื่อมาติดคุกแต่ไม่ได้นอนคุกแม้แต่วันเดียว โดยถูกนำส่งรพ.ตำรวจ พักอาศัยอยู่ชั้น 14 ตั้งแต่วันแรก มาจนวันนี้ใกล้จะครบ 120 วัน ท่ามกลางข้อครหา “ป่วยทิพย์” ได้รับอภิสิทธิ์เหนือนักโทษทั่วไป จัดอยู่ในชั้น “นักโทษโคตรVVIP”
เพราะ อภิสิทธิ์ราวกับเทวดา เกือบ120 วันที่ผ่านมา “ทักษิณ” จึงเป็นประเด็นปัญหา ลามไปถึงการตั้งคำถามว่า กระบวนการยุติธรรมแบบ 2 มาตรฐานหรือไม่ ?
งานนี้เมื่อเป็นเรื่องการเมือง มากกว่าจะเป็นขั้นตอนปกติของข้าราชการ ล่าสุด“ชัยธวัช ตุลาธน” หัวหน้าพรรคก้าวไกลและหัวหน้าฝ่ายค้านป้ายแดง ก็ออกโรงมาขย่มว่า ให้ระวังจะเกิดปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง
ร้อนถึง “เด็จพี่” พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ที่ปรึกษา ฝ่ายการเมืองของ “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกรัฐมนตรี สวนหมัดปกป้อง “นายใหญ่” ว่า ระเบียบกรมราชทัณฑ์ดังกล่าวยังไม่รู้เลยว่าทักษิณ จะได้รับการพิจารณาเข้าเงื่อนไขหรือไม่ อย่าตีตนไปก่อนไข้
ส่วนเรื่องอภิสิทธิ์เหนือคนอื่น มีกฎกระทรวงรองรับ เช่นเดียวกับการพักรักษาตัวเกินกว่า 120 วัน ให้มีหนังสือขอความเห็นชอบจากอธิบดี พร้อมกับความเห็นแพทย์ผู้ทำการรักษาฯ และรายงานให้รัฐมนตรีทราบ
พูดง่ายๆว่า กรณี ทักษิณ ที่ต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาลภายนอก ก็เป็นไปตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด และกรมราชทัณฑ์ก็เคยออกมาชี้แจงแล้ว
ไม่ใช่แค่ ผู้นำฝ่ายค้าน ออกมาฟาด “วัชระ เพชรทอง” อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ได้ส่งหนังสือถึง “พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง” รมว.ยุติธรรม และ “สหการณ์ เพ็ชรนรินทร์” อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เพื่อขอให้ระงับยับยั้งการที่จะส่งตัว “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ นักโทษไปคุมขังนอกเรือนจำ และ ขอให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนลงโทษข้าราชการกรมราชทัณฑ์
ในหนังสือยกเหตุ ว่า “นช.ทักษิณ” ไม่มีอาการเจ็บป่วยจริง มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ นั่งดื่มไวน์ และ มีข่าวว่าไม่ได้พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจตลอดเวลานั้น บัดนี้ครบกำหนดเวลา 120 วัน หากผู้ต้องขังต้องพักรักษาตัวสถานที่รักษาผู้ต้องขังเกินกว่า 120 วัน ตามกฎกระทรวงการส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ พ.ศ. 2563 ข้อ 7 (3) ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ต้องมีหนังสือขอความเห็นชอบจากอธิบดี พร้อมกับความเห็นของแพทย์ผู้ทำการรักษาและหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้อง และรายงานให้รัฐมนตรีทราบ
ในหนังสือยังระบุถึงสาเหตุขอคัดค้านและให้กระทรวงยุติธรรมพิจารณาดำเนินการ โดยยุค “ทวี สอดส่อง” มีความเหลื่อมล้ำ บังคับใช้กฎหมาย หย่อนยาน และเอื้อประโยชน์ให้ทักษิณ
ประเด็นสำคัญ “วัชระ” ปูดว่า “นช.ทักษิณ ชินวัตร” นักโทษหมายเลข 6650102668 ไม่ได้กรอกแบบประวัติ ร.ท.101 แบบประวัตินักโทษ จำนวน 4 หน้า ในฐานข้อมูลแม้แต่บรรทัดเดียว!!
“โทนี่” ไม่ลงรายละเอียดเหมือนนักโทษทั้ง 4 แสนราย
เมื่อ “นช.ทักษิณ” ไม่ได้ให้ข้อมูล เจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อย ก็ไม่กล้าถาม ยังไม่ได้สอบประวัติ ไม่ได้ทำตามขั้นตอนแต่ประการใด
งานนี้จึงขอให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพ เจ้าพนักงานทะเบียนเรือนจำพิเศษกรุงเทพ โดยขอให้กันข้าราชการชั้นผู้น้อย ไว้เป็นพยาน
ขอให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้าราชการกรมราชทัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง ที่ทำรายงานเท็จ และช่วยเหลือ “นช.ทักษิณ ชินวัตร” นักโทษไม่ต้องจำคุกอยู่ในเรือนจำแต่อ้างว่าไปรักษาพยาบาลนอกเรือนจำ ขอให้กันข้าราชการชั้นผู้น้อยไว้เป็นพยาน
“ขอสำเนารายชื่อพัศดีทั้งหมด พร้อมลายเซ็นและภาพถ่ายตามที่ นายนัทที ทองปลาด ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ซึ่งได้ให้ถ้อยคำกับคณะกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2566 ว่า มีภาพถ่าย นช.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษที่ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจทุก 2 ชั่วโมง ขอให้เปิดเผยภาพถ่าย และให้ระงับยับยั้งการที่จะส่งตัว นช.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษไปคุมขังนอกเรือนจำเพราะมีการทำรายงานเท็จมาตั้งแต่ต้น
และ ขอให้เปิดเผยรายงานกรมราชทัณฑ์ ที่รายงานถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และภาพถ่าย นช.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษพักรักษาตัวอยู่นอกเรือนจำครบ 120 วัน เพื่อเปิดเผยให้ประชาชนทราบด้วย
ว่าไปแล้ว ใครทำอะไร เจตนาอะไร ก็รู้ๆ กันอยู่ หากมีความโปร่งใส ต้องการจะเปิดเผยให้ประชาชนรับทราบ ก็น่าจะทำไปตั้งนานแล้ว ไม่ต้องรอให้ใครร้องขอแบบนี้
อย่างที่เคยบอกไว้ ตอนนี้ข้าราชการกรมราชทัณฑ์ว่า เหมือนนกหวาดกลัวเกาทัณฑ์ เพราะถูกนักการเมืองบีบหนัก แต่หากข้าราชการยึดคติ นักการเมืองมาแล้วก็ไป “ทวี สอดส่อง” มานั่ง รมว.ยุติธรรมได้ ก็ไปได้เช่นกัน แต่สำหรับข้าราชการการรับใบสั่งของนักการเมืองมากระทำการที่ฝืนกฎหมาย-ระเบียบราชการ ก็จะเป็นผลงานที่อยู่ประจานไปชั่วลูกชั่วหลาน
อย่ากระนั้นเลย “พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง” โยนกรณีทักษิณให้ อธิบดีกรมคุกเป็นคนตอบคำถามต่อสังคม เป็น “แพะ” ที่สังคมจะประณาม ทำไมอธิบดีฯ ไม่โยนกลับ ไปบ้างละว่า เรื่องทั้งหมดให้ถามที่ “ทวี สอดส่อง”
“ทวี” ในฐานะรัฐมนตรี ต้องมีหน้าที่ไขปริศนา ทำไม “โทนี่” จึงเป็นนักโทษโคตร VVIP ให้ประชาชนรู้ มิใช่หรือ??
**ระทึก! 24 ม.ค.67 พิพากษา “พิธา” ถือหุ้นสื่อไอทีวี ผลออกได้ทั้งสองหน้า “รอด-ร่วง” หากรอดยังคงเป็น“สส.ทิม”อยู่ ก็ไม่รู้จะมีที่ยืนหรือเปล่า หลังเสียเก้าอี้ หน.ก้าวไกล ให้ “ท่านต๋อม” ที่เพิ่งฟาดตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านฯ หมาดๆ
ดีเดย์ 24 ม.ค.67 ปีหน้า วันชี้ชะตา “แด๊ดดี้ทิม” พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ และอดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล
ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญ นัดหมายรับฟังคำวินิจฉัยว่า ความเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของ “พิธา“ สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) หรือไม่
กรณี คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ในฐานะผู้ร้อง ส่งคำร้องขอให้พิจารณาวินิจฉัยกรณี นายพิธา เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ซึ่งประกอบกิจการหนังสือพิมพ์ หรือสื่อสารมวลชนใดๆ อยู่ในวันที่สมัครรับเลือกตั้งสส. เป็นเหตุให้สมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของผู้ถูกร้องสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ
เป็นคดีที่ถือว่ายืดเยื้อกว่าที่คาดพอสมควร หลังมีการขุดคุ้ยเรื่องการถือหุ้นสื่อของ “พิธา” มาตั้งแต่ช่วงหาเสียงเลือกตั้ง 14 พ.ค.66 และมีการยื่นคำร้องถึงศาลรัฐธรรมนูญ ช่วงเดือนก.ค.66 ที่ขณะนั้น พรรคก้าวไกล ในฐานะแชมป์เลือกตั้ง 2566 กำลังเดินหน้าฟอร์มรัฐบาล และส่งชื่อ “หัวหน้าทิม” ให้ที่ประชุมรัฐสภาโหวตเป็นนายกฯ แต่ก็พลาดหวังไปอย่างที่ทราบกันดี
ที่ผ่านมาก็เป็นทาง “พิธา” เองที่ยื่นขอขยายระยะเวลายื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาหลายครั้ง ก่อนจะยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา พร้อมบัญชี ระบุพยานเอกสาร พยานบุคคล และพยานวัตถุ เมื่อช่วงเดือนต.ค.66
จนมาถึงเมื่อวานนี้ (20 ธ.ค.66) ที่ ศาลรัฐธรรมนูญ นัดไต่สวนคำร้อง โดยมีรายงานว่าฝ่าย “แด๊ดดี้ทิม” ใช้พยาน 2 ปาก คือเจ้าตัวเอง และ “นายคิมห์ สิริทวีชัย” ผู้ทำหน้าที่ประธานในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นไอทีวี เมื่อวันที่ 26 เม.ย.66 และยังเป็นผู้ลงนามรับรองในรายงานบันทึกการประชุม
ขณะที่ฝั่งผู้ร้องมีพยาน 1 คน คือ “นายแสวง บุญมี” เลขาธิการ กกต. ที่ศาลฯเรียกให้มาไต่สวน
มีรายงานว่า ประเด็นที่ตุลาการศาลฯ ซักถามในการไต่สวนคือ บริษัท ไอทีวี ในวันที่ “พิธา” ได้รับมรดก และถือหุ้น ในฐานะทายาทหรือผู้จัดการมรดกนั้น สรุปว่า ดำเนินกิจการสื่อสารมวลชนใดหรือไม่
และอีกประเด็นคือ ในการถือหุ้นไอทีวีของ “พิธา” ในฐานะผู้จัดการมรดก เป็นการถือหุ้นในฐานะทายาทโดยธรรมด้วยหรือไม่
ขณะเดียวกัน ทาง“แด๊ดดี้ทิม” ก็ต่อสู้ในประเด็นสถานะของ “ไอทีวี” ที่ไม่ได้ประกอบกิจการสื่อแล้ว คล้ายที่เคยพยายามชี้แจงในทางสาธารณะหลายครั้ง
ว่ากันว่าจุดชี้เป็น-ตาย ที่ฝ่าย “พิธา” หวังว่าจะพลิกเกมได้ คือ หลักฐานสำคัญส่วนตัวในการยืนยันความเป็นผู้จัดการมรดก ที่มีข่าวว่าเป็นหลักฐานที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน รวมทั้งหลักฐานเอกสารคำยืนยัน จากสำนักงาน กสทช. ในการยืนยันสถานะสื่อของไอทีวี ในฐานะเป็นหน่วยงานที่การออกใบอนุญาตประกอบกิจการสถานีโทรทัศน์
ซึ่งคำวินิจฉัยของ ศาลรัฐธรรมนูญก็ออกได้แค่สองหน้า คือ “รอด-ร่วง” หากประเมินวันนี้ ก็เป็นสองหน้าที่โอกาสได้-เสียเท่าๆ กัน
ในกรณี “ร่วง” แน่นอนว่า “พิธา” ก็ต้องหลุดจากการเป็น สส. และคงต้องรอรับ“ดาบสอง“ เป็นคดีอาญาเพิ่มเติม เพราะถือเป็นการกระทำที่ขัดรัฐธรรมนูญ และพ.ร.บ.เลือกตั้งสส.
โดยตามมาตรา 151 แห่ง พ.ร.บ.การเลือกตั้ง สส.บัญญัติไว้ว่า “ผู้ใดรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิ์รับสมัครเลือกตั้ง เนื่องจากขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิ์สมัครรับเลือกตั้ง ได้สมัครรับเลือกตั้ง หรือทําหนังสือยินยอมให้พรรคการเมืองเสนอรายชื่อเพื่อสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ ต้องระวางโทษจำคุก 1-10 ปี ปรับ 2 หมื่น-2 แสนบาท ให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้ง 20 ปี”
เท่ากับว่า “อดีตนายกฯรถแห่” ต้องปิดฉากเส้นทางการเมืองไปโดยปริยาย
กลับกันหาก“รอด” ก็จะได้กลับมาทำหน้าที่ สส. ที่ปัจจุบันถูกสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวได้ต่อ
หากเป็นเช่นนั้นจริง ก็ต้องจับตาว่า เส้นทางการเมืองของ “แด๊ดดี้ทิม” จะเป็นอย่างไรต่อไป เพราะหลังอกหักไม่ได้เป็นนายกฯ และถูกหยุดปฏิบัติหน้าที่ สส.ชั่วคราว ก็ทำให้บทบาทของ “พิธา” ที่เคยมาแรงฟีเวอร์สุดๆ ถึงกับ “เครื่องดับ” ไปเหมือนกัน
สำคัญที่ “ที่ยืน” ในพรรคก้าวไกล ของ “อดีตหัวหน้าทิม” ที่จำใจสละตำแหน่งให้ “โกต๋อม” ชัยธวัช ตุลาธน ที่เพิ่งได้รับการโปรดเกล้าฯ เป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร หมาดๆ จะไปอยู่ตรงไหน
ส่วนตำแหน่งแคนดิเดตนายกฯ ที่ติดตัวอยู่ ก็คงไร้ความหมายไปแล้ว สำหรับสถานการณ์การเมือง ที่แทบไม่มีหนทางให้ พรรคก้าวไกลพลิกกลับมาเป็นแกนนำรัฐบาลได้อีก ในสภาฯชุดนี้
ในทางคู่ขนานบทบาทการนำของ “แก๊งส้ม” ก็ยังเป็น “ศาสดาเอก” ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ที่เป็นตัวจริงเสียงจริงอยู่
ครั้นจะเป็น สส.โชว์กึ๋นอภิปรายในสภาฯ เพียงอย่างเดียวก็คงไม่พอแล้วสำหรับ “แด๊ดดี้ทิม” ที่ถือว่าก้าวข้ามความเป็น “ดาวสภา”ไปแล้ว
ซ้ำร้ายยังอาจเกิดรายการขโมยซีนกับ “ท่านต๋อม” ผู้นำฝ่ายค้านฯป้ายแดงอีกด้วย
แน่นอนได้ “พิธา” กลับมาทำหน้าที่ สส. คงเสริมความแข็งแกร่งให้กับการทำหน้าที่ของ พรรคก้าวไกล รวมถึงฝ่ายค้าน
แต่หากจับวางบทบาทได้ไม่ดี ก็อาจซ้ำเติมปัญหาความชุลมุนวุ่นวายในพรรคก้าวไกล ขณะนี้มากขึ้นไปอีก.