xs
xsm
sm
md
lg

[คำต่อคำ]SONDHI TALK : อาฟเตอร์ช็อกไฟสงครามพม่า - จีนคว่ำบัลลังก์รถญี่ปุ่น - ขบวนการสวาปา(ล์ม)ปตท.ยืมมือ DSI ช่วยพวกพ้อง?-คำสอนแบบตะวันออกที่ฝรั่งต้องอึ้ง-ทึ่ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



วันที่ 8 ธ.ค.2566 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ได้ไลฟ์สด “SONDHI TALK” ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ คุยทุกเรื่องกับสนธิ ช่องยูทูป Sondhitalk หรือ Sondhitalk (ช่องสำรอง) และแอปพลิเคชัน Sondhi App โดยสิ่งมีประเด็นที่ได้เล่าในวันนี้ ได้แก่
- บัลลังก์สะเทือน ev จีนคว่ำรถญี่ปุ่น
- ไฟสงครามพม่า ค้ามนุษย์แรงงานงานเถื่อน ไทยเถื่อนทะลัก
- ขบวนการสวาปา(ล์ม)อินโดฯ ยืมมือ DSI ช่วยพวกพ้อง?
- คำสอนและความเชื่อตะวันออกที่ฝรั่งต้อง “อึ้ง-ทึ่ง”
- ความต่าง นักการเมือง VS ผู้นำ?

ติดตามได้ใน SONDHI TALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep.218



คำต่อคำ SONDHI TALK EP. 219 [8 ธ.ค. 66]

ช่องทางการรับชมรับฟัง "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" หรือ SONDHI TALK
แอปพลิเคชัน :SONDHI APP
ระบบ iOS ดาวโหลดได้ที่ AppStore : https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647.
ระบบ Android ดาวโหลดได้ที่ Google Play : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android
เฟซบุ๊กแฟนเพจ : คุยทุกเรื่องกับสนธิ
YouTube :Sondhitalk
เว็บไซต์:www.sondhitalk.com
Podcast หรือ podbean :SONDHI TALK

สวัสดีครับท่านผู้ชม วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2566 สวัสดีท่านผู้ชมที่กำลังดูการถ่ายทอดสดทาง Sondhi App, Facebook, YouTube และ TikTok ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ชมคงทราบแล้วว่าช่วงหลังๆ นี้แพลตฟอร์มต่างๆ ได้มีการพยายามลดการเข้าถึงอย่างมาก เหตุผลก็คือว่าแต่ละแพลตฟอร์มต้องการให้คนจ่ายเงินซื้อค่าโฆษณา หรือ boost หลายๆ แพลตฟอร์มยอดคนหายไป 70-80 เปอร์เซ็นต์ รายการ SONDHI TALK ก็ได้ผลเหมือนกันครับ แต่ว่ายอดของเราหายไปประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ ก็ยังดีอยู่ เหตุผลเพราะว่าเรามีแฟนพันธุ์แท้ที่ยึดมั่นกับเราตลอดเวลา

แต่อย่างไรก็ตาม ท่านผู้ชมเข้ามาดูแล้วก็ช่วยกันกดไลก์ กดแชร์ด้วย ถ้าอยู่ YouTube ก็กด Subscribe ทั้งช่องทาง Facebook, YouTube และ TikTok ทุกๆ ช่องทาง เพื่อที่จะกระจายข่าวสารออกไปในวงกว้างที่สุด

อาทิตย์นี้มีอยู่ประมาณ 4-5 เรื่อง เรื่องแรกที่ผมจะพูดก็คือ บัลลังก์สะเทือน เมื่อรถไฟฟ้าจีนมีโอกาสคว่ำรถญี่ปุ่นในประเทศไทยได้ รายละเอียดจะเป็นอย่างไร มาฟังกันก็แล้วกันนะครับ

เรื่องรถไฟฟ้าผมจะมีอยู่ 2 ตอน ตอนแรกจะพูดถึงเรื่องทำไมรถไฟฟ้าจีนถึงคว่ำรถญี่ปุ่นได้ ตอนที่ 2 อาทิตย์หน้า ผมจะพูดถึงเคล็ดลับที่รถไฟฟ้าจีนชนะมาตลอดทั่วโลก อยู่ตรงไหน

เรื่องที่สอง ท่านผู้ชมจำได้ไหมครับ ผมบอกไปแล้วว่าวันที่ 5 ธันวาคมนี้ จะมีพิธีพุทธาภิเษก "พระสยามพุทธาธิราช" ซึ่งเสร็จสิ้นไปแล้ว มหัศจรรย์พันลึกมาก เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟัง

เรื่องที่สาม อาทิตย์ที่แล้วผมพูดเรื่อง "พม่าแตก" ไฟสงครามพม่า ตอนนี้ผมเอาผลพวงของการที่พม่าแตกเข้ามาพูดถึงเรื่องการค้ามนุษย์ แรงงานเถื่อน ไทยเถื่อนทะลัก และมีการสวมบัตรประชาชนกันหน้าตาเฉย ซึ่งแน่นอนที่สุด คนที่หนีไม่พ้นก็คือกระทรวงมหาดไทย ซึ่งคุณอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นเจ้ากระทรวง

เรื่องที่สี่ ผมเคยพูดมาแล้วครั้งหนึ่ง แก๊งปาล์มเถื่อน ท่านผู้ชมจำได้ไหมครับ ทีมงานที่ไปร่วมต้มตุ๋น ปตท. โดยมีเจ้าหน้าที่ ปตท. เกี่ยวข้องด้วย เข้าไปซื้อพื้นที่ที่อินโดนีเซีย ปรากฏว่าเป็นที่ดินที่ทับป่าสงวน ทำให้ ปตท. สูญเสียเงินรายได้ไป 2 หมื่นกว่าล้านบาท ตอนนี้คดีความดำเนินการไปเยอะแล้ว แต่ตอนนี้แก๊งเถื่อนแก๊งนี้กำลังยืมมือดีเอสไอ เพื่อที่จะมาหวังช่วงพวกพ้องตัวเอง เบื้องหน้าเบื้องหลังมีอย่างไร ฟังผมพูดก็แล้วกัน

เรื่องที่สี่ ผมจะเอาคำสอนและความเชื่อทางตะวันออกที่ตรงกันข้ามกับทางตะวันตก และผมเชื่อว่าใครก็ตามที่ยึดติดกับความเชื่อทางตะวันตก จะต้องอึ้งและทึ่ง

เรื่องที่ห้า เป็นเรื่องที่มีผู้นำคนหนึ่งได้พูด "วุฒิภาวะของนักการเมืองกับคำว่าผู้นำ" ได้อย่างชัดเจน ผมฟังแล้วผมคิดว่าจะต้องมาถ่ายทอดให้ท่านผู้ชมทราบ

ท่านผู้ชมครับ หลังจากสัปดาห์ที่แล้วผมพูดถึง "ยาขาว" ไปว่าเป็นตำรับยาแก้โรคระบาดหลายชนิดในสมัยรัชกาลที่ 3 ซึ่งตอนนี้ผ่าน อย. แล้ว และมีวางขายแล้ว แต่มีคนสอบถามถึงความแตกต่างระหว่าง "ยาขาว" กับ "ฟ้าทะลายโจร" ว่าควรกินอย่างไร ท่านอาจารย์ปานเทพ แจ้งว่า ถ้ามีอาการผิดปกติ เช่น เป็นไข้ ไอ เจ็บคอ ก็ใช้ฟ้าทะลายโจรไปก่อนเลย แต่ถ้าใช้ไปสักพักแล้วไข้ไม่ลง อาการหนัก ก็เอา "ยาขาว" ผสมน้ำอุณหภูมิห้อง กิน 3 เวลา เช้า กลางวัน เย็น จนไข้ลง แต่ระหว่างที่ไม่ป่วย ถ้าเป็นผู้สูงวัย เป็นพ่อแม่ หรือว่าลุงป้าน้าอา ปู่ย่าตายาย อย่าลืมหา "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" ให้รับประทานทุกวัน วันละ 1 ซอง เหมือนกับที่ผมทานมา เพื่อแก้ลมกองหยาบ ขับลมในเส้น ผมทานมาปีนี้เป็นปีที่สี่แล้ว

ท่านผู้ชมครับ อาจารย์ปานเทพ เอา "ยาขาว" และ "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" เข้าไปพิธีพุทธาภิเษก เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม ที่ผ่านมา ด้วย เดี๋ยวผมจะเล่ารายละเอียดให้ฟัง ที่สำคัญตอนนี้ ยาลมฯ ยาขาว ตอนนี้มีโพรโมชัน ซื้อ "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" 1 กล่อง จะได้ยาลมฯ ที่ร่วมพิธีพุทธาภิเษก 1 ซอง ถ้าซื้อ 2 กล่อง ก็ได้ 2 ซอง "ยาขาว" ก็เช่นกัน สนใจสั่งซื้อได้ที่ "สมุนไพรบ้านพระอาทิตย์" เพิ่มไลน์ (LINE) @sunherb มีจำนวนจำกัด หมดแล้วหมดเลย

อีกเรื่องหนึ่ง ใกล้จะถึงแล้วครับ "2 ทศวรรษ รายการเมืองไทยรายสัปดาห์" โดยผม สนธิ ลิ้มทองกุล และ คุณแอ้ม สโรชา พรอุดมศักดิ์ กับบรรยากาศที่อบอุ่น เดิมๆ ที่ท่านผู้ชมหลายท่านเคยดูอยู่ แล้วท่านผู้ชมก็จะรำลึกถึงบรรยากาศแบบนั้น เราจะจัดที่หอประชุมเล็ก ธรรมศาสตร์ วันอาทิตย์ที่ 21 มกราคม 2567 เวลา 13.00 น. พลาดไม่ได้จริงๆ ครับท่านผู้ชม เพราะเป็นเรื่องที่แฟนๆ จะได้ฟัง และไม่เคยได้ฟังจากที่ไหนมาก่อน เรามาย้อนบรรยากาศสุดแสนจะอบอุ่นแบบเฉพาะคนรู้ใจ แล้วผมเชื่อว่าคนที่จองบัตรคือแฟนพันธุ์แท้จริงๆ และจะไม่มีการเผยแพร่ออกที่ไหน ให้เฉพาะคนที่จองบัตรเท่านั้น บัตรราคา 2,000 บาท และ 1,500 บาท ท่านผู้ชมรีบหน่อยนะครับ ทั้งหมดนี้เหลือที่นั่งไม่เกิน 30 ที่นั่งแล้ว พลาดแล้วพลาดเลยนะครับ สอบถามรายละเอียด/จองบัตรได้ที่ไลน์ @sondhitalk

สุดท้ายครับ ท่านผู้ชมได้ไปร้าน SUN PAN หรือยัง SUN PAN เมนูยอดนิยมเหมือนกัน โชกุปัง ขนมปังมันม่วงญี่ปุ่น ขนมปังฟักทองญี่ปุ่น ขนมปังใบเตยกะทิ ชีสเค้ก เครื่องดื่มโอเลี้ยงสูตรคุณแม่ผม ไอศกรีม หมูแท่ง ปลาแท่ง รวมทั้งของขวัญที่จะซื้อเอาไปแจกผู้คน คนที่เรารัก ก็คือฟรุกเค้ก Old English Fruitcake หรือ เค้กผลไม้ ของเชฟเพนนี อร่อยมากครับ ใครอยากซื้อรับประทานหรือเป็นของขวัญ แวะดูที่ร้านได้ ร้านอยู่ที่ปั๊ม ปตท. ราบ 1 ตรงข้ามมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ถนนวิภาวดีฯ หรือว่าจะไปที่ร้านเชฟเพนนี ที่สยามพารากอน ชั้นล่าง section Gourmet ก็มีขายเช่นกัน

สุดท้ายแล้ว ผมได้พูดถึง ProVita เครื่องดื่มโพรไบโอติก ผสมวิตามินรสส้ม จุดเด่นคือ ProVita อยู่ได้ถึง 4 เดือน ไม่ต้องแช่ตู้เย็น จุลินทรีย์โพรไบโอติกมีประโยชน์ต่อสุขภาพ คนที่เป็นเบาหวาน ความดันสูง สามารถทานได้ เพราะรสชาติที่หวานนั้นเกิดขึ้นจากตัวน้ำส้มธรรมชาติ และสารให้ความหวานแทนน้ำตาล อีกคุณสมบัติหนึ่งของ ProVita ที่สาวๆ น่าจะชอบ ซึ่งยืนยันมาแล้วจากคนใช้ คือ ผายลมแล้วไม่มีกลิ่น ถ่ายก็ไม่เหม็น ลองดูนะครับ ทดลองสั่งซื้อได้ที่ 081-935-9681 หรือ 085-660-8565 หรือเข้าไปที่เว็บไซต์ tpipolene.com เฟซบุ๊ก TPI Polene หรือไลน์ @tpipolene หรือที่ร้าน TPI รักสุขภาพ ร้าน TPI New Normal และซื้อได้ที่ Shopee, Lazada เช่นกัน Villa Market, ตั้งฮั่วเส็ง หรือซื้อได้ที่ร้าน Green Shop และร้าน SUN PAN ในปั๊ม ปตท.ราบ 1

บัลลังก์สะเทือน EV จีน คว่ำรถญี่ปุ่น


ท่านผู้ชมครับ สัปดาห์ที่ผ่านมา จนถึงวันจันทร์ที่ 11 ธันวาคม เป็นวันหยุดชดเชยวันรัฐธรรมนูญ ที่มีงานมหกรรมรถยนต์ ครั้งที่ 40 หรือ Motor Expo 2023 ที่อาคารชาเลนเจอร์ 1-3 เมืองทองธานี ผมเองไม่ได้ไปชมรถในงานนี้ เพราะผมเป็นคนไม่ชอบออกงาน แต่น้องๆ ทีมงาน และนักข่าวของผมไปกันหลายคน บอกว่า Motor Expo ปีนี้คึกคักมาก โดยเฉพาะค่ายรถจากประเทศจีนที่ทยอยเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยกันหลายเจ้า ประเด็นก็คือ เมื่อเปิดงานไปได้เพียงไม่กี่วันก็เกิดเรื่องฮือฮาขึ้น

ท่านผู้ชมต้องทราบก่อนว่า งาน Motor Show เจ้าของงานคือคุณประจิน หรือ Motor Expo ก็คือคุณขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ทั้งคู่รู้จักและคุ้นเคยกับผมดี ดีมากๆ เขามีการสรุปจำนวนผู้เข้าชมงาน ยอดจองซื้อรถยนต์ของทุกค่าย ทุกยี่ห้อ เป็นรายวันเลยว่า วันนี้ ยี่ห้อนี้ รุ่นนี้ มีคนจองรถซื้อกี่คัน


สองวันแรกในการจัดงาน คือวันที่ 29-30 พฤศจิกายน มีตัวเลขออกมาแล้วว่า ค่ายรถยนต์จากจีนกลับมียอดจองสูงสุด แซงบรรดาค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นเดิมๆ ที่เราคุ้นเคยกันดีว่าเป็นเจ้าตลาดรถในเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็น TOYOTA HONDA หรือ ISUZU คือสองวันแรกนั้น CHANGAN รถจีน ยอดจอง 264 คัน BYD 223 คัน TOYOTA 193 คัน HONDA 134 คัน GWM 129 คัน

นอกจากนี้แล้ว สถิติ 10 อันดับแรกของยี่ห้อรถยนต์ที่ถูกลูกค้าจองซื้อมากที่สุดถึง 5 จาก 10 อันดับ ครึ่งหนึ่งเป็นค่ายรถยนต์จากจีน ไม่ใช่ค่ายรถยนต์จากญี่ปุ่นอีกต่อไป

นอกจากค่ายรถยนต์จากจีนอย่าง CHANGAN, BYD, GWM ยังมีค่ายรถยนต์ที่เพิ่งเข้ามาในเมืองไทย ชื่อ NETA กับ AION ติดอันดับขึ้นมา ยังไม่นับยี่ห้อ MG รถดีเอ็นเออังกฤษในน้ำมือของบริษัทจีนอีก


สถิติที่จองรถยนต์จากค่ายจีนที่มาแรงจนแซงค่ายรถญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็น TOYOTA, HONDA, NISSAN, ISUZU, MITSUBISHI, SUZUKI ไม่นับค่ายรถยนต์จากยุโรปและสหรัฐอเมริกา นั่นเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในงานแสดงรถยนต์ของประเทศไทย ผมเปิดสถิติย้อนหลังมาให้ท่านผู้ชมได้เห็นชัดๆ ว่าไม่เคยมีปีไหนที่รถจีนที่จะพาเหรดขึ้นมามียอดจองเยอะขนาดนี้ หรือแม้กระทั่งการก้าวขึ้นมาเพื่อท้าชิงบัลลังก์ของรถยนต์ญี่ปุ่น ผมจะเอาตัวเลขให้ดูนะครับ


ท่านผู้ชมจะได้เห็นได้ชัดว่า ถ้าดูย้อนหลังแค่ 3 ปี ก็แทบจะไม่เห็นวี่แววว่าค่ายรถยนต์จากจีนจะก้าวขึ้นมามียอดขาย/ยอดจองแซงค่ายรถยนต์จากญี่ปุ่นได้อย่างไร

เรื่องนี้สร้างเซอร์ไพรส์และความหวั่นไหวให้กับคนในแวดวงการรถยนต์อย่างมาก จนถึงขั้นว่าฝั่งญี่ปุ่นออกข่าวดิสเครดิตกันว่าจะมีการปั้นตัวเลขยอดจองรถจากค่ายจีนให้พุ่งขึ้นมาแซงยอดรถยนต์จากค่ายญี่ปุ่น โดยอ้างว่ามีการนำยอดจองจากนอกงานเข้ามารวมในงาน หรืออ้างแม้ว่าจะมียอดจองแต่อาจจะไม่ซื้อจริงก็ได้ เป็นต้น

เมื่อจบงานวันจันทร์นี้ ไม่ว่าใครจะได้ที่หนึ่ง แต่เมื่อพิจารณาแบบรวมยอดจองของค่ายรถ 20 อันดับแรก โดยแบ่งแยกยอดจองระหว่างค่ายจีน กับค่ายญี่ปุ่น ก็จะพบว่ายอดจองรวมของค่ายจีนนั้นแซงค่ายญี่ปุ่นไปเรียบร้อยแล้ว


ผมลองรวมยอดจองอัปเดตวันอังคารที่ 5 ธันวาคม 2566 จากยอดจองรถ 20 อันดับแรกในงาน Motor Expo พบว่ายอดจองรวมของค่ายรถจีนนั้นแซงค่ายรถญี่ปุ่นค่อนข้างจะแน่นอนแล้ว ยอดจองค่ายจีนทุกค่าย เกือบทั้งหมดเป็นรถ EV อยู่ที่ 9,872 คัน ส่วนยอดจองรถญี่ปุ่นที่ยังยึดโยงอยู่กับการจำหน่ายรถน้ำมัน หรือรถไฮบริด อยู่ที่ 9,588 คัน

ที่ผมพูดมานี้ ท่านผู้ชมไม่จำเป็นต้องไปดูงาน Motor Show หรือ Motor Expo พอจะสังเกต รู้สึก หรือสัมผัสได้ตามท้องถนนก็ได้ว่ากระแสของยานยนต์ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า หรือ EV (Electric Vehicle) นั้นมาแรง และเป็นแนวโน้มของอนาคตของยานพาหนะและการเดินทางของโลกจริงๆ


ท่านผู้ชมจำได้หรือเปล่า ถ้าท่านผู้ชมเคยดูรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" มาตลอด ท่านผู้ชมจะรู้ว่าตลอดเวลา 3-4 ปี ที่ผมทำรายการนี้มา ผมได้ชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มของการปฏิวัติวงการพลังงานและอุตสาหกรรมรถยนต์ด้วย ผมออกมาหลายครั้งแล้ว ตั้งแต่เดือนเมษายน 2564 มาเรื่อยๆ จนล่าสุดเมื่อไม่กี่เดือนมานี้เอง ในรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ตอนที่ 212 ออกอากาศเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2566 ผมก็นำข้อมูลเรื่องนี้มาย้ำเตือน ฟันธงอีกครั้งว่า รถยนต์ไฟฟ้าจีนกำลังจะครองตลาดรถยนต์ของโลกในไม่ช้าไม่นานอย่างนี้แน่นอน

ท่านผู้ชมครับ อาจจะเป็นไปได้ว่า ผมเป็นคนแรกในประเทศไทยที่เป็นสื่อมวลชนที่พูดเรื่องนี้มาหลายปีแล้ว พูดออกมาแล้วมีแต่คนหัวเราะเยาะผม เป็นไปไม่ได้ ไม่มีทางหรอก อีกนาน ข้อมูลทั้งหลาย ท่านผู้ชมทั้งหลายคงทราบดีว่าผมสนใจเรื่องนี้เป็นพิเศษ ผมติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดมาตลอด เพราะผมรู้ดีว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปนั้น จะส่งผลกระทบมหาศาลต่ออุตสาหกรรมน้ำมันและเชื้อเพลิงฟอสซิลต่างๆ รวมไปถึงแวดวงการผลิตพลังงานอย่างไฟฟ้าที่ใช้ตามบ้านด้วย เพราะฉะนั้นแล้ว การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่การเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมรถยนต์ แต่เป็นลูกโซ่ของการเปลี่ยนแปลงระบบพลังงาน เชื่อมโยงไปถึงต้นทุนการใช้ชีวิต การดำเนินชีวิต การกินดีอยู่ดีของพี่น้องประชาชน เรื่อยไปจนถึงประเด็นสิ่งแวดล้อมและภาวะโลกร้อนด้วย

อย่างที่ผมกล่าวไปแล้ว เทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า (EV) คือกุญแจสำคัญที่ทำให้รถยนต์ค่ายจีนสามารถก้าวขึ้นมาทาบรัศมีและล้มบัลลังก์แชมป์ยอดขายรถยนต์จากญี่ปุ่นได้ในที่สุด

คำถามที่น่าสนใจคือว่า แล้วบริษัทรถยนต์ญี่ปุ่นมีโอกาสหรือเปล่าที่จะกลับลำจากเดิมที่ขายแต่รถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน แล้วหันมาเพิ่มการจำหน่ายรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าในระยะเวลาอันสั้น คำตอบที่ผมให้คือ ยากมากครับ


ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ชมหลายคนมองโลกในแง่ร้าย ชอบบอกว่าสถานีชาร์จไฟมันยังน้อยไป จะซื้อไปทำไม โน่นนี่นั่น ท่านผู้ชมรู้ไหมว่า ทุกนาที ทุกชั่วโมง ทุกวันที่ผ่านไปในโลกนี้ วิวัฒนาการและพัฒนาการอุตสาหกรรมรถไฟฟ้าจีนนั้นก้าวหน้าไปทุกวัน ทุกวินาที ทุกเวลา ทุกชั่วโมง ท่านผู้ชมจำได้ไหม แรกๆ รถยนต์ออกมา แบตเตอรีวิ่งได้ไม่เกิน 200 กิโลเมตร วันนี้ที่รู้ล่าสุด 1,000 กิโลเมตรแล้ว แล้วจะมีอะไรล่ะที่จะไปห้ามไม่ให้จีนพัฒนาแบตเตอรี ซึ่งอุตสาหกรรมแบตเตอรีรถไฟฟ้านั้นเป็นอาวุธลับของจีนที่ในโลกนี้ไม่มีใครมี และผมจะพูดในอาทิตย์หน้า

เชื่อผมสิครับท่านผู้ชม ไม่เกิน 2-3 ปีข้างหน้านี้ อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าจีนสามารถจะวิ่งได้ถึง 1,500 กิโลเมตร หรือแม้กระทั่ง 2,000 กิโลเมตร แล้วถ้าเขาวิ่งได้อย่างนั้น แล้วก็ไม่ใช่เฉพาะรถเก๋ง รถปิกอัพก็เริ่มเข้ามา ทุกอย่าง พนันกับผมไหมว่าอีก 2-3 ปีข้างหน้านี้ TOYOTA ALTIS รถแท็กซี่ในประเทศไทย ในกรุงเทพฯ จะหมดไปแล้ว ทำไมล่ะ ? ระหว่างเติมน้ำมัน กับใช้ไฟฟ้า ต้นทุนของคนขับแท็กซี่อะไรจะถูกกว่ากัน ถูกกว่ากันตั้งไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า มีเงินพกติดกระเป๋ากลับไป แต่อย่าไปหวังว่าราคาแท็กซี่จะลงนะ ไม่ลงหรอก ท่านผู้ชม นี่คือความเจ็บปวดของมัน แต่ผมลืมพูดว่า เมื่อสินค้าหลักออกไปแล้ว Supply Chain องค์ประกอบต่างๆ มันจะเดินตามไปแน่นอน ไม่ต้องกังวล สถานีชาร์จจะเกิดขึ้นเต็มไปหมดเลย ไม่เกิน 2-3 ปี เราจะเริ่มเห็นสถานีชาร์จตามถนนเส้นใหญ่ๆ แล้ว ปตท. หรือปั๊มน้ำมันที่ไม่สามารถจะบริการได้ ก็จะเริ่มมีเอกชนหลายเจ้าที่ตั้งสถานีชาร์จรถไฟฟ้าโดยเฉพาะเพื่อชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า เชื่อผมสิ เป็นจุดๆ จะเกิดขึ้นทันทีเลย มันมาแล้วนะนาย แล้วมันก็ห้ามไม่ได้แล้วนะนาย

ผมไม่อยากจะพูด หลานสาวผม (ซึ่งผมไม่อยากเอ่ยชื่อ เขาหงุดหงิดมากเวลาผมเอ่ยชื่อเขา) เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องแบตเตอรีไฟฟ้า 1 ใน 10 ของโลก ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าเธอซื้อรถอะไร งวดนี้ เธอซื้อ MG ไฟฟ้าทั้งคัน เพราะเธอรู้เรื่องแบตเตอรีดี ว่าแบตเตอรีมันต้องพัฒนาปรับปรุงต่อไปเรื่อยๆ แน่นอนที่สุด

ท่านผู้ชมครับ อย่าหาว่าผมไม่เตือน ดีเหมือนกัน บทเรียนนี้ไม่ได้สั่งสอนเฉพาะค่ายรถยนต์ญี่ปุ่น ค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นมีสิทธิ์ที่จะพัฒนาไฟฟ้าได้ แต่เห็นแก่ตัว ต้องการจะกระทืบคนต่อไปด้วยรถสันดาป เพื่อให้โรงงานของตัวเองนั้นได้อยู่รอดจนกระทั่งชดใช้ Depreciation จนหมด ไม่ขาดทุนในทางบัญชี นี่คือความเห็นแก่ตัว จีนไม่ได้ติดขัดอะไรเลย จีนร่วมทุนกับ GM แต่จีนก็ถอยจาก GM มา แล้วมาพัฒนาในสิ่งใหม่ที่ไม่เคยมีใครคิด


ท่านผู้ชมครับ ผมทำนายแล้วนะ อีก 2-3 ปี เราจะเห็นรถไฟฟ้าเต็มกรุงเทพฯ แล้วเราจะเริ่มเห็นรถแท็กซี่จะเริ่มเปลี่ยนจาก TOYOTA ALTIS ไปสุดแล้วแต่ อะไรก็ได้ ท่านผู้ชมครับ BYD รุ่น SEAL ขายดีมาก ทำไมรู้ไหม ? แรงม้า ความแรงของรถยังชนะ Porsche ได้เลย รถซูเปอร์คาร์หลายๆ คันในอนาคต เอเยนต์ต่างๆ จะเริ่มมีปัญหาในการขายในอนาคตแล้ว

ท่านผู้ชมครับ ผมเป็นคนเอาเรื่องรถหงฉี (HONGQI) มาเล่าให้ท่านผู้ชมฟังคนแรก จำได้ไหม "หงฉี" ไง แล้วในที่สุดตอนนี้ทุกคนก็เริ่มพูดถึง "หงฉี" ท่านผู้ชมครับ ความจริงมีหนึ่งเดียว ต้องการกระบวนทัศน์ ต้องการวิสัยทัศน์ที่เห็นก่อนคนอื่น แล้วพูดความจริง อย่าลืมนะท่านผู้ชม "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" แชร์ไปให้มากๆ กดไลก์ไปเยอะๆ Subscribe ไปเลย เชื่อผมสิ คุ้มค่าครับ

พิธีพุทธาภิเษก "พระสยามพุทธาธิราช"

ท่านผู้ชม เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม ที่ผ่านมา ได้มีการพิธีพุทธาภิเษก "พระสยามพุทธาธิราช" ณ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ ราชวรมหาวิหาร ได้เสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว ในคืนวันที่ 5 ธันวาคม 2566 ใช้เวลาประมาณ 4-5 ชั่วโมง ถ้ารวมถึงพิธีพราหมณ์ด้วย


ในช่วงเช้า ผมไปถวายเพลพระทั้งวัด จากนั้น 17.00 น. ทำพิธีพราหมณ์ข้างอุโบสถ หันหน้าไปทางพระมณฑปที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ โดยในระหว่างนั้นฟ้าครึ้มมาก ฝนตกแถวฝั่งธนฯ หนักมาก และกำลังไล่เข้ามาฝั่งพระนคร คนที่เข้าร่วมพิธีตั้งจิตอธิษฐานขอพระบรมสารีริกธาตุดลบันดาลให้ฝนหยุดตกในพิธีให้เสร็จสิ้นสมบูรณ์ก่อน ท่านผู้ชมครับ มหัศจรรย์มาก มีฝนตกเหมือนกัน แต่เป็นการตกแบบละอองฝนบางๆ แล้วหยุดลงอย่างน่าอัศจรรย์ ทั้งๆ ที่รอบวัดมหาธาตุฯ นั้นฝนตกหนัก


"พระสยามพุทธาธิราช" มีความหมายว่า ชาติ คือ สยาม, ศาสนา คือ พุทธา, พระมหากษัตริย์ คือ อธิราช ได้ฤกษ์มงคลในวันที่ 5 ธันวาคม 2566 ขณะจุดเทียนชัยนั้นก็ยังเป็นราชาฤกษ์ด้วย รายได้ทั้งหมดที่เราให้เช่าบูชาพระนำไปถวายวัดต่างๆ ผู้เข้าร่วมพิธีจำนวนมากที่ได้เห็น "พระสยามพุทธาธิราช" องค์ใหญ่ อยากสั่งพระพุทธรูปเพิ่ม แต่ผมมีความเสียใจต้องกราบเรียนท่านผู้ชมว่า ไม่เหลือแล้ว แม้แต่องค์เดียว เพราะมีผู้ร่วมทำบุญเช่าไปหมดแล้วทั้ง 250 องค์ คงเหลือเฉพาะเหรียญโลหะ และเนื้อผง ซึ่งมีเหลืออยู่ไม่มากจริงๆ ท่านผู้ชมเร่งหน่อยครับ จองกันได้เลย ที่ไลน์ (LINE) @tambun


ท่านผู้ชมครับ เราไม่ได้ทำวัตถุมงคลในเชิงพุทธพาณิชย์ ทุกอย่างที่เราทำนั้นมีจำนวนจำกัด การทำพิธีนั้น มีการสวดที่ยาวนานมากในพิธี หลายท่านที่ดูอยู่ หรืออยู่ในพิธี คงเห็นผมลงไปนั่งกับพื้น ซึ่งผมนั่งสมาธิ ผมตั้งจิตอธิษฐานถึงบุญบารมีชาติก่อนๆ ที่ผมได้ทำสั่งสมมาในชาติที่แล้วหรือในทุกๆ ชาติ ตลอดจนบุญบารมีที่ผมได้ทำในชาตินี้ เพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ การทำบุญ การสวดมนต์ การนั่งสมาธิภาวนา ผมบอกว่าขอให้ทั้งหมดนี้ได้มีส่วนร่วมในการส่งเสริมบารมีของ "พระสยามพุทธาธิราช" และในพิธีนี้ด้วย


เกือบสามทุ่มจึงเสร็จพิธี ทางวัดมหาธาตุฯ แจ้งว่า ครั้งนี้เป็นการทำพิธีพุทธาภิเษกงานใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยทำมาในวัดแห่งนี้ ทางวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ ก็เลยได้นำเหรียญสมโภชของวัดมาร่วมพุทธาภิเษกด้วย หลังเสร็จพิธีแล้ว ผู้เข้าร่วมพิธีได้เวียนรอบพิธีเพื่อทยอยรับน้ำมนต์จากเกจิอาจารย์ พ่อแม่ครูอาจารย์ทั้งหลายทั่วประเทศ รอบพิธี ซึ่งยากมากที่จะมารวมตัวกันได้ขนาดนี้ นับว่าเป็นสิริมงคลอย่างยิ่ง

การสร้าง "พระสยามพุทธาธิราช" นี้ ได้มีการเตรียมการล่วงหน้ามาหลายเดือน ผ่านพิธีสำคัญๆ ครบถ้วน แต่เมื่อเสร็จพิธีทุกอย่างแล้ว มีแต่ความปลื้มปีติอย่างยิ่งที่พวกเราได้ร่วมกันสร้าง "พระสยามพุทธาธิราช" เป็นผลสำเร็จในสมัยเรา ท่านผู้ชมครับ ผมขอร่วมอนุโมทนาบุญทั้งหลายมากับท่านทั้งหลายด้วย

สำหรับผู้ที่สอบถามมาเรื่องการรับพระที่สั่งจอง ตอนนี้ทีมงานผมได้ทยอยส่ง "พระสยามพุทธาธิราช" ชุดเหรียญโลหะ และเนื้อผง ออกไปแล้วตั้งแต่วันที่ 6 ธันวาคมนี้ บางท่านอาจจะได้รับแล้ว จะทยอยส่งไปจนครบถ้วน ส่วน "พระสยามพุทธาธิราช" จะเป็นพระพุทธรูปที่กำลังอยู่ขั้นตอนตรวจเช็กความเรียบร้อย แต่งพระให้สมบูรณ์แบบ ให้ครบถ้วน ซึ่งจะจัดส่งให้ก่อนปีใหม่


ท่านผู้ชมครับ ผมพูดไปแล้วว่า พิธีพุทธาภิเษกนี้ ท่านอาจารย์ปานเทพ ได้นำแผนภูมิสมุฏฐานวินิจฉัย และการนำสมุฏฐาน ตำราการแพทยศาสตร์สงเคราะห์ แผ่นศิลาจารึกจำลองที่มีตำรับยาขาว ตำรายาไทยในสมุดไทยโบราณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้นำ "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" และ "ยาขาว" เข้าร่วมพิธีด้วย อาจารย์ปานเทพ ตั้งใจว่าจะนำไปแจกลูกค้าที่ซื้อ "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" และ "ยาขาว" ทำเป็นโพรโมชัน ยาลมฯ 1 กล่อง จะได้รับยาลมฯ ที่ร่วมพิธีพุทธาภิเษก 1 ซอง ถ้าซื้อ 2 กล่อง ก็แจก 2 ซอง "ยาขาว" ก็เช่นกัน


ยาลมฯ ยาขาว และซองที่เข้าร่วมพิธีพุทธาภิเษกนั้น ง่ายๆ มีสติกเกอร์สีขาวติดไว้ ท่านผู้ชมสนใจสั่งซื้อ ติดต่อได้ที่ "สมุนไพรบ้านพระอาทิตย์" เพิ่มไลน์ @ บัญชี @sunherb มีจำนวนจำกัด หมดแล้วหมดเลยครับ


อีกเรื่องหนึ่งครับ ปิดทองหลวงปู่มั่น ตอนนี้หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต รูปหล่อปูนปลาสเตอร์ที่เหมือนมาก ที่ผมเล่าให้ฟังว่าผมได้มาจากพระอาจารย์สุธรรม เจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด ตอนที่ผมไปวัดป่าหนองไผ่ จังหวัดสกลนคร ตอนนี้มีท่านผู้ชมมาปิดทองทุกวัน วันละหลายๆ ราย เกือบสิบราย จนตอนนี้องค์ท่านทองก็ปิดเกือบเต็มองค์แล้ว เรายังเปิดให้ปิดทองอยู่ครับ วันจันทร์ถึงวันอาทิตย์ ไม่มีวันหยุด 09.00-12.00 น.

อาฟเตอร์ช็อกพม่าแต ...ผลพวงจากไฟสงครามในพม่า

ศุกร์ที่แล้วผมพูดเรื่องพม่า ท่านผู้ชมรู้ไหมว่ามีคนสนใจเป็นอย่างมาก รายการ Live Version และ Full Version มีคนเข้ามาดูกว่า 5 แสนคน ในระยะเวลาไม่กี่วัน ส่วนคลิปสั้นเรื่อง "พม่าแตก" ที่ตัดออกมาเฉพาะส่วนที่ผมเล่าประวัติความเป็นมา ยกถึงเรื่องตระกูลแซ่ต่างๆ รวมไปถึงตัวบุคคลขึ้นมานั้น เชื่อมโยงกับสถานการณ์ในอดีตและปัจจุบัน และผมทำนายถึงอนาคตด้วย


สองวันเท่านั้นเอง 48 ชั่วโมง ที่ YouTube มีคนเข้ามาชมเกือบ 4 แสนคนแล้ว น่าจะใกล้ 5 แสนแล้ว วันนี้ มีท่านผู้ชมหลายคนชื่นชอบ คอมเมนต์เข้ามาหลายร้อยความเห็น อย่างเช่น
User 014 ท่านคอมเมนต์ว่า "ผมชอบฟังคุณสนธิที่บรรยายได้ชัดเจน เข้าใจง่ายกว่าพวกที่คิดว่าตัวเองเป็นนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญพิเศษเสียอีก (โดยเฉพาะพวกนักวิชการที่รู้แต่ในตำรา)"
ส่วนคุณศิริโชติ C1056 "ฟังลุงสนธิเล่าเรื่องสถานการณ์พม่า เหมือนเป็นการเปิดโลกให้ผมเลยครับ เป็นข้อมูลที่ไม่เคยได้รับทราบจากสื่ออื่นใดๆ มาก่อน ขอบคุณอย่างมาก"
คุณวิสิทธิ์ private "ฟังสนุก รู้ลึก รู้จริง หาไม่ได้จากสื่อทุกค่าย"
คุณ Sakamoto 7874 "ผมยกให้ YouTube ตอนนี้เป็นผลงานชิ้นเอกอีกอันหนึ่งของคุณสนธิเลยทีเดียว มีรายละเอียดและวิธีเสนอข่าว สื่อสารข้อมูลได้แจ่มชัด ชัดเจน"
ส่วนคุณตุ๊ก โกต้า "ฟังคุณสนธิแล้วมันกว่าทุกช่องที่ฟังมาทั้งหมด ลำดับเรื่องราวอย่างกระชับ ฟังแล้วไม่น่าปวดหัว น่าจะทำเป็นหนังจีนย้อนยุค คงสนุกมาก"
คุณซูซู "ขอบคุณลุงสนธิอย่างสูงค่ะ ข้อมูลของคุณลุงเปิดสมองเลยค่ะ อย่างน้อย 50 เปอร์เซ็นต์ คืองงงวยกับเหตุการณ์ในพม่ามาตลอดว่ามันอะไรกันแน่"
คุณจูดี้พาร์ค 8019 "ถ้าหากเมียนมาแตก ล่มสลาย จะส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยมั่นคงของประเทศไทย"

ท่านผู้ชมครับ นี่เพียงแค่ตัวอย่างบางส่วนของความเห็นที่เข้ามาชมรายการสัปดาห์ที่แล้วนะครับ จริงๆ แล้ว เนื่องจากในรายการศุกร์ที่แล้วผมยังไม่ได้พูดถึงเรื่องราวอื่นๆ เกี่ยวกับผลกระทบของสถานการณ์ในพม่าที่จะเชื่อมโยงกับประเทศไทย ผมตั้งใจว่าจะมาพูดและอัปเดตให้ฟังกันในวันนี้


ตอนนี้ผู้นำเผด็จการพม่า พล.อ.มิน อ่อง หล่าย เริ่มออกอาการแล้ว วอนให้กลุ่มผู้ติดอาวุธให้คำนึงถึงชีวิตประชาชน ร้องแก้ปัญหาทางการเมืองของตัวเอง

วันที่ 5 ธันวาคม ที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์ Global New Light of Myanmar รายงานว่า พล.อ.มิน อ่อง หล่าย ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ โดยกล่าวเตือนว่า หากกลุ่มผู้ติดอาวุธยังคงโง่เขลา ผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องจะได้รับความเดือดร้อนด้วย

รัฐบาลทหารพม่าตอนนี้กำลังเสียเปรียบอย่างหนักจากการสู้รบที่เกิดขึ้นในพื้นที่ใกล้ชายแดนจีน อินเดีย และไทย มีคนวิเคราะห์ว่า เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นภัยคุกคามครั้งใหญ่สุดตั้งแต่กองทัพยึดอำนาจมาในปี 2564 สหประชาชาติระบุว่ามีพลเรือนเสียชีวิตไปแล้วนับร้อยคน หลายร้อยคน ตั้งแต่การเริ่มโจมตีตั้งแต่เดือนตุลาคม ทำให้มีผู้พลัดถิ่นอีกนับล้านคน แล้วผลกระทบต่อไทยล่ะ ?


สถานการณ์การสู้รบระหว่างรัฐบาลพม่ากับกลุ่มชาติพันธุ์ในเขตพื้นที่เขตปกครองพิเศษโกก้าง เมืองเล่าก์ก่าย ทางเหนือของรัฐฉาน ปะทุมาตั้งแต่วันที่ 27 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา ขณะนี้ได้ขยายวงกว้างไปตามเมืองสำคัญต่างๆ เรื่องนี้ลุกลามบานปลายเกิดขึ้นในประเทศเพื่อนบ้านก็จริง แต่มีสิ่งสำคัญหลายประการที่พวกเราคนไทยต่างได้รับผลกระทบมายาวนาน เพราะภาวะสงครามและความขัดแย้งภายในพม่า

ในระยะแรกของสงครามกลางเมืองในประเทศเพื่อนบ้าน เกิดขึ้นในพื้นที่เขตการปกครองพิเศษโกก้าง เมืองเล่าก์ก่าย ทางตอนเหนือของรัฐฉาน มีอาณาเขตติดกับชายแดนจีนทางมณฑลยูนนาน ทว่ามีคนไทยได้รับผลกระทบโดยตรงเช่นกัน เพราะระหว่างที่มีการทำสงครามกันโดยฝ่ายนักรบชาติพันธุ์ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อกวาดล้าง 4 ตระกูลใหญ่ เมื่อรวมกับตระกูลหมิง กลายเป็น 5 ตระกูลใหญ่กลุ่มจีนสีเทาที่เข้ามาทำธุรกิจในพม่า


ทั้งเปิดบ่อนการพนันออนไลน์ ค้าประเวณี ตลอดจนขบวนการที่ทำมากที่สุดคือขบวนการคอลเซ็นเตอร์ในพื้นที่เขตการปกครองพิเศษโกก้าง ซึ่งกระทบประชาชนในประเทศจีน ในประเทศไทย และในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พูดได้ว่าศูนย์กลางของคอลเซ็นเตอร์นั้นอยู่ที่โกก้าง แล้วความเดือดร้อนของ 3-4 ประเทศ เกิดขึ้นมาจากคนพวกนี้ทั้งสิ้น

ขณะเดียวกัน มีข้อมูลว่ามีคนไทยไม่ต่ำกว่า 300 คน (แต่ว่าในข้อมูลเชิงลึกของผมนั้นน่าจะมีเกิน 1,000 คน) เข้าไปเกี่ยวข้อง เรื่องอะไรบ้างที่เข้าไปเกี่ยวข้อง ? ไปขายบริการ รับจ้างเป็นพนักงานคอลเซ็นเตอร์ ทำงานในบ่อนการพนันกลางเขตปกครองพิเศษโกก้าง


ตอนนี้เขตปกครองพิเศษโกก้าง ถือว่าเป็นสมรภูมิรบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศพม่าอีกด้วย คนไทยทั้งหมดที่สมัครใจไปร่วมขบวนการ ทั้งถูกหลอกเข้าไปร่วม หรือถูกกักขังหน่วงเหนี่ยวก็แล้วแต่ แต่ว่าทางการไทยพยายามใช้การเจรจาผ่านผู้แทนระหว่างประเทศไทย พม่า และประเทศจีน เพื่อให้การช่วยเหลือคนไทยบางส่วนออกมาได้ มีเหลือบางส่วนที่ยังติดอยู่ที่ค่ายทหารพม่า เพื่อรอการส่งกลับมาตุภูมิให้ได้อย่างปลอดภัย

ยอดผู้ประสบภัยคนไทยที่รอความช่วยเหลือติดอยู่ตามเมืองต่างๆ ได้กระเตื้องขึ้นมา เกือบ 300 ชีวิต จนฝ่ายไทยต้องเร่งประสานทั้งทางฝ่ายจีนแผ่นดินใหญ่ และทางการพม่า ใช้ทุกวิถีทางเพื่อนำคนไทยเหล่านี้กลับมาคัดกรองอีกครั้งที่บ้านเกิดเมืองนอนของตน (ต้องคัดกรอง เพราะมีจำนวนหนึ่งไปแล้วทำงานเป็นพนักงานคอลเซ็นเตอร์ด้วย)

มาถึงวันนี้ เรื่องนี้ดูเบาไม่ได้แล้ว การสู้รบขยายปัจจัยชนวนเหตุที่มีมากขึ้น มูลเหตุที่สำคัญไม่ใช่แค่การกวาดล้างคนตระกูลหมิงอีกต่อไปแล้ว เพราะว่าประชาคมโลกเริ่มเข้ามาให้ความสนใจ ล่าสุด วันที่ 15 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ในที่ประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม 10 ชาติสมาชิกอาเซียน ได้นำสถานการณ์สู้รบภายในพม่ามาเป็นประเด็นหารือร่วมกันในวงประชุม


ส่วนผู้อพยพหลายฝ่ายกลายร่างสู่คนไทย สวมสิทธิ์ จุดกำเนิด กลายเป็นชุมชนพม่าสีเทาไปแล้ว

ท่านผู้ชมครับ ประวัติศาสตร์การสู้รบกันเองทุกครั้งที่พม่า เพื่อนบ้านของเราห้ำหั่นกัน ย่อมหนีไม่พ้นการที่มีผู้อพยพ หรือที่ทางการไทยเราเรียกอย่างให้เกียรติกันว่า "ผู้หนีภัยจากการสู้รบ" ที่ทะลักล้นชายแดน เข้ามาอาศัยอยู่ใต้ร่มเงาผ่านสถานที่ที่เรียกว่า "พื้นที่พักพิงชั่วคราว" หรือชื่อเต็ม คือ "ศูนย์อพยพผู้หลบหนีภัยสงครามชาวพม่าตามชายแดน" ศูนย์ฯ นี้เราตั้งมาตั้งแต่สี่สิบปีที่แล้ว (2527)


กว่าสี่สิบปีที่แล้ว เราเปิดพื้นที่พักพิงชั่วคราว หรือค่ายผู้ลี้ภัยเหล่านี้ ให้ผู้ลี้ภัยจากการสู้รบของเพื่อนบ้านหนีร้อนมาพึ่งเย็น ทั้งหมดมีอยู่ 9 แห่ง 1. พื้นที่พักพิงชั่วคราวบ้านใหม่ในสอย อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน 2. พื้นที่พักพิงชั่วคราวแม่สริน อำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน 3. พื้นที่พักพิงชั่วคราวบ้านแม่ลามาหลวง อำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน 4. พื้นที่พักพิงชั่วคราวบ้านแม่ละอูน อำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน 5. พื้นที่พักพิงชั่วคราวบ้านแม่หละ อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก 6. พื้นที่พักพิงชั่วคราวบ้านอุ้มเปี้ยม อำเภอพบพระ จังหวัดตาก 7. พื้นที่พักพิงชั่วคราวบ้านนุโพ อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก 8. พื้นที่พักพิงชั่วคราวบ้านต้นยาง อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี และ 9. พื้นที่พักพิงชั่วคราวบ้านถ้ำหิน อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี


ท่านผู้ชมครับ เชื่อหรือเปล่าว่าแม้สถานการณ์ที่ลี้ภัยทั้ง 9 แห่ง จะถูกขนานนามว่าเป็นพื้นที่พักพิงชั่วคราว แต่เรื่องจริงที่ประชาชนคนไทยที่อยู่รอบๆ ค่ายผู้ลี้ภัยหลายแห่ง ก็คือ ได้เจอผู้หนีภัยการสู้รบจากประเทศเพื่อนบ้านบางกลุ่มยังปักฐานอยู่ภายในพื้นที่พักพิงชั่วคราว ไม่ไปไหนเลย แม้จะหนีภัยจากสงครามมานับสิบๆ ปีแล้ว

ทุกครั้งที่รัฐบาลพม่ากวาดล้างกลุ่มต่อต้าน ซึ่งเป็นกองกำลังชาติพันธุ์ หรือเกิดการสู้รบกันเองตามแนวตะเข็บชายแดน ก็จะมีผู้ลี้ภัยสงครามแบบนี้ทะลักเข้ามาเพิ่มเติมในพื้นที่พักพิงชั่วคราวมากขึ้นเรื่อยๆ หน่วยงานความมั่นคงที่รับผิดชอบ ทั้งภาครัฐ และภาคีเครือข่าย เช่น สภาความมั่นคงแห่งชาติ กรมการปกครอง กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ เจ้าหน้าที่ทหาร เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารพราน อาสาสมัครรักษาดินแดน ฯลฯ และอีกหลายหน่วยงานเข้ามาดูแล เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานเหล่านี้ล้วนทราบดีถึงวิกฤตเรื่องผู้หนีภัยการสู้รบที่ทะลักเข้ามาจากฝั่งพม่าเหล่านี้ได้สร้างปัญหาให้ชุมชนคนไทยและประเทศไทยมากมายขนาดไหน เพราะกว่าสี่สิบปีที่เราอ้าแขนรับเขาเข้ามา การเจรจาที่จะส่งคนพวกนี้กลับแผ่นดินแม่ของเขา ไม่มีความคืบหน้า โดยเมื่อมีการสู้รบเกิดขึ้น ก็จะมีคนพวกนี้ทะลักเข้ามาเรื่อยๆ โดยคนเก่าไม่ยอมไป คนใหม่ก็เพิ่มมาอีก


ที่สำคัญ ระหว่างที่เสียงปืน เสียงระเบิดกำลังดังกึกก้องกัมปนาทอยู่ที่ฝั่งเพื่อนบ้าน ปัญหาใหญ่ของเราคือ เราไม่สามารถปฏิเสธ ผลักดัน หรือปิดกั้น ไม่ให้ผู้หนีภัยจากการสู้รบเหล่านี้ไม่ให้ล้ำอธิปไตย อพยพเข้ามา อันนี้เป็นเรื่องของหลักมนุษยธรรมครับท่านผู้ชม

ด้วยเหตุนี้ ผู้ลี้ภัย/ผู้อพยพเหล่านี้จึงมีการขยับขยายจำนวนประชากรมากขึ้น ที่น่าตกใจมากกว่านี้คือ มีพวกตกค้างจากพื้นที่พักพิงชั่วคราวทั้ง 9 แห่ง ได้แทรกซึมปะปนะกับคนไทย มีสถานะไม่ต่างจากคนไทย แย่ที่สุด ได้สัญชาติไทยไปแล้วนับหมื่นคน ด้วยความที่เข้ามาอยู่อาศัยในพื้นแผ่นดินไทยอย่างยาวนาน ทำให้คนเหล่านี้อาศัยช่องว่างทางกฎหมายไทย ที่สำคัญ ประกอบกับความฉ้อฉลของเจ้าหน้าที่ไทยที่เห็นแก่เงิน เห็นแก่ผลประโยชน์ เปิดทางและเอื้ออำนวยให้คนต่างด้าว ผู้หนีภัยจากการสู้รบ เข้ามาครอบครองพื้นที่ที่เป็นที่ดินของคนไทยมากขึ้นได้อีกเช่นกัน

ท่านผู้ชมครับ เรามาทำความเข้าใจกันก่อนนะครับ พวกเราต้องไม่ลืมว่า แม้แขกผู้มาเยือนเหล่านี้จะมีสถานภาพเพียงแค่ผู้ลี้ภัย แต่ก่อนที่เขาอพยพหนีความตายมาจากลูกระเบิดนั้น เราไม่สามารถจำแนกได้อย่างถี่ถ้วนว่าสถานะเดิมของเขาคืออะไร เป็นทหารจากกองพลไหน เป็นกองกำลังแตกทัพจากฝ่ายใด หรือว่าเป็นบุคคลอันตรายที่ขอลี้ภัยเข้ามาในบ้านเรา ยิ่งถ้าเป็นชนกลุ่มน้อยที่มีหลายก๊กหลายเหล่า เมื่อครั้งที่เขาเฟื่องฟูจากธุรกิจค้ายาเสพติด ทำธุรกิจสีเทาจากฝั่งประเทศของเขา พวกนี้มักจะมีอิทธิพล มีท่อน้ำเลี้ยง มีขุมทรัพย์จากช่องทางทำมาหากินเก่าๆ ติดมือเข้ามาอาศัยอยู่ในศูนย์อพยพผู้ลี้ภัยสงครามฝั่งบ้านเราอยู่เสมอ


แล้วท่านผู้ชมรู้ใช่ไหมว่า นานเข้าพวกนี้ก็ตั้งหลักในแผ่นดินของเราได้ ทำให้เกิดการรวมตัวกันของชุมชนชาวพม่าสีเทาในกลุ่มผู้หนีภัยตามค่ายอพยพต่างๆ ทั้งๆ ที่เราอุตส่าห์ก่อตั้งกันขึ้นเพื่อช่วยสงเคราะห์พวกเขาที่หนีตายจากภัยสงคราม ก้มหน้าก้มตาเลี้ยงดูไปตามหลักมนุษยธรรมหรือหลักสิทธิมนุษยชนที่เราเองก็หลีกเลี่ยงไม่ได้

ขบวนการฟอกร่างของผู้ลี้ภัยตามสูตรเริ่มจากการตีสนิทกับผู้ดูแลศูนย์พักพิงฯ ตีสนิทอาสาสมัครรักษาดินแดน ทหารพราน แกนนำ หรือผู้นำประจำหมู่บ้านชาวไทย ผู้ใหญ่บ้าน นายอำเภอ ต่อยอดไปจนถึงการเสนอผลประโยชน์วิ่งเต้นขอเข้าสวมสิทธิ์การเป็นประชาชนคนไทย ซึ่งมีสารพัดวิธี เช่น จ้างคนไทยมาจดทะเบียนสมรส ขอแต่งงานกินอยู่กับสามี/ภรรยาคนไทย ได้ทั้งสัญชาติและสวัสดิการไทย ทั้งตัวเองและทายาท การปลอมแปลงบัตรประชาชน การสวมสิทธิ์คนตาย การสวมสิทธิ์บุคคลในทะเบียนบ้านกลางที่ขาดความเคลื่อนไหวทางธุรกรรมทะเบียนราษฎร์ ไปจนถึงการขยายอาณาเขตลักลอบออกไปเป็นแรงงานต่างด้าวนอกพื้นที่พักพิงชั่วคราว ปลูกสร้างบ้านเรือน ซื้อที่ดิน เช่าอาคาร เปิดร้านทำธุรกิจในผืนแผ่นดินไทยโดยมีคนไทยเป็นนอมินี ภายใต้การชักใยของอดีตผู้หนีภัยสงครามซึ่งบงการอยู่เบื้องหลัง


ท่านผู้ชมครับ จากเหตุสู้รบที่กำลังคุกรุ่น ซึ่งเกิดขึ้นภายในประเทศเพื่อนบ้านล่าสุดนี้ พบว่ามีผู้ลี้ภัยสงครามทะลักเข้ามาเพิ่มขึ้นจากเดิม เนื่องจากประสบปัญหาการสู้รบกันในพื้นที่รัฐกะยา ซึ่งอยู่ติดชายแดนไทยที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน เพราะก่อนหน้านี้ ในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา ทางการไทยได้ออกแถลงการณ์ศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับเพื่อนบ้านด้านพม่า จังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้รายงานสถานการณ์บริเวณพื้นที่ชายแดนว่ามีการสู้รบกันตลอด กระทั่งวันที่ 19 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา สถานการณ์สู้รบที่รัฐกะยาเลวร้ายลงกว่าเก่า เมื่อกองกำลังติดอาวุธ KA, KNDF, PDF และ KNPLF รุกกดันทหารพม่าอย่างหนักในพื้นที่ตัวเมืองลอยก่อว์ เมืองโมเบีย เมืองแผ่โข่ง จนฝ่ายต่อต้านสามารถจะยึดฐานที่มั่นทหารพม่าได้อีกถึง 17 ฐาน


ในส่วนของสถานการณ์ในรัฐกะยา ตรงจุดนี้ ติดกับจังหวัดแม่ฮ่องสอน ตรงข้ามบ้านในสอย ตำบลปางหมู อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งทหารพม่าได้ยิงลูกยิงระเบิด K 120 มม. (ปืนครก) โจมตีไปยังค่ายผู้ลี้ภัยดอว์นกกุ ส่งผลให้ผู้ลี้ภัยในค่ายดังกล่าวพากันหนีเข้าสู่ประเทศไทยเพิ่มเติมอีกราวๆ เกือบ 3 พันคน

เมื่อมีผู้ลี้ภัย ก็ต้องมีการรับเงินรับทองจากผู้ลี้ภัย เจ้าหน้าที่ไทยไม่มีอะไรน่าประหลาดใจ ก็ทำมาหารับประทานกับผู้ลี้ภัย

ช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ผมมีแฟนรายการ SONDHI TALK เป็นชาวบ้านในพื้นที่บ้านแม่ทะลุ หมู่ที่ 5 อำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน inbox เข้ามาร้องเรียนกับผม หลังประสบกับความไม่ชอบมาพากลของผู้ลี้ภัยสงครามชาวพม่าที่มาอาศัยอยู่ในพื้นที่พักพิงชั่วคราวที่บ้านแม่ลามาหลวง อำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน

แหล่งข่าวท่านนี้ให้ข้อมูลว่า หลังภัยสงครามกับการอพยพเข้ามาของชนกลุ่มน้อย รวมทั้งทหารกะเหรี่ยง มีมากขึ้นเรื่อยๆ ผู้นำหมู่บ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ใหญ่บ้าน ได้มีการเรียกรับผลประโยชน์เพื่อให้ผู้ลี้ภัยได้มีที่พักอาศัยนอกเหนือจากเขตพื้นที่พักพิงชั่วคราว การอพยพเข้ามาครอบครองที่ดินทำกินของคนไทย แย่งงานคนไทย ปลูกสร้างบ้านเรือนในพื้นที่ของคนไทย สร้างความแตกแยกในหมู่ราษฎรไทย รวมถึงมีกระบวนการช่วยเหลือให้ผู้ลี้ภัยได้สวมสิทธิ์เป็นคนไทยผ่านการช่วยเหลือจากผู้นำหมู่บ้าน และเจ้าหน้าที่อาสาสมัครรักษาดินแดนที่รักษาความเรียบร้อยอยู่ในพื้นที่พักพิงชั่วคราว ที่บ้านแม่ลามาหลวง


แหล่งข่าวท่านนี้ได้บรรยายสภาพภายในพื้นที่พักพิงชั่วคราว ผมสรุปง่ายๆ ก็แล้วกัน 1. มีการแบ่งโซนภายในพื้นที่พักพิงชั่วคราวแม่ลามาหลวง แบ่งออกเป็น 7 โซน 2. มีความเป็นอยู่ไม่ต่างจากชุมชนของผู้มีอิทธิพลของพม่า เพราะคนไทยไม่สามารถก้าวล่วงความเป็นอยู่ของผู้ลี้ภัยได้ และ 3. ใน 7 โซน แต่ละโซนจะมีทหารกะเหรี่ยงทำหน้าที่เป็นชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน ดูแลกันเอง โดยที่เจ้าหน้าที่ไทยทั้งทหารพราน และอาสาสมัครรักษาดินแดน ซึ่งมีประจำการอยู่แค่ 4-5 คน ไม่สามารถควบคุมสั่งการหรือเข้าไปจัดระเบียบชุมชนผู้ลี้ภัยนั้นได้ และสุดท้าย ร้ายไปกว่านั้น เมื่อควบคุมสั่งการไม่ได้ เจ้าหน้าที่ก็เลยกลับไปแสวงหาผลประโยชน์เพื่ออำนวยความสะดวกด้านต่างๆ ให้กับกลุ่มผู้ลี้ภัยในพื้นที่พักพิงชั่วคราวกันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน

นานวันเข้า เจ้าหน้าที่อาสาสมัครรักษาดินแดนก็ได้เมียชาวพม่าที่เป็นผู้อพยพเข้ามาในศูนย์ฯ อยู่กินกันจนมีลูกมีหลาน ได้รับสัญชาติไทยไปโดยปริยาย ทำให้อาสาสมัครรักษาดินแดนนั้นแปรพักตร์ ไปรวมหัวกับผู้ใหญ่บ้าน คอยจัดสรรเรื่องการค้าขายสินค้าในศูนย์พักพิงชั่วคราว โดยจะอนุญาตให้พ่อค้าแม่ค้าที่เป็นพวกตัวเองนำสินค้าเข้าไปขายภายในศูนย์ฯ ได้เท่านั้น นอกจากนั้น ยังคอยจัดสรรโยกย้ายขนส่งผู้ลี้ภัยเข้า-ออกบริเวณศูนย์พักพิงชั่วคราว อ้างเหตุผลว่านำไปสถานพยาบาล ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วเป็นผู้ลี้ภัยที่ออกมารับจ้างทำงานแบบออกเช้า-กลับเย็น บ่อยครั้งที่ผู้ลี้ภัยออกไปแล้วไม่กลับมาศูนย์ฯ อีกเลย


ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ชมยังจำได้หรือเปล่าว่ารายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ตอนที่ 216 ไม่กี่สัปดาห์ก่อน ก่อนที่ผมจะนำเสนอเรื่อง "ขบวนการรีดไถส่วยข้ามชาติ" กระชากหน้ากาก "ไสวใจร้าย" เรื่องโคตรส่วยแม่สอด ผมกำลังจะบอกให้ท่านทราบว่า พฤติกรรมของผู้ใหญ่ ผู้นำหมู่บ้านแม่ทะลุ อำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน และเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลและรักษาความปลอดภัยในศูนย์พักพิงชั่วคราวแม่ลามาหลวงนั้น มีความเชื่อมโยงกันอย่างมีเหตุมีผล เพราะแหล่งข่าวที่เป็นแฟนคลับรายการ SONDHI TALK ท่านนี้ย้ำชัดว่า ที่ผ่านมามีกลุ่มอดีตผู้ลี้ภัยสงครามพัฒนาตัวเองมาทำธุรกิจขนย้าย ซื้อขายแรงงานเถื่อนในพื้นที่อำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน แผ่อิทธิพลไปได้จนถึงชายแดนด้านแม่สอด จังหวัดตาก ตั้งนานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งมา ผ่านปัญหาที่เรียกกันติดปากจนเป็นเรื่องธรรมดาว่า "ปัญหาผู้ลี้ภัยกับการหลบหนีออกจากศูนย์พักพิงชั่วคราว"

ท่านผู้ชมครับ ประเด็นนี้ผมอยากรู้จริงๆ ถ้าไม่มีเจ้าหน้าที่คนไทยช่วยเหลือ ให้การสนับสนุนผู้ลี้ภัย หรือผู้หนีภัยจากการสู้รบเหล่านี้จะทะลักเข้าสู่พื้นที่อื่นๆ ภายในประเทศไทยได้อย่างไร เพราะฉะนั้นแล้ว ปัญหาแรงงานพม่าที่ลักลอบผ่านชายแดนเข้ามาทางช่องทางธรรมชาติ ตามตะเข็บชายแดนต่างๆ จึงถือเป็นภัยต่อความมั่นคงในยามปกติ ทั้งนี้และทั้งนั้น ปัญหาแรงงานพม่าที่หลบหนีออกจากศูนย์พักพิงชั่วคราวในประเทศไทย ผมถือว่าเป็นภัยความมั่นคงแห่งชาติ ในสถานการณ์พิเศษ ที่น่าจับตาไปกว่านั้น เนื่องจากผู้ลี้ภัยได้แสดงความจำนงขอเข้ามาพึ่งพิงเราในฐานะผู้ลี้ภัยจากการสู้รบ ท้ายที่สุดก็แสวงหาหนทางจ่ายส่วยให้เจ้าหน้าที่ไทยเพื่อให้ตัวเองได้มีโอกาสไปมีชีวิตใหม่ในแผ่นดินไทยเช่นกัน


ท่านผู้ชมครับ เรื่องที่ผมพูดมานี้สอดคล้องกับข้อมูลที่ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หรือ "ผู้บัญชาการก้อง" ได้เก็บรวบรวมเอาไว้ โดยกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางได้ทำข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาความมั่นคง เรื่องการสวมบัตรประชาชนของบุคคลต่างด้าวที่ได้เกิดขึ้นในประเทศไทย ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งข้อสังเกตว่า พบข้อมูลบุคคลเป้าหมายที่เป็นกลุ่มชาวพม่าที่ลี้ภัยเข้ามาทางชายแดนฝั่งอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก, อำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน มีการครอบครองบัตรประชาชนประเภทบัตรอายุ 10 ปี โดยบ้านที่นำคนต่างด้าวเข้าทะเบียนบ้าน ตรวจพบชื่อในห้องทะเบียนราษฎร์กว่า 100 คน ท่านผู้ชมครับ นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กแล้วนะครับ


สอดคล้องกับเมื่อกลางปี 2566 ที่ผ่านมา นายประเสริฐ พวงนคร นายกเทศมนตรีนครแม่สอด มีคำสั่งย้ายเจ้าหน้าที่ห้องทะเบียนราษฎร์เทศบาลนครแม่สอด 3 ราย กระจายไปสู่ส่วนงานอื่นๆ หลังจากพบพฤติกรรมว่ามีการออกบัตรประชาชนอายุ 10 ปี ให้ชาวพม่า ซึ่งประกอบด้วยกลุ่มชาวพม่าที่ลี้ภัยในแม่สอด และกลุ่มกองกำลัง PDF หรือกองกำลังปกป้องประชาชนจากฝั่งพม่า ที่เข้ามาอาศัยอยู่ที่แม่สอด รวมทั้งชาวพม่าทั่วไป ซึ่งมีนายหน้าประสานเข้ามาขอให้ออกบัตรประชาชน โดยช่วงนั้นมีการตรวจพบว่า กระบวนการออกบัตรฯ 10 ปี ให้ชาวพม่า มีการทำมาแล้วตั้ง 3-4 เดือน มีการออกบัตรประชาชนอายุ 10 ปี ให้คนต่างด้าวไปแล้ว 700 ราย เฉลี่ยวันละ 15-20 ราย จนคนไทยที่ไปทำบัตรประชาชนต้องไปรอคิวทำบัตรประชาชน บางวันต้องไปใช้บริการที่ที่ว่าการอำเภอแม่สอด เพราะที่เทศบาลเต็มไปด้วยชาวพม่าที่ไปทำบัตรฯ 10 ปี

ท่านผู้ชมรู้ไหม เขาเรียกเงินค่าทำบัตรฯ หัวละ 40,000-100,000 บาท เพื่อแลกกับบัตรฯ 10 ปี ลองคำนวณดูสิครับ สินบนประมาณเกือบๆ 30 ล้านบาท


เรื่องขบวนการทำบัตรฯ 10 ปี มีคนร้องเรียนมาจากประชาชนและเจ้าหน้าที่ที่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำดังกล่าวไปยังนายสมชาย กิจเจริญรุ่งโรจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก ทำให้เจ้าหน้าที่จากสำนักกองทะเบียนกลางไปตรวจสอบที่ห้องทะเบียนราษฎร์เทศบาลนครแม่สอด และไปที่บ้านที่นำคนต่างด้าวเข้าทะเบียนบ้าน บางครัวเรือนพบว่ามีชื่อคนต่างด้าวเข้าไปอยู่ในห้องทะเบียนราษฎร์ถึง 100 คน คิดดูนะท่านผู้ชม การตรวจพบพฤติกรรมที่ทำกันมานานแค่ 3 เดือน ยังทำกันได้เฉลี่ยวันละ 20 ราย ท่านผู้ชมครับ ก่อนหน้านี้ล่ะ ? บานปลายออกไปเท่าไร ? เรื่องนี้ขออนุโมทนาบุญกับผู้ว่าราชการจังหวัดตาก ที่กล้าสั่งการรื้อระบบด้วยการตรวจสอบ

ทางเจ้าหน้าที่สอบสวนกลางตรวจพบว่ามีข้าราชการห้องทะเบียนราษฎร์บางรายเป็นข้าราชการที่เคยถูกตั้งกรรมการสอบสวนมาแล้วจากทางจังหวัดตาก และทางฝ่ายปกครองแม่สอด ร่วมกันสอบสวนข้อเท็จจริง แต่ท่านผู้ชมรู้ไหมครับ เงินมันปิดปากหมด เรื่องหายเงียบไป ขณะที่คนถูกตั้งกรรมการสอบก็ยังอยู่ที่เดิม ไม่ได้รับโทษอะไร ยังกลับมาทำพฤติกรรมเดิมๆ อีก


ท่านผู้ชมครับ ทำไมผมถึงนำข้อมูลที่ได้มาจาก พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง มาเผยแพร่ ? เพราะอย่างที่ผมเรียนให้ทราบว่า "ผู้บัญชาการก้อง" เป็นตำรวจที่ผมไว้ใจได้เพียงหนึ่งในไม่กี่คนในประเทศไทยที่นับนิ้วได้ พึ่งพาได้ และกัดไม่ยอมปล่อย สมัยที่ พล.ต.ท.จิรภพ ดำรงตำแหน่งผู้บังคับการกองปราบปราม เคยร่วมงานกับ ป.ป.ช. จับกุมแก๊งปลอมและสวมบัตรประชาชนที่อำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย มาแล้วตั้งแต่ปลายปี 2562 หรือสี่ปีที่แล้ว ครั้งนั้นกองปราบมีผลงานจับกุมขบวนการทำบัตรประชาชนปลอมให้บุคคลต่างด้าวที่มาสวมสิทธิ์เป็นคนไทยในการทำธุรกิจ มีการออกหมายจับผู้กระทำความผิด 9 คน รวมถึงเจ้าหน้าที่รัฐซึ่งเป็นถึงอดีตปลัดอำเภอ มีทั้งพลเรือนและนายหน้าผู้ให้การสนับสนุน


ผมอยากจะฝากเรื่องนี้ถึงหน่วยงานอีกหน่วยงานหนึ่ง คือ กระทรวงมหาดไทย คุณอนุทิน ชาญวีรกูล ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย คุณกรุณาเข้มงวดกวดขันหน่อยได้ไหม อย่ามัวแต่หิวแสง วันนี้คุณไม่มีแสงหรอกครับ เรื่องขบวนการสวมบัตรประชาชนเอาไว้ให้มากๆ เพราะบัตรประชาชนแต่ละใบที่คนไทยทั่วประเทศถืออยู่นั้น รวมถึงคนต่างด้าวที่เข้ามาสวมสิทธิ์ ปลอมแปลง แอบแฝงเข้ามาถือ ล้วนเป็นอำนาจหน้าที่กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ซึ่งคุณอนุทิน ชาญวีรกูล คุณเป็นคนดูแลอยู่ คุณเข้ามาคุณไม่รู้หรือว่าปัญหาชายแดน ปัญหาการสวมบัตรประชาชน ฝีมือพวกคุณทั้งนั้น กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ซึ่งคุณดูแลอยู่ เมื่อไรคุณจะตั้งหน้าตั้งตาทำงานจริงๆ เสียทีล่ะ


ที่ผมเกริ่นถึง มันเป็นปัญหาเฉพาะพวกพม่าเข้ามาสมคบคิดกับเจ้าหน้าที่ไทยทำระยำตำบอนกัน แต่คุณอนุทิน ทราบหรือเปล่าว่าผมมีข้อมูลลึกยิ่งกว่านั้น อย่างที่รู้กันว่าประเทศไทยเป็นไข่แดง ตั้งอยู่ท่ามกลางหมู่มิตรเพื่อนบ้านที่มีประชากรหนาแน่น สังคมต้องแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น ในขณะที่ทุกๆ คนต้องการแสวงหาความรุ่งเรือง เมืองไทยก็เลยกลายเป็นเป้าหมายของชาวจีน ชาวอินเดีย ชาวปากีสถาน ชาวลาว ชาวพม่า ไม่นับรวมถึงพวกอาชญากรรมข้ามชาติทางฝั่งอาหรับ ทางตะวันตก ที่ปรารถนามาใช้ชีวิตบั้นปลาย แต่งงานกินอยู่กับภรรยาคนไทย แม้กระทั่งสุดท้ายก็จะยอมตายบนแผ่นดินไทย

แล้วทำไมแรงงานในประเทศเพื่อนบ้าน หรือเหล่าประชากรเหล่านั้นจึงต้องการมาสวมบัตรประชาชน ใช้ชีวิตอยู่อย่างคนไทย ? เพราะเมืองไทยเราง่ายๆ ใช้ชีวิตสบายๆ มีสถานที่ทำกิน มีการท่องเที่ยว มีสถานที่ท่องเที่ยว มีสิทธิในการรักษาพยาบาล 30 บาท รักษาทุกโรค มีสิทธิเปิดบริษัทของตัวเอง สามารถครอบครองอสังหาริมทรัพย์ และต่อยอดด้วยการสร้างเครือข่ายอิทธิพลได้ง่ายๆ

ประเทศไทย เข้ามาดำเนินธุรกิจผิดกฎหมายได้ง่าย เพราะการใช้กฎหมายของเจ้าหน้าที่รัฐไม่เข้มงวดแข็งแรง จึงมีช่อง มีโอกาสให้คนต่างด้าวได้เข้ามาเคลื่อนไหว บ่อนทำลายความมั่นคงทุกด้านได้เสมอ


จากผลงานการปราบปรามกลุ่มมาเฟียต่างชาติที่ผ่านมา เช่น กลุ่มจีนเทาสวมบัตรปลอมแปลงเอกสารเข้ามาทำธุรกิจอุ้มบุญ "จาง หยาง" สวมบัตรยิงตำรวจพัทยา จับกุม "ตู้ห่าว" เครือข่ายมาเฟียจีนสวมบัตรมาเปิดผับในไทย ล่าสุดเอาคนพิการมานั่งขอทานกลางเมืองใหญ่ๆ พวกนี้จะทำได้อย่างไรถ้าไม่มีการสมรู้ร่วมคิด จ่ายเงินจ่ายทองกับเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสวมบัตรประชาชน คุณอนุทิน จะปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นฝีมือของกระทรวงมหาดไทย คุณเป็นเจ้ากระทรวง คุณจะมีคำตอบให้อย่างไรบ้าง เรื่องนี้ตั้งแต่คุณเข้ามา ยิ่งทวีผล ทวีความรุนแรงมากขึ้น มีการฟอกเงิน ค้ามนุษย์ พฤติกรรมพัวพันยาเสพติด แก๊งคอลเซ็นเตอร์ โรมานซ์สแกม หลอกลวงลงทุนทำธุรกิจ ไกด์เถื่อน สร้างความเสียหายใหญ่หลวงต่อประเทศไทยมากมาย

เรามาย้อนดูข้อมูลขบวนการที่ทางกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางรวบรวมเอาไว้ เขาตรวจสอบพบทั้งจีน ชาวอินเดีย ปากีสถาน และชาติอื่นๆ ที่พำนักอยู่ในประเทศไทย ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าพวกนี้พักอยู่ในประเทศไทยเกินกำหนดวันที่ได้รับอนุญาต หรือที่เรียกว่า Over stay ท่านผู้ชมทายซิว่าเป็นจำนวนเท่าไร ? 2 ล้านคน คนต่างด้าวพวกนี้ส่วนใหญ่อยู่ในสถานะที่กลับบ้านไม่ได้ อยากอยู่ต่อก็กลัวจะอยู่ไม่ถึง ก็เลยรอจังหวะ รอโอกาส รอรวบรวมทุนทรัพย์ วิ่งเข้าไปหานายหน้า คอยเวลาที่ตัวเองจะสวมบัตรประชาชนคนไทย อ้าว! กระทรวงมหาดไทยอีกแล้ว แนวทางที่จีน อินเดีย และชาวปากีสถาน คือการสวมบัตร จ้างคนไทยสมรส ส่วนชาวลาวที่มีพรมแดนติดกับเรา ใช้วิธีเอาชื่อเข้าทะเบียนบ้าน การจดทะเบียนขอรับรองบุตร ชาวพม่า ไม่ว่าจะเป็นผู้ลี้ภัยสงคราม หรือแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบเข้ามาทางช่องทางธรรมชาติ นิยมการขอเอาชื่อเข้าทะเบียนบ้าน ทำบัตรประชาชนอายุ 10 ปี กระทรวงมหาดไทยอีก


พวกแขกอินเดีย ปากีสถาน มักจะพบว่าไปอาละวาดขอจดทะเบียนสมรสกับชาวไทยมากเป็นพิเศษที่พื้นที่จังหวัดนครปฐม จังหวัดสระบุรี มีการสวมบัตรผู้เสียชีวิตชาวไทยที่ญาติไม่ได้แจ้งตาย เที่ยวไปเดินเร่ขายของจำพวกผ้าปาเต๊ะ ผ้าโสร่ง พรม ชุดเครื่องนอน เครื่องใช้ไฟฟ้า โทรศัพท์มือถือ ด้วยระบบเงินเชื่อ

คุณอนุทิน ครับ ไม่ต้องบอกท่านคงรู้ว่าแก๊งอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการสวมบัตรประชาชนนั้น ทางเจ้าหน้าที่อำเภอ นายทะเบียนผู้ออกบัตร และผู้นำท้องถิ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ตัวแสบ ที่กระทรวงมหาดไทยดูแลอยู่ มีความสำคัญกับองคาพยพของขบวนการเหล่านี้มากน้อยแค่ไหน ? ผมจะบอกให้ สำคัญและเกี่ยวข้องมากแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ กลุ่มกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือผู้นำชุมชนต่างๆ จะทราบดีว่าลูกบ้านแต่ละหลังมีใครตาย ใครเกิด ใครพิการ ใครไม่เคยทำบัตรประชาชน จากนั้นก็ไปติดต่อญาติ หรือเจ้าบ้านกลุ่มบุคคลเหล่านี้ ให้ขายข้อมูลมา ผู้นำชุมชนจะประสานกับนายหน้า หรือแม้กระทั่งเป็นนายหน้าเอง ก่อนทำการรับรองสถานะของบุคคลเจ้าของประวัติ เพื่อส่งสัญญาณให้เจ้าหน้าที่ที่ว่าการอำเภอไฟเขียว ทำการสวมบัตรประชาชนให้บุคคลต่างด้าวเป็นเป้าหมาย


และจากข้อมูลการสืบสวนของตำรวจกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พบว่า ค่าดำเนินการสวมบัตรในพื้นที่ต่างๆ จะแตกต่างกันออกไป เฉลี่ยอยู่รายละ 300,000-500,000 บาท ตัวเลขที่ผมเคยรับทราบกรณีที่จ่ายสูงสุดคือชาวจีน ทำบัตรประชาชนที่จังหวัดปัตตานี จ่ายเงินเป็นค่าดำเนินการถึง 7 ล้านบาท รายนี้ขอคิดค่าเปลี่ยนชื่ออีก 3 ล้านบาท การขอทำบัตรพร้อมได้เล่มทะเบียนบ้าน อยู่รายละ 1.1 ล้านบาท ผู้นำชุมชน ญาติที่ขายข้อมูล หรือผู้รับรอง จะได้รับค่าตอบแทนรายละ 20,000-60,000 บาท

คุณอนุทินครับ ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์สู้รบในพม่า ทำให้ผู้อพยพต่างด้าวทะลักเข้ามาเพิ่มขึ้นในประเทศไทย หรือปัญหาคนต่างด้าวสารพัดชาติ Over stay ตกค้างอยู่ในระบบนับล้านชีวิต

สรุปครับท่านผู้ชม ผมว่าเรื่องนี้สำคัญไม่แพ้การจัดการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่เชื่อมโยงกลุ่มอิทธิพล 4-5 ตระกูลในโกก้าง พม่า รวมถึงกลุ่มมิจฉาชีพจีนเทาที่ตั้งฐานปฏิบัติการอยู่รอบๆ ประเทศไทย ที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่รัฐต้องเร่งจัดการ ซึ่งรัฐบาลคุณเศรษฐา ต้องเข้าไปจี้ให้หน่วยงานต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตำรวจ ดีเอสไอ และ กระทรวงมหาดไทย รวมทั้งหน่วยงานความมั่นคง จัดการให้อย่างเด็ดขาด โดยจะใช้โมเดลของทางจีนแผ่นดินใหญ่ก็ได้ ที่ผมเคยพูดไปแล้ว ยกตัวอย่างเช่น


เราอาจจะขีดเส้นให้คนไทยพวกที่ไปอิงแอบอยู่กับแก๊งจีนเทาคอลเซ็นเตอร์ ต้องเดินทางกลับประเทศไทยภายใน 15-30 วัน มิฉะนั้นจะถูกตัดสิทธิ์ 1..2..3..4..5.. ยกตัวอย่างเช่น ซิมโทรศัพท์ ตัดสิทธิ์ไม่ให้ซื้อซิมโทรศัพท์ สวัสดิการต่างๆ รวมไปถึงการดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด เหมือนกับการที่ตำรวจพยายามคัดกรองคนไทย 200-300 คน ที่ลี้ภัยสงครามมาจากโกก้าง แล้วทางเจ้าหน้าที่จีนเขาสอบสวนมาแล้วว่าคนนี้เกี่ยวข้องกับขบวนการคอลเซ็นเตอร์ คนนี้มีเรื่องคดีทางเพศ ค้าประเวณี คนนี้ฟอกเงิน หรือคนนี้ถูกหลอกไปจริง

เรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พวกนี้รัฐบาลไทยและเจ้าหน้าที่ไทยต้องเอาจริงเสียที เหมือนช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ทางการลาวและทางการจีนเขาจับมือกันล้างบางแก๊งจีนเทา แก๊งคอลเซ็นเตอร์ เกือบ 500 คน ที่ฝั่งตัวอยู่ที่แขวงบ่อแก้ว สามเหลี่ยมทองคำ ตรงข้ามกับอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย


ท่านผู้ชมครับ ไม่ว่าเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์จีนเทา พม่าเทา อินเดียเทา มันรู้ว่าเจ้าหน้าที่ไทย ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ ที่สำคัญที่สุดคือฝ่ายมหาดไทยที่คุณอนุทิน คุมอยู่ ฝ่ายความมั่นคงมันไม่เข้มงวด ไม่ตรงไปตรงมา ซื้อได้ด้วยเงิน ประเทศไทยเลยกลายเป็นแดนสวรรค์ของพวกที่ทำผิดกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสวมบัตรประชาชนเป็นคนไทย หลบหนีเข้าเมือง Over stay กว่า 2 ล้านคน ผมถือว่าร้ายแรงมาก ต้องจัดการอย่างเด็ดขาด เพราะกระทบต่อความมั่นคงอย่างร้ายแรง

ขบวนการสวาปา(ล์)ม ปตท.ยืมมือ DSI ช่วยพวกพ้อง

ท่านผู้ชมครับ ขอย้อนเรื่องเก่าสักเรื่องหนึ่งให้ท่านผู้ชมทราบ ซึ่งท่านผู้ชมที่ติดตามรายการนี้มาตลอดก็คงจะจำได้ 30 มิถุนายน 2566 รายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ตอนที่ 205 ออกอากาศวันศุกร์ที่ 1 กันยายน ผมได้เคยเปิดประเด็นในรายการที่พูดถึง แล้วผมแฉต่อเนื่องถึงขบวนการสวาปา(ล์)ม ของคนกลุ่มหนึ่งที่เข้ามาทำมาหากินใน ปตท. อย่างเป็นล่ำเป็นสัน ทั้งงาบหัวคิว หาประโยชน์จากโครงการลงทุน โครงการการจัดซื้อจัดจ้าง ทั้งคดีปาล์มอินโดฯ สต็อกน้ำมันปาล์มลม ฮั้วกินหัวคิวน้ำมันปาล์ม ที่ขายให้กับบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก หรือ โออาร์ คิดเป็นมูลค่าหลายหมื่นล้าน


ผมพูดไปแล้ว ท่านผู้ชมยังจำได้ไหมว่า หัวขบวนของคนกลุ่มนี้มีทั้งนักการเมือง อดีตเป็นรัฐมนตรี อดีตผู้บริหารระดับสูงของ ปตท. รวมหัวกันใช้อำนาจบารมีที่มีให้เครือข่ายตัวเอง ด้วยความร่วมมือของคนในองค์กร ปตท. กระทำการทุจริตคอร์รัปชัน แล้วในที่สุดก็ถูกจับกลายเป็นคดีขึ้นมา มีทั้งที่อยู่ในศาลและอยู่ที่ ป.ป.ช. ขบวนการนี้ฝังรากลึกมานาน ยังมีผลประโยชน์ที่ตัวเองอยากรักษาไว้เพื่อทำมาหากินกันต่อไป ก็เลยไม่ยอมแพ้ พยายามดิ้น ใช้วิชามารในทุกรูปแบบ หนึ่ง เพื่อให้พวกพ้องตัวเองรอดพ้นจากการถูกดำเนินคดี และสอง ผลักดันคนของตัวเองขึ้นมาเป็นใหญ่ใน ปตท. ในการสรรหาตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงสุดของ ปตท. เร็วๆ นี้

ตอนนี้ผมทราบมาว่ามีการพยายามที่จะเข้ามาในเรื่อง ปตท. ซึ่งตอนนี้ ปตท. และดีเอสไอ กำลังอยู่ในช่วงการเปลี่ยนแปลงผู้นำองค์กรใหม่ โดยที่ดีเอสไอก็อยู่ในระหว่างการตั้งอธิบดีคนใหม่แทนคนเก่าที่โดนเด้งจากพิษหมูเถื่อน ขณะที่ ปตท. กำลังสรรหาประธานเจ้าหน้าที่คนใหม่เช่นกัน


ด้วยเหตุนี้ ขบวนการคนกลุ่มนี้จึงเคลื่อนไหว คำนวณว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ดึงดีเอสไอที่มีพรรคพวกตัวเองฝังตัวอยู่ ช่วยเหลือทำคดีพวกพ้อง ขณะเดียวกัน ก็จะใช้คดีนี้ด้อยค่าว่าที่แคนดิเดต CEO ปตท. ที่ไม่ใช่พวกตัวเอง คนพวกนี้ไม่เคยรู้จักพอ

เรื่องที่ผมลงไปนั้น มีหลักฐานพิสูจน์ชัดเจน มี ป.ป.ช. สอบ และมีการฟ้องร้องในศาลแล้ว คือคดีทุจริต ปตท. ไปลงทุนปลูกปาล์มน้ำมันบริษัทย่อย ปตท. ที่ประเทศอินโดนีเซีย ซื้อที่ดิน ซึ่งเป็นที่ดินทับซ้อนพื้นที่ป่าสงวนเป็นส่วนมาก ทำให้ไม่สามารถขอให้หน่วยงานในอินโดนีเซียออกเอกสารสิทธิ์ในการทำเกษตรกรรมได้ ส่วนที่ดินที่เหลือที่ไม่ทับซ้อนนั้น ก็ไม่คุ้มค่าการลงทุน นอกจากนี้ มีหลักฐานชัดว่ามีค่านายหน้าในการจัดซื้อที่ดินสูงผิดปกติถึง 40 เปอร์เซ็นต์ รวมค่าเสียหายแล้ว 20,370 ล้านบาท


นอกจากนั้น พวกนี้ยังสร้างสตอกลม 2,000 ล้านบาท ของบริษัทในเครือ ปตท. คือบริษัท GGC เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2561 หรือห้าปีที่แล้ว GGC ได้แจ้งความคืบหน้าคดีวัตถุดิบคงคลังสูญหาย ก.ล.ต. หรือสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ได้กล่าวโทษอดีตผู้บริหารกรรมการผู้จัดการ และผู้บริหาร GGC 2 ราย พร้อมทั้งคู่ค้าอีก 9 ราย ฐานร่วมกันดำเนินการให้ GGC ซื้อวัตถุดิบและให้จ่ายชำระเงินค่าซื้อเต็มจำนวนให้กับผู้ขาย โดยยังไม่ได้รับวัตถุดิบทั้งหมด หรือได้รับเพียงบางส่วน รวมทั้งกรณีส่งมอบวัตถุดิบเข้าไปกลั่น โดยไม่มีการกลั่นจริง ทำให้ GGC เสียหาย คิดเป็นมูลค่าความเสียหายรวม 2,157 ล้านบาท GGC ในฐานะผู้เสียหาย ก็เร่งรัดการดำเนินคดีทั้งแพ่งและอาญากับอดีตผู้บ้ริหารและคู่ค้าทุกคนอย่างต่อเนื่อง จนถึงปัจจุบัน หลายๆ คดีศาลพิพากษาตัดสินถึงที่สุดแล้ว และหลายคดีมีความคืบหน้าไปอย่างมาก


การสืบสวนสอบสวนคดีอาญาโดยกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ หรือ ปอศ. ก็มีความคืบหน้าไปมาก

คดีสตอกลมที่ทำให้ ปตท. GGC เสียหายไปสองพันกว่าล้านนั้น คาดว่า ปอศ. จะสามารถสรุปสำนวนเพื่อส่งฟ้องอดีตผู้บริหาร และคู่ค้าทุกราย ต่ออัยการได้ในเร็วๆ นี้

ท่านผู้ชมครับ ขบวนการกลุ่มก้อนนี้พยายามบิดเบือนข้อเท็จจริงที่ถูกต้องทุกทาง พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้คดีความล่าช้า เพื่อที่ตัวเองจะไม่ต้องรับผิด แล้วใช้เจ้าหน้าที่ที่ทำคดีนั้นบิดเบือนข้อเท็จจริงและช่วยเหลือตัวเอง เพราะฉะนั้นแล้วก็เลยมีความพยายามที่จะดึงเอาดีเอสไอ หรือ กรมสอบสวนคดีพิเศษ เข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะว่าคนพวกนี้มีความสนิทสนมกับผู้ใหญ่ในดีเอสไอ


คดีสตอกลม 2,000 ล้านบาท ของบริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GGC ที่ผมเล่าให้ฟัง

ตอนนี้ ปอศ. ซึ่งสังกัดกองปราบปราม ได้เตรียมตัวที่จะเล่นงานและส่งสำนวนคดีไปให้อัยการ มีบริษัทประมาณ 9 บริษัทเอกชน ซึ่งเป็นเครือข่ายเดียวกันหมด รวมทั้งเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ GGC ก็คือว่าข้อหาคือ ซื้อวัตถุดิบ จ่ายชำระเงินค่าซื้อเต็มจำนวนให้แก่ผู้ขาย โดยไม่ได้รับวัตถุดิบทั้งหมด ได้รับเพียงบางส่วน ส่งวัตถุดิบไปกลั่นโดยไม่มีการกลั่นจริง ทำให้ GGC เสียหายร่วมสองพันกว่าล้านบาท ก็ได้ดำเนินคดีไปเต็มที่แล้ว GGC ในยุคใหม่นี้ดำเนินคดีไปจนกระทั่งมีคำพิพากษามาเยอะ หลายคดีมีความคืบหน้าไปอย่างมาก และหลายคดีพิพากษาไปแล้ว

คดีที่ทำอยู่ก็คือคดีสตอกลมนี่ล่ะ ที่จ่ายเงินไปแล้ว แต่ไม่มีของ ไม่ส่งของมาให้ อ้างว่าส่งของไปกลั่นแล้ว แต่ไม่มีการกลั่นจริง ปอศ. สรุปสำนวนแล้ว กำลังออกหมายเรียกจำเลยมารับทราบข้อกล่าวหา และเตรียมสรุปสำนวนเพื่อสั่งฟ้องคดีต่อพนักงานอัยการ ต่ออดีตผู้บริหารและคู่ค้าทุกรายต่อศาลยุติธรรมเร็วๆ นี้

แล้วเกิดอะไรขึ้น ? ทำไมผมต้องเอาเรื่องนี้มาพูด ? เกิดมีข่าวว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม หรือ ดีเอสไอ อยู่ดีๆ ภายใต้การรักษาการอธิบดี ซึ่งเป็นรองอธิบดีอยู่ตอนนี้ ชื่อคุณยุทธนา แพรดำ วิ่งเต้นเพื่อที่จะขอให้ย้ายคดีจาก ปอศ. ของกองปราบ เข้าไปให้ดีเอสไอทำ ท่านผู้ชมครับ เรื่องแบบนี้ต้องมีคนระดับที่เป็นผู้ใหญ่ สูงกว่าอธิบดี หรือรักษาการอธิบดี มันมีเลศนัย ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าดีเอสไองานล้นมือมาก เอาเรื่องคดีพิเศษนับร้อยนับพันคดี เอาเรื่องแค่หมูถื่อน นายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน บี้มาจนตัวอธิบดีตกเก้าอี้ คงไม่ได้ขยันขันแข็งหรอก ที่จะแย่งงานที่ ปอศ. ทำจนเสร็จแล้ว เอามาทำเอง


ผมคิดว่าท่านรักษาการอธิบดีคนใหม่ คุณยุทธนา แพรดำ มีข้อสงสัยมาก ผมไม่ทราบว่าอะไรเป็นสาเหตุ คุณยุทธนา แพรดำ แล้วคุณยุทธนา แพรดำ ก็เป็นคนเดียวที่เคยเข้าไปติดต่อผู้บริหารระดับสูง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ ปตท. เพื่อมาตรวจสอบการทำงานของ GGC ว่าบกพร่องหรือเปล่า ปรากฏว่า ปตท. ตั้งคณะกรรมการสอบสวนแล้ว ปรากฏว่าทำถูกต้องทุกอย่าง ไม่มีข้อบกพร่อง นี่มาจากคุณยุทธนา แพรดำ อีกแล้ว

คุณยุทธนา แพรดำ เป็นรองอธิบดีดีเอสไอ ที่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งเป็นเจ้านายเก่าของคุณยุทธนา แพรดำ มีความสนิทสนมกันมาก อยากจะตั้งคุณยุทธนา แพรดำ ขึ้นเป็นอธิบดีดีเอสไอ แต่ติดที่ปลัดกระทรวงไม่ยอม เพราะปลัดกระทรวงฯ บอกว่าคนจะขึ้นอธิบดี จากรองอธิบดี ต้องไปเป็นผู้ตรวจราชการก่อน 1 ปี คุณทวี สอดส่อง ก็เลยแก้เกมด้วยการเอาคุณยุทธนา แพรดำ มารักษาการ รักษาการยังไม่ทันไรเลย ก็ออกฤทธิ์แล้ว วิ่งเต้นที่จะเอาคดีที่ ปอศ. ทำในเรื่องสตอกลม ซึ่งกำลังจะสั่งฟ้องอยู่แล้ว ดึงเอามาอยู่ที่ดีเอสไอ ให้ทำ เพื่ออะไร ? เพื่อยืดเวลาให้มันยาวขึ้น อาจจะเริ่มต้นจาก 0 ใหม่เลย ท่านผู้ชมว่ากลิ่นมันทะแม่งไหม คุณยุทธนา แพรดำ คุณทำไปเพื่ออะไร คุณได้รับใบสั่งใครมาหรือเปล่า แล้วงานดีเอสไอของคุณว่างนักหรือ หุ้น STARK ไง ที่อยู่กับคุณ คุณไม่ไปเร่งล่ะ หุ้น MORE ที่นายกรัฐมนตรีเคยพูด ทำไมคุณไม่เร่งทำล่ะ คุณดันทะลึ่งจะไปเอาคดีที่ ปอศ. ทำเรื่องสตอกลมของกลุ่มพวกนี้ ที่คุณเคยรับใช้กันมาแล้วครั้งหนึ่ง เอามา ย้ายจาก ปอศ. คุณยุทธนา เขากำลังจะส่งฟ้องอยู่แล้ว มันแปลว่าอะไร ท่านผู้ชมครับ


แล้วคุณทวี สอดส่อง คุณไม่รู้เชียวหรือ คุณยุทธนา ทำไปโดยคำสั่งของคุณหรือเปล่า คุณทวี ช่วยตอบผมหน่อยได้ไหม เพราะคุณคือเจ้านายเก่าของคุณยุทธนา แล้วคุณก็ตั้งคุณยุทธนา รักษาการอธิบดีดีเอสไอ กลิ่นมันทะแม่งๆ มันโชยออกมา ให้คนที่อยู่ในวงการนี้ดู เขาก็รู้ว่างานนี้มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง ต้องการจะช่วยผู้ต้องหาที่ ปอศ. สรุปสำนวนแล้ว และกำลังจะเรียบเรียงให้เรียบร้อยเพื่อจะได้สั่งฟ้องส่งไปที่อัยการ

คุณทวี สอดส่อง ครับ คุณเคยเป็นอธิบดีดีเอสไอมา คุณทำอะไรให้โปร่งใสหน่อยได้ไหม เพื่อความบริสุทธิ์ใจของคุณ คุณก็เคยอยู่กองปราบมาก่อนไม่ใช่หรือ กองบัญชาการสอบสวนกลาง คุณก็รู้ใช่ไหมว่า พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช เขาเป็นคนที่ไม่ยอมใคร ผลประโยชน์เขาไม่มี คงจะมีคนติดต่อไปทางกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางแล้วในเรื่องคดีนี้ แต่ไม่สำเร็จ ก็เลยใช้แก้เกมใหม่ คุณยุทธนา แพรดำ คุณสบายดีหรือ ภาษาจีนเขาเรียกว่า เจี๊ยะป้าบ่อสื่อ กินข้าวอิ่มแล้วไม่มีอะไรทำใช่ไหม คุณหันไปดูตัวคุณเองหน่อย แล้วทำไมคุณทวี สอดส่อง ไม่เร่งตั้งอธิบดีล่ะครับ ก็ในเมื่อท่านปลัดกระทรวงท่านบอกมาแล้วไงว่า ถ้ายังไม่ได้เป็นผู้ตรวจราชการก่อนจะลงเป็นอธิบดีได้ ก็เอาพวกผู้ตรวจราชการหลายคนที่เขาพร้อมจะเป็นอธิบดี การที่คุณไม่ตั้งอธิบดีโดยด่วน แล้วคุรเอาลูกน้องเก่าของคุณมารักษาการรองอธิบดีนั้น คุณทำเรื่องของตัวคุณเองให้เป็นที่น่าสงสัยต่อประชาชนที่กำลังติดตามเรื่องนี้อยู่


คุณยุทธนา แพรดำ ครับ ผมไม่ได้มีอะไรกับคุณ แต่คุณทำอะไรพิลึกกึกกือ การดึงเรื่องไปดีเอสไอตอนนี้เท่ากับต้องนับหนึ่งใหม่ ประโยชน์ GGC ผู้ถือหุ้นรายย่อยเขากำลังรอฟังผลงานนี้ ก่อนหน้านี้ถ้ายังจำกันได้ ขบวนการกลุ่มนี้ ในเรื่องการจัดซื้อน้ำมัน B100 โดยโออาร์นั้น เคยมีกรณีดีเอสไอ ใครเสียอีกล่ะ ก็ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ ไง เดินทางไปพบนายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด อ้างแบบไร้เดียงสามาก เด็กอมมือก็รู้ว่านี่คือเกมที่ใช้ อ้างว่ามีผู้ถือหุ้นมากล่าวโทษต่อดีเอสไอ เพื่อให้ตรวจสอบขบวนการสมยอมราคาน้ำมันปาล์มขายน้ำมัน OR ส่อฮั้วประมูล เพื่อบิดเบือนข้อเท็จจริง เพราะว่าฮั้วมันแตกไปแล้ว ทั้งขบวนการ หน้าแหกไปหมด เพราะคณะกรรมการตรวจสอบทั้ง 3 บริษัทจดทะเบียนก็คือ ปตท., PTTGC และ GGC ได้ตรวจสอบแล้วเห็นว่าข้อร้องเรียนไม่มีมูลแต่อย่างใด


ทีนี้มาล่ะ คราวนี้ คุณหน้าแตกไปครั้งหนึ่งแล้วนะ คุณยุทธนา แพรดำ วันนี้คุณมาเกมใหม่ แต่เป็นเกมที่โง่ๆ ใครๆ ก็ดูออก คุณเอาเหตุผลอะไรมาอ้างว่าจะขอโอนคดีสตอกลมมาทำ โดยเริ่มจาก 0 ใหม่ หรือคุณดูสำนวนสอบสวนแล้วคุณมีทางที่จะไปแก้ไขช่วยพวกเขาหรือเปล่า ผมไม่ทราบว่าคุณกำลังจะช่วยเขาหรือเปล่า แต่พฤติกรรมของคุณเป็นเรื่องที่น่าสงสัย และพฤติกรรมของ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ก็เป็นเรื่องที่น่าสงสัยเช่นกัน ว่าคุณปล่อยให้ลูกน้องคุณทำอย่างนี้ได้อย่างไร นี่คือคดีทุจริต ปตท. เป็นรัฐวิสาหกิจ คดโกงรัฐวิสาหกิจ แล้วคุณจะไปฟอกขาวเขาได้อย่างไร ผมอยากให้คุณทวี สอดส่อง ลงมาตรวจสอบหน่อย เพราะผมเชื่อว่าระดับคุณยุทธนา ไม่กล้าทำอย่างนี้หรอก ตงรนี้ล่ะที่จะทำให้คนสงสัยว่าคุณทวี หรือที่ปรึกษาของคุณบางคน มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยหรือเปล่า


ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานครับ คุณพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ท่านไม่รู้สึกบ้างเลยหรือ ท่านดูแล ปตท. อยู่ไม่ใช่หรือ ปตท. โดนโกง นั่นเป็นรัฐวิสาหกิจของประเทศไทยโดนโกง ท่านเป็นอดีตผู้พิพากษา ท่านต้องรู้ว่าเรื่องมันสาหัสสากรรจ์ขนาดไหน แล้ว ปตท. คนที่ตั้งใจทำงาน เขาดำเนินคดีหนักเลย ปอศ. ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ก็ทำเต็มที่ ฟ้องร้องไปแล้วหลายคดี ผลออกมาศาลพิพากษาไปหลายคดีแล้ว เหลืออีกคดีหนึ่งก็คือคดีสตอกลม แล้วทำจนกระทั่งจะส่งอัยการแล้ว จู่ๆ รักษาการอธิบดีดีเอสไอ นายยุทธนา แพรดำ กำลังวิ่งเต้นเพื่อขอดึงเรื่องจาก ปอศ. ไปอยู่ที่ดีเอสไอ เริ่มจาก 0 ท่านพีระพันธุ์ ท่านไม่เอะใจบ้างเลยหรือว่ามันเกิดอะไรขึ้น ไหนท่านรับปากว่าท่านจะทำให้ ปตท.โปร่งใส ท่านต้องออกมาปกป้อง ท่านต้องคุยกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ว่าท่านทำอย่างนี้ได้อย่างไร แล้วท่านนายกรัฐมนตรี ข้อเท็จจริง ดีเอสไอนั้นอยู่ภายใต้บังคับบัญชาโดยตรงของนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมปฏิบัติหน้าที่แทน แล้วคุณเศรษฐา ทวีสิน คุณเน้นไม่ใช่หรือว่าเรื่องการโกง การคอร์รัปชัน คุณไม่เอา นี่ก็คือทิศทางความเป็นไปได้ของการจะช่วยเหลือพวกพ้อง ท่านนั่งอยู่เฉยๆ ได้อย่างไร ท่านนายกรัฐมนตรี และท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ท่านมีความสุขดีหรือ ว่าท่านทำเท่อยู่ทุกวันนี้ ท่านมีความสุขกับความเท่ของท่านใช่ไหม แต่เรื่องนี้ทำไมท่านไม่ลงไปล่ะ


แล้วสุดท้ายนี้ ถึง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ผมจะเล่าเรื่องเก่าๆ บางเรื่องให้ท่านฟัง ท่านคงจำได้มั้ง ท่านคงจำได้ว่าผมเคยถูกลอบยิงเมื่อ 14 ปีที่แล้ว หลังเทศกาลสงกรานต์ 2552 ด้วยอาวุธปืนสงคราม 200 นัด ผมได้รับบาดเจ็บสาหัส กระสุนเข้าที่สมอง แล้วนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ตั้ง พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ ขึ้นมาเป็นผู้สอบสวน เพราะผมขอร้องไป เพราะผมขอร้องไป เพราะผมรู้จักธานี สมบูรณ์ทรัพย์ เป็นศิษย์นักเรียนรุ่นน้องผมที่อัสสัมชัญศรีราชา เป็นคนซื่อตรงยิ่งกว่าไม้บรรทัด ไม่มีใครซื้อได้ พล.ต.อ.ธานี ก็ระดมพลพรรคมือสืบสวนชั้นเด็ดของประเทศไทยในยุคนั้น อัศวิน ขวัญเมือง ก็ไปเป็นมือทำงาน มือสอบสวนสืบสวนที่เก่งมาก ปรากฏว่าทำมาแล้ว ได้ข้อมูลมาแล้ว ออกหมายจับคนหลายคน คนหนึ่งชื่อ ส.ต.ท.วรวุฒิ มุ่งสันติ อีกคนคือ จ.ส.อ.ปัญญา ศรีเหรา อดีตทหารหน่วยรบพิเศษ ศูนย์สงครามพิเศษ ซึ่งเวรกรรมตามทัน เสียชีวิตไปแล้วด้วยโรคมะเร็ง


แต่ ส.ต.ท.วรวุฒิ มุ่งสันติ หรืออีกชื่อหนึ่งคือ อรรถพล ปาทาน เป็นเจ้าหน้าที่ศูนย์ข่าวกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) แต่ว่าได้เข้ามาช่วยงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพราะว่านายวรวุฒิ มีความเชี่ยวชาญในการดักฟังโทรศัพท์ แล้วเผอิญทะลึ่งอยู่ในดีเอสไอ ในยุคที่คุณทวี สอดส่อง เป็นอธิบดีดีเอสไอด้วย นี่ผมไม่ได้พูดว่าคุณทวี เกี่ยวข้องกับขบวนการยิงผมนะ แต่ผมกำลังเล่าให้ฟัง ให้รู้หน่อย เรื่องพวกนี้ผมไม่เคยลืมหรอกคุณทวี ให้ตายสิ ผมไม่มีวันลืม คุณทวี และผมคิดว่าคุณอาจจะไม่เกี่ยวข้อง แต่ที่สำคัญ มันมีเส้นโยงใยว่าเขามาทำงานกับคุณ อยู่ดีเอสไอ แล้วในหลักการแล้ว ผมนี่อยู่ในวงการราชการมานาน จากกองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด จะเข้าดีเอสไอได้ ต้องขอกันมา และอธิบดีดีเอสไอต้องเห็นด้วย ก็แสดงว่า ส.ต.ท.วรวุฒิ ที่มาอยู่กับคุณตอนนั้น และถูกหมายจับข้อหาร่วมกันยิงผมนั้น น่าจะได้รับการขอร้องให้ย้ายมาช่วยราชการโดยตัวคุณ เพราะคุณเป็นอธิบดีในยุคนั้น ผมแค่เล่าให้ฟังเฉยๆ ไม่ได้กล่าวหาอะไรคุณ คุณยุทธนา แพรดำ คุณก็รับทราบไว้ด้วย นั่นล่ะครับ ผมอยากจะเล่าให้ฟัง ท่านผู้ชมครับ

ท่านนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน ครับ ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานครับ คุณพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค และท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมครับ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ยังมีเรื่องอีกเยอะที่กระทรวงยุติธรรม ผมยังไม่อยากจะพูด คุณทวี ท่านเศรษฐาครับ ถ้าคุณจำเป็นต้องปรับ ครม. สักครั้ง ฝากให้ดูด้วยก็แล้นกันนะครับ ใครทำงานไม่โปร่งใสก็น่าที่จะปลดไปเลย พรรคไหนใช้ไม่ได้ ก็เปลี่ยนพรรคซะ เท่านั้นเองล่ะครับ อยากจะช่วยพวกสตอกลม ก็ช่วยไป ไม่เป็นไร ผมแค่เอาความจริงที่มีหนึ่งเดียวมาเล่าให้ทุกคนฟัง รวมทั้ง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ด้วย

คำสอนและความเชื่อตะวันออกที่ฝรั่งต้อง "อึ้ง-ทึ่ง"

ท่านผู้ชมครับ เรื่องที่ผมจะพูดวันนี้ เป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะออกไปในเรื่องของแนวปรัชญา แต่ถ้าท่านผู้ชมตั้งใจฟังดีๆ แล้วคิดตามผมมา ผมเชื่อว่าท่านผู้ชมคงจะเห็นด้วยกับผม

เคยมีคนตั้งคำถามถามตลอดเวลาเลยว่า ทำไมโลกตะวันตก หรือพวกฝรั่ง ถึงไม่เข้าใจประเทศจีน ตลอดเวลา จริงๆ แล้วมันมีเบื้องหน้าเบื้องหลัง มันมีเรื่องที่เกี่ยวกับตำนานของแต่ละชาติ แต่ละชนชาติ ที่มันมีอยู่ดั้งเดิมมานมนานแล้ว เป็นพันๆ ปี แล้วมันถ่ายทอดลงมาเรื่อยๆ ถึงหลายๆ รุ่น มาจนถึงปัจจุบันนี้

การถูกปลูกฝังในเรื่องตำนานต่างๆ เหล่านี้มันมีส่วนช่วยทำให้บางประเทศคิดไปแบบนั้น หรือประเทศที่มีตำนานคล้ายๆ กัน ก็จะคิดไปในทิศทางเดียวกัน ประเทศจีน หรือประเทศตะวันตก ก็มีเช่นกัน เอาตัวอย่างผมก็แล้วกันครับท่านผู้ชม


ผมเป็นคนที่ได้รับการศึกษาจากโลกตะวันตกมามาก ผมจบโรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา คุณพ่อก็ให้ไปเรียนต่อที่ไต้หวัน ที่มหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของไต้หวัน ที่เรียกว่า National Taiwan University หรือ ไถต้า เพื่อเรียกรู้รากเหง้าของตัวเอง และสัมผัสรากเหง้าตัวเอง รู้ภาษาจีน ผมอยู่ไต้หวันแค่ปีเดียว ผมก็ไปต่อที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ประวัติศาสตร์ ที่ UCLA มหาวิทยาลัยระดับ Top 10 เรียนต่อปริญญาโทสาขาเดียวกัน ที่มหาวิทยาลัยรัฐยูทาห์ ได้ทุนไป ทำงานเป็นผู้สื่อข่าวที่สหรัฐฯ อยู่อเมริกาประมาณ 10 ปี กลับมาที่เมืองไทย มาทำงานด้านสื่อสารมวลชน สมัยที่ผมยังหนุ่มๆ อยู่ ผมขยายธุรกิจไปหลายประเทศ มีบริษัทที่ฮ่องกง อังกฤษ อเมริกา และอีกหลายประเทศ

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ผมจะถูกบ่มเพาะด้วยระบบการศึกษาตะวันตก แต่สิ่งหนึ่งที่ผมไม่เคยลืมเลย คือ รากเหง้าและปรัชญาของตะวันออก โดยเฉพาะปรัชญาจีน ที่ผมว่าเป็นหนึ่งในปรัชญาและแนวคิดที่สำคัญที่สุดในโลกตะวันออก

ที่สำคัญ ปรัชญาจีนที่สั่งสมมาหลายพันปีนี้ สามารถจะอธิบายความเป็นมา ความเป็นไป อธิบายอดีตที่ผ่านมา ปัจจุบันที่เราเผชิญอยู่ และความเป็นไปในอนาคตที่เราต้องเผชิญอีกด้วย อย่างที่ผมพูดเสมอว่า เมื่อพิจารณาปัจจัยสิ่งแวดล้อมหลายๆ อย่างแล้ว เรากำลังอยู่ในยุคโลกที่เปลี่ยนขั้วครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบหลายร้อยปีเลย


ขออนุญาตท่านผู้ชม อ้างอิงประวัติศาสตร์นิดหนึ่ง นานมาแล้ว ครั้งหนึ่ง ขงจื๊อ ปราชญ์ชาวจีนโบราณ มีชีวิตอยู่ในประเทศจีน เกิดก่อนพุทธศักราช 8 ปี เสียชีวิตในพุทธศักราชที่ 64 ขงจื๊อ เคยพูดกับลูกศิษย์ ว่า "หากข้ามทะเลไม่ครั่นคร้ามมังกร นั่นคือความกล้าหาญของชาวประมง หากบุกบั่นข้ามแผ่นดินโดยไม่หวาดกลัวพยัคฆ์ นี่คือความกล้าหาญของนายพราน การมองดาบคมวาววับปะทะกันต่อหน้าต่อตา และมองความตายเฉกเช่นเดียวกับชีวิต นั่นคือความกล้าหาญของวีรบุรุษ ที่เข้าใจว่าความทุกข์ยากเป็นเรื่องของชะตา ความสำเร็จเป็นเรื่องกาลเวลา และการเผชิญหน้ากับความยากลำบาก ไม่หวาดหวั่นสะทกสะท้าน นี่คือความกล้าหาญของปราชญ์"

ปรัชญาลึกล้ำของจีนที่เรียกตัวเองว่า "จงกั๋ว" จง คือ กลาง กั๋ว คือ รัฐหรือประเทศ หรือแปลง่ายๆ ว่า คือประเทศที่เป็นศูนย์กลางอารยธรรมรุ่งเรืองเก่าแก่นับพันปีที่ทรงอิทธิพล เป็นภูมิปัญญาที่มีรากเหง้าที่เก่าแก่มาก เป็นรากฐานในการหลอมรวมและดูดซับองค์ประกอบอื่นๆ ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างอารยธรรมจีน ยังก่อให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจของโลก และสิ่งมหัศจรรย์ตั้งแต่โบราณกาล เช่น การสร้างกำแพงเมืองจีน รวมทั้ง 4 ยอดสิ่งประดิษฐ์ในยุคโบราณของจีน อะไรบ้างล่ะ ? เข็มทิศ ดินปืน กระดาษ และการพิมพ์




จนถึงปัจจุบัน จีนสร้างนวัตกรรม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมเปลี่ยนโลก สร้างทางรถไฟทะลุเทือกเขาหิมาลัย สร้างสถานีเรือดำน้ำที่ลึกที่สุด สร้างสถานีอวกาศเทียนกง ที่กำลังจะถูกต่อยอดไปยังสถานีอวกาศบนดาวงจันทร์และดาวอังคาร จนถึงไมโครชิปที่ถูกบรรจุในสมาร์ทโฟน Huawei Mate 60 Pro ที่ผมเคยเล่าให้ฟังแล้วว่า สิ่งประดิษฐ์เหล่านี้ชี้ให้เห็นถึงจิตวิญญาณและปรัชญาชาวจีนที่ตกทอดมานับพันๆ ปี เกี่ยวข้องกัน ท่านผู้ชมตามผมมา


ปรัชญาจีนที่ชาวตะวันตกส่วนใหญ่มิอาจเข้าใจได้ และไม่มีวันจะเข้าใจ ฝรั่งชอบเปรียบเทียบปรัชญาความเชื่อมั่นระหว่างตะวันตก กับตะวันออก อย่างนี้ครับ น่าสนใจมาก

ในเทพนิยายของกรีก เปรียบเทียบเทพนิยายของกรีกเป็นต้นลำธารของอารยธรรมตะวันตก มีเทพเจ้าซุส ประทานไฟ


แต่โดนโพรมีธีอุสขโมยไฟไปเพื่อนำแสงสว่างและความอบอุ่นกลับคืนสู่มนุษยชาติ การกระทำอันอุกอาจของโพรมีธีอุสทำให้เทพเจ้าซุสพิโรธหนัก ลงโทษล่ามโซ่ตรวนโพรมีธีอุสไว้กับก้อนหิน ทุกวันจะมีนกอินทรีบินมาจิกกินตับเขา แต่ทุกวันตับเขาจะงอกขึ้นมาใหม่ วนอย่างนี้ไปเรื่อยๆ แต่โชคดีที่มีเฮอร์คิวลิสช่วยฆ่านกอินทรี และปลดปล่อยโพรมีธีอุสให้หลุดพ้นจากความทุกข์ทรมาน


เอาล่ะ นั่นคือกรีก เรามาดูทางจีนบ้าง ตำนานปรัมปราของจีนมีความเชื่อยุคแรกของจีน ถือว่าเทพเจ้าแห่งไฟ ซึ่งเรียกภาษาจีนว่า จู้หรง สถิตอยู่เทือกเขาคุนหลุน หรือที่เราเรียกว่า เทือกเขาคุนลุ้น ทางทิศตะวันตก และได้สั่งสอนคนจีนให้พึ่งพาตัวเอง ให้รู้จักการจุดไฟที่เกิดจากการเสียดสีด้วยหิน และเจาะไม้เพื่อก่อกองไฟ


ขณะที่มีเรื่องตำนานเล่าเกี่ยวกับน้ำท่วมโลกในคัมภีร์ไบเบิลของชาวตะวันตก พูดถึงวิธีใช้เรือโนอาห์ที่พระเจ้าทรงบัญชาให้โนอาห์และครอบครัวของเขาซึ่งเป็นผู้มีศีลธรรมสร้างเรือใหญ่ บรรทุกสิงสาราสัตว์ทุกชนิด เพื่อรักษาเผ่าพันธุ์ทุกชีวิตรอดจากอุทกภัยครั้งใหญ่ที่พระเจ้าบันดาลให้เกิดน้ำท่วม กวาดล้างเหล่ามนุษย์ที่ปราศจากความยำเกรงในพระเจ้า


แต่ในตำนานจีน เรื่องเดียวกัน บรรพบุรุษจีนร่วมกันต่อสู้กับน้ำท่วมโดยปฏิบัติด้วยตัวเอง ก็คือ คนที่ชื่อต้าอวี่ คือวีรบุรุษคนแรกที่สามารถจัดการอุทกภัยจากแม่น้ำฮวงเหอ แม่น้ำวิปโยค ถือเป็นวีรกรรมในประวัติศาสตร์จีนที่จับต้องได้ในยุคสมัยเมื่อสี่พันกว่าปีในยุคแผ่นดินจีนโบราณ


ประวัติศาสตร์จีนเขียนไว้ว่า "เมื่อครั้งเกิดเหตุการณ์วิปโยคบนแม่น้ำฮวงโห อุทกภัยครั้งใหญ่ พระเจ้าเหยา เรียกประชุมหัวหน้าชนเผ่าเพื่อหาผู้นำที่จะเป็นคนแก้ปัญหาน้ำท่วม ผู้นำ 4 เผ่าเสนอชื่อ กุ่น ใช้เวลา 9 ปี สร้างเขื่อนกั้นน้ำ แต่ไม่สำเร็จ ในที่สุด กุ่น ก็เลยถูกประหารตามกฎชนเผ่า


ต่อมาก็ได้มีการมอบหมายภารกิจแก้ปัญหาน้ำท่วมใหญ่ให้แก่ อวี่ ลูกชายของกุ่น ที่เพิ่งแต่งงานได้ 4 วัน เขาได้ตัดสินใจเปลี่ยนวิธีที่ใช้ จากวิธีสร้างเขื่อนกั้นน้ำ เปลี่ยนเป็นใช้วิธีขุดลอกคูคลองเพื่อชักน้ำท่วมลงแม่น้ำแยงซีเกียง แม่น้ำฮวงโห และแม่น้ำเหลือง เพื่อดึงกระแสน้ำให้ไหลลงสู่ทะเล เขาใช้เวลาแก้ปัญหาอุทกภัยจากแม่น้ำวิปโยคสายนี้ถึง 13 ปี ทั้งลงมือขนหิน ขุดดินตลอดระยะเวลา 10 ปี จนมือแข็งกระด้าง ยืนแช่น้ำยาวนานจนเล็บหลุด เนื้อตัวสกปรกมอมแมม ไม่เคยเข้าไปเยี่ยมเยียนบ้านซึ่งเป็นทางผ่านประจำเลย


อวี่ เป็นผู้นำการขุดคลองใหญ่มากมาย เจาะภูเขา ขุดลอกทางเดินของแม่น้ำฮวงเหอ สามารถบริหารจัดการปัญหาอุทกภัยได้ในที่สุด ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำให้ อวี่ ได้รับคำชื่นชมยกย่องที่ทำงานยิ่งใหญ่ได้สำเร็จ ชาวจีนเลยยกย่อง "ต้าอวี่" และยกให้เขาเป็นผู้นำชนเผ่าต่อจากพระเจ้าซุ่น

ประเด็นอยู่ตรงไหน ? ประเด็นคือ นี่คือตำนานการต่อสู้ของชาวจีน จะพบว่ามีเรื่องราวเหลือเชื่อในเรื่องราวของปรัมปรา มันบ่งชี้ว่าอะไร ? ถ้าท่านผู้ชมทิ้งโครงสร้างเรื่องเปลือกไป ค้นหาแก่นแท้ของวัฒนธรรมชาวจีน จะมีเพียง 2 คำเท่านั้น คือ "ต้องสู้" เป็นแก่นแท้ของจิตวิญญาณชาวจีน ปรัชญาจีนนี้ตรงกันข้ามกับตำนานเทพเจ้าและความเชื่อทางตะวันตก ก่อนยุคฟื้นฟูศิลปะวิทยาการ ซึ่งภาษาอังกฤษเรียกว่า ยุคเรอเนซองส์ (Renaissance) ในช่วงศตวรรษที่ 14-16 และยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม ซึ่งสอนให้คนเชื่อและฟังในพระเจ้าที่ทดสอบจิตใจมนุษย์ สนับสนุนความคิดที่เหมือนกันและปฏิบัติตามๆ กัน


นอกจากนี้แล้ว นักวิชาการตะวันตกก็ตกตะลึง เมื่อเจอคติธรรมจากปรัชญาจีนที่เก่าแก่ว่า "ถ้ามีภูเขาอยู่ข้างหน้า พวกเขาชาวจีนจะย้ายมันออกไป" อย่างเช่นนิยายจีนเรื่องหนึ่งที่ปรากฏในคัมภีร์เลี่ยจื่อ เรื่อง "ลุงโง่ย้ายภูเขา" ภาษาจีนเรียกว่า หยูกงอี๋ซาน เรื่องราวมีว่า ภูเขา 2 ลูก คือ ไท่หังซาน และ หวังหวูซาน กว้างใหญ่ถึง 700 ตารางลี้ ค้ำตระหง่านอยู่หน้าบ้านของลุงโง่พอดี หมู่บ้านลุงโง่มีคนอยู่ 30 คน ทุกครั้งที่ออกจากบ้านต้องเดินอ้อมภูเขาลูกนั้นไป เป็นหนทางที่ลำบากและเสียเวลามาก

ลุงโง่ หรือ หยูกง ที่อายุเกือบ 90 ปี จึงตัดสินใจว่าจะใช้บั้นปลายของชีวิต ขอทำสิ่งที่มีความหมายสักเรื่องหนึ่ง คือย้ายภูเขาลูกนั้นไปไว้ที่อื่น แล้วลุงโง่ก็นำทุกคนในบ้าน ทั้งผู้หญิง ทั้งเด็ก เริ่มงานการย้ายภูเขา ค่อยๆ ขุดย้ายหินบนภูเขา ขนไปวางในที่ห่างไกลต่อไป แต่ภูเขาลูกนั้นสูงใหญ่เกินไป กำลังพวกเขามีจำกัด การงานก็เลยคืบหน้าไปอย่างเชื่องช้า


ด้วยเหตุนี้ทำให้ "จือโซ่ว" หมายถึงผู้ชาญฉลาด คนข้างบ้านลุงโง่ รู้สึกว่าการกระทำของลุงโง่ช่างเหลวไหล ไร้สาระโดยสิ้นเชิง เขาพูดกับลุงโง่ว่า ทำไมท่านถึงโง่บัดซบเช่นนี้ ต่อไปท่านเองจะเหลือเรี่ยวแรงน้อย สามารถตัดเขาทั้งลูกได้อย่างไร ใช้เวลาชั่วชีวิตก็ไม่สามารถย้ายภูเขาลูกนี้ไปได้ ลุงโง่ตอบกลับไปว่า เรื่องราวกลับไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่คิด ถ้าชั่วชีวิตฉันไม่สามารถย้ายภูเขาลูกนี้ได้สำเร็จ หลังจากฉันตายไปยังมีลูกหลานฉันอีก เมื่อลูกหลานของฉันตาย ยังมีลูกหลานเหลนของลูกหลานฉันอีก ภูเขาลูกนี้มันงอกไม่ได้อีกแล้ว แต่ลูกหลานข้ามีแต่จะแตกหน่อออกไปอีกมากมายเรื่อยๆ ลูกหลานข้าทำไม่สำเร็จ ลูกหลานเหลนของลูกหลานข้าก็คงทำสำเร็จ ขอเพียงพวกเราเพียรพยายาม ไม่เลิกละกลางคัน จะเร็วจะช้าต้องสามารถย้ายภูเขาลูกนี้ได้


ตอนจบเรื่องนี้ เทพยดาได้ยินเช่นนี้ รู้สึกซาบซึ้งในความเพียรอุตสาหะอดทน ไม่ย่อท้อ ของหยูกง จึงบันดาลย้ายภูเขาสองลูกนี้ไปทางทิศใต้ของเหมืองหยงโจว นับตั้งแต่นั้นชาวบ้านก็เดินทางได้สะดวกขึ้น

(รูป) รูปแกะสลักไม้ลุงโง่หยูกง ย้ายภูเขา ที่ติดเอาไว้ในบ้านพระอาทิตย์


ดร.ซุน ยัตเซ็น นักปฏิวัติและประธานาธิบดีของจีน ได้เคยกล่าววรรคทองสำคัญในคติธรรมจีนในเรื่องนี้ ว่า "ถ้าเราเชื่อมั่นว่าทำได้ ต่อให้ต้องย้ายภูเขา ถมทะเล ในที่สุดก็สำเร็จจนได้ แต่ถ้าใจเราคิดว่าทำไม่ได้ แม้จะง่ายเพียงพลิกฝ่ามือ ก็ไม่มีวันที่จะประสบผลสำเร็จ"


ขณะที่ประธานเหมา เจ๋อตุง ได้นำนิทานอุปมาเรื่องลุงโง่ย้ายภูเขามากล่าวในที่ประชุมสมัชชาพรรคฯ ทั่วประเทศ ครั้งที่ 7 เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2488 ประมาณ 80 ปีที่แล้ว ประธานเหมา พูดว่า "ทุกวันนี้มีภูเขาใหญ่ 2 ลูก ทับหัวประชาชนอยู่ (หมายถึงฝ่ายก๊กมินตั๋ง คือ เจียงไคเช็ก และจักรวรรดินิยม คือ อเมริกา) พรรคคอมมิวนิสต์ตัดสินใจมานานแล้วที่จะขุดภูเขาสองลูกนี้ทิ้งเสีย เราจำเป็นต้องยืนหยัดต่อไป จะต้องทำงานต่อไปไม่หยุดยั้ง และเราก็สามารถทำให้เทพยดาสะเทือนใจได้เหมือนกัน เทพยดาที่พูดนี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่คือพลังมหาชนทั่วทั้งประเทศ เมื่อมวลชนทั่วประเทศพร้อมใจกันลุกขึ้นขุดภูเขาสองลูกนี้ด้วยกันกับเราแล้ว ยังมีอะไรเล่าที่ขุดให้ราบไม่ได้"


ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ชมจำได้หรือเปล่า ท่านผู้ชมที่เป็น FC ผม ตอนที่ผมลุกขึ้นมาต่อสู้การทุจริตคอร์รัปชันของรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร นั้น มีคนถามผมว่า คุณสนธิ จะมีคนเข้ามาร่วมกี่คน ? ผมตอบว่า จะกี่คนก็ตาม แม้กระทั่งหนึ่งคน ผมก็จะออกไปบนถนนและต่อสู้ เพราะผมมีความเชื่อมั่นว่าสิ่งที่ผมทำนั้นถูกต้อง นั่นคือธรรม ผมใช้ธรรมนำหน้า เหมือนผมทำรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" พรรคพวกก็บอกว่า คุณสนธิ ตอนนี้ทั้งเฟซบุ๊กและแพลตฟอร์มต่างๆ ปิดกั้นเรามาก ผมบอก รับทราบแล้ว แต่เราอย่าไปท้อ เราต้องหาทางออก และเรากำลังหาทางออกอยู่ คิดว่าอีกไม่นานเราจะมีทางออกให้ท่านผู้ชม แต่ประเด็นสำคัญที่ผมพูดกับพรรคพวกผม น้องๆ นุ่งๆ ผมบอกว่า ถ้าเราให้ปัญญาคน และปัญญาที่เราให้นั้นคือความจริงที่มีหนึ่งเดียว คือเป็นธรรม เราไม่ต้องสนใจหรอกว่าใครจะเข้ามาดูกี่คน เพราะในที่สุดธรรมก็จะปรากฏตัวขึ้นมาในที่สุด จะชนะอธรรม อวิชชาทั้งหลาย แต่เราต้องอดทน ถ้าเรามั่นใจว่าสิ่งที่เราทำนั้นถูกต้อง เราต้องสู้ นี่โดยบังเอิญ อาจจะเป็นเพราะว่าจิตใจผมเป็นนักสู้แบบนี้มานานแล้ว ผมไม่ยอมแพ้ ไม่ยอมท้อถอย

ในขณะเดียวกัน คนก็ถามว่า คุณสนธิ ต้องการนิรโทษกรรมไหม ผมบอกว่า มาก็มา ไม่มาก็ไม่เป็นไร ผมพร้อมจะเผชิญกับชะตากรรม ไม่ว่าจะมันมาในรูปแบบไหน ผมไม่กลัวมันเลยแม้แต่นิดเดียว ผมก็คือลุงโง่ย้ายภูเขาอีกคนหนึ่ง เพราะสิ่งที่ผมสู้นั้นเป็นความถูกต้อง เป็นธรรม เพราะผมเชื่อว่าในที่สุดแล้ว ธรรมต้องชนะอธรรม และชนะอวิชชาในที่สุด แต่ต้องใช้เวลา และในที่สุดประชาชนที่ติดตามผมก็จะเริ่มเข้าใจในธรรมที่ผมเสนอ รายการของผมทุกรายการ มันคือความจริงที่มีหนึ่งเดียว ที่ไม่มีรายการอื่น ในรายการอื่นกล้าพูดหรือกล้าแสดงออก หรือกล้าแสดงธรรมอย่างตรงไปตรงมา


ท่านผู้ชมครับ นอกจากนิยายปรัมปราของแต่ละประเทศ ยังมีการเล่าขานตำนานแห่งพระอาทิตย์ ตั้งแต่ยุคชนเผ่าเชื่อในพลังเทพเจ้าพระอาทิตย์ที่มีอำนาจเหนือเด็ดขาด ที่มนุษย์ต้องบูชา มีเฉพาะจีนอย่างเดียวที่เป็นตำนานปรัมปราของจีน ที่มนุษย์กล้าที่จะท้าทายเทพอย่างพระอาทิตย์ บุรุษชาวจีนที่กล้าท้าทายนี้ชื่อ โค่วอี้ ที่ยิงพระอาทิตย์ตก เนื่องจากดวงอาทิตย์ 10 ดวง เผาโลกร้อนเกินไป เขาต้องการจะยิงพระอาทิตย์ทั้ง 10 ดวง แม้ว่าสุดท้ายเขาจะตายด้วยความเหนื่อยล้าและไม่ประสบผลสำเร็จ เหลือพระอาทิตย์อยู่ดวงเดียว แต่เป็นเพราะเขากล้าต่อสู้กับสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นพลังงานยิ่งใหญ่ของมนุษย์คนหนึ่งที่เกินต้านทาน

ประเด็น บรรพบุรุษชาวจีนใช้นิทาน ใช้ตำนาน ใช้นิยายปรัมปราพวกนี้เหล่านี้บอกเล่าอบรมให้ลูกหลานฟัง ให้คติธรรมสอนใจทั้งทางตรงและทางอ้อมว่า "แม้จะพ่ายแพ้แต่ต้องไม่ยอมจำนน" ด้วยเหตุนี้ชาวจีนเติบโตมาจากการฟังเทพนิยายเหล่านี้ มีจิตวิญญาณกล้าหาญในการต่อสู้ มันฝังอยู่ในสายเลือดของชาวจีน

ผมอยากจะบอกว่า เรื่องเล่าตำนานของทุกชาติทุกเผ่าพันธุ์ ทุกวัฒนธรรม จึงมีลักษณะเฉพาะของปรัชญาความเชื่อวัฒนธรรมนั้นๆ แต่ผมว่ามีไม่กี่วัฒนธรรมที่มีเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับการต่อสู้ระหว่างสวรรค์และมนุษย์โลกเหมือนวัฒนธรรมชาวจีน ทั้งหมดนี้บ่งชี้ได้ว่าชาวจีนไม่เคยฝากความหวังที่จะมีชีวิตรอดโดยพึ่งพาพระเจ้าหรือสิ่งที่เหนือธรรมชาติประการเดียว แต่ต้องต่อสู้ด้วยความมานะบากบั่นที่เกิดจากปัญญาของตัวเอง ชาวตะวันตกจำนวนมากจึงประมาณว่าชาวจีนนั้นเป็นผู้ที่ขาดศรัทธาต่อสิ่งต่างๆ แต่ความกล้าหาญ อดทน ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค และพร้อมที่จะต่อสู้โดยไม่กลัวการสูญเสีย นี่คือจิตวิญญาณชนชาติจีน และความศรัทธาที่ยิ่งใหญ่ของจีน


ท่านผู้ชมไม่เคยสังเกตหรือครับว่า ผู้นำจีนยุคปัจจุบัน หรือทุกๆ ยุค มีความอดทนกับเรื่องราวต่างๆ ถ้ายังสู้เขาไม่ได้ ยังแพ้ ให้สงบเงียบ เหมือนสมัยที่จีนยังไม่เข้มแข็ง ก็กัดฟันป้องกันตัวเอง แล้วสู้ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งตัวเองเริ่มเข้มแข็งแล้ว มาในยุคของ สี จิ้นผิง จีนก็เลยก้าวผงาดขึ้นมา จีนถูกอเมริกาบล็อก บอยคอต แซงก์ชัน เรื่องเทคโนโลยี จีนฮึดสู้ด้วยตัวเอง คิดค้นทุกอย่างด้วยตัวเองโดยไม่พึ่งต่างชาติ Huawei เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัด อุตสาหกรรมไมโครชิปเป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัด รถยนต์ EV เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัด แสนยานุภาพของจีนตอนนี้ เทคโนโลยีเหนือแสนยานุภาพของอเมริกา ก็เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัด

ท่านผู้ชมครับ ที่ผมสู้มา อาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่ผมถือปรัชญาจีน แต่ส่วนที่สำคัญที่สุด ผมถือในหลักธรรมของพระพุทธเจ้า พ่อแม่ครูอาจารย์ผม หลวงตามหาบัว สอนผมมาตลอด หนึ่ง สนธิ ให้เอาธรรมนำหน้าตลอดชีวิต สนธิ ทุกอย่างในโลกนี้มันคือความว่างเปล่า เพราะฉะนั้นใช้ธรรมนำหน้าไป แล้วมันจะจบลงด้วยความว่างเปล่า ท่านผู้ชมครับ นี่คือข้อคิดที่ผมให้ วันนี้จะฝากให้ท่านผู้ชมคิดเสียบ้างในสิ่งที่ผมพูด

ความต่าง "นักการเมือง" กับ "ผู้นำ"

ท่านผู้ชมครับ รายการวันนี้จะมีเรื่องที่เกี่ยวกับปรัชญาพอสมควร แต่เป็นเรื่องที่เป็นจริง แล้วถ้าท่านผู้ชมตั้งใจฟังดีๆ แล้ว มันก็จะกินใจท่านผู้ชมมาก

ผมเป็นคนที่ชอบดูคลิปวิดีโอสั้นๆ หรือยาวๆ ก็ได้ แต่ผมไม่ได้ดูในเรื่องของความบันเทิง หรือดาราเกาหลี หรือซีรีส์จีน ผมจะชอบฟังความคิดเห็นของคน ไม่ว่าจะเป็นคนอเมริกัน คนอังกฤษ คนเอเชีย หรือแม้กระทั่งคนแอฟริกา


เมื่อเร็วๆ นี้ผมได้มีโอกาสฟังคลิปวิดีโอสั้นชิ้นหนึ่งของ ดร.ไมลส์ มันโร (Dr. Myles Munroe) เป็นชาวบาฮามา มีชื่อเสียงเป็นรัฐมนตรี เป็นนักเขียน เป็นนักพูด ที่สำคัญเขาเป็นคนที่มีตรรกะทางความคิดที่ยอดเยี่ยมมากๆ น่าเสียดายเขาเสียชีวิตในวัยเพียง 60 ปี เมื่อ 9 ปีก่อน เขาอายุอ่อนกว่าผม 7 ปี ภรรยาเขาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกในปี 2557

ดร.มันโร ได้พูดถึงนักการเมืองกับพฤติกรรมผู้นำที่แท้จริง เขาเปรียบเทียบให้ดู ผมเห็นว่าเป็นเรื่องจริงที่สุด และคำพูดของเขาให้แง่คิดกับเราอย่างน่าสนใจมาก ถึงแม้เขาจะเป็นคนบาฮามา ซึ่งเป็นประเทศหมู่เกาะ ตั้งอยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติกก็ตาม ผมจะสรุปให้เป็นหัวข้อนะครับ อยากให้ท่านผู้ชมได้ฟังแล้วคิดตามผมไปด้วย ถ้าเห็นด้วยกับเรื่องนี้ เมื่อผมตัดเป็นคลิปสั้นแล้ว ท่านผู้ชมแชร์ไปให้มากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแชร์ไปให้พวกนักการเมืองทั้งหลายที่ท่านรู้จัก หรือให้คนที่บ้านักการเมืองทั้งหลาย ส่งไปให้ดู ไม่เว้นทุกพรรค ก้าวไกล ภูมิใจไทย เพื่อไทย ประชาธิปัตย์ โน่นนี่นั่น


ดร.มันโร บอกว่า เราต้องการคนดีที่มีความเป็นผู้นำ ซึ่งสำคัญมากกว่าการเมือง อย่าเชื่อโดยเด็ดขาดว่านักการเมืองจะเป็นผู้นำได้ เพราะระบบที่เรามีนั้น คือระบบที่ผลิตนักการเมือง แต่ไม่ได้ผลิตผู้นำจากระบบที่มีอยู่ เราจึงผลิตได้แต่นักการเมืองที่ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับความเป็นผู้นำ ถึงแม้ว่าในวันนี้เขาอาจจะนำชีวิตของพวกเราอยู่ ดังนั้น เราจึงมีนักการเมืองที่ไร้วิสัยทัศน์ของความเป็นผู้นำ เพราะนักการเมืองนั้นจะมีความกังวลเกี่ยวกับการเลือกตั้งครั้งหน้า เขาสนใจอยู่เพียงแค่นั้น เขาเลยต้องปรนเปรอ โอ้อวด สร้างภาพ หาแสงให้ตัวเอง เขาจึงไม่สามารถเป็นผู้นำได้ เพราะผู้ที่เป็นผู้นำนั้น เขาคิดแตกต่างออกไปอย่างชัดเจน ผู้นำจะสนใจเกี่ยวกับอนาคตของคนรุ่นต่อไป ถ้าเขาทำอันนี้ คนรุ่นต่อไปจะมีผลอย่างไรบ้าง

ดร.มันโร บอกว่า อยากให้ผู้คนลองเปรียบเทียบ เมื่อนักการเมืองเดินมาหน้าบ้านเพื่อหาเสียง ลองถามว่าคุณมีวิสัยทัศน์ ความคิดเกี่ยวกับอนาคตของลูกๆ ของผมอย่างไรบ้าง แล้วลองฟังประเด็นที่เขาพูดสัก 20 นาที แน่นอนครับ นักการเมืองก็จะพล่ามแล้วเดินหนีไป เพราะนักการเมืองพวกนี้เขาไม่ได้สนใจลูกหลานของคุณ ความสนใจของนักการเมืองพวกนี้คือการเข้าสู่อำนาจและรักษาตำแหน่ง เพื่อให้ชนะการเลือกตั้งครั้งต่อไปเท่านั้น


เราเห็นชัด บางคนดิ้นรนให้ตาย ต้องการเป็นรัฐมนตรี อาจจะถึงขั้นแยก สส. ที่ตัวเองซื้อไว้ในมือ อย่างเช่น ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า วัตถุประสงค์คือต้องการเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงใหญ่ๆ แต่ไม่ได้สนใจ คือต้องการที่จะมีอำนาจ เพื่อจะเอาอำนาจนั้นไปต่อ เพื่อที่จะได้รับเลือกตั้งใหม่อีกครั้งหนึ่ง หรือหลายคน ขอโทษ ไม่ได้ยกเฉพาะ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า แม้กระทั่งพรรคภูมิใจ อนุทิน ชาญวีรกูล ก็เช่นกัน เป็นได้แค่นักการเมือง เป็นผู้นำไม่ได้ ด้วยเหตุนี้ นักการเมืองจึงไม่สามารถเป็นผู้นำได้




ดร.มันโร กล่าวด้วยว่า ถ้าเรามีโอกาสได้นั่งสนทนากับนักการเมือง น่าจะทดสอบนักการเมืองด้วยสิ่งนี้ เพราะในฐานะพลเมืองของชุมชน พวกเรามีสิทธิ์ และเราเป็นผู้ลงคะแนนเสียง ลองถามเขาในประเด็นสำคัญสัก 2-3 คำถาม ในการอาสามาเป็นนายกฯ หรือเป็นรัฐมนตรี เป็นผู้ว่าฯ ในครั้งนี้ จุดประสงค์ของคุณคืออะไร มีแรงบันดาลใจในการพัฒนาชุมชนอย่างไร นักการเมืองจะทำหน้าสงสัย มึงกำลังพูดถึงเรื่องอะไร เพราะนักการเมืองพวกนี้มีแต่โครงการอยากสร้างถนน อยากสร้างสะพาน ทำโครงการโน้นโครงการนี้ แต่ไม่สามารถจะตอบคำถามเกี่ยวกับแรงบันดาลใจว่าคืออะไร ดร.มันโร จึงต้องตั้งคำถามเพื่อเปรียบเทียบเกี่ยวกับนักการเมืองผู้นำ ได้สรุปประเด็นน่าคิดอยู่ 3 เรื่อง

อันดับแรก นักการเมืองมุ่งเน้นไปที่การทำโครงการต่างๆ เพื่อผลประโยชน์ส่วนต่างของตัวเอง ไม่เว้น ทุกกระทรวงตอนนี้ ไม่ใช่การดำเนินงานตามวิสัยทัศน์ อันดับที่สอง นักการเมืองให้ความสำคัญอันดับแรกคือการรักษาฐานอำนาจ ฐานเสียงในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ไม่ใช่การฟูมฟักคนรุ่นต่อไป อันดับสาม นักการเมืองสาละวนอยู่กับการให้คำมั่นสัญญา ไม่ใช่จุดมุ่งหมาย


ดร.มันโร กล่าวด้วยว่า ในความเป็นจริงแล้ว สิ่งที่ประชาชนต้องการนั้น ไม่ใช่นักการเมือง แต่คือรัฐบุรุษ/รัฐสตรี ที่เป็นผู้นำ ประชาชนไม่ต้องการนักการเมือง แต่ประชาชนต้องการผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ ที่ครุ่นคิดคำนึงถึงอนาคตของคนรุ่นต่อๆ ไป

ท่านผู้ชมครับ ข้อคิดของ ดร.มันโร เป็นเรื่องที่น่าคิดมาก ผมเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งทุกอย่าง ท่านผู้ชมเห็นด้วยไหม ถ้าท่านผู้ชมเห็นด้วย แชร์เรื่องนี้ไปให้เยอะๆ คนที่ท่านรู้จัก แชร์ให้เขาฟัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่อยู่พรรคการเมืองต่างๆ ไม่ว่าแต่ละพรรคที่เสวยอำนาจอยู่ในขณะนี้ หรือที่กำลังกระสันอยากจะมีอำนาจ หรือเข้าไปร่วมในส่วนที่ตัวเองต้องการมีอำนาจ เพื่อผลประโยชน์ในการสร้างโครงการ ในการจัดซื้อจัดจ้างทุกอย่าง แต่พวกนี้ไม่ได้มองเห็นอนาคตของลูกหลานเลยแม้แต่นิดเดียว

ท่านผู้ชมครับ ก็สรุปเอาว่าวันนี้จบเพียงแค่นี้ อาทิตย์หน้าที่ค้างอยู่ก็คือผมจะเอาอาวุธลับของรถไฟฟ้าจีนมาเล่าให้ฟัง นั่นคือแบตเตอรี จีนเป็นเจ้าโลกในเรื่องแบตเตอรีของรถไฟฟ้า ที่ Tesla ก็สู้ไม่ได้ แล้วค่อยพบกันใหม่อาทิตย์หน้า สวัสดีครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น