xs
xsm
sm
md
lg

“อุ๊งอิ๊ง”ขยับเข้าทำเนียบฯ เล่นบทนายกฯเงา!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:


เศรษฐา ทวีสิน - แพทองธาร ชินวัตร
เมืองไทย 360 องศา

ถือว่าขยับใกล้เข้ามาเรื่อยๆ สำหรับ “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ที่เวลานี้มีตำแหน่งเป็น “หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย” ที่ถือว่าเป็นตำแหน่ง “พิเศษ” สำหรับคนพิเศษเท่านั้น โดยที่ผ่านมาเธอยังมีรายชื่อในบัญชีนายกรัฐมนตรีของพรรคเป็นอันดับหนึ่งอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าด้วยเหตุผลทางการเมืองบางอย่าง จึงต้องหลีกทางให้ นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตอันดับสอง ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไปก่อน พร้อมกับลดบทบาทไปชั่วระยะหนึ่ง

แต่มาวันนี้ ได้เห็นความเคลื่อนไหวที่ชัดเจนมากขึ้นว่า ทุกอย่างเริ่มมีความพร้อม โดยเฉพาะบทบาทในทำเนียบรัฐบาล เริ่มจากการเป็น รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ โดยคณะกรรมการชุดนี้ถือว่าเป็นชุดใหญ่ ที่มี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน และที่ผ่านมาก็มีการประชุมนัดแรกที่ทำเนียบรัฐบาลไปแล้ว เมื่อต้นเดือนตุลาคม ที่ผ่านมา

ถัดมา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ก็เป็นรองประธาน คณะกรรมการพัฒนาระบบสุขภาพแห่งชาติ ที่กำลังขับเคลื่อน “นโยบาย 30 บาท” หรือที่เรียกว่า “สามสิบบาทพลัส” ซึ่งคณะกรรมการชุดนี้ก็มี นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นประธานคณะกรรมการเช่นเดิม และมีการประชุมนัดแรก ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม เช่นกัน อย่างไรก็ดี หลังการประชุม น.ส.แพทองธาร ก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น ประธานการขับเคลื่อนและดำเนินการไปตามนโยบายอีกด้วย

มีรายงานว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2566 เป็นการประชุมนัดแรก โดยน.ส.แพทองธาร ชินวัตร ในฐานะรองประธานคณะกรรมการพัฒนาระบบสุขภาพแห่งชาติ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รวมถึง กระทรวง ทบวง กรม ที่มีหน่วยงานแพทย์พยาบาล อาทิ กระทรวงการอุดมศึกษาฯ กระทรวงกลาโหม กระทรวงดิจิทัลฯ นอกจากนี้ยัง รวมถึงสมาคมโรงพยาบาลเอกชน และ สปสช. เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง

สำหรับวาระการประชุมครั้งนี้ มีการหารือถึง 5 นโยบายเร่งด่วน เพื่อยกระดับในการยกระดับนโยบาย 30 บาท โดยใช้บัตรประชาชนเพียงใบเดียวรักษาได้ทุกที่ทุกเครือ ทั้งในและนอกสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาล คลีนิก แล็บ และร้านขายยา นำร่อง 4 จังหวัดประกอบด้วย จ.แพร่ เพชรบุรี ร้อยเอ็ด และ นราธิวาส

ส่วนการเข้าถึงบริการในเขตกรุงเทพมหานคร จะนำร่องที่โรงพยาบาลทหารอากาศ (สีกัน) และศูนย์บริการสาธารณสุข 60 รสสุคนธ์ มโนชญากร เป็นโรงพยาบาลผู้ป่วยนอกเฉพาะทาง ร่วมกับโรงพยาบาลแม่ข่าย และเตรียมพร้อมโรงพยาบาลราชวิถีสอง เป็นโรงพยาบาลรับส่งต่อผู้ป่วย จึงคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ภายในเดือนธันวาคม 2566 นี้

โดยหลังการประชุม นายเศรษฐา ทวีสิน กล่าวว่า การขับเคลื่อนนโยบายทั้ง 5 ด้านนี้ สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา จึงเห็นควรตั้งคณะกรรมการติดตามการขับเคลื่อนและการดำเนินการให้เป็นไปอย่างบูรณาการ และมีประสิทธิภาพ โดยให้นางสาวแพทองธาร เป็นประธานคณะกรรมการ และมีคณะกรรมการจากทุกภาคส่วนเข้าร่วม เพื่อดำเนินการเป็นรูปธรรมก่อให้เกิดความมั่นคงทางสุขภาพในระยะยาวของประเทศ ให้คนไทยแข็งแรง ประเทศชาติมั่นคง นำไปสู่การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านอุตสาหกรรมการแพทย์ และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ สร้างเศรษฐกิจที่เข้มแข็งและเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป

นอกจากนี้ ที่น่าจับตาเป็นอย่างยิ่งก็คือ มีการส่งสัญญาณชัดเจนแล้วว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวของนายทักษิณ ชินวัตร กำลังจะเข้ามาเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย คนใหม่ เชื่อว่าในการประชุมพรรค วันที่ 27 ตุลาคมนี้ จะมีการโหวตเลือกอย่างเป็นทางการ โดยก่อนหน้านั้นเธอบอกว่า “พร้อมสำหรับตำแหน่งหัวหน้าพรรค” และย้ำอีกว่า มีการเลือกในวันประชุม วันที่ 27 ตุลาคมหรือใช่หรือไม่ เธอก็ย้ำว่า “ใช่”

ไม่ต้องพูดถึงคนอื่นในพรรคที่เรียกว่า “อวย” กันเต็มที่ แม้แต่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ก็ยอมรับในเรื่องดังกล่าว เช่น เมื่อถูกถามว่า ดูเหมือนว่าตอนนี้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร มีบทบาทมากขึ้นเนื่องจากเป็นคณะกรรมการถึง 2 ชุด นายกฯ กล่าวว่า เรื่องซอฟต์พาวเวอร์ เป็นนโยบายใหญ่ของเรา และเมื่อถามว่าเป็นการปูทางการเมืองให้ น.ส.แพทองธาร หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ต้องไปถามเจ้าตัวเอง ส่วนที่มีการคาดหมายว่าน.ส.แพทองธาร จะขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยด้วย นายเศรษฐา กล่าวว่า ในวันที่ 27 ต.ค.นี้ ก็รู้ ขอใจเย็นนิดนึง เพราะถ้าเป็นไปตามข่าว ก็คงใช่

เอาเป็นว่าสำหรับตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่ ย่อมต้องเป็นน.ส.แพทองธาร ชินวัตร ค่อนข้างแน่นอน เพราะในฐานะ“ลูกเถ้าแก่” เจ้าของพรรคมันก็ย่อมมีการสงวนเก้าอี้เอาไว้ให้อยู่แล้ว เพียงแต่ว่าจะมาเมื่อไหร่เท่านั้น และตอนนี้ก็น่าจะถึงเวลาแล้ว เพราะที่ผ่านมาก็เหมือนกับการเตรียมความพร้อมมาพักหนึ่ง

ขณะเดียวกัน หากพิจารณาถึงความจำเป็นทางการเมือง โดยเฉพาะการเมืองในระบบครอบครัว มันก็ต้องวางทายาทสายตรงที่ไว้ใจได้ และเพื่อให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ใหม่ ที่ต้องใช้ “คนรุ่นใหม่” มาขับเคลื่อน อีกทั้งเมื่อมองจากจังหวะเวลาก็ถือว่า “เหมาะเจาะ” พอดี เพราะต้องไม่ลืม อีกไม่นานคือ ราวเดือนกุมภาพันธ์ ที่คาดกันว่า นายทักษิณ ชินวัตร ที่อ้างว่ากำลัง “ป่วยหนัก” จนไม่ต้องถูกคุมขังในเรือนจำเหมือนกับนักโทษคนอื่น ก็จะได้รับการ“พักโทษ” กลับไปคุมตัวที่บ้านพัก เพื่อรอเป็นอิสระต่อไป ซึ่งทุกอย่างถูกวางแผนไว้แบบเป็นขั้นเป็นตอนอยู่แล้ว

หากพิจารณาให้เห็นภาพใหญ่ ก็ต้องมองแบบเชื่อมโยงกับ นายทักษิณ ชินวัตร ที่กำลังจะพ้นโทษออกมา และเชื่อว่า จะต้องกลับมามีบทบาททางการเมืองอย่างเต็มตัวอีกครั้ง เพียงแต่ว่าอาจต้องมีการปรับแต่งบางอย่าง เช่น อาจอยู่เบื้องหลัง “ทายาท” คือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ผ่านทางหัวหน้าพรรคนั่นเอง และสำหรับน.ส.แพทองธาร บทบาทนับจากนี้ไปก็น่าจะเข้าใกล้ความหมาย “นายกฯเงา” อย่างชัดเจนมากขึ้น

เพราะนอกจาก “ลูกสาวเถ้าแก่” หรือเจ้าของพรรคแล้ว ด้วยบทบาทที่รุกเข้ามาถึงใจกลางทำเนียบรัฐบาลแบบนี้แล้ว การได้คุมนโยบายหลัก ที่เกี่ยวกับงานด้านมวลชน เป็นรองประธานคณะกรรมการระดับชาติทั้งสองชุดใหญ่ และล่าสุดเป็นประธานขับเคลื่อนนโยบายสามสิบบาท ทุกอย่างมันก็ชัดเจนอยู่แล้ว ส่วน “นายกฯจริง” จะมาเมื่อไหร่นั้น อย่าถามมาก ยังไม่มีคำตอบตอนนี้ แต่เชื่อว่าอีกไม่นานนักหรอก !!
กำลังโหลดความคิดเห็น