xs
xsm
sm
md
lg

ห่วง "ฝีดาษลิง" ยังป่วยเพิ่ม เจอตายรายที่ 2 เป็นผู้ป่วยเอชไอวีขาดยา ทำอาการหนัก ติดเชื้อฉวยโอกาสแทรกซ้อน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



กรมควบคุมโรค เผยป่วยฝีดาษวานรยังเพิ่มขึ้น ล่าสุดเจอ 24 ราย ตายอีก 1 ราย รวมผู้ป่วย 559 ราย ตาย 2 ราย แจงผู้ตายล่าสุด เป็นผู้ป่วยเอชไอวีขาดยามา 3 ปี ภูมิคุ้มกันต่ำมาก ติดเชื้อฝีดาษวานร จนมีอาการรุนแรง ติดเชื้อฉวยโอกาสทำปอดอักเสบ จนมีภาวะไตวาย ระบบหายใจล้มเหลว

เมื่อวันที่ 30 ต.ค. นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร รักษาราชการแทนอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า โรคฝีดาษวานรเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง สามารถติดต่อได้ง่ายเพียงแค่สัมผัสบริเวณตุ่ม หนอง หรือสารคัดหลั่งของผู้ติดเชื้อ สถานการณ์โรคฝีดาษวานรในไทย ข้อมูลวันที่ 28 ต.ค. 2566 พบผู้ติดเชื้อรวม 559 ราย เสียชีวิต 2 ราย เป็นผู้ป่วยภูมิคุ้มกันบกพร่อง เป็นชาวไทย 503 ราย ชาวต่างชาติ 52 ราย ไม่ระบุสัญชาติ 4 ราย ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มหลากหลายทางเพศ 474 ราย และรู้ว่าติดเชื้อ HIV 274 ราย คิดเป็นร้อยละ 44.18 กลุ่มอายุที่พบมากที่สุดคือ กลุ่มอายุ 30-39 ปี จำนวน 241 ราย อายุ 20-29 ปี จำนวน 172 ราย ในสัปดาห์นี้พบผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้น 24 ราย ได้แก่ กทม. 9 ราย เชียงใหม่ นนทบุรีจังหวัดละ 3 ราย ภูเก็ต 2 ราย นครปฐม ชลบุรี ปทุมธานี ปราจีนบุรี สระบุรี อุดรธานี และอุบลราชธานีจังหวัดละ 1 ราย

สัปดาห์ที่ผ่านมามีรายงานผู้ป่วยเอชไอวีติดฝีดาษวานรเสียชีวิต 1 ราย เป็นชายไทย อายุ 24 ปี เป็นผู้ติดเชื้อเอชไอวีและขาดยามา 3 ปี ระดับเม็ดเลือดขาว CD4 เท่ากับ 3 เซลล์ต่อมิลลิลิตร เริ่มป่วยตั้งแต่ 25 ส.ค. 2566 และไปรับการรักษาที่ รพ.แห่งหนึ่งด้วยอาการไข้ อ่อนเพลีย มีผื่นใบหน้า หลัง มือ และบริเวณอวัยวะเพศ ต่อมาวันที่ 12 ก.ย. 2566 ได้รับการส่งต่อมาที่สถาบันบำราศบำราศนราดูร เนื่องจากมีอาการรุนแรง คือ ผิวหนังตายบริเวณที่จมูก แผ่นหลัง และนิ้วมือ และมีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนที่ผิวหนัง ในสภาพที่ผู้ป่วยเอชไอวีรายนี้มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง พบการแพร่กระจายของเชื้อฝีดาษวานรไปที่ปอดทำให้เกิดปอดอักเสบ มีโรคติดเชื้อฉวยโอกาสที่เกิดจากเชื้อซีเอ็มวี แม้ผู้ป่วยได้รับการรักษาด้วยยา tecovirimat นาน 28 วัน ร่วมกับยาต้านไวรัสเอชไอวี และยารักษาโรคติดเชื้ออื่นๆ ที่ตรวจพบ แต่ยังมีการตายของเนื้อเยื่อเป็นบริเวณกว้างขึ้น ต่อมามีภาวะไตวายและระบบการหายใจล้มเหลวจนเสียชีวิตในที่สุด

นพ.ธงชัย กล่าวว่า อาการของโรคฝีดาษวานรที่พบบ่อย ได้แก่ มีผื่น มีไข้ ปวดกล้ามเนื้อ ต่อมน้ำเหลืองโต และอาการคัน สำหรับการรักษานั้น หากผู้ป่วยอาการไม่รุนแรง ไม่มีโรคอื่นร่วมด้วย จะรักษาตามอาการ และสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง มีโรคประจำตัวร่วม เช่น ผู้ติดเชื้อเอชไอวี จะให้ยาต้านไวรัส Tecovirimat (TPOXX) โดยเร็ว ซึ่งผลการรักษาส่วนใหญ่จะอาการดีขึ้น แต่มีบางรายยที่ภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องรุนแรงจะเสียชีวิต โดยกระทรวงสาธารณสุขกระจายยาต้านไวรัสดังกล่าวไปไว้ที่ รพ.ในพื้นที่จังหวัดที่พบการระบาด ทั้งนี้ โรคฝีดาษวานร สามารถป้องกันได้ โดยหลีกเลี่ยงการมีพฤติกรรมเสี่ยงที่จะทำให้การติดเชื้อโรคฝีดาษวานร และงดมีเพศสัมพันธ์กับคนแปลกหน้า เพื่อป้องกันเองและลดการแพร่เชื้อไปยังผู้อื่น รวมถึงไม่สัมผัสใกล้ชิดแนบเนื้อกับผู้ที่มีผื่น ตุ่มหรือหนอง แนะนำให้ล้างมือบ่อยๆ ไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น และขอความร่วมมือหน่วยงานสาธารณสุขทุกจังหวัดเฝ้าระวัง และติดตามกลุ่มเสี่ยงพร้อมทั้งสื่อสารให้ความรู้วิธีการป้องกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น