xs
xsm
sm
md
lg

[คำต่อคำ] SONDHI TALK : คลี่ปมเหตุ "กำนันนก" สั่งตาย "สารวัตรแบงค์" - Huawei ตัวเปลี่ยนเกมมหาสงครามเทคโนโลยี - สหรัฐฯ แบนจีนจน Chip หาย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



วันที่ 15 ก.ย.2566 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ได้ไลฟ์สด “SONDHI TALK” ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ คุยทุกเรื่องกับสนธิ ช่องยูทูป Sondhitalk หรือ Sondhitalk (ช่องสำรอง) และแอปพลิเคชัน Sondhi App โดยมีประเด็นที่ได้เล่าในวันนี้ ได้แก่

- คลี่ปมเหตุ "กำนันนก" สั่งตาย "สารวัตรแบงค์"
“ขอไม่ได้ ซื้อไม่ขาย” จึงต้อง “สั่งตาย” ...ที่ผ่านมา “สารวัตรแบงค์” ไม่เคยย่างกรายไปร่วมงานเลี้ยงถอดเสื้อกินเหล้ารับซองเงิน ของ “กำนันนก” แม้แต่ครั้งเดียว ด้วยความเป็นตำรวจตงฉิน รู้จักเว้นระยะห่างจากขาใหญ่ผู้มีอิทธิพล แต่แค่ครั้งแรกที่ “สารวัตรแบงค์” เข้าไปที่นั่น มันก็กลายเป็นจุดจบของเขาในทันที

- Huawei ตัวเปลี่ยนเกมมหาสงครามเทคโนโลยี
ทำไมการเปิดตัวสมาร์ทโฟนของหัวเว่ย คือ Huawei Mate 60 Pro ถึงสร้างแรงกระเพื่อมให้กับโลกเทคโนโลยี ไปจนถึงเศรษฐกิจ การเมือง-การต่างประเทศอย่างมากมายมหาศาล จนถึงขั้นเป็น Game Changer ตัวเปลี่ยนเกมเทคโนโลยีครั้งใหญ่ในรอบสิบปีก็ว่าได้

- สหรัฐฯ แบนจีนจน Chip หาย
การคว่ำบาตรขึ้นบัญชีดำหัวเว่ยของสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ปี 2562 นั้นไม่ประสบความสำเร็จ เพราะแทนที่จะตัดแขนตัดขายักษ์ใหญ่โทรคมนาคมของจีนให้พิการ แต่หัวเว่ยกลับทำให้โลกตะลึง ด้วยการเปิดตัว Huawei Mate 60 Pro ซึ่งเป็นสมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์ ซึ่งซุ่มผลิตชิป 7 นาโนเมตรของตัสเองได้สำเร็จ และหลังจากนี้จะไม่พึ่งพาชิปที่ผลิตโดยสหรัฐฯ อีกต่อไป ทำให้บริษัทผู้ผลิจชิปในอเมริกาสูญเสียตลาดมูลค่ามหาศาล

ติดตามได้ใน SONDHI TALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep.206



คำต่อคำ SONDHI TALK EP. 207 [15 ก.ย. 66]

ช่องทางการรับชมรับฟัง "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" หรือ SONDHI TALK
แอปพลิเคชัน :SONDHI APP
ระบบ iOS ดาวโหลดได้ที่ AppStore : https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647.
ระบบ Android ดาวโหลดได้ที่ Google Play : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android
เฟซบุ๊กแฟนเพจ : คุยทุกเรื่องกับสนธิ
YouTube :Sondhitalk
เว็บไซต์:www.sondhitalk.com
Podcast หรือ podbean :SONDHI TALK


สวัสดีครับท่านผู้ชม วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2566 และขอสวัสดีแฟนๆ รายการที่ดูรายการถ่ายทอดสดอยู่ทางช่อง Sondhi App, Facebook, YouTube และ TikTok

วันนี้มีเรื่องพูด 2 เรื่องเท่านั้นเอง แต่ แต่ละเรื่องนั้นยิ่งใหญ่มาก เรื่องแรกก็คือเรื่องของ "กำนันนก" ท่านผู้ชมครับ ผมไม่ได้พูดถึงการตายของ "สารวัตรแบงค์" เพียงอย่างเดียว การพูดเรื่องนี้พูดถึงป่าทั้งป่า ไม่ได้พูดเฉพาะเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่นครปฐม เพราะว่าบทบาทของตำรวจและมาเฟียท้องถิ่นทุกวันนี้มันก้าวเลยเกินขอบเขตที่พอจะรับได้กันไปหมดแล้ว สมัยก่อนมีแต่ตำรวจยิงมาเฟียทิ้ง วันนี้พัฒนามาแล้วอีกขึ้นหนึ่ง กลายเป็นตำรวจเป็นลูกน้องมาเฟีย แล้วก็มาเฟียสั่งยิงตำรวจตายได้ โดยที่ตำรวจมีส่วนสมรู้ร่วมคิด

มิหนำซ้ำผมจะเอาเรื่องกำนันนก มีควันหลงของการปะทะกันระหว่างรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ 2 คน เพื่อแย่งชิงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ คนแรกคือ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล คนที่สองคือ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล คมเฉือนคม งานนี้เฉือนกันอย่างมากมายมหาศาล แล้วเดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟัง จะเป็นการเปิดเผยครั้งแรกในวงการสื่อมวลชนที่ทุกคนรู้แต่ไม่มีใครกล้าเปิด แต่ในฐานะที่เป็น FC ของ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ผมจะเปิดให้ฟังก็แล้วกัน

เรื่องที่สองเเป็นเรื่องใหญ่อีกเรื่องหนึ่ง เป็นเรื่องใหญ่ระดับโลก คือสหรัฐอเมริกาได้แบนจีน จน "ชิป" หาย (ชิป ในที่นี้คือ Chip - Computer Chip) หัวเว่ยได้เปิดเกมออกโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ชื่อ หัวเว่ย เมท 60 โปร (Huawer Mate 60 Pro) ท่านผู้ชมครับ จริงๆ มันก็เป็นเพียงการเปิดตัวโทรศัพท์รุ่นใหม่ขึ้นมา แต่ว่านัยของการเปิดตัวครั้งนี้มันทำให้โลกทั้งโลกสั่นสะเทือน โดยเฉพาะอย่างยิ่งโลกของอเมริกาที่พยายามจะบล็อกเทคโนโลยีทุกอย่างของจีน ปรากฏว่าจีนแหกโค้ง ทะลุโค้งออกมา สามารถจะพัฒนาชิปของตัวเองในระดับที่อเมริกาบอยคอต หรือแซงก์ชันได้ และมีแนวโน้มว่าจีนจะทะยานฟ้า กลายเป็นมังกรทะยานฟ้าไปในเรื่องของเทคโนโลยี และโอกาสที่จะชนะอเมริกาในเรื่องเทคโนโลยีของเซมิคอนดักเตอร์ชิปนั้น ในเวลาไม่เกิน 5 ปี เป็นไปได้อย่างสูงเลยครับ

ท่านผู้ชมครับ สองเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่ใหญ่มาก แต่ละเรื่องก็ค่อนข้างจะยาว แต่มีความลึกอย่างมากมายมหาศาลที่ท่านผู้ชมหาฟังจากที่ไหนไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของกำนันนก ซึ่งผมจะพูดถึงโครงสร้างของตำรวจ จะปรับอีกร้อยครั้ง หรือออกพระราชบัญญัติตำรวจอีกร้อยฉบับ ก็แก้ปัญหาตำรวจไม่ได้เช่นกัน

ส่วนเรื่องของคอมพิวเตอร์ชิปที่หัวเว่ยออกมาเพื่อสู้อเมริกา แล้วก็แหกโค้ง เอาชนะการบอยคอต การแซงก์ชันของอเมริกาได้นั้น ก็มีนัยที่กระเทือนต่อโลกทั้งโลก


ท่านผู้ชมครับ สัปดาห์ที่แล้วผมเปิดเผยเบื้องหลังการสร้างพระพุทธรูป "พระสยามพุทธาธิราช" เพื่อความมั่นคงสถาพรของชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หลังจากที่ผมเปิดจองพระพุทธรูปซึ่งสั่งทำเพียง 250 องค์เท่านั้น ผ่านมาตั้งแต่ศุกร์ที่แล้ว จนถึงศุกร์นี้ ประมาณ 7 วัน มียอดคนสั่งจองเข้ามา 100 องค์ จ่ายเงินมาเรียบร้อยแล้ว เหลือแค่ 150 องค์

ท่านผู้ชมครับ พระพุทธรูปองค์นี้เป็นสุดยอดของพระพุทธรูปที่มีการสร้างกันมาก่อน นี่ไม่ใช่ประเภทประโคมข่าว ข่าวลอย หรืออวยตัวเอง แต่เป็นเช่นนั้นจริงๆ สวยสดงดงามมาก และเมื่อผ่านพิธีพุทธาภิเษกซึ่งจะนิมนต์เกจิอาจารย์ทั่วประเทศไทย ทุกภาค เหนือ ใต้ ออก ตก อีสาน และภาคกลาง 6 พื้นที่ เอามาทำพิธีพุทธาภิเษก


แล้วเนื้อหามวลสารต่างๆ ที่ใส่เข้าไปเพื่อสร้างพระพุทธรูปนี้และสร้างเหรียญพระสยามพุทธาธิราช ซึ่งเป็นเหรียญพระผง และเหรียญโลหะ ทั้งหมดนั้นมวลสารถ้าเป็นพระผงก็มาจากสมเด็จบางขุนพรหมประมาณ 3,000 องค์ และยังมีพระผงที่มีชื่อจากพ่อแม่ครูอาจารย์หลายๆ องค์ใส่เข้ามาผสม ส่วนเหรียญนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นเหรียญปี 2482 ของหลวงพ่อเดิม มีเหรียญของหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน แล้วก็มีอีกหลายต่อหลายเหรียญ รวมทั้งแหวนของหลวงพ่อเดิม ซึ่งผมใส่อยู่นี้ ก็เอาไปเป็นมวลสารในการทำโลหะด้วย

นอกจากนี้ ยังมีมีดหมอของหลวงพ่อเดิม ซึ่งผมมีอยู่ประมาณสิบกว่าด้าม ผสมเข้าไปเลย เพราะฉะนั้นแล้วคุณพระศักดิ์สิทธิ์ คุณบารมี และพุทธานุภาพ พุทธคุณของเหรียญผง ทั้งโลหะและพระผง ที่สร้างครั้งนี้ ตลอดจนพระพุทธรูปองค์นี้ ซึ่งก็ใช้ชนวนโลหะเดียวกันหมด จะมีพุทธคุณและพุทธานุภาพอย่างสูงสุด


ท่านผู้ชมครับ ลืมบอกไปว่า พระต้นแบบ ทั้งพระผง และพระเหรียญนั้น เสร็จเรียบร้อยแล้วครับ โลหะนั้นเป็นสีทอง พิงก์โกลด์ ส่วนเนื้อผงนั้น เหมือนกับผงสมเด็จวัดระฆัง ต้นแบบเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ ให้ท่านผู้ชมได้ดูว่าเราดำเนินการไปตามขั้นตอนต่างๆ และอีกประการหนึ่ง ในการทำบุญของเรา ไม่ว่าเราจะทำอะไรก็ตาม เราจะมีข้อมูลในการนำเงินไปใช้ทุกบาททุกสตางค์ ใช้ที่ไหน ใช้ในกรณีใดบ้าง ที่นี่โปร่งใส ไม่ต้องตรวจสอบอะไร แต่เราจะเปิดเผยให้ดูทุกอย่าง ที่สำคัญ การทำบุญของท่านผู้ชมนี้ ไม่ได้หักต้นทุน ไม่ได้หักค่าใช้จ่ายเหมือนคนอื่น คนอื่นจะทำบุญก็จะบอกว่า "หลังจากรายได้หักค่าใช้จ่ายแล้ว ที่เหลือจะไปทำบุญ ..." ที่นี่ไม่มี ที่นี่ พวกเราออกกันเองทั้งหมด ต้นทุนในการทำพระ ในการสร้าง จะเท่าไรก็ตาม เราจ่ายเงินหมด

เงินทองที่ท่านผู้ชมและพ่อแม่พี่น้องจองมา ไม่ว่าจะเป็นเหรียญ พระผง หรือเหรียญโลหะ หรือพระพุทธสยามพุทธาธิราช เราออกให้หมดทุกบาททุกสตางค์ แล้วเงินที่ท่านจ่ายมา จ่ายเงินองค์นี้มาแสนบาท ทุกบาททุกสตางค์ของแสนบาทเอาไปทำบุญหมด ไม่ได้หักค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น นี่คือเจตนาที่บริสุทธิ์ในการทำพระ และในการที่จะเอาเงินที่ได้จากการทำพระนั้นไปทำบุญ ผมก็ไม่อยากจะว่าเป็นตัวอย่าง แต่ก็เอาเป็นว่าผมอยากให้ทุกๆ คนที่ต้องการสร้างพระเพื่อทำบุญใช้วิธีการแบบนี้ ก็คือว่า ถ้าทำทั้งที่แล้ว เงินที่ชาวบ้านเขาจองพระหรือเช่าพระไปนั้น ทุกบาททุกสตางค์ไม่ควรหักค่าใช้จ่าย คนสร้างควรจะออกค่าใช้จ่ายเอง


ผมมีกำหนดการที่ผมอยากจะเชิญชวนท่านผู้ชมที่สนใจไปร่วมในการทำพิธีกับเราได้ วันที่ 23 กันยายนนี้ จะมีพิธีพลีมวลสารชนวนโลหะ คราวที่แล้วเราพลีมวลสารพระผง ฤกษ์ 12.12 น. ที่บ้านพระอาทิตย์ จะตั้งเต็นท์ไว้ ท่านผู้ชมท่านใดอยากจะมาขอร่วมอยู่ในพิธีในการพลีมวลสารชนวนโลหะ เชิญครับ ยินดีครับ มีน้ำแจก อาจจะมีโอเลี้ยงของผมแจกท่านผู้ชมคนละถ้วยก็ได้

ต่อมา วันที่ 28 กันยายน เวลา 15.29 น. จะมีพิธีฤกษ์เจิมแบบหล่อ ตัวอย่างเหรียญนำฤกษ์ และตัวอย่างพระพุทธรูปนำฤกษ์ ที่วัดหน้าพระเมรุ จังหวัดอยุธยา

วันเสาร์ที่ 7 ตุลาคม เวลา 12.29 น. จะมีพิธีฤกษ์ปั๊มเหรียญ ที่วัดปรางค์หลวง บางใหญ่ นนทบุรี

ท่านผู้ชมครับ มีข่าวดีอยู่ชิ้นหนึ่ง ผมจะเอารูปให้ท่านผู้ชมดู


รูปนี้คือภาพแผนผังสมุฏฐานวินิจฉัยจักรา คนที่ทำแผนผังนี้คืออาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ อาจารย์ปานเทพทำด้วยมือของท่านเอง ท่านนำเอาความรู้ในแพทย์แผนไทยในพระคัมภีร์สมุฏฐานวินิจฉัยมาเรียบเรียงเป็นภาพศิลปะ ในรูปวงกลม เรียงไปตามจักราศีของโหราศาสตร์ไทย ซึ่งประกอบด้วยธาตุสมุฏฐานตั้งแต่กำเนิด อายุสมุฏฐาน ฤดูสมุฏฐาน และวิเศษสมุฏฐาน เพื่อบ่งบอกถึงความเสี่ยงโรคต่ออิทธิพลต่างๆ ที่มีผลต่อสุขภาพตามหลักวิชาการแพทย์แผนไทย โดยแต่ละเหตุปัจจัยได้อธิบายถึงรสยาและรสอาหารเพื่อรับมือกับแต่ละอิทธิพลเอาไว้ด้วย


ท่านผู้ชมครับ ด้วยเหตุนี้การแพทย์แผนไทย เป็นการแพทย์ที่มาจากธรรมชาติและพระพุทธศาสนา การจัดเรียงเป็นรูปวงกลม หรือจักรานั้น จึงสอดรับได้กับวิถีแห่งภูมิปัญญาตะวันออกในการเห็นทุกอย่างเป็นวัฏ ทั้งกรรม การเวียนว่ายตายเกิด ธาตุ การเคลื่อนตัวและหมุนตัวของโลก ดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ ฤดูกาล และอายุ

ภาพที่ให้ท่านผู้ชมดูเมื่อกี้นี้ ขนาดกว้าง 60 เซนติเมตร ยาว 80 เซนติเมตร ไม่มีการตีพิมพ์ที่ไหน ท่านผู้ชมซื้อไม่ได้หรอก ไม่มีทาง ขนาดอาจารย์ปานเทพ เอาไปแจก เอาแผนภูมินี้ให้กับผู้ได้รับประกาศนียบัตรการแพทย์แผนไทยประเภท ก. รุ่น 1-2-3 ณ วิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก ที่มหาวิทยาลัยรังสิต วันที่ 10 กันยายน 2566 ที่ผ่านมานี้ สร้างความฮือฮา ความตื่นเต้นกันมาก เรียกว่าพอเปิดดูแล้วมีเสียงฮือขึ้นมาทันทีเลย อาจารย์แพทย์หลายคนที่อยู่คณะการแพทย์แผนตะวันออก หรือเป็นถึงขนาดรองอธิบดี ท่านมีความสนใจ ขอกันมา


ในแผนภูมินี้นอกจากบอกจักรา วันเวลาเกิด คนที่เกิดในช่วงนี้ อายุเท่านี้ จะเจอโรคอะไร ร่างกายจะแก้อย่างไร แผนภูมินี้ยังได้บอกพิกัดยาในแต่ละเหตุปัจจัยไว้ด้วย ยังซ่อนปริศนาธรรมของพระพุทธศาสนาถึงความไม่เที่ยงในแผนภูมินี้ ก็เลยเหลืออีกไม่มาก อาจารย์ปานเทพ ก็เลยบอกว่า เอาอย่างนี้แล้วกัน ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ไม่มีการพิมพ์เลยแม้แต่นิดเดียว นี่อาจารย์ปานเทพทำขึ้นมาจำนวนจำกัดมาก ทำขึ้นมาเองเลย ต้องดึงจากไอแพดของอาจารย์ปานเทพ ซึ่งสร้างขึ้นมา เสร็จเรียบร้อยแล้วเอาไปพิมพ์ อาจารย์ปานเทพ บอกว่า สำหรับคนที่ซื้อ "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" 6 กล่องขึ้นไป กล่องละ 1,800 บาท 6 กล่องรวม 10,800 บาท อาจารย์ปานเทพ จะแจก "แผนผังสมุฏฐานวินิจฉัยจักรา" ให้ มีจำนวนจำกัดนะครับ ใครมาก่อนได้ก่อน พรีออร์เดอร์วันนี้ กำหนดส่งวันที่ 29 กันยายน ขอย้ำนะครับ มีจำนวนจำกัด ใครมาก่อนได้ก่อน สนใจ ติดต่อ "สมุนไพรบ้านพระอาทิตย์" ติดต่อไลน์ (LINE) เพิ่มเพื่อน พิมพ์คำว่า @sunherb


ก่อนจบในการเกริ่นนำหลายๆ เรื่อง สัปดาห์ที่แล้วผมได้พูดถึงเรื่องขนมไหว้พระจันทร์ของเชฟเพนนี ปรากฏว่ามีคนสนใจสอบถามกันเข้ามาเยอะมาก จากทั่วประเทศไทย ตามหากันใหญ่ แต่เผอิญเชฟเพนนีเขามีหน้าร้านอยู่ที่สยามพารากอน ชั้นใต้ดิน ก็อาจจะเป็นการไม่สะดวกสำหรับท่านผู้ชมหลายท่านที่จะเข้ากลางเมือง เราก็เลยติดต่อเชฟเพนนี ให้เอาขนมไหว้พระจันทร์ที่ผมได้รีวิวให้ดูว่าอร่อยจริงๆ เกิดมาในชีวิตไม่เคยกินขนมไหว้พระจันทร์อะไรอร่อยเท่านี้ มาวางขายที่ร้าน SUN PAN ถนนวิภาวดีฯ ในปั๊ม ปตท. ตรงกันข้ามกับมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เราจะเริ่มวางขายตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ถึงช่วงไหว้พระจันทร์ ซึ่งตรงกับวันศุกร์ที่ 29 กันยายน ของมีจำนวนจำกัด ถ้าใครอยากซื้อ ก็รีบไปซื้อได้ นอกจากนั้น ในร้าน SUN PAN ยังมีสินค้าประจำ ไม่ว่าจะเป็นโอเลี้ยง ขนมปัง หมูแท่ง ปลาแท่ง วางจำหน่ายเหมือนเดิมครับ

คลี่ปมเหตุ "กำนันนก" สั่งตาย "สารวัตรแบงค์"


การตายของสารวัตรแบงค์ โดยที่อ้างอิงว่า กำนันนก ซึ่งนอนอยู่ในคุก ปัจจุบัน ไม่ยอมประกันตัว เพราะรู้ตัวเองดีว่าประกันตัวไปแล้วโอกาสตายจะสูง แม้กระทั่งอยู่ในคุกก็ตายได้

จริงๆ แล้วนัยของเรื่องนี้มันมีลึกซึ้งมาก มีแง่มุม มีหลายมิติ ที่ไม่ค่อยมีใครพูดกันเท่าไรนัก ส่วนใหญ่แล้วจะลงรายละเอียดบ้าง มีท่านพลตำรวจโทท่านหนึ่งที่เกษียณอายุไปแล้ว ช่วงนี้ท่านก็มีความสุขกับการเดินสายออกสัมภาษณ์สดตลอดเวลา เพื่อแสดงองค์ความรู้ของท่าน ก็แล้วแต่ท่านเถอะ ไปทางนั้น ของผมไม่มีอะไร ผมมีแต่ความจริงที่เป็นหนึ่งเดียวเท่านั้นเอง ของผมนั้นเราจะวิเคราะห์เรื่องราวต่างๆ ให้ชัดเจน


ที่มาที่ไปของเรื่องนี้เกิดจากเมื่อปลายพฤษภาคม 2566 ท่านผู้ชมจำได้ใช่ไหมครับ คุณวิโรจน์ ลักขณาอดิศร คุณสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ พรรคก้าวไกล จับมือกับนายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย ตัดสินใจแฉธุรกิจเรื่องส่วยสติกเกอร์


ต่อมา พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้มีคำสั่งเด้ง พล.ต.ต.เอกราช ลิ้มสังกาศ ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง ไปปฏิบัติหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ศปก.บช.ก.) ตั้งคณะกรรมการสอบสวน ให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) มารักษาการแทนผู้บังคับการตำรวจทางหลวง อีกตำแหน่งหนึ่ง


เวลาผ่านไปสามเดือน จากพฤษภาคม มาถึงวันที่ 4 กันยายน พล.ต.ท.จิรภพ บช.ก. ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า ตั้งแต่ได้ย้าย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ หรือ เต่า ซึ่งสื่อมวลชนชอบเรียกว่า "บิ๊กเต่า" มานั่งตำแหน่งรักษาการผู้บังคับการตำรวจทางหลวง ได้มีผลงานจับกุมผู้กระทำผิดกฎหมายเพิ่มขึ้น และยืนยันขจัดปัญหาส่วยสติกเกอร์ได้มากแล้ว ส่วนที่มีการร้องเรียนกันก่อนหน้านั้น อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงของคณะทำงาน ทั้ง บช.ก. จเรตำรวจ และกองบังคับการตำรวจทางหลวง พล.ต.ท.จิรภพ ประกาศมั่นใจว่าตำรวจทางหลวงยุคใหม่ปลอดส่วย เดินหน้าสร้างผลงาน


ผมเอารูปอินโฟกราฟิกให้ดูนะครับว่าต้องจ่ายส่วยกันอย่างไร ระยะทาง ระยะสั้น 2,000-3,000 บาทต่อเดือน วิ่งระยะยาว 5,000-30,000 บาทต่อเดือน แบ่งตามน้ำหนักที่บรรทุก ถ้า "เทอร์โบ" คือบรรทุกเกินน้อย 20,000 บาทต่อเดือน "ซูเปอร์เทอร์โบ" บรรทุกมาก 30,000 บาทต่อเดือน ก็มีตัวอย่างให้ดู จ่ายเงินส่วยขึ้นอยู่กับปริมาณรถและผลผลิต ผู้ประกอบการจ่ายเงินให้นายหน้า จะมีนายหน้า นายหน้าจ่ายเงินให้ขาใหญ่ ขาใหญ่เฉลี่ยเอาเงินไปให้เจ้าหน้าที่ในแต่ละภาค


ท่านผู้ชมครับ คล้อยหลังจากที่ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ให้สัมภาษณ์ไปเพียง 2 วัน ราวสามทุ่มเศษของวันพุธที่ 6 กันยายน ได้มีการยิงกันตาย ตำรวจได้รับบาดเจ็บสาหัส 2 นาย ที่บ้านเลขที่ 30/1 หมู่ 1 ตำบลตาก้อง อำเภอเมืองนครปฐม ซึ่งนายประวีณ จันทร์คล้าย หรือ "กำนันนก" อายุ 35 ปี กำนันตำบลตาก้อง เจ้าของบ้าน กำลังจัดเลี้ยงประจำเดือนอยู่


เบื้องต้นคนที่ได้รับบาดเจ็บมี 2 นาย ส่งโรงพยาบาลนครปฐม คือ พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว หรือ สารวัตรศิว หรือ สารวัตรแบงค์ ซึ่งในที่สุดก็สิ้นชีวิต วันที่ 7 กันยายน เวลา 02.00 น. อีกคนหนึ่งคือ พ.ต.ท.วศิน พันปี รองผู้กำกับ 2 บก.ทล. ถูกกระสุนเข้าที่แขนซ้าย อาการปลอดภัย

พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว หรือ สารวัตรศิว หรือ สารวัตรแบงค์

พ.ต.ท.วศิน พันปี รองผู้กำกับ 2 บก.ทล.
เบาะแสพบว่าผู้ที่ก่อเหตุลั่นไกดับนายตำรวจคาวงสุรานี้คือ นายธนัญชัย หมั่นมาก หรือมีฉายาว่า "หน่อง ท่าผา" อายุ 45 ปี ซึ่งเป็นบอดี้การ์ดคนสนิทของกำนันนก ที่ผ่านมาจะเห็นว่าสองคนนี้ไปไหนมาไหนด้วยกัน

เรื่องของเรื่อง ประเด็นก็คือว่า ขอไม่ได้ ซื้อไม่ขาย เลยต้องฆ่าเสีย

ตั้งแต่สารวัตรแบงค์ ซึ่งเป็นคนสายตรงชอง พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช มานั่งเก้าอี้สารวัตรทางหลวง 1 กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง ทางกำนันนก เคยทาบทามติดต่อเสนอเงินใต้โต๊ะจากการใช้รถบรรทุกสัญจรในกิจการรับเหมาก่อสร้าง แต่สารวัตรแบงค์ไม่ยอมรับ จัดเลี้ยงในวันนั้น กำนันนก รวมถึงหน้าเสื่อเบอร์ใหญ่ ให้ผู้ร่วมประกอบการเรียกนายตำรวจพื้นที่ ตำรวจทางหลวง และตำรวจนอกสังกัด ที่เคยเกื้อกูลกันมาเพื่อเสียบปลั๊กต่อสัญญาณดีลส่วยเรื่องการขอบรรทุกน้ำหนักเกิน จริงๆ แล้วกำนันนกจัดเลี้ยงทุกเดือน แล้วตำรวจพวกนี้ก็จะมากัน เพื่อมารับเงินค่าส่วยที่ให้กันเป็นประจำ


พอไปถึงแล้ว กติกาของกำนันนกก็คือ ให้ทุกคนถอดเสื้อ เปลือยอก เก็บอาวุธประจำกาย แล้วก็มานั่งชุมนุมกัน กินเหล้าเมายา อาหาร วันนั้นการนัดหมายการเลี้ยงของกำนันนกเป็นเรื่องส่วยเป็นประเด็นหลัก กำนันนกสามารถตกลงกับตำรวจอื่นๆ ที่มาร่วมงานได้จนเสร็จสิ้น แต่สารวัตรแบงค์ ซึ่งปฏิเสธไม่ยอมรับเงินใต้โต๊ะ เพราะว่าถูกส่งมาโดยตรงจากผู้บัญชาการฯ จิรภพ ภูริเดช หรือผู้บัญชาการก้อง เป็นคนซื่อสัตย์ สารวัตรแบงค์ไม่ได้ไปงานด้วย ก็เลยมีผู้บังคับบัญชาคนหนึ่ง ซึ่งต่อมาทีหลังรู้ว่าเป็น "ผู้กำกับเบิ้ม" ซึ่งเสียชีวิตไปแล้วเพราะฆ่าตัวตาย บางรายก็บอกว่าฆ่าตัวตาย บางรายก็บอกไม่ใช่ โดนฆ่าตาย ให้เรียกตัวสารวัตรแบงค์เข้ามาพบกำนันนกเป็นครั้งแรกในวันนั้น ยิ่งใหญ่ โคตรใหญ่เลย เรียกสารวัตรเข้ามาพบ


เจ้าตัวเดินเข้ามาถึงเวลาสองทุ่มครึ่ง ก่อนถูกยิงเสียชีวิตในเวลาสามทุ่มยี่สิบ พอมาถึงปั๊บ ก็นั่งอยู่ในแวดวงล้อมของตำรวจทั้งหลาย กำนันนกเปิดประเด็นขอเจรจาเรื่องส่วย แต่สารวัตรแบงค์ปฏิเสธ ไม่รับ ก็คือพูดง่ายๆ ว่า ถ้าท่านจะจ่ายเงิน ท่านส่งไปที่ท่านผู้บังคับการตำรวจทางหลวง คือ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว โดยตรงก็แล้วกัน ผมไม่รับ ส่วนถ้าท่านจรูญเกียรติรับมาแล้ว ถ้าท่านจะสั่งงานให้สารวัตรแบงค์ทำอย่างไรตามคำสั่ง สารวัตรแบงค์ก็อาจจะปฏิเสธไม่ได้


เมื่อส่วยไม่ผ่าน ก็เลยมีการเจรจาขอโยกย้ายหลานเขย คือ จ.ส.ต.พิสิฐ ชิวปรีชา สารวัตรแบงค์ ก็ยังปฏิเสธ เพราะสายตรวจรถจักรยานยนต์คนเก่ายังไม่เกษียณ จะย้ายคนใหม่เข้ามาเพื่อไล่คนเก่าออกจากสายตรวจจักรยานยนต์ มันเป็นการผิดธรรมเนียม เป็นการเตะผู้อาวุโส ข้ามหัวเพื่อนข้าราชการคนอื่น ผิดหลักปฏิบัติ เพราะว่าสายตรวจรถจักรยานยนต์มีไว้รองรับตำรวจใกล้เกษียณที่ผ่านงานอื่นๆ มาอย่างโชกโชน

ผิดหวังจากสองเรื่อง กำนันนกซึ่งกินเหล้ามาตั้งแต่ช่วงบ่าย เลยท้าดวลเหล้ากับสารวัตรแบงค์ ดวลไปดวลมาปรากฏว่าสู้ไม่ได้ โดนเยาะเย้ยถากถาง ก็เลยโกรธ กำนันนกก็เลยเดินไปหาลูกน้องมือขวา คือ นายหน่อง ท่าผา สารวัตรแบงค์รู้ว่าตัวเองพูดจาเปรียบเปรยเยาะเย้ยกำนันนก ไม่ดีแน่ ก็เลยเดินไปเพื่อขอโทษ เหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดฝันก็คือ นายหน่อง ท่าผา ควักปืนกล็อก ขนาด 9 มม. ลั่นไก 7 นัด ใส่สารวัตรศิว 5 นัด อีกสองนัดเป็นลูกหลงไปโดนแขน พ.ต.ท.วศิน พันปี รองผู้กำกับ 2 บก.ทล. ที่แขนซ้าย


พอหลังจากยิงเสร็จเรียบร้อยแล้ว มันก็มีตำรวจรองสารวัตรจราจร สภ.เมืองนครปฐม ซึ่งตอนหลังรู้ว่าเป็นเจ้าของอาวุธปืนสวัสดิการของกลาง พยายามเข้าจับกุม หน่อง ท่าผา ไว้ แต่ก็มีการปล่อยตัว มิหนำซ้ำยังพาขับรถจักรยานยนต์ของตัวเองพากำนันนก หน่อง ท่าผา หลบหนีจากจุดเกิดเหตุไปได้

ท่านผู้ชมครับ จริงๆ แล้วกำนันนก นายประวีณ จันทร์คล้าย จะไม่มีโอกาสสั่งสารวัตรแบงค์มาหาที่บ้านได้เลย เพราะนายตำรวจน้ำดีคนนี้ไม่สนใจงานเลี้ยงถอดเสื้อกินเหล้า รับซองเงินแบบที่นายตำรวจสายโจรชอบกันนัก ตำรวจที่นั่งอยู่ในบ้านกำนันนก 28 คนนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นตำรวจสายโจรทั้งสิ้น

ที่ผ่านมา ข่าวว่าสารวัตรแบงค์ไม่เคยย่างกรายไปร่วมงานกำนันนกแม้แต่ครั้งเดียว เพราะเป็นคนตงฉิน ถ้าไม่ตงฉินแล้ว ผู้บัญชาการจิรภพ ภูริเดช จะไม่ส่งสารวัตรแบงค์เข้าไปจัดการปัญหาส่วยที่พื้นที่นครปฐม สารวัตรแบงค์รู้จักเว้นระยะห่างจากขาใหญ่ ผู้ทรงอิทธิพล แต่เป็นครั้งแรกเลยที่สารวัตรแบงค์เข้าไป เหตุผลก็เพราะว่า พ.ต.อ.เบิ้ม ที่เสียชีวิตไป ได้เรียกตัวมาเพื่อเจอหน้าเกลี้ยกล่อมด้วยตัวเอง หวังให้สารวัตรแบงค์ยอมรับแบบตำรวจน้ำเลวหลายคนที่ยอมสยบใต้ส้นตีนของกำนันนกทั้งหมด


เรื่องการเคลียร์ส่วยรถบรรทุกเป็นเรื่องสำคัญ ไม่ใช่เรื่องการย้ายหลานเขยของกำนันนกเข้ามา ทำให้โกรธ ไม่ใช่ เพราะว่าสารวัตรแบงค์ไม่ยอมรับส่วย กำนันนกพยายามใช้เงินฟาดหัวสารวัตรแบงค์เพื่อให้รับส่วย เพราะว่าสารวัตรแบงค์มีอำนาจหน้าที่ที่จะบล็อกการขนส่งทางรถบรรทุกที่ทำผิดกฎหมาย และกำนันนกนั้นมีรถบรรทุกในพื้นที่ประมาณ 100 คัน


ในที่สุดแล้ว ศาลนครปฐมก็ออกหมายจับ ให้ตำรวจจับกุมนายประวีณ จันทร์คล้าย หรือ กำนันนก ส่วน "หน่อง ท่าผา" อายุ 45 ก็หลบหนีไป แต่ในที่สุดก็ถูกวิสามัญฯ โดยทีมงานวิสามัญฯ 2 ทีมงาน ทีมงานที่วิสามัญฯ หน่อง ท่าผา นั้นคือทีมงานของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ในขณะซึ่งทีมงานที่พร้อมจะวิสามัญฯ นายหน่อง ท่าผา ของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช นั้นพลาดไป ไปไม่ทัน เลยโดนทีมแรกเข้าไปจับแล้วก็วิสามัญฯ


ท่านผู้ชมครับ ทั้งหมดนี้มันเป็นเรื่องที่น่าสนใจหลายเรื่อง ที่สำคัญ ผมอยากจะเอาคำพูดของพี่ชายของนายธนัญชัย หมั่นมาก หรือหน่อง ท่าผา วันนั้นเขาเดินทางไปรับศพน้องชายที่สถาบันนิติเวชวิทยา พี่ชายเขาบอกว่า "น้องผมมันตายแล้ว ตายอย่างหมา แต่ก็เป็นหมาพิตบูล ไม่ใช่หมาชิทสุ" ผมเห็นใจพี่ชายที่น้องชายถูกยิงตาย


แล้วเขาพูดออกมาทำนองบ่นน้อยใจ นักข่าวถามว่าติดใจอะไรไหม เขาบอกว่า "ถ้าผมติดใจ นักข่าวช่วยอะไรผมได้ไหม เพราะมีแต่นายสั่ง นายสั่งนั่น นายสั่งนี่ จบแค่นี้ดีกว่า" แต่ขออนุญาตนะครับ อย่าโกรธกัน น้องชายคุณไม่ได้ตายอย่างหมาพิตบูลหรอก แต่ถ้าตายอย่างหมาพิตบูลจริงๆ ก็น่าจะเป็นหมาพิตบูลขี้เรื้อน น้องชายคุณเป็นอาชญากร ยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำดี ซื่อสัตย์ สุจริต ตำรวจที่น้องชายคุณควรจะยิงคือที่นั่งอยู่ในที่ชุมนุมนั่นล่ะ ที่นั่งกินเหล้า กินข้าวกัน ที่ถอดเสื้อทั้งหมด

เรามารู้จัก "สารวัตรแบงค์" กันนิดนะท่านผู้ชม เพราะหลายๆ ท่านรู้แต่ว่าสารวัตรแบงค์ เป็นตำรวจน้ำดี แต่ไม่รู้ว่าน้ำดีอย่างไร สารวัตรแบงค์ เป็นคนที่มีใจซื่อ จุดยืนตำรวจมือสะอาด เขาเป็นลูกน้องสายตรงของ "บิ๊กก้อง" พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช


ผลงานที่ผ่านมาของ สารวัตรแบงค์ คือเครื่องการันตีความซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา ซึ่งถ้าลูกน้องซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา มันสะท้อนให้เห็นว่าคนอย่างจิรภพ ภูริเดช ก็เป็นคนที่ซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา เพราะหัวเป็นอย่างไร หางก็เป็นอย่างนั้น ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าสารวัตรแบงค์คือหนึ่งในเจ้าหน้าที่ที่เข้าจับกุมนายอั้ม ภูมิพัฒน์ กับ แยม ธมลพรรณ์ สองผัวเมียจอมอวดรวย ข้อหาเปิดบ่อนออนไลน์ เว็บโป๊ เขายึดของกลางได้ 700 ล้านบาท ตั้งแต่ธันวาคม 2565


การจับผู้ต้องหาที่มีทรัพย์สินเงินทองมากมายแบบนี้ถือว่าไม่ง่าย ถ้าตำรวจไม่มั่นคงตรงไปตรงมา มีสิทธิ์โดนเงินฟาดหัวเสียผู้เสียคน มีตัวอย่างให้เห็นอยู่มากมาย เสี่ยโป้ อานนท์ ก็อีกคนที่โดนสารวัตรแบงค์ร่วมทีมกวาดล้าง มันคือเรื่องการร้องขอสารวัตรแบงค์ให้รับเงินส่วยตามระบบกำนันนก แต่สารวัตรแบงค์ปฏิเสธ เพราะว่าเจ้านายตัวเอง คือ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช เขาส่งสารวัตรแบงค์มาเพื่อมาล้างส่วยในเขตนครปฐม


คนที่ขอร้องให้สารวัตรแบงค์มานั้น ก็คือ พ.ต.อ.วชิรา ยาวไธสงค์ ผู้กำกับ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง ที่ยิงตัวตายในบ้านพักจังหวัดปทุมธานี ถูกพาดพิงว่าเป็นคนโทรศัพท์ตามสารวัตรแบงค์ให้มาที่บ้านกำนัน ก่อนถูกลูกน้องกำนันนกยิงเสียชีวิต ในที่สุดแล้วกำนันนกก็สู้คดี โดยอ้างว่าตัวเองไม่ได้สั่งให้ยิง แต่ว่าหมายจับนั้นเป็นหมายจับที่ชี้แจงต่อศาลว่ากำนันนกคือผู้จ้างงาน หรือสั่งการให้นายหน่อง ท่าผา ยิงสารวัตรแบงค์

ดูเหมือนกับว่า กำนันนก จะรู้ตัวดี ก็เลยปฏิเสธที่จะประกันตัว เพราะว่ากำนันนกเป็นคนที่กุมความลับไว้เยอะมาก จ่ายเงินส่วยให้กับตำรวจคนไหนบ้าง มีตั้งแต่ตำรวจระดับพลตำรวจตรี มีเงินมีทอง จ่ายคนโน้นคนนี้ เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้าประกันตัวออกมาก็ตาย ก็เลยไม่ประกันตัว อยู่ในคุก ซึ่งก็มีโอกาสตายเช่นกัน แต่ยังระมัดระวังตัวได้ดีกว่าอยู่ข้างนอก

เรื่องนี้ เอาเป็นเพียงแค่นี้ก่อนแล้วกัน รายละเอียดของเหตุการณ์ต่างๆ ท่านผู้ชมหลายท่านที่ติดตามเรื่องนี้มา ก็จะรับทราบและรู้ดีอยู่แล้ว แต่ผมจะมีการพูดอีกมิติหนึ่ง อีกหลายๆ มิติให้ท่านผู้ชมได้ฟัง มีตำรวจ 6 นาย ที่ถูกจับกุม โดย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ได้ออกหมายจับจับกุมตำรวจ 6 นาย 3 ข้อหาหนัก คือ เป็นเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เพื่อช่วยให้ผู้อื่นไม่ได้รับโทษ ร่วมกันทำลาย ซ่อนเร้น ร่วมกันช่วยเหลือผู้กระทำผิด

ท่านผู้ชมครับ นี่คือพฤติการณ์ตำรวจ อาจจะไม่ทั้งหมด แต่ก็ไม่น้อย ท่านผู้ชมรู้ไหม นี่มันสะท้อนให้เห็นอะไรว่าพระราชบัญญัติตำรวจ ออกใหม่หรือโครงสร้างตำรวจที่คิดจะปรับปรุงใหม่ ให้ทำอีกร้อยพระราชบัญญัติ หรือร้อยโครงสร้าง ก็ไม่สามารถจะแก้ปัญหานี้ได้ เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังว่าเพราะอะไร


แต่วันนี้ผมมีเรื่องที่ผมจะพูด คือเรื่องความขัดแย้งระหว่าง "2 บิ๊ก" บิ๊กหนึ่ง คือ "บิ๊กโจ๊ก" บิ๊กที่สอง คือ "บิ๊กต่อ" ต่อศักดิ์ สุขวิมล สองบิ๊กนี้กำลังชิงตำแหน่ง ผบ.ตร. กันอย่างสนุกสนาน แล้วผมก็มีเรื่องที่จะเตือน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ด้วย ผมเสียดาย ไม่รู้ว่าท่านผู้ชมเห็นด้วยกับผมไหม ตำรวจ 28 คนที่ถอดเสื้ออยู่ในภาพวงจรปิด นั่งกินอยู่ สมควรจะถูกให้ออกจากราชการทุกคน เพื่อดำเนินการสืบสวนสอบสวนความผิดทางวินัย หรือถ้ามีทางอาญา ก็ต้องโดนด้วย ผิดอย่างไร ? คุณเป็นตำรวจ คุณไปงานเลี้ยงเพื่อไปรับเงินค่าส่วย ไม่อย่างนั้นคุณจะไปทำไม รวมถึงผู้กำกับพญาไท ที่ออกมาพูดจาไม่ดี ข่มขู่นักข่าว


คุณเป็นถึงผู้กำกับโรงพักพญาไท แต่คุณกลับมานั่งกินอาหาร กินเหล้า และรับส่วยเขา เหตุผลเพราะว่าคุณเคยเป็นสารวัตรทางหลวง สมัยก่อน สิบกว่าปีที่แล้ว ในพื้นที่นั้น พวกนี้ต้องให้ออกจากราชการ

ไอ้ประเภทที่ถูกหมายจับ ท่านผู้ชมรู้ไหม คือพวกนายตำรวจชั้นประทวน ที่เข้าหลักเกณฑ์ อายุ 53 แล้ว ถ้ายังไม่เป็นสัญญาบัตร เขาก็เลื่อนให้ จากจ่าหรือนายดาบ เป็นร้อยตรีทันทีเลย กระจอกๆ ทั้งนั้นที่โดน ระดับนายพัน ระดับพันตำรวจเอก รวมทั้งผู้การนครปฐม ไม่มีใครโดน นี่คือคำถามที่ผมจะตั้งคำถาม ถาม พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ว่าในที่สุดแล้วตำรวจชั้นผู้น้อยซวยใช่ไหม แล้วพวกตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่นั่งถอดเสื้อกันอยู่ในนั้น ทำไมคุณสุรเชษฐ์ หักพาล ถึงไม่ให้เขาออกจากราชการ เสนอ ผบ.ตร. ไปเลย ให้ออกจากราชการก่อน แล้วให้ตรวจสอบ แต่เป็นการย้ายชั่วคราว ย้ายไปประจำโน่น ประจำนี่


ผู้การนครปฐมตัวดีเลย ขึ้นบนเวทีพูดอวยพรกำนันนก บอกว่าขอให้เจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงาน เส้นทางที่ทำอยู่นั้นทำถูกแล้ว ก็คือเส้นทางที่เป็นโจรน่ะ ไอ้นก ขอให้เป็นโจรต่อไป และเป็นโจรที่ยิ่งใหญ่มาก (แล้วอย่าลืมส่งเงินให้กูด้วยล่ะ) ... ในวงเล็บนี่ผมพูดเอง ท่านผู้การไม่ได้พูด

ท่านผู้ชมรู้สึกเหมือนผมไหม ไอ้อันธพาลฆ่าคนอย่างกำนันนก สั่งตำรวจมานั่งกินข้าว มารับส่วย จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม บอกให้ถอดเสื้อ คุณเป็นพันตำรวจเอก พันตำรวจตรี พันตำรวจโท คุณเป็นผู้การ มานั่งถอดเสื้อ มานั่งให้ไอ้ระยำนี่โน่นนี่นั่น ชนแก้วกัน เพียงเพราะทุกเดือนมันเอาเงินให้คุณ คุณอายกันบ้างหรือเปล่าวะ คุณสุรเชษฐ์ หักพาล คุณจงใจจะช่วยพรรคพวกคุณใช่ไหม คุณถึงเอาพวกตำรวจระดับร้อยตำรวจเอก 5-6 คน ตกเป็นจำเลย ผมว่าคุณสุรเชษฐ์ คุณกำลังช่วยพรรคพวกคุณอยู่ ไอ้ 28 คนนี่อย่างน้อยที่สุดมันก็ผิด ผิดตรงไหน ? ไม่มีศักดิ์ศรีในการเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพียงพอแล้วแค่นี้ เพียงพอแล้ว ผมไม่ต้องการที่จะให้คุณสุรเชษฐ์ หักพาล เดินผิดทาง เพราะเรื่องอะไรถ้ามีแสงเข้ามา คุณสุรเชษฐ์ จะเป็นคนแรกที่วิ่งเข้าหาแสงทันทีเลย เพราะคุณกำลังแข่งในการชิงตำแหน่ง ผบ.ตร. กับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ทั้งคู่เลย แล้วผู้กำกับเบิ้ม ที่ตายไปนั้นก็เป็นคนของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล


พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล เรียกผู้กำกับเบิ้ม ไปสอบ 3-4 ครั้ง ทั้งขู่เข็ญ ทั้งปลอบโยน ทั้งโน่นทั้งนี่้ จนกระทั่งผู้กำกับเบิ้มทนไม่ไหว ต้องมาฆ่าตัวตายเอง เพราะกลัวเรื่องราวต่างๆ จะลามไปถึงลูกเมียตัวเอง และลามไปถึงนายตัวเอง ก็คือ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล

อีกเรื่องหนึ่งที่ผมต้องเตือน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ให้ระมัดระวังตัวไว้หน่อย ช่วงหลังๆ นี่ท่านหิวแสงมาก ท่านหิวแสงจนกระทั่งท่านลืมหน้าที่ของตำรวจไปแล้ว ท่านลืมอะไร ? ท่านเอาเรื่องราวต่างๆ การสอบสวน เอามาเล่าเป็นฉากๆ เพื่อต้องการให้คนเขาฮือฮา แต่นั่นเป็นความลับทางราชการ ท่านไปพูดได้อย่างไร ท่านมีสิทธิ์พูดได้อยู่อย่างเดียวว่าขณะนี้เรากำลังเร่งหาหลักฐานอยู่ ได้มามากพอสมควรแล้ว แต่ยังต้องรออีกสักหน่อย แต่ก่อนอื่นท่านต้องตอบคำถามสังคมก่อนว่าทำไมตำรวจ 28 คน ถึงโดนแค่ 6 คน ทั้งหมดนี้ต้องออกจากราชการให้หมดก่อน ถ้าท่านเป็นตำรวจที่ตงฉินจริงๆ และท่านต้องการจะปรับปรุง พัฒนา ปฏิรูปหรือปฏิวัติสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตามเป้าหมายที่ท่านต้องการที่จะเป็น ผบ.ตร. จนใจแทบขาด


เพราะฉะนั้นแล้ว การแสดงออกของท่านหลายอย่าง คนที่อยู่ในแวดวงอาชญวิทยา หรือแวดวงตำรวจที่เป็นมืออาชีพจริงๆ บอกว่าท่านทำงานชิ้นนี้เพื่อเอาหน้าอย่างเดียว และเผอิญคนหลายคนที่อยู่ในนั้นเป็นลูกน้องของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ คู่แข่งของท่าน ท่านก็เลยบี้เขา บี้เอาๆๆ นี่ไม่ใช่วิถีของลูกผู้ชาย และไม่ใช่วิถีของตำรวจมืออาชีพ

จริงๆ ท่านไม่ต้องแถลงข่าวอะไรทั้งสิ้นเลย ท่านตั้งหน้าตั้งตาทำงานไป เสร็จเรียบร้อยแล้ว ทุกวันท่านอาจจะพูดบอกว่าเราได้มีความคืบหน้าไปมากพอสมควรแล้ว เรื่องราวต่างๆ ผมยังไม่อยู่ในสภาพที่สามารถพูดได้ เพราะว่ายังอยู่ในกรณีการสอบสวน เป็นความลับทางราชการ ที่ผมพูดไม่ได้ แต่การที่ท่านเจื้อยแจ้วออกมาทุกวันนี้ ไม่มีอะไรนอกจากที่จะให้ประชาชนที่ไม่รู้เรื่อง โห่ร้องชมเชยท่านอยู่ ตบมือให้ท่าน นี่ผมรัก ถึงเตือนท่านออกมานะ จำเป็นต้องพูดกับท่านตรงๆ ตรงไปตรงมา ผมอยากให้ท่านเลิกนิสัยนี้เสียที


ท่านผู้ชมครับ ผมรู้จักตำรวจมาเยอะ ผมสนิทกับ พล.ต.อ.แสวง ธีระสวัสดิ์ สมัยยังเป็นอธิบดีกรมตำรวจ กี่ปีแล้วล่ะ ? ต้องมีสามสิบกว่าปีแล้ว ตอนนั้นทั้งต่อศักดิ์ ทั้งสุรเชษฐ์ ยังเป็นเด็กน้อยอยู่เลย ผมรู้จักประชา พรหมนอก ซึ่งเป็นนายตำรวจยุคแรกของการเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพราะว่าประชา พรหมนอก ไม่ต้องการขึ้นอยู่กับกระทรวงมหาดไทย เพราะนักการเมืองจะไปเล่นงานตำรวจได้ แต่ขึ้นอยู่กับสำนักนายกรัฐมนตรี ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรี


สวัสดิ์ อมรวิวัฒน์ น้องชายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผมก็สนิทด้วย พจน์ บุณยะจินดา ผมก็สนิทด้วย ผมรู้ขี้รู้ไส้ตำรวจทุกอย่าง ผมรู้หลายเรื่อง ตำรวจระดับชั้นผู้ใหญ่ ไม่มีหรอกใครที่ไม่รับเงิน รับทั้งนั้น รับมาก รับน้อย


ท่านผู้ชมครับ สมัยก่อนตำรวจฆ่ามาเฟีย ท่านผู้ชมที่ยังหนุ่มยังแน่น อายุยังน้อยอยู่ ไม่ทัน แต่อายุมากแล้วจำเสี่ยจิวได้ไหม ที่ชลบุรี เสี่ยจิวอดีตเป็นพ่อค้าขายหมูในตลาด แล้วก็มีนักเลงคนหนึ่ง ซึ่งเป็นเจ้าพ่ออยู่เหมือนกัน ก็คือ กำนันเป๊าะ

กำนันเป๊าะ เป็นเจ้าพ่อทางภาคตะวันออก ร่ำรวยขึ้นมาจากการค้าขายบุหรี่นอก บุหรี่เถื่อน ร่วมมือกับบางหน่วยของทหารเรือ ส่งบุหรี่เข้ามาทางทะเลแล้วมาขึ้นที่บางแสน โดยมีทหารเรือคุ้มกัน


เสี่ยจิวนี่เริ่มจากการเป็นพ่อค้าขายหมู แล้วสั่งสมบารมี สั่งฆ่าคน เลยกลายเป็นเจ้าพ่ออีกคนหนึ่ง แต่เสี่ยจิวนั้นไปทำผิดเส้น ล้ำเส้น มีคนได้รับสัมปทานในการเดินท่อก๊าซและน้ำมันจากมาบตาพุด ที่ระยอง ที่จะเดินเข้ามากรุงเทพฯ ของ ปตท. ผู้รับเหมารายใหญ่ ผู้ถือหุ้นรายใหญ่นั้นเป็นฝรั่งคนหนึ่ง มีเส้นสายอยู่ในแวดวงคนชั้นสูง เสี่ยจิวไปรีดไถ ฝรั่งนั่นก็เลยไปร้องเรียนออกมา ปรากฏว่าวันหนึ่งเสี่ยจิวเดินทางไป เขาปิดหัวถนน ท้ายถนน ไม่ให้รถอื่นเข้า แล้วรถล่าสังหาร 2 คัน วิ่งเข้าไปถล่มเสี่ยจิวด้วยระเบิด ด้วยปืนกล จนเสี่ยจิวตายคารถ


หรือแคล้ว ธนิกุล ทำตัวเป็นเจ้าพ่อ ฆ่าคนโน้นฆ่าคนนี้ ในที่สุดก็โดนทีมล่าสังหารของตำรวจนครบาลยิงตาย ทั้งๆ ที่ปากอมพระสมเด็จอยู่

สมัยก่อนตำรวจยิงมาเฟียตาย มายุคนี้สมัยนี้กลายเป็นมาเฟียยิงตำรวจตาย แล้วตำรวจก็ปกป้องมาเฟียคนนี้อีก ช่วยเหลือกัน มีที่ไหนกันไปเลี้ยงเดือนละครั้งเพื่อไปรับส่วยกัน ทุเรศฉิบหายเลย! ท่านผู้ชม ผมรับไม่ได้งานนี้

การช่วงชิงตำแหน่งสูงสุดของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งมันเป็นหลักการที่ผิด ฉิบหายวายป่วงหมด มายุคนี้สมัยนี้ ไม่ใช่สมัยก่อน สมัยก่อนมีตำรวจคนหนึ่งที่ผมเคารพนับถือมาก ชื่อ พล.ต.ท.ณรงค์ อัลภาชน์ บิดาของ พล.ต.ต.ทรงธรรม อัชภาชน์

พี่ณรงค์เป็นตำรวจที่มาจากทางใต้ เป็นรองอธิบดีตำรวจ เป็นคนตงฉิน ห้องทำงานเก่าๆ ไม่ได้มีอะไรวิลิศมาหรา แต่นั่นมันเป็นเรื่อง 30-40 ปีที่แล้วมา วันนี้สังคมมันก้าวหน้าไปไกลแล้ว สมัยก่อนมันก็มีเรื่องบ่อนการพนัน ค้าของเถื่อน เรื่องทรัพยากรธรรมชาติ ตัดไม้ทำลายป่า เรื่องว่าจ้างคนไปฆ่าคนโน้นฆ่าคนนี้ แต่มายุคนี้มันมีทั้งโกงออนไลน์ มันมีทั้งการพนันออนไลน์ มันมีทั้ง Forex-3D มันมีโน่นมีนี่ ผลประโยชน์มันเลยเต็มไปหมด พอผลประโยชน์มันเต็มไปหมด ค่าใช้จ่ายตำรวจเดี๋ยวนี้มันแพง ลูกสาวเอย คุณนายเอย ต้องใช้กระเป๋ายี่ห้อราคาแพง ต้องส่งลูกไปเรียนเมืองนอก ไปอยู่อังกฤษบ้าง ไปอยู่อเมริกาบ้าง เงินเดือนตำรวจมันไม่พอ

ท่านผู้ชมครับ ตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นตำแหน่งที่ไม่ควรจะมีอำนาจ เพราะมันแย่งชิงตำแหน่งก็เพื่อปกครองตำรวจเกือบสามแสนคนทั่วประเทศไทย แล้วตำรวจพวกนี้มันไหลไปไหลมา ผู้กำกับการพญาไทที่มีเรื่องนี่ แต่ก่อนเป็นสารวัตรทางหลวง ตอนนี้ย้ายไปเป็นผู้กำกับพญาไท แต่ก็มีส่วนผูกพันกับทางหลวง ตำรวจคนไหนโดนเล่นงานที่นครบาล ก็ออกไปอยู่ภูธร เพราะฉะนั้นตำรวจต้องลงท้องถิ่นให้หมด ให้ อบจ. เขาดูแล แล้วให้ประชาชนที่เลือก อบจ. นั้น เขาตัดสินใจว่านายก อบจ. คนนี้เมื่อขึ้นมาเป็นนายก อบจ. แล้ว สามารถทำให้ท้องถิ่นได้ไหม บ่อนการพนันมีหรือเปล่า ตำรวจช่วยเหลือประชาชนหรือเปล่าในพื้นที่ ถ้าเป็นอย่างนั้น ถ้าคำตอบคือ ใช่ ใช่ๆๆ เป็นคนที่ดี คนก็เลือกนายก อบจ. ได้ แล้วเราเก็บตำรวจส่วนกลางและตำรวจภาคไว้บางส่วน ตำรวจภาคก็มีหน้าที่คอยทำเรื่องพิสูจน์หลักฐาน ทำเรื่องพิสูจน์หลักฐานเรียบร้อยแล้วยังมีหน่วยสืบสวนสอบสวนภาค ถ้าภาคไหนมีปัญหา จังหวัดไหนมีปัญหา ให้มาร้องเรียนที่ภาค ถ้าร้องเรียนที่ภาคแล้วไม่ได้ผล ก็เข้ามาส่วนกลาง คือสอบสวนกลาง ตำรวจกองปราบ ลงไปกวาดล้างผู้มีอิทธิพลทั้งหลายถ้าตำรวจท้องถิ่นไม่ทำงาน มันต้องมีการคานกันไปคานกันมา เพราะเรามี ผบ.ตร. คนหนึ่ง คุมตำรวจสามแสนกว่าคน


ท่านผู้ชมรู้ไหม ผบ.ตร. นี่สำคัญอยู่ 2 เรื่อง เรื่องแรก คือ อำนาจในการโยกย้ายแต่งตั้ง โยกย้ายแต่งตั้งคือการเอาลูกน้องตัวเองเข้าไปนั่งตำแหน่งสำคัญๆ รวมทั้งนักการเมืองด้วย พอโยกย้ายแต่งตั้งเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตำรวจที่มีสันดานไม่ดีก็เก็บเงินเก็บทองเขา เอ๊ย อยากขึ้นผู้การใช่ไหม 15 ล้าน 20 ล้าน อยากขึ้นผู้บัญชาการใช่ไหม 30-40 ล้าน 50 ล้าน มันเป็นของมันอย่างนี้ ท่านผู้ชม

เรื่องที่สองที่คนอยากเป็น ผบ.ตร. คือ ควบคุมการจัดซื้อจัดจ้าง งบประมาณจัดซื้อจัดจ้างของตำรวจปีหนึ่งๆ เป็นหมื่นล้าน นี่ล่่าสุดก็กำลังจะชิงกันแล้ว งบประมาณตำรวจ 7,000 ล้านบาท มีคนวิ่งเต้นกันตีนขวิดเลย มีใครบ้าง วันหลังผมจะเปิดให้ดูว่ามีใครบ้างวิ่งอยู่ตอนนี้

เพราะฉะนั้นแล้ว ผบ.ตร. มีอยู่ 2 อย่างนี้ โยกย้ายแต่งตั้ง จัดซื้อจัดจ้าง ถ้าตัดเรื่องโยกย้ายแต่งตั้งไป ให้ตำรวจลงไปในพื้นที่หมด ลงไปสู่ท้องถิ่น มันก็ไม่ต้องมาแข่งกันตั้งผู้การจังหวัด จังหวัดโน้นจังหวัดนี้ ใช่ไหมท่านผู้ชม ถ้าจะวิ่งก็วิ่งส่วนกลางเท่านั้น และตำรวจบางคนก็ต้องตัดใจทำงาน ต้องตัดใจยอมรับว่าถ้าลงท้องถิ่นแล้วคุณต้องเลือกเอา คุณจะลงท้องถิ่นหรือเปล่า ถ้าคุณไม่ลงท้องถิ่น ถ้าไม่มีงานทำ คุณก็อยู่ส่วนกลางแล้วรอเกษียณอายุ เท่านั้นเอง เพราะไม่มีงานอะไรให้คุณทำอีกแล้ว

ท่านผู้ชมครับ มาเฟียทุกจังหวัดมี นโยบายของคุณเศรษฐา ออกมาครั้งนี้ถือว่าใช้ได้อยู่ 3 เรื่อง ตำรวจ ทั้งระดับผู้บังคับการจังหวัด ถ้าลูกน้องทำอะไรผิดเรื่องราวใหญ่โต ต้องรับผิดชอบด้วย ไม่ใช่แค่ย้ายเขา หรือผู้การทำผิด ก็ย้ายผู้การ เหมือนผู้การจังหวัดนครปฐมถูกย้ายไปออกจากจังหวัดนครปฐม แต่พอเรื่องสงบก็อาจจะถูกย้ายกลับ มันไม่จบไม่สิ้น มันเป็นน้ำวนในอ่าง ท่านผู้ชมเห็นหรือยัง เฮียวันนี้ ย้ายไป แต่ความเฮียมันยังอยู่ แล้วสักพัก พอลืมแล้ว มีเส้นมีสายก็วิ่งกลับมาทำเฮียต่อ

แต่ทั้งหมดอำนาจในการย้ายตำรวจระดับผู้การ ระดับผู้กำกับจังหวัด ระดับผู้กำกับสอบสวน ระดับผู้กำกับสืบสวน ระดับผู้กำกับโรงพัก ให้ท้องถิ่นเขาจัดการ ความสำคัญของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจะไม่มีเหลือแล้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจะต้องมีอำนาจเฉพาะอะไร ? พัฒนา ส่งเสริม สร้างความรู้ให้วงการตำรวจ

ท่านผู้ชมครับ ผมอึดอัดใจมานานแล้ว เรื่องนี้ ตำรวจที่มันไม่ไปไหนเลย มันปรับโครงสร้างกันตั้งไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง พ.ร.บ. ตำรวจ พูดกันอยู่ตลอดเวลา คนนั้นก็บอก พ.ร.บ. ตำรวจผมดี ต้องมี พ.ร.บ.ใหม่ใช้ โน่นนี่นั่น ทุกอย่างดี มันไม่ใช่ มันคือน้ำวนในอ่าง แทบไม่ได้มีอะไรที่จะใหม่ขึ้นมาเลยแม้แต่นิดเดียว

เป็นไปทำไม ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ? ที่เป็น เพราะว่าคุมตำรวจสามแสนคน ก็อย่าให้ได้คุมสามแสนกว่าคนสิ เอาลงไปท้องถิ่น แล้วคนก็บอกว่าท้องถิ่นคนไม่พร้อม ใครบอกคุณล่ะว่าไม่พร้อม ? ก็คุณพูดอย่างนี้ตลอดเวลา คุณกันเอาไว้เพื่อไม่ให้ตำรวจสลายอำนาจใช่ไหม ศักดิ์ศรีพวกคุณมีหรือเปล่า วันนี้ ตำรวจวันนี้หิวแสงกันแทบจะทุกคนที่อยากเป็นใหญ่ ใครพูดเก่ง ทำเก่ง ซื้อสื่อมวลชนได้ มีโซเชียลมีเดียของตัวเองได้ คุณภาพตัวเองไม่มีก็ไม่เป็นไร ขอให้กระโดดเข้าไปจับเรื่องได้เร็ว

ที่คุณสุรเชษฐ์ หักพาล พลาด มีอยู่ 2 เรื่อง พลาดเรื่องแรกก็คือ ไม่จัดการตำรวจ 28 คนนั้น พลาดเรื่องที่สองก็คือ เอาความลับในการสอบสวนสืบสวนออกมาอธิบายให้สื่อมวลชนฟัง เพื่อต้องการให้ตัวเองมีแสง ผิดหมดเลยทั้งสองข้อ ผมไม่เห็นด้วย สองคนนี้ชิงตำแหน่ง ผบ.ตร. ต่อศักดิ์ สุขวิมล เหลือปีเดียว สุรเชษฐ์ หักพาล เหลือ 7 ปี จังหวะวันนี้เป็นจังหวะที่สุรเชษฐ์ หักพาล เห็นแล้วว่าต่อศักดิ์ สุขวิมล กำลังเพลี่ยงพล้ำ ก็เลยรุกหนักไปเลยทันที


ต่อศักดิ์เองอย่างน้อยก็มีผู้หลักผู้ใหญ่หนุนหลังอยู่ ก็คือพี่ชายซึ่งเป็นท่านราชเลขาฯ พล.อ.อ.สถิตย์พงษ์ สุขวิมล แต่จริงๆ แล้วตำรวจทุกคน ไม่ว่าจะเป็นสุรเชษฐ์ หักพาล หรือว่าต่อศักดิ์ ล้วนแล้วแต่รับใช้ราชสำนักเท่านั้น เป็นเพียงแต่ว่าความทะเยอทะยานของบางคนมันไม่เหมือนกัน บางคนอาจจะต้องพึ่งตรงนั้น แต่ถ้าตรงนั้นพึ่งไม่ได้ ก็ต้องไปพึ่งการเมือง

ท่านผู้ชมจำได้ไหมผมเคยพูดมาครั้งหนึ่งว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล นั้น พอพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว บิ๊กโจ๊กเห็นว่าพิธาอาจจะต้องได้เป็นนายกรัฐมนตรีอย่างแน่นอน ก็เลยเทตัวเองไปสุดลิ่มทิ่มประตูไปที่พิธา โดยผ่านรังสิมันต์ โรม แต่วันนี้พิธาตกกระป๋องแล้ว ก็เหลือแค่คู่แข่งคนเดียว คือ ต่อศักดิ์ สุขวิมล

ต่อศักดิ์ สุขวิมล ก็มีจุดอ่อนในการทำงานมากมายมหาศาล ก็เป็นจุดอ่อนที่สุรเชษฐ์ หักพาล สามารถจะหักต่อศักดิ์ สุขวิมล ได้ทุกๆ เรื่อง ถ้าหมดคู่แข่ง ต่อศักดิ์ สุขวิมล แล้ว โอกาสที่สุรเชษฐ์ หักพาล จะได้เป็น ผบ.ตร. ก็ยังมีสูงขึ้นกว่าเก่า จริงๆ มันเป็นการชิงระหว่างสองคนนี้เท่านั้นเอง ต่อศักดิ์ สุขวิมล กับ สุรเชษฐ์ หักพาล แต่ถ้าสุรเชษฐ์ หักพาล ขึ้นไปเป็น ผบ.ตร. ตั้ง 7 ปี ท่านผู้ชม คนเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติตั้ง 7 ปี น่ากลัวจริงๆ ท่านผู้ชม

เพราะฉะนั้นแล้ว ต้องสลายโครงสร้างตำรวจ ต้องลงท้องถิ่นให้ได้ พรรคเพื่อไทยก็ชอบนักไม่ใช่หรือที่จะให้ทุกอย่างลงท้องถิ่น ท่านนายกฯ เศรษฐา ท่านบอกเลยว่า ถ้านายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ในจังหวัด ในพื้นที่ ต้องโดนลงโทษด้วย และถ้ามีมาเฟียในจังหวัดไหน ผู้ว่าราชการจังหวัดก็ต้องโดนลงโทษด้วย เพราะผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้ปกครองหน่วยราชการที่สูงที่สุดในจังหวัดนั้น รวมทั้งนายทหาร กอ.รมน. ที่คุมจังหวัดนั้นด้วย มันถึงเวลาแล้วที่ต้องเอาผู้ใหญ่โดนกันทุกคน

ท่านผู้ชมครับ ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ แผลมีกันหมด ขึ้นอยู่กับว่าจะขุดเมื่อไร ก็ขุดได้ ไม่ใช่ขุดไม่ได้

ท่านผู้ชมเห็นหรือยังครับว่าเรื่องของกำนันนก เรื่องของสารวัตรแบงค์นั้น มันเป็นส่วนหนึ่งของภาพใหญ่ที่มันเละไปหมดแล้ว ถ้ายังคงใช้ ผบ.ตร. คนๆ หนึ่งคุมตำรวจสามแสนคนทั่วประเทศไทย ปัญหาก็เกิดขึ้นตลอดเวลา ไหนการโยกย้ายแต่งตั้งต้องเรียกเงินเรียกทอง ไหนผลประโยชน์ที่จะต้องส่งกันเป็นรายเดือน จากโรงพักไปถึงผู้การ จากผู้การไปถึงผู้บัญชาการ จากผู้บัญชาการไปถึงข้างบน ผบ.ตร. ได้เงินกันทุกคน รวย รวยมาก อย่าให้ผมพูดว่ารวยขนาดไหน ลองไปตรวจสอบที่พักที่อาศัยของตำรวจบางคนดูสิ ไม่ใช่ธรรมดา แล้วเงินทองมาจากไหนล่ะ ?

พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช
ท่านผู้ชมครับ สารวัตรแบงค์ ต้องไม่ตายฟรี ถ้าตำรวจวันนี้ ณ เวลานี้ ท่านผมว่าเชื่อใจใครมากที่สุด ผมเชื่อใจ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช มากที่สุด ผู้บัญชาการก้อง ซื่อสัตย์ แต่ยืนตรงกลางระหว่างต่อศักดิ์ กับ สุรเชษฐ์ ทำตัวไม่ถูก แต่เจ็บใจที่ลูกน้องตัวเองถูกฆ่าตาย นี่คือความจริงที่เจ็บปวด ท่านผู้ชม คนอย่างกำนันนกมีอีกเยอะในประเทศไทย ทำไมมันถึงมีเยอะ ท่านผู้ชมรู้หรือเปล่า ? เพราะตำรวจไม่ทำตัวให้สมศักดิ์ศรีการเป็นตำรวจไง มันถึงเกิดคนพวกนี้ขึ้นมาเยอะ แล้วในที่สุดวันนี้ก็พิสูจน์ชัดเจนแล้วว่า คนเป็นกำนันอายุ 35 สั่งโน่นสั่งนี่ สั่งตำรวจระดับนายพล ระดับผู้กำกับ มานั่งกินข้าวที่บ้านตอนสิ้นเดือนเพื่อมารับส่วยมัน เฮ้ย! พวกคุณมีศักดิ์ศรีกันบ้างหรือเปล่าวะ ?

ไหนๆ จะรับส่วยแล้ว ถ้ามึงจะให้กู มึงส่งมาให้กูแล้วกัน ไม่ต้องเรียกให้กูมาเสนอหน้าเพื่อให้มึงโชว์พาว นี่คือสิ่งที่ผมอยากจะอธิบายและระบายความรู้สึก

ใครก็ตามถ้าจะชิงตำแหน่ง ไม่ว่าจะต่อศักดิ์ หรือสุรเชษฐ์ ใครก็ตามที่ได้เป็น เอาคำพูดที่ผมพูดวันนี้ เอาไปคิดให้ดีๆ แล้วเชื่อผมสิ ท่านผู้ชม อย่าไปฟังไอ้พวกเจื้อยแจ้ว นักวิชาการ ผู้ชำนาญการตำรวจ ว่าต้องปรับโครงสร้าง ต้องออกพระราชบัญญัติตำรวจ ก็พระราชบัญญัติตำรวจ ออกมาตั้งกี่ครั้งแล้ว แล้วทำอะไรได้บ้าง และโครงสร้างก็มีอยู่เหมือนเดิม มันต้องรื้อโครงสร้าง เอาตำรวจลงท้องถิ่น

นี่คือความเห็นของผม ท่านผู้ชมครับ ขอโทษทีครับ พูดด้วยอารมณ์ หวังว่าคุณสุรเชษฐ์ หักพาล จะฟังผมแล้วดวงตาจะเห็นธรรม เพราะสิ่งที่ผมพูดนั้นเป็นความจริงที่มีหนึ่งเดียว ซึ่งคุณก็ใช้ประจำแล้วตอนนี้ ความจริงที่มีหนึ่งเดียวคือข้อเท็จจริงที่ผมพูดนั้นเป็นความจริงทั้งหมด สงบปากสงบคำไว้ได้ดีที่สุด

สหรัฐฯ แบนจีน จน CHIP หาย


เรื่องที่ผมจะพูดต่อไปนี้ ท่านผู้ชมจะเชื่อหรือเปล่าว่าการคิดค้นโทรศัพท์ของหัวเว่ยครั้งนี้ ที่ออกมาล่าสุด เป็นการเปลี่ยนเกมทางภูมิรัฐศาสตร์อย่างยิ่งใหญ่ที่สุด ทำไมแค่โทรศัพท์เครื่องเดียวของหัวเว่ย (Huawei) ที่ออกมาใหม่ ที่เขาบอกว่าเป็น เมท 60 โปร (Mate 60 Pro) รุ่นใหม่เอี่ยมเลย มันมีผลกระทบหลายมิติเหลือเกิน แล้วก็มีผลประทบให้เห็นว่าในขณะนี้อเมริกาตกเป็นเบี้ยล่างของจีนอย่างเห็นได้ชัด

มันมีเบื้องหน้าเบื้องหลังเยอะมากที่จะอธิบายถึงเรื่องโทรศัพท์มือถือแค่เครื่องเดียวที่ออกมาใหม่นี้ ของหัวเว่ย เมท 60 โปร เปลี่ยนเกมหลายๆ เกมในโลกนี้เลย เอาล่ะ ตามผมมาท่านผู้ชมครับ


วันอังคารที่ 12 กันยายน 2566 ตามเวลาในอเมริกา หรือเช้าวันพุธ 13 กันยายน ในประเทศไทย ตามเวลาบ้านเรา ได้มีการเปิดตัวสมาร์ทโฟนชื่อดัง คือ ไอโฟน (iPhone) คือไอโฟน 15 ของบริษัท แอปเปิล ท่านผู้ชมรู้ใช่ไหมว่าทุกๆ ปีในบ้านเรา พอแอปเปิลออกไอโฟนรุ่นใหม่มา ก็หนีไม่พ้นคนไทยจำนวนไม่น้อยจะเฮโลวิ่งไปตามกระแส วิ่งไปจอง ปกติธรรมดาแล้วถ้าใครได้ก่อนจะเอามาโพสต์โชว์ในโลกโซเชียลว่าฉันมีแล้ว สวยไหม รุ่นใหม่ เป็นการสร้างค่านิยมที่ฟุ่มเฟือยทางสังคมอย่างไม่ควรจะทำ

ทั้งนี้และทั้งนั้น คนพวกนี้ส่วนใหญ่ไม่ค่อยรับรู้รับทราบว่าก่อนหน้าที่ไอโฟน 15 จะออกวางจำหน่ายในอเมริกาและในโลกตะวันตก มันมีข่าวการเปิดตัวสมาร์ทโฟนอีกรุ่นหนึ่งของจีน คือ บริษัท หัวเว่ย เปิดตัวหัวเว่ย รุ่น เมท 60 โปร (Mate 60 Pro) แล้วเขาเปิดตัวแบบสายฟ้าแล่บเลยท่านผู้ชม ท่านผู้ชมเคยเห็นไหม สายฟ้าแล่บ นั่งเฉยๆ ไม่รู้ตัวเลย ฟ้าแล่บแปร๊บออกมาให้เห็นทันที


เขาไม่ได้มีการนัดแถลงข่าวล่วงหน้า ไม่ได้มีการแจ้งผู้สื่อข่าวว่าจะวางจำหน่ายโทรศัพท์รุ่นนี้ในวันดังกล่าว ไม่ได้มีการทุ่มโฆษณาอย่างมากมายมหาศาล หัวเว่ยเปิดให้ลูกค้าจองล่วงหน้า และแจ้งผู้จองว่า สามารถไปรับเครื่องได้วันแรก ในช่วงปลายเดือนสิงหาคม 2566 คือวันอังคารที่ 29 สิงหาคม

สังเกตอย่าง ท่านผู้ชมครับ หัวเว่ยเปิดตัวเมท 60 โปร ก่อนหน้าที่แอปเปิลจะเปิดตัวไอโฟน 15 ราวๆ สองสัปดาห์ แต่แม้ว่าจะเปิดตัวอย่างเงียบๆ ไม่มีงานแถลงข่าว ไม่มีโฆษณา ผู้สื่อข่าวของผมซึ่งตอนนี้อยู่ในประเทศจีน คุณท้อป กำลังเดินทางไปที่ซินเจียง และอยู่ที่ซินเจียงแล้ว บอกว่าตอนนี้โทรศัพท์รุ่นนี้ หัวเว่ย เมท 60 โปร ขาดตลาด หาซื้อกันไม่ได้แล้ว ราคาค่อนข้างสูง 6,999 หยวน หรือประมาณ 34,000 บาท แต่ก็ยังถูกกว่าไอโฟนเยอะ แต่เขาจะวางจำหน่ายขายเฉพาะในประเทศจีนเท่านั้น แต่ท่านผู้ชมเชื่อไหมว่าคนที่ตื่นเต้นกับหัวเว่ย เมท 60 โปร นั้นไม่ใช่เฉพาะคนจีน แต่เป็นฝรั่งตะวันตกด้วย ทั้งๆ ที่สมาร์ทโฟนรุ่นนี้ไม่ได้มีการวางขายในต่างประเทศเลยแม้แต่นิดเดียว ขายเฉพาะในประเทศจีน

ทั้งนี้ นอกจากเปิดตัวก่อนหน้าไอโฟนรุ่นใหม่เป็นเวลา 2 สัปดาห์แล้ว สมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดของหัวเว่ยยังเปิดตัวในช่วงเวลา ... เขากะเวลาเลยที่นางจีน่า ไรมอนโด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของอเมริกา เดินทางเยือนกรุงปักกิ่ง เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม เปิดตัววันเดียวกันเลย เพราะอะไร ? เป็นการตบหน้ารัฐมนตรีสหรัฐฯ ที่รับผิดชอบมาตรการการคว่ำบาตรทางเทคโนโลยีต่อจีน


นางไรมอนโด บอกกับนายหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ว่า ต้องการรักษาความสัมพันธ์ทางการค้ากับจีนที่มีมูลค่าสูงถึง 7 แสนล้านดอลลาร์ หรือราวๆ 24 ล้านล้านบาท และย้ำว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของอเมริกา ฝากแสดงจุดยืนว่าอเมริกาไม่ได้คิดจะแยกทางกับจีน แต่รัฐมนตรีหญิงคนนี้กลับแสดงท่าทีหน้าไหว้หลังหลอก ปฏิเสธคำขอของจีนที่ให้ลดมาตรการการควบคุมการส่งออกเทคโนโลยี โดยอ้างว่าอเมริกานั้นไม่เจรจาเรื่องที่เกี่ยวกับความมั่นคง

ท่านผู้ชมรู้ไหมว่า นางไรมอนโด ไม่รู้เลยว่าวันเดียวกับที่เธอเดินทางไปจีน และปฏิเสธ บอกปัดคำขอของจีนให้ผ่อนคลายมาตรฐานการส่งออกเทคโนโลยีวันนั้นเอง จีนได้ทำการเปิดตัวหัวเว่ย เมท 60 โปร อันเป็นการส่งสัญญาณของจีนไปถึงอเมริกา แสดงให้เห็นว่าจีนสามารถทำลายมาตรการการคว่ำบาตรของอเมริกาได้สำเร็จแล้ว และไม่จำเป็นต้องเป็นเบี้ยล่างทางเทคโนโลยีของอเมริกาอีกต่อไป


ท่านผู้ชมอาจจะถามว่า หัวเว่ย เมท 60 โปร มีดีอย่างไร ? ทำไมจึงไม่ใช่สมาร์ทโฟนธรรมดา แต่เป็นตัวเปลี่ยนเกม หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า Game Changer ที่ทำให้สื่อตะวันตก สื่อทั่วโลกถึงกับต้องหยิบยกมากล่าวถึงและวิเคราะห์กันอย่างละเอียดยิบ ขนาดไหน ? ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าเป็นเรื่องเป็นราวถึงขั้นที่สำนักข่าวอย่างบลูมเบิร์กวิ่งหาโทรศัพท์รุ่นนี้มาให้ผู้เชี่ยวชาญถอดออกมาเป็นชิ้นๆ และวิเคราะห์กันแบบชิ้นต่อชิ้นว่า จีนและบริษัท หัวเว่ย ทำอย่างไรถึงสามารถจะทำลายกำแพงการคว่ำบาตรทางเทคโนโลยีของอเมริกาได้อย่างที่ไม่เคยมีใครคาดคิดมาก่อน เดี๋ยวผมจะค่อยๆ เล่าให้ท่านผู้ชมฟังครับ


ท่านผู้ชมครับ เรื่องของหัวเว่ย และเทคโนโลยีอันนี้ ผมขอยืนยันกับท่านผู้ชมครับ มีที่นี่ที่เดียว ที่อธิบายให้ฟังอย่างลึกซึ้ง ท่านผู้ชมฟังที่นี่ที่เดียวท่านผู้ชมจะเข้าใจดีอย่างลึกซึ้ง มีการมองมิติภูมิรัฐศาสตร์

หัวเว่ย วันเปิดตัว 29 สิงหาคม วันแรกที่เมท 60 โปร ของหัวเว่ย วางจำหน่าย ได้รับการต้อนรับอย่างล้นหลาม ลูกค้าไปต่อคิวกันหน้าร้านหัวเว่ยในเมืองใหญ่ของจีน เพื่อรอรับเครื่อง แถวยาวเฟื้อย ทำให้สมาร์ทโฟนรุ่นนี้จำหน่ายหมดสต๊อก 8 แสนเครื่อง ในสองวันแรก ทำยอดขายทะลุ 1 ล้านเครื่อง ในระยะเวลา 5 วัน มีคาดการณ์ว่าหัวเว่ยจะสามารถเอาสมาร์ทโฟนรุ่นเมท 60 และ เมท 60 โปร ขายได้มากกว่า 15 ล้านเครื่อง


สำนักงานวิจัยการตลาดทางเทคโนโลยี ชื่อ IDC คาดการณ์วง่า สมาร์ทโฟน เมท 60 และเมท 60 โปร ของหัวเว่ย น่าจะขายได้ถึง 15 ล้านเครื่อง แม้ว่าจะจำหน่ายแค่ในประเทศ คำถามที่สำคัญคือ ทำไมการเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นเดียวของหัวเว่ย คือ หัวเว่ย เมท 60 โปร ถึงได้สามารถสร้างกระแสที่ฮือฮาและแรงกระเพื่อมในโลกเทคโนโลยีจนไปถึงเศรษฐกิจ ธุรกิจ ห่วงโซ่อุปทานการผลิต (Supply Chain) ไปจนถึงการเมือง การต่างประเทศ อย่างมากมายมหาศาล จนถึงขั้นว่าการเปิดตัวหัวเว่ย เมท 60 โปร ถือว่าเป็นตัวเปลี่ยนเกม หรือแปลเป็นภาษาอังกฤษก็คือ Game Changer ครั้งใหญ่ในรอบสิบปีที่ผ่านมา ตามผมมาครับ

ถ้าเราลองพิจารณาคุณสมบัติเด่นๆ ของโทรศัพท์รุ่นนี้ เราจะพบว่า เมท 60 โปร เป็นสมาร์ทโฟนที่สนับสนุนการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตด้วยความเร็วสูงระบบ 5G ทั้งยังทำความเร็วในการดาวน์โหลดได้เหนือกว่าโทรศัพท์ 5G ของยี่ห้อและรุ่นอื่นๆ ที่วางจำหน่ายในต่างประเทศเสียด้วยซ้ำ


นอกจากนั้นแล้ว หัวเว่ย เมท 60 โปร ยังสามารถใช้งานผ่านดาวเทียมเมื่ออยู่นอกพื้นที่ที่ไม่มีสัญญาณเลย ในพื้นที่่ห่างไกล หรือสถานการณ์ฉุกเฉิน เขาเชื่อมต่อกับระบบดาวเทียมของเมท 60 โปร นั้น ไม่ใช่แค่การส่งข้อความ ซึ่งผู้คนที่ใช้ไอโฟนก็สามารถจะโทรผ่านดาวเทียมได้ แต่ทำได้แค่ส่งข้อความ หรือ SMS แล้วก็เป็นลักษณะทางเดียว (One-way) แต่ของหัวเว่ย เมท 60 โปร เป็นการสื่อสาร Two-ways สองทาง ไป-กลับได้ สามารถโทรศัพท์หาปลายทาง สามารถทำได้แม้กระทั่งวิดีโอคอลผ่านการเชื่อมต่อดาวเทียมได้อีกด้วย


นอกจากนี้ หัวเว่ยยังได้พัฒนาระบบไว-ไฟ บลูทูธ และระบบจัดการพลังงานของตัวเอง ทั้งหมดนี้เอามาจับยัดใส่ในโทรศัพท์รุ่นนี้ทั้งหมด

แต่ท่านผู้ชมครับ คำตอบที่สำคัญของการเป็น Game Changer หรือตัวเปลี่ยนเกม ของหัวเว่ย เมท 60 โปร ไม่ได้อยู่ที่คุณสมบัติข้างต้นที่ผมเอ่ยไป หรือรูปลักษณ์ภายนอกของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ แต่ทั้งหมดมันอยู่ข้างในเครื่อง โดยองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดของสมาร์ทโฟนในยุคนี้คือ ชิป (Chip) ชิปคอมพิวเตอร์ หรือวงจรขนาดจิ๋ว ซึ่งเป็นหัวใจของสมาร์ทโฟนทุกรุ่น

สาเหตุที่หัวเว่ย เมท 60 โปร กลายเป็นการพูดจาแล้วน่าตื่นเต้น Talk of the Town เรียกว่ากลายเป็น Talk of the World ไปแล้ว ระดับโลกแล้วที่พูดกันเรื่องนี้ ทั้งๆ ที่เปิดตัววางจำหน่ายในประเทศจีนเมื่อ 29 สิงหาคม ที่ผ่านมา ไม่กี่อาทิตย์นี้เอง เพราะว่าสมาร์ทโฟนรุ่นนี้มีชิปที่หัวเว่ยคิดขึ้นมา แล้วใช้ชื่อว่า "คิริน 9000S" (Kirin 9000S) ผลิตโดยบริษัท เอสเอ็มไอซี (SMIC) ย่อมาจาก Semiconductor Manufactoring International Cooperation ซึ่งเป็นของจีนนั่นเอง


ชิป "คิริน 9000S" นั้น ใช้เทคโนโลยีการผลิตชิประดับ 7 นาโนเมตร ซึ่งระบุชัดเจนเป็นครั้งแรกว่า Made in China ทั้งหมด

หัวเว่ย เมท 60 โปร เป็นสมาร์ทโฟนเทคโนโลยี 5G รุ่นแรกที่หัวเว่ยวางจำหน่ายภายหลังหัวเว่ยถูกรัฐบาลอเมริกา ภายใต้การนำของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ในขณะนั้น คว่ำบาตรทางเทคโนโลยีตั้งแต่ปี 2562

จากการคว่ำบาตรในครั้งนั้นทำให้หัวเว่ยไม่สามารถซื้อหา Memory Chip เทคโนโลยีล่าสุดได้ และไม่สามารถจะผลิตโทรศัพท์สมาร์ทโฟน 5G รุ่นใหม่ๆ ได้นานถึง 3 ปี

การเปิดตัวหัวเว่ย เมท 60 โปร ครั้งนี้แม้ว่าจะวางจำหน่ายเฉพาะในตลาดในประเทศจีนเท่านั้น จึงถือว่าเป็นชัยชนะที่จีนมีต่อมาตรการคว่ำบาตรที่สหรัฐฯ สกัดกั้นการเติบโตทางเทคโนโลยีของจีนมานานกว่า 4 ปี


มาตรการการคว่ำบาตรดังกล่าวของรัฐบาลสหรัฐฯ ต่อหัวเว่ยเมื่อ 4 ปีที่แล้ว มุ่งไปที่ไหน ? เขาคว่ำบาตรมุ่งไปที่การฉุดรั้งและการจำกัดการเข้าถึงเทคโนโลยีในด้านการผลิตชิปของจีนให้อยู่ที่ 14 นาโนเมตร คือให้ผลิตได้แค่นั้น ขึ้นไปกว่านั้นไม่ให้ ซึ่งจะห่างจากเทคโนโลยีล่าสุด คือ 3 นาโนเมตร ไอโฟน 15 ที่วางขายนี้จะใช้ชิป A17 ผลิตโดย TSMC ของไต้หวัน จะห่างชั้นกับ 3 นาโนเมตร ถึง 7 ปี


คือพูดง่ายๆ ว่า หัวเว่ยถ้าทำแค่ชิป 14 นาโนเมตร ที่ถูกบังคับไม่ให้ต่ำกว่านี้ จะยังห่างกว่าชิปของไอโฟน 3 นาโนเมตร ระยะทางถึง 7 ปี ซึ่งกว่าพวกนี้จะเคลื่อนไปได้ต้องใช้เวลาตั้ง 7 ปี ตอนนั้นอเมริกาและไอโฟนไม่รู้ไปไหนแล้วก็ได้ แต่จากการที่หัวเว่ย เมท 60 โปร สามารถทำลายกำแพงนั้น โดยการใช้ชิป คิริน 9000S มีเทคโนโลยีของ 7 นาโนเมตร พิสูจน์ได้อย่างชัดเจน และนี่คือเหตุผลว่าทำไมทางตะวันตก โดยเฉพาะอเมริกา ถึงประสาทรับประทาน


เป็นเทคโนโลยีที่ไล่หลังเทคโนโลยีล่าสุดไม่ถึง 5 ปี และด้วยความมุ่งมั่น ขยันในการพัฒนา ทำงานวิจัย ที่หัวเว่ยและประเทศจีนทุ่มลงไปในเรื่องของชิปเทคโนโลยีระยะทาง 5 ปี ที่คุยกันนั้นอาจจะยาวเกินไป ผมว่าไม่เกิน 2-3 ปีนี้ จีนก็จะเริ่มกระโดดก้าวไปสู่ 3 นาโนเมตรแล้ว


ท่านผู้ชมครับ เรามีภาพที่จะแสดงออก เป็นภาพเปรียบเทียบเทคโนโลยีชิปที่ใช้ 14 นาโนเมตรกับ 7 นาโนเมตร จะเห็นได้ชัดถึงความแตกต่างของขนาด


(บน) ชิปประมวลผลที่มีขนาดเท่ากัน แต่ภาพซ้ายคือชิปประมวลผลที่ใช้เทคโนโลยี 14 นาโนเมตร สามารถบรรจุทรานซิสเตอร์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขนาดจิ๋ว ซึ่งใช้ควบคุมกระแสไฟฟ้า 3,500 ล้านตัว ส่วนชิปทางขวา คือชิปประมวลผลที่ใช้เทคโนโลยี 7 นาโนเมตร สามารถบรรจุทรานซิสเตอร์ได้มากถึง 9,800 ล้านตัว จาก 14 ชิป นาโนเมตร ซึ่งบรรจุได้แค่ 3,500 ล้านตัว มาเป็น 7 นาโนเมตร บรรจุได้ถึง 9,800 ล้านตัว มากกว่า 14 นาโนเมตร ถึง 2.8 เท่าตัว หมายถึงว่าพลกำลังและประสิทธิภาพในการประมวลผลของชิปนั้นได้เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล

ทั้งนี้และทั้งนั้น นอกจากตัวชิปประมวลผลแล้ว ท่านผู้ชมต้องทราบเป็นข้อมูลเบื้องต้นว่าการคว่ำบาตรจีนออกจากอุตสาหกรรมชิปนั้น อเมริกาไม่ได้ทำเฉพาะการแบนบริษัทอเมริกาจากการขายชิปให้หัวเว่ย หรือบริษัทไฮเทคจีนเท่านั้น แต่อเมริกาขึ้นบัญชีดำของหัวเว่ย และบริษัทผลิตชิปของจีน คือ SMIC ท่านผู้ชมครับ อเมริกาห้ามบริษัททุกประเทศทั่วโลกใช้เทคโนโลยีของอเมริกาในการผลิตไมโครชิปให้กับบริษัทของจีน ทั้งบริษัทไมโครชิปของไต้หวัน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น

นอกจากนี้ อเมริกายังล็อบบี้ให้บริษัท ASML ของเนเธอร์แลนด์ ไม่ให้ขายเครื่องจักรผลิตชิป เพราะชิปนี้ต้องพึ่งเครื่องจักร และ ASML ของเนเธอร์แลนด์เป็นบริษัทเดียวในโลกนี้ที่ผลิตเครื่องจักรผลิตชิปในระดับนาโนเมตรชั้นต่ำๆ คือพูดง่ายๆ ว่าถ้าจะผลิตชิปที่มีพลานุภาพแล้ว ต้องใช้เครื่องจักรนี้ อเมริกาห้าม ไม่ให้ส่งออกไปที่จีน

หัวเว่ย เมท 60 โปร เปิดตัวขึ้นโดยใช้ชิป 5G ซึ่งสามปีแล้วหัวเว่ยใช้ไม่ได้ เพราะถูกบล็อกหมด อเมริกาพยายามใช้ทุกวิถีทางไม่ให้จีนผลิตได้ ด้วยเหตุนี้ ฝรั่งตะวันตกเลยตกตะลึงว่าจีนทำได้อย่างไร มาตรการคว่ำบาตรที่อเมริกาบีบบังคับผู้ผลิตชิปทั่วโลก ได้ถูกพิสูจน์แล้วว่า คุณบล็อกจีนจากผู้ผลิตชิปทั่วโลก แต่คุณบล็อกไม่อยู่


ท่านผู้ชมรู้ไหม เรื่องตลก วันที่ 5 กันยายน หลังจากการวางจำหน่ายหัวเว่ย เมท 60 โปร ได้ราว 1 สัปดาห์ นายเจก ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติอเมริกา ตกใจ ประกาศว่าจะดำเนินการสืบสวนว่าบริษัทจีนสามารถผลิตชิปไฮเทคได้อย่างไร มีใครฝ่าฝืนมาตรการคว่ำบาตรของอเมริกาหรือไม่

เมื่อสื่อและหน่วยงานต่างๆ ของอเมริกาตรวจสอบชิป คิริน 9000S ขนาด 7 นาโนเมตร ที่หัวเว่ย เมท 60 โปร ใช้ ก็มีการตั้งข้อสงสัยว่าชิปคิริน 9000S อาจจะใช้ต้นแบบมาจากเมโมรีชิปที่ผลิตมาจากบริษัทผลิตชิปที่เกาหลี ชื่อ SK Hynix จากเกาหลีใต้ ที่หัวเว่ยซื้อมาสต๊อกเอาไว้ตั้งแต่สหรัฐฯ จะบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตร แต่ทาง SK Hynix ของเกาหลีใต้ ก็ยืนยัน ปฏิเสธว่า ได้ปฏิบัติตามมาตรการจำกัดการส่งออกของรัฐบาลอเมริกาอย่างเคร่งครัด ยินดีให้ตรวจสอบ จนกระทั่งผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีระบุว่า ชิป คิริน 9000S มีโครงสร้างคล้ายกับชิปที่ผลิตโดย SMIC ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิปของจีน โดยบนชิประบุชื่อ HISILICON ซึ่งเป็นหน่วยงานออกแบบของหัวเว่ย อาจจะเป็นผู้ผลิตขึ้น โดยหัวเว่ยอาจจะซื้อเทคโนโลยีและอุปกรณ์จาก SMIC เพื่อผลิตชิป คิริน 9000S ขึ้นด้วยตัวเอง หลังจากถูกอเมริกาขึ้นบัญชีดำเมื่อเดือนพฤษภาคม ตั้งแต่ปี 2562


เรื่องของชิป แล้วก็อเมริกาบล็อกเทคโนโลยีจากจีนนั้นมันมีเรื่องที่ดรามา ถ้าท่านผู้ชมติดตามเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้น รายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ผมเคยพูดเรื่องนี้เรื่อยมาตั้งแต่การจัดรายการนี้ช่วงแรกๆ ท่านผู้ชมเชื่อหรือเปล่า ผมพูดในรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ตอนที่ 36 ท่านผู้ชมลองย้อนหลังดูว่านานขนาดไหน ผมใช้หัวข้อว่า "ทำไม? อเมริกากลัว 5G HUAWEI" ออกอากาศเมื่อวันศุกร์ที่ 5 มิถุนายน 2563 สามปีครึ่งที่แล้ว ผมพูดมาก่อนล่วงหน้าแล้ว


นอกจากนี้ ต่อมาผมยังเล่าเรื่องเบื้องหลังของการที่สหรัฐเมริกาลุแก่อำนาจ จับตัวนางเมิ่ง หว่านโจว ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินของหัวเว่ย และลูกสาวของนายเหริน เจิ้งเฟย ผู้ก่อตั้งหัวเว่ย เอาไว้เป็นตัวประกันถึงเกือบสามปี


นางเมิ่ง หว่านโจว ถูกจับกุมตัวระหว่างแวะเปลี่ยนเครื่องที่ท่าอากาศยานนานาชาติที่แวนคูเวอร์ แคนาดา ในวันที่ 1 ธันวาคม 2561 ตามหมายจับของอเมริกา ในข้อกล่าวหาว่าฉ้อโกงธนาคาร ชี้นำธนาคาร HSB Holding ในทางที่ผิด เกี่ยวกับธุรกรรมของหัวเว่ยในอิหร่าน เป็นเหตุให้ HSBC ละเมิดมาตรการคว่ำบาตรของอเมริกา เธอถูกจับกุมไว้ที่แคนาดายาวนานเกือบ 3 ปี คุมตัวไว้ที่บ้าน ก่อนจะถูกปล่อยตัวกลับจีนเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2564 เธอกลับจีนในฐานะที่เป็นฮีโร่ เธอเดินลงจากเครื่องบิน ซึ่งจีนส่งแอร์ไชน่า โบอิ้ง 747 ไปรับเธอมา คนเดียวเลย คนในประเทศจีนปรบมือให้กับเธอ เพราะเธอเป็นวีรสตรีของจีนที่ไม่หวั่นกลัวอำนาจของอเมริกาที่จับเธอ เธอลุกขึ้นมาสู้ เปิดหน้าชก เธอจ้างทนายแล้วเธอก็ฟาดฟันกลับไป


การคว่ำบาตร ขึ้นบัญชีดำหัวเว่ยของอเมริกาตั้งแต่ปี 2562 ไม่เคยประสบผลสำเร็จ ที่จะตัดแขนตัดขายักษ์ใหญ่โทรคมนาคมของจีนให้พิการ ขนาดจับลูกสาวผู้ก่อตั้งบริษัทหัวเว่ยเป็นตัวประกัน หัวเว่ยยังไม่ยอมแพ้ แล้วหัวเว่ยกลับมาตบหน้าอเมริกา ทำให้โลกตะลึงด้วยการเปิดตัว หัวเว่ย เมท 60 โปร ซึ่งเป็นสมาร์ทโฟนระดับ Hi end นับเป็นฝันร้ายของอเมริกาทีเดียว

ถือว่าเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สมาร์ทโฟนของจีนที่หัวเว่ยประกาศชัยชนะเหนืออเมริกาที่เจตนาคว่ำบาตรจีน ขึ้นบัญชีดำหัวเว่ย ไม่ยอมให้หัวเว่ยใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ ซึ่งเจ้าของคือบริษัท Google หรือ Alphabet ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อยู่ภายใต้การควบคุมของอเมริกาในตลาดต่างประเทศได้ ทำให้ส่วนแบ่งตลาดและยอดขายทั่วโลกของหัวเว่ย ที่ผงาดขึ้นเป็นคู่แข่งแอปเปิล และซัมซุง ลดจากปีทองเมื่อปี 2562-2563 ที่หัวเว่ยส่งออกสมาร์ทโฟนได้ถึง 240.6 ล้านเครื่อง


ช่วงสามปีที่ผ่านมา ที่ถูกแบน หัวเว่ยประสบปัญหาในการจำหน่ายตลาดนอกประเทศจีน รวมทั้งประเทศไทยด้วย เนื่องจากไม่สามารถใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ได้ หัวเว่ยสู้กลับ! สร้างระบบปฏิบัติการหงเมิ่ง หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า HarnomyOS ขึ้นมาใช้ในจีนเอง


ที่เลวร้ายยิ่งกว่านั้น สหรัฐฯ โน้มน้าวในหลายประเทศในโลกตะวันตก เช่น อังกฤษ แคนาดา เดนมาร์ก สวีเดน เอสโทเนีย ลัตเวีย และลิทัวเนีย ให้แบนหัวเว่ยจากเครือข่าย 5G ใหม่ของพวกเขา เพราะหัวเว่ยไปรับจ้างติดเครือข่าย 5G ทำให้ยอดขายสมาร์ทโฟนหัวเว่ยลดลง ส่วนแบ่งการตลาดทั่วโลกของหัวเว่ยในปี 2563 นั้นลดลงเหลือแค่ 15 เปอร์เซ็นต์ แต่หัวเว่ยกลับสู้กลับด้วยการพึ่งพาเทคโนโลยีของตัวเองแบบ "จีนทำ จีนใช้ จีนเจริญเอง"


การคว่ำบาตรไม่ได้ทำให้บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านโทรคมนาคมของจีนหยุดชะงัก แต่กลับเป็นแรงผลักดัน แรงแค้น ทำให้หัวเว่ยเริ่มสำรวจตลาดและทำธุรกิจใหม่ๆ เมื่อปลายปี 2565 ที่ผ่านมา ผลประกอบการของหัวเว่ยในช่วงหกเดือนแรกของปี 2566 รายได้รวมหัวเว่ยอยู่ที่ 310,000 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 3.1 เปอร์เซ็นต์ เทียบกันปีต่อปี อัตรากำไรสูงสุดอยู่ที่ 15 เปอร์เซ็นต์

ท่านผู้ชมครับ ประเด็นอยู่ที่ไหน ? ประเด็นอยู่ที่ หัวเว่ย เมท 60 โปร เป็นประจักษ์พยานพิสูจน์ว่ามาตรการการคว่ำบาตรทางเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ไม่สามารถทำให้จีนพ่ายแพ้ได้ แต่ในทางตรงกันข้าม ยิ่งถูกกดดัน บีบคั้น จีนยิ่งพัฒนาเทคโนโลยีของตัวเองเพื่อปลดแอกจากการพึ่งพาต่างชาติ

ท่านผู้ชมครับ วันนี้จีนสามารถเป็นอิสระทางเทคโนโลยีสมาร์ทโฟนครบทั้ง 3 องค์ประกอบหลัก องค์ประกอบแรก คือ ฮาร์ดแวร์ ซึ่งชิ้นส่วนที่สำคัญที่สุดก็คือ ไมโครชิป หัวเว่ยสามารถผลิตชิปขนาด 7 นาโนเมตร ได้ด้วยตัวเอง บริษัทอื่นของจีนกำลังวิจัยเทคโนโลยีไมโครชิปอย่างขะมักเขม้น เพราะฉะนั้นแล้ว อีกไม่กี่ปี ผมว่าไม่เกินสองปี เดี๋ยวก็จะมีชิปที่มีพลังพลานุภาพมากกว่า 7 นาโนเมตรที่ผลิตโดยประเทศจีนเอง โดยที่ไม่ต้องพึ่งการสั่งเข้ามาจากอเมริกา


สอง ระบบปฏิบัติการ ปัจจุบันระบบปฏิบัติการหลักของสมาร์ทโฟนในโลกมี 2 ระบบ iOS ของไอโฟน ค่ายแอปเปิล Android ของค่ายกูเกิล ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นบริษัทของสหรัฐฯ อยู่ในความควบคุมของรัฐบาลอเมริกัน หลังจากที่อเมริกาใช้มาตรการคว่ำบาตร ทำให้มือถือที่ผลิตโดยหัวเว่ยไม่สามารถใช้ระบบแอนดรอยด์ได้ หัวเว่ยไม่ยอมแพ้ เขาปฏิบัติการพัฒนาระบบปฏิบัติการของตัวเองชื่อ HarmonyOS โดยสมาร์ทโฟน สมาร์ทวอตช์ อุปกรณ์เทคโนโลยีหัวเว่ย ได้เปลี่ยนผ่าน เลิกใช้ระบบแอนดรอยด์ ไปใช้ระบบปฏิบัติการ Harmony ทั้งหมดแล้ว

สาม แอปพลิเคชัน ขณะที่คนทั่วโลกต้องพึ่งแอปพลิเคชัน อย่างกูเกิล ยูทูบ ทวิตเตอร์ และเฟซบุ๊ก แต่ในประเทศจีนได้แบน ห้ามเข้าถึงแอปพลิเคชันเหล่านี้อยู่แล้ว ชาวต่างชาติวิจารณ์ว่าชาวจีนปิดกั้นคนจีน ไม่ให้ใช้แอปพลิเคชันของต่างชาติ ปิดหูปิดตาประชาชน ทำให้สังคมล้าหลัง แต่มันเป็นทัศนคติของคนต่างชาติที่ต้องพึ่งพาระบบนิเวศ Eco System ทางเทคโนโลยีของชาติตะวันตก

ผู้สื่้อข่าวที่เคยประจำประเทศจีนพบว่าประชาชนชาวจีนไม่ได้มีความยากลำบากแม้แต่น้อยในชีวิตประจำวัน เขาใช้สมาร์ทโฟนในการจ่ายเงินซื้อสินค้าแพร่หลายยิ่งกว่าประเทศอื่นๆ สื่อสังคมออนไลน์ และแอปพลิเคชันต่างๆ ที่เราใช้กันประจำทุกวัน จีนก็มีเหมือนกัน เพียงแต่ว่าเป็นแอปพลิเคชันของจีนเอง

การมีระบบนิเวศทางเทคโนโลยี หรือ Eco System ทางเทคโนโลยีของตัวเอง มันไม่ใช่เป็นความล้าหลัง แต่เป็นความก้าวหน้าที่เขาต้องพึ่งพาตัวเองได้ ไม่ต้องตกเป็นเครื่องมือของการโฆษณาชวนเชื่อของตะวันตกที่เผยแพร่ข่าวสารตามทัศนะของตัวเอง สามารถเซ็นเซอร์ข้อมูลตัวเองที่ไม่ประสงค์ ถึงแม้บางเรื่องจะเป็นความจริงก็ตาม ที่สำคัญที่สุด รายได้จากสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ ก็เป็นของบริษัท สัญชาติจีน ไม่ใช่ของบริษัทต่างชาติ


ท่านผู้ชมครับ อย่างที่ผมพูดไปแล้วว่า เมื่อไม่กี่ปีก่อน ในช่วงกลางปี 2563 หัวเว่ยเคยเป็นแบรนด์ที่มียอดจำหน่ายสมาร์ทโฟนสูงที่สุดของโลก แซงหน้าซัมซุง และแอปเปิล แต่หลังจากหัวเว่ยเผชิญมาตรการคว่ำบาตรทางเทคโนโลยีจนไม่สามารถวางตลาดสมาร์ทโฟนรุ่น 5G ได้ ท่านผู้ชมครับ ถูกบล็อก คนที่ได้ประโยชน์มากที่สุดคือแอปเปิล ส่วนแบ่งการตลาดของหัวเว่ยในจีนลดลงจาก 27 เปอร์เซ็นต์ ในปี 2563 เหลือแค่ 11 เปอร์เซ็นต์ ในปีนี้ ลดลงกว่าครึ่ง


ขณะที่ส่วนแบ่งการตลาดของไอโฟน ในช่วงเวลาเดียวกัน ทำรายได้จากจีน ขึ้นจาก 11 เปอร์เซ็นต์ เป็น 19 เปอร์เซ็นต์ นายทิม คุก CEO ของแอปเปิล เดินทางเยือนประเทศจีนหลายครั้ง ได้รับการต้อนรับอย่างดีจากประเทศจีน แต่หลังจากที่หัวเว่ย เมท 60 โปร เปิดตัวได้ไม่กี่วัน วันที่ 7 กันยายน จีนออกประกาศห้ามเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลาง รัฐบาลท้องถิ่น รวมทั้งพนักงานรัฐวิสาหกิจทั่วประเทศ ให้ใช้ไอโฟน และโทรศัพท์แบรนด์ต่างชาติ ไอโฟน หรือซัมซุง ในการทำงาน ท่านผู้ชมรู้ไหมอะไรเกิดขึ้น ? ประกาศดังกล่าวทำให้หุ้นบริษัทแอปเปิลร่วงถึง 6.4 เปอร์เซ็นต์ สูญเสียมูลค่าไป 2 แสนล้านดอลลาร์ คิดเป็นเงินไทยคือ 7.1 ล้านล้านบาท ตั้งแต่ช่วงวันที่ 6-7 กันยายน ที่ผ่านมา เพราะอะไร ? เพราะว่าจีนเป็นหนึ่งในตลาดใหญ่ที่สำคัญที่สุดของแบรนด์ ยอดขายของไอโฟนในจีน รวมไต้หวันและฮ่องกง คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 20-25 เปอร์เซ็นต์ หรือราวๆ 1 ใน 4 หรือ 1 ใน 5 ของยอดขายทั่วโลก สูงมากครับ


นโยบายของรัฐบาลจีนทำให้กระทรวงและหน่วยงานส่วนกลางจีนได้จำกัดการใช้ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ต่างประเทศในการทำงาน ตั้งแต่ช่วงปี 2563 หลังจากนั้นมาตรการดังกล่าวได้ขยายไปบังคับกับพนักงานรัฐวิสาหกิจ รัฐบาลท้องถิ่นระดับจังหวัด และเมือง

พนักงานคนหนึ่งของบริษัทในกรุงปักกิ่งที่รัฐบาลเป็นเจ้าของ บอกว่า เธอได้รับแจ้งเมื่อต้นเดือนกันยายนนี้ ถึงประกาศล่าสุด ห้ามนำหูฟังไร้สาย (Air Pod) และนาฬิกา Apple Watch เข้าไปในที่ทำงาน


คำสั่งห้ามมีผลบังคับใช้กับแผนกที่เกี่ยวข้องกับความลับทางการค้า เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมนี้ อีกไม่กี่อาทิตย์นี้แล้ว และจะบังคับใช้กับพนักงานทุกคนอย่างเคร่งครัด ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 บริษัทของรัฐบาลหลายแห่งในจีนแนะนำให้พนักงานหลีกเลี่ยงการใช้ไอโฟนมาตั้งแต่ช่วงสามปีที่ผ่านมา พนักงานส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ใช้ไอโฟนเข้าไปทำงานตั้งแต่มีประกาศ แม้ว่าตัวเองอาจจะใช้ไอโฟนในชีวิตส่วนตัวก็ตาม

ประกาศล่าสุดยิ่งเพิ่มความเข้มงวดและขยายการบังคับใช้ จะส่งผลกระทบต่อยอดขายไอโฟนและสินค้าอื่นๆ ของแอปเปิลในจีนอย่างแน่นอน เพราะข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน จีนมีเจ้าหน้าที่กว่า 56 ล้านคน ขณะที่ก่อนหน้านี้แอปเปิลคาดว่าปีหน้า (2567) บริษัทฯ จะสามารถขายไอโฟนในจีนได้ถึง 45 ล้านเครื่อง

ประเด็นอยู่ที่ไหน ? ประเด็นอยู่ที่ว่าถ้าจีนสั่งแบนไม่ให้เจ้าหน้าที่รัฐ พนักงานรัฐวิสาหกิจ ใช้ไอโฟนแล้ว จะเกิดสถานการณ์คู่ค้าเอกชนจีน รวมทั้งประชาชนจีนอื่นๆ จะชะลอซื้อสินค้าไอโฟนอีกหรือเปล่า แอปเปิลอีกหรือเปล่า เพราะคนจีนตอนนี้ หัวเว่ยเป็นตัวแทนของการต่อสู้กับประเทศทางตะวันตก หัวเว่ยเป็นอาวุธที่พิสูจน์ได้ชัดว่าจีนสามารถจะป้องกันตัวเแงและรุกกลับประเทศตะวันตกได้

ท่านผู้ชมคิดดูง่ายๆ จู่ๆ ลูกค้าหายไป 50 ล้านคน อาจจะ 100 ล้านคน เสียด้วยซ้ำ มากกว่าประชากรคนไทยทั้งประเทศ แอปเปิลจะได้รับผลกระทบอย่างกระอักเลือดหรือไม่

จากกรณีดังกล่าว อเมริกา นักเลงโต อันธพาลโลก พยายามออกมาโวยวายว่าจีนใช้มาตรการกีดกันทางการค้า จีนก็บอกว่า ทีเอ็งข้าไม่ว่า ทีข้าเอ็งอย่ามาโวย เพราะก่อนหน้านั้นอเมริกาสั่งแบน ห้ามใช้อุปกรณ์โทรคมนาคมของหัวเว่ย และบริษัท ZTE บริษัทโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่อีกแห่งของจีน โดยอ้างว่าอุปกรณ์ของบริษัททั้งสองมีความเสี่ยงที่ยอมรับไม่ได้ต่อความมั่นคงแห่งชาติของอเมริกา นอกจากนี้ อเมริกายังห้ามสมาชิกรัฐสภา และผู้แทนราษฎร ในหลายเมือง ไม่ให้ใช้แอพลิเคชัน TikTok ในสมาร์ทโฟน โดยอ้างว่ารัฐบาลจีนอาจจะล้วงความลับข้อมูลผู้ใช้ เพราะ TikTok มีบริษัทแม่สัญชาติจีนนั่นเอง

ท่านผู้ชมครับ ไม่เพียงแต่ไอโฟน และอุปกรณ์สื่อสารต่างๆ รวมทั้ง Gadget ของแอปเปิลที่ได้รับผลกระทบ ก็คือ Air Pod บ้าง Apple Watch บ้าง จากมาตรการโต้กลับครั้งนี้ของจีนที่มีหัวหอกเป็นสมาร์ทโฟน เมท 60 โปร หัวเว่ย


แต่มาตรการคว่ำบาตรทางเทคโนโลยีของอเมริกาที่ใช้กับจีน ส่งผลกระทบต่อทุกฝ่าย รวมทั้งอเมริกา ซึ่งเป็นคนออกมาตรการนี้ด้วย พันธมิตรไมโครชิป หรือที่เขาเรียกว่า Chips 4 Alliance คือ อเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และ ไต้หวัน ที่รวมตัวกันกีดกันจีน ทั้งหมดสูญเสียผลประโยชน์ที่เคยได้รับจากการร่วมมือของจีน ท่าผู้ชมตามผมมา เราเริ่มที่อเมริกาก่อน คนผลิตชิปรายใหญ่ที่สุดของอเมริกา มีอยู่ 3 เจ้า คือ intel, Qualcomm และ ENVIDIA สามเจ้านี้เคยมีจีนเป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุด ท่านผู้ชมรู้ไหม มีสัดส่วนราว 30 เปอร์เซ็นต์ ของรายรับรวม มูลค่า 52,200 ล้านดอลลาร์ ในปี 2565 มีการประเมินว่าบริษัทผลิตชิปของอเมริกาจะสูญเสียรายได้ราวๆ 2,500 ล้านดอลลาร์ หรือ 90,000 ล้านบาท จากมาตรการการคว่ำบาตรของจีน


ผู้บริหารสหรัฐฯ เทคโนโลยอเมริกาบอกว่า แน่นอนว่าในระยะสั้นจีนจะเจ็บ แต่ระยะยาว การแทรกแซงทางการเมืองเช่นนี้จะบีบบังคับให้บริษัทจีนต้องหาทางเลือกอื่น และหากบริษัทจีนมีทางเลือกอื่นแล้ว ก็จะไม่หันกลับมาซื้อของจากอเมริกาอีกต่อไป ชัยชนะของหัวเว่ยต่อการคว่ำบาตรของอเมริกาจะสร้างความเสียหายอย่างมากต่อซัปพลายเออร์ทางเทคโนโลยีเดิม รวมทั้งบริษัทชิปของอเมริกา เช่น intel, Qualcomm และ ENVIDIA ซึ่งสูญเสียรายได้อย่างมหาศาล ทำให้งบประมาณด้านงานวิจัยและพัฒนาของบริษัทลดลง ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความสามารถในการแข่งขันในระยะยาวของบริษัทที่จะเกิดขึ้น


เรามาลองฟังนายแพ็ค เกลซิงเกอร์ CEO ของ intel ซึ่งเป็นบริษัทผลิตขิปยักษ์ใหญ่ในอเมริกา นายแพ็ค บอกว่า ถ้าไม่มีคำสั่งซื้อจากลูกค้าชาวจีน แรงจูงใจในการดำเนินโครงการต่างๆ ของบริษัท intel จะลดน้อยลงไปมากตามนโยบายส่งเสริมศักยภาพชิป ในกฎหมาย Chips and Science Act ของปี 2022 เป็นจดหมายที่ตั้งเป้าในการจัดหางบประมาณจำนวน 52,700 ล้านดอลลาร์ ในอเมริกา เพื่อใช้เป็นแรงจูงใจสำหรับการตั้งโรงงานผลิตเซมิคอนดักเตอร์ในอเมริกา หรือเพื่อสนองอเมริกานั่นเอง แต่ความจริงนั้นปรากฏจากปาก CEO ของ intel คือ นายแพ็ค เกลซิงเกอร์ บอกว่า โรงงานที่เขาวางแผนเอาไว้ของ intel ในรัฐโอไฮโอ จะต้องเลื่อนออกไปอีก เพราะอเมริกาแพ้ภัยตัวเอง


ส่วน Qualcomm เป็นบริษัทชิปอเมริกาอีกแห่งหนึ่งที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากการที่บริษัทจีน อย่างเช่น SMIC และหัวเว่ย สามารถผลิตชิปของตัวเองได้ เนื่องจากในหลายปีที่ผ่านมา หัวเว่ยเป็นหนึ่งในลูกค้ารายใหญ่ที่สุดของ Qualcomm 2566 หัวเว่ยซื้อชิปจาก Qualcomm ประมาณ 23-25 ล้านชิ้น 2566 หัวเว่ยซื้อชิปจาก Qualcomm ประมาณ 40-42 ล้าชิ้น และเดิมทีก่อนที่หัวเว่ยจะเปิดตัวชิป คิริน 9000S ในสมาร์ทโฟนรุ่น เมท 60 โปร คาดกันว่าปี 2567 (นี่คือก่อนที่หัวเว่ยจะเปิดตัวสมาร์ทโฟนตัวใหม่) คาดกันว่าหัวเว่ยจะต้องซื้อชิปจาก Qualcomm มากถึง 50-60 ล้านชิ้น แล้วถ้าตอนนี้ยอดสั่งซื้อหายไป Qualcomm อาจจะขาดทุน สูญเสียรายได้ไปถึง 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 350,000 ล้านบาท

ส่วนอีกสามประเทศที่เป็นลิ่วล้ออเมริกา ก็จะกระทบหนักเช่นกัน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ต้องสูญเสียลูกค้าขนาดใหญ่ คือ จีน ที่แต่ก่อนสั่งซื้อไมโครชิปผลิตโดยสองประเทศนี้ โดยเฉพาะซัมซุง และ SK Hynix ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของเกาหลีใต้ 2564 ผลิตให้แบรนด์ของจีนมากถึง 40 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็นมูลค่า 128,000 ล้านดอลลาร์

สถานการณ์เกาหลีใต้แตกต่างจากไต้หวัน เพราะไต้หวันลูกค้าส่วนใหญ่อยู่ในอเมริกา สัดส่วนของจีนที่ซื้อจาก TSMC ของไต้หวันเพียง 10 เปอร์เซ็นต์


ด้วยเหตุนี้ กระทรวงเศรษฐกิจของเกาหลีใต้กังวลเป็นอย่างยิ่งว่ารัฐบาลจีนจะใช้มาตรการตอบโต้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมไมโครชิปเกาหลีใต้ ถึงกับออกตัวเลยว่า พันธมิตร Chip 4 Alliance เป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและเทคโนโลยี ไม่ใช่พันธมิตรด้านการผลิต และไม่ใช่พันธมิตรเพื่อต่อต้านจีน เอาล่ะสิ กระโดดตัวยาวแล้ว พออะไรกระเทือนกระเป๋าของตัวเอง เงินทองเริ่มหายไป ก็เริ่มสำนึกแล้ว

แม้กระทั่งไต้หวัน ซึ่งมี TSMC ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิปที่ทันสมัยที่สุดในโลก ยังพึ่งพาตลาดจีนน้อย ลูกค้ารายใหญ่สิบอันดับแรกไม่มีบริษัทจีนเลย รัฐบาลอเมริกาพยายามมาตลอดที่จะให้ TSMC มาตั้งโรงงานในอเมริกา แต่ผู้ก่อตั้ง TSMC คือนายมอริส จัง บอกว่าถ้าการผลิตของไต้หวันย้ายไปอเมริกา ก็ขาดแรงกระตุ้นจากการแข่งขัน และอเมริกาไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะกับอุตสาหกรรมการผลิตอีกต่อไปแล้ว

ท่านผู้ชมครับ สรุป จากการเปิดตัวชิปขนาด 7 นาโนเมตร ที่อยู่ในสมาร์ทโฟน เมท 60 โปร ของหัวเว่ย จะทำให้พันธมิตรไมโครชิป หรือ CHIP 4 อาจถึงคราวต้องวงแตก เพราะมีความย้อนแย้งภายในกลุ่ม 3 ประการ คือ หนึ่ง สมาชิกในกลุ่มมีการพึ่งพาจีนที่แตกต่างกันมาก เกาหลีใต้มีลูกค้าจีนเป็นรายใหญ่ ไต้หวันมีอเมริกาเป็นรายใหญ่สุด เกาหลีใต้ก็เลยไม่อยากเลือกข้าง หรือร่วมมือในการคว่ำบาตรจีน ในช่วงหลังนั้น ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นลิ่วล้อของอเมริกา ไปประชุมที่แคมป์เดวิด ร่วมกับนายคิชิดะ ของญี่ปุ่น ออกมาแสดงความโอหังมมังการ ว่าจะสร้างพันธมิตรร่วมกลุ่มกันเพื่อต่อต้านจีน


วันนี้การถ่มน้ำลายรดฟ้า น้ำลายนั้นตกมาที่หน้าประธานาธิบดีเกาหลีใต้ เพราะว่ามันกระเทือนเศรษฐกิจของเกาหลีใต้โดยตรง เริ่มบอกแล้ว นายยุน เริ่มบอกแล้วว่าเกาหลีใต้ไม่ได้คิดที่จะเป็นศัตรูกับจีน ยังต้องการมีความใกล้ชิดกับจีนเหมือนเดิม

ท่านผู้ชมครับ สัจธรรมข้อหนึ่ง เงินไม่มีสัญชาติ ไม่มีเชื้อชาติ ใครๆ ก็ต้องการทั้งนั้น เงินทำให้พี่ฆ่าน้อง พ่อฆ่าลูก ลูกฆ่าพ่อ เงินทำให้เพื่อนรักกันทะเลาะกันเอง เช่นกัน เงินที่หายไปในกระเป๋าที่เคยได้จากจีน ทำให้เกาหลีใต้เริ่มสำนึกและสำเหนียกแล้วว่า เวลาเงินกูหายไป อเมริกาไม่ได้ช่วยเติมเงินให้เลยแม้แต่นิดเดียว เกาหลีใต้จะเดือดร้อน

ข้อที่สอง เกาหลีใต้ กับไต้หวัน เป็นคู่แข่งกันโดยตรงในการผลิตไมโครชิป ซัมซุงมอง TSMC ของไต้หวันเป็นคู่แข่งเบอร์หนึ่ง และต้องการได้รับการสนับสนุนจากอเมริกามากกว่า แต่ขณะเดียวกัน เกาหลีใต้ก็กลัวว่าถ้าจีนพัฒนาเทคโนโลยีไล่กวดได้แล้ว จีนจะขึ้นมาแข่งกับเกาหลีใต้โดยตรง เพราะมีอุตสาหกรรมที่คล้ายกัน ทั้งสมาร์ทโฟน หน้าจอ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หน่วยความจำ รวมถึงรถยนต์ และแบตเตอรี่

ข้อที่สาม ความสัมพันธ์ระหว่างจีน กับไต้หวัน บุคลากรที่อยู่เบื้องหลังการพัฒนาไมโครชิปของจีนนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นชาวไต้หวัน สหรัฐฯ สั่งห้ามส่งออกไมโครชิปขนาดเล็กกว่า 16 นาโนเมตร ให้กับจีน แต่บริษัทจีนยังมีปัญญาผลิตไมโครชิป 7 นาโนเมตรได้ แสดงว่าการสกัดกั้นของอเมริกามีช่องโหว่ มีผู้ที่ถ่ายทอดเทคโนโลยีให้จีนได้เรียบร้อยแล้ว

ท่านผู้ชมครับ สมาร์ทโฟนของหัวเว่ย เมท 60 โปร เป็นตัวอย่างที่จีนต้องการแสดงให้เห็นว่ามาตรการคว่ำบาตรทางเทคโนโลยีของอเมริกานั้น ไม่สามารถหยุดยั้งการพัฒนาของจีนได้ แต่ในสงครามเทคโนโลยี สมาร์ทโฟนเป็นแค่สมรภูมิย่อย เพราะสมาร์ทโฟนเป็นอุปกรณ์ที่ชาวบ้านทั่วไปที่มีเงินก็ซื้อหาได้


ท่านผู้ชมรู้ไหมครับ จีนรู้อยู่แล้วว่าถ้ายังต้องเล่นตามเกมอเมริกาต่อไป ก็จะไม่มีวันที่จะพึ่งพาตัวเองได้ เพราะจีนเริ่มต้นทางเทคโนโลยีช้ากว่าอเมริกามาก จีนเลยเริ่มใช้วิธีพลิกเกมด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับอุตสาหกรรมที่ตัวเองได้เปรียบ เพื่อให้มาทดแทนกับเทคโนโลยีที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการการคว่ำบาตร

ท่านผู้ชมครับ จีนไม่จำเป็นต้องขายสมาร์ทโฟนให้มากเพื่อแข่งกับแอปเปิล จีนหันไปพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม โครงข่ายระบบสื่อสาร 5G และ 6G ซึ่งเชื่อมโยงกับระบบดาวเทียม ทั้งระบบเป่ยโต๋ว ซึ่งแข่งกับ GPS ของอเมริกา และระบบดาวเทียมวงโคจรต่ำ ที่ใช้ในระบบการสื่อสารไร้สายรุ่นที่ 6 หรือ 6G รถไฟความเร็วสูง ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ

ท่านผู้ชมลองดูนะครับ ใน 5-10 ปีข้างหน้า เทคโนโลยีใหม่ๆ เหล่านี้ที่ผมเอ่ยชื่อไปแล้ว จะเป็นแกนหลักแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจของจีน มีอุตสาหกรรมปลายทาง และกลางน้ำ รองรับมากมาย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มีผลกำไรมากยิ่งกว่าอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ในปัจจุบันที่สหรัฐฯ กีดกันจีน

ในระยะยาวจีนจะพึ่งพาตัวเองได้ทางเทคโนโลยี และจะเป็นผู้นำในเทคโนโลยีใหม่ที่ไม่ต้องใช้ต้นแบบจากตะวันตก คือจีนคิดค้นเองเลย


ท่านผู้ชมเห็นหรือยังครับ ยิ่งทำลาย ยิ่งแข็งแกร่ง ยิ่งกีดกัน ยิ่งเจริญเติบโต สรุปง่ายๆ ท่านผู้ชมสังเกตไหมครับ ถ้าท่านผู้ชมติดตามข่าวต่างประเทศตลอดเวลาเหมือนที่ผมติดตาม จะเห็นวาทุกครั้งจีนจะพูดต่อต้านอเมริกา ที่อเมริกามารังแกจีน แต่จีนก็จะตบท้ายลงด้วยว่า ทำไมเราไม่ร่วมมือกัน เพราะถ้าเราร่วมมือกันแล้วมันวิน-วิน ทั้งคู่ มาทะเลาะกันทำไม มารังเกกันทำไม มีแต่ร่วมมือกันเท่านั้น และจีนไปประเทศต่างๆ จะเน้นในเรื่องความร่วมมือทางเศรษฐกิจ หรือนัยหนึ่ง จีนไปที่ไหนจะเอาการค้าไป และจับมือกัน ช่วยกันพัฒนาการค้า เทคโนโลยี แต่อเมริกาไปที่ไหน เอาความวุ่นวาย เอาสงครามไป ไปล้มล้างรัฐบาลอื่นๆ ถ้าตัวรัฐบาลนั้นไม่สามารถตอบสนองนโยบายของตัวเอง

การที่หัวเว่ยสามารถสร้างสมาร์ทโฟนระดับ Hi end คือ หัวเว่ย เมท 60 โปร มีความพิเศษตรงไหน ท่านผู้ชมรู้ไหม ? ข้อที่หนึ่ง หัวเว่ย เมท 60 โปร ไม่มีชิ้นส่วนใดเลยที่เกี่ยวข้องกับสิทธิบัตรของอเมริกา ข้อที่สอง ไม่เกี่ยวข้องกับบริษัท TSMC ของไต้หวัน ผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ของโลก ซึ่งผลิตชิปให้กับตะวันตก อย่างไอโฟน ของแอปเปิล ก็พึ่งพาชิปจาก TSMC


สาม ไม่พึ่งพาซัปพลายเออร์ชิ้นส่วนของสหรัฐฯ สี่ ไม่ได้ใช้ชิ้นส่วนใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับดินแดนหรือประเทศที่เป็นพันธมิตรใกล้ชิดอยู่ภายใต้อาณัติของอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นไต้หวัน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น

ผลที่ตามมาคือการสูญเสียรายได้มหาศาลของบริษัทชิปในอเมริกา จากมาตรการการปิดล้อม จำกัดจีนเข้าถึงเทคโนโลยีล้ำสมัย กลับกลายเป็นอเมริกาทำปืนลั่นใส่เท้าตัวเอง ต่อต้านตัวเอง ดังนั้นสถานการณ์คว่ำบาตรของอเมริกาต่อจีนจึงถูกมองว่าเป็นสถานการณ์ที่อเมริกามีแต่แพ้กับแพ้ ในทางตรงกันข้าม กลับเสริมความแข็งแกร่งของจีนในระยะยาว

สรุป การเปิดตัวของหัวเว่ย เมท 60 โปร หากเป็นคนทั่วไปที่มองผิวเผิน ก็อาจจะนึกว่าเป็นการแข่งขันกันในโลกธุรกิจ การดิ้นรนของหัวเว่ย ในการเข้ามาช่วงชิงตลาดสมาร์ทโฟน แต่ถ้ามองให้ลึกลงไปแล้ว เรื่องสมาร์ทโฟน เมท 60 โปร มีนัยสำคัญมากๆ เพราะเปรียบได้กับจุดเริ่มต้นที่จีนตอบโต้กลับได้เป็นครั้งแรกในสงครามชิป และสงครามเทคโนโลยี

ท่านผู้ชมลองนึกดูว่า เมื่อ 4 ปีที่แล้ว ถ้าอเมริกาไม่ขึ้นบัญชีดำหัวเว่ย และ SMIC ก็ไม่มีวันที่สองบริษัทนี้จะร่วมมือผลิตชิป คิริน 9000S ถ้าไม่บล็อก หรือไม่ห้ามเทคโนโลยี จีนก็คงจะไม่ทำอะไรด้วยตัวเอง ก็คงจะสั่งซื้อชิปเหมือนเดิมที่เคยสั่งซื้อจาก Qualcomm, ENVIDIA และ intel สั่งมาเลย ตลอด แต่พอถูกห้าม คนที่ปกครองประเทศและประชาชน 1,400 ล้านคน จะไม่ยืนนิ่งปล่อยให้คนรังแกเอาๆ เขาก็เลยฮึดสู้กลับ


ข้อที่สอง ถ้าอเมริกาไม่ขึ้นบัญชีดำหัวเว่ย โดยกีดกันไม่ให้กูเกิลใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์กับสินค้าหัวเว่ย ก็ไม่มีวันนี้ที่หัวเว่ยจะพัฒนาระบบ HarmonyOS ซึ่งระบบ HarmonyOS นั้น ความล้ำสมัยและนำหน้าระบบแอนดรอยด์ของกูเกิล ล้ำหน้าไปมากเลย กูเกิลเริ่มจะแพ้จีนแล้ว ระบบของแอนดรอยด์กำลังเริ่มแพ้ Harmony ผมเชื่อว่าจะแพร่กระจายไปสู่ระบบสมาร์ทโฟน และสมาร์ทดีไวซ์ (device) ต่างๆ ของจีนในอนาคตอันใกล้นี้ ก็คือว่า Harmony จะไปทางจีนหมด และในที่สุดก็จะเริ่มเข้าสู่ประเทศต่างๆ ในโลกนี้ที่รำคาญอเมริกา ที่ควบคุมแพลตฟอร์มอย่างเช่นแอนดรอยด์ ก็จะมีคนใช้มากขึ้น


ท่านผู้ชมครับ ข้อที่สาม สมัยหนึ่งจีนต้องการจะทำระบบ GPS ขึ้นมา โดยเจรจากับอเมริกา ขอเทคโนโลยีด้าน GPS มา อเมริกากีดกัน แทรกแซงจีน ไม่มีวันที่จะให้จีนสร้างระบบดาวเทียมนำทางเลียนแบบอเมริกา ในที่สุดจีนก็เลยต้องสู้ สู้ด้วยการพัฒนาของตัวเอง มีระบบนำทางเป่ยโต่วขึ้นมาใช้เอง และตอนนี้ระบบนำทาง GPS ของจีนที่ชื่อเป่ยโต่ว เข้ามาสู่รุ่นที่สามแล้ว (Third Generation) และคุณภาพของ GPS ของจีนล้ำลึก ลึกซึ้งกว่า GSP ของอเมริกามาก


ข้อที่สี่ ถ้าอเมริกาไม่กีดกันจีนออกจากสถานีอวกาศนานาชาติ (International Space Station) อเมริกาบอกเลยไม่ให้จีนเข้ามาร่วม ปรากฏว่าจีนเลยทุ่มทุกอย่างสร้างสถานีอวกาศเทียนกงของตัวเองได้ ซึ่งใหญ่กว่า International Space Station ที่อเมริกาเป็นเจ้าของ และปีหน้า International Space Station ของอเมริกาจะหมดอายุแล้ว จะใช้ไม่ได้แล้ว อีกหนึ่งปีข้างหน้าก็จะเหลือเทียนกงของจีนอันเดียว อเมริกาจะว่าอย่างไร


ท่านผู้ชมครับ นี่เป็นจุดเริ่มต้นที่จีนและเทคโนโลยีจีนจะค่อยๆ กระเตื้องขึ้น จากการถูกบีบคั้น ตกเป็นเบี้ยล่าง จนในที่สุดผมเชื่อว่าจีนจะสามารถปลดแอกจนเอาชนะอเมริกาได้ในเรื่องเทคโนโลยี อุปมาอุปไมยผมจะเล่าให้ฟังเรื่องของสงครามยูเครน กับ รัสเซีย

ก่อนที่จะเกิดสงครามยูเครน กองทัพรัสเซียไม่ได้ยิ่งใหญ่ถึงขนาดนี้ แต่จากการที่อเมริกาบีบรัสเซีย โดยส่งอาวุธไปให้ยูเครนรบกับรัสเซีย ทำให้รัสเซียกลับมาทุ่มเทตัวเองกับการสร้างแสนยานุภาพ โรงงานผลิตอาวุธ ผลิตรถถัง ผลิตจรวด ขีปนาวุธ ผลิตลูกปืนใหญ่ ทำงาน 24 ชั่วโมงต่อวัน 7 วันต่อหนึ่งอาทิตย์ 365 วันต่อปี ไม่หยุดเลยแม้แต่นิดเดียว แล้วรัสเซียก็เกณฑ์ทหารเพิ่มเติม เอามาฝึกอบรม เพิ่มจากที่มีอยู่ประจำวันนี้แล้ว เป็นทหารสำรองอยู่ 350,000 คน แปลว่าอะไร ? แปลว่าจากการที่อเมริกามาแทรกแซงในยูเครนและมาบีบบังคับรัสเซีย ในทางกลับ ทำให้รัสเซียกลายเป็นมหาอำนาจทางทหาร วันนี้ทุกคนที่รบอยู่ในยูเครน ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลาย ยอมรับแล้วว่ากองทัพรัสเซียเป็นกองทัพที่แกร่งที่สุดในโลก มีแสนยานุภาพที่ไม่มีคนไหนสู้ได้เลย นี่คือจากการบีบบังคับของอเมริกา

ท่านผู้ชมครับ ถ้าจะเข้าใจเรื่องทั้งหมดนี้ เดี๋ยวผมจะสรุปตอนท้ายนี้ให้ฟัง ประเทศจีนภายใต้การนำของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เป็นคนที่อ่อนนอกแข็งใน อ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอ แข็งแรงแต่ไม่แข็งกร้าว สี จิ้นผิง และประเทศจีน ไม่ยอมอยู่เฉยๆ รอให้อเมริกาชกแต่ฝ่ายเดียว หรือว่าก้มหน้ายอมรับความกดดัน หรือการกีดกันทางเทคโนโลยีจากอเมริกาได้ ผมเคยพูดเรื่องนี้มานานแล้ว ผมมาเตือนความจำอีกที

เมื่อแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติจีนฉบับที่ 14 ซึ่งเป็นฉบับล่าสุด ตั้งไว้เพื่อพัฒนาปี 2564-2568 ท่านผู้ชมรู้ไหม ผมเคยพูด ถ้าท่านผู้ชมจำไม่ได้ผมจะเตือนความจำ เป็นแผนพัฒนาฉบับแรกของจีนที่ไม่ได้กำหนดการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวม (จีดีพี) แต่ตั้งเป้าอยู่ด้านเดียว มุ่งเน้นพัฒนาคุณภาพมากกว่าปริมาณ นอกจากนี้แล้ว ยังใช้เทคโนโลยีเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญให้จีนพัฒนาขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง จีนวางแผนจะทุ่มงบประมาณในด้านการค้นคว้าวิจัย R&D ไม่ต่่ำกว่า 7 เปอร์เซ็นต์ต่อปี ทำให้ประเทศจีนเป็นประเทศที่มีงบประมาณด้านวิจัยและพัฒนาสูงที่สุดในโลก

ตัวเลขปี 2565 ประเทศและดินแดนที่มีการใช้งบประมาณในการวิจัยคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ต่อจีดีพีมากที่สุด 10 ประเทศแรก ก็คือ อิสราเอล 5.9 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี เกาหลีใต้ 5 เปอร์เซ็นต์ ไต้หวัน 3.8 สวีเดน 3.7 เบลเยียม 3.6 ญี่ปุ่น 3.4 เยอรมนี 3.3 ออสเตรีย 3.3 สวิตเซอร์แลนด์ 3.3 เดนมาร์ก 3.3 ฟินแลนด์ 3.3 และจีน 3.1 เปอร์เซ็นต์

เมื่อคิดเป็นมูลค่างบประมาณนั้น อเมริกาทุ่มงบมากที่สุดราว 660,000 ล้านดอลลาร์ จีนอันดับสอง คือ 556,000 ล้านดอลลาร์ ส่วนไทยนั้นใช้งบประมาณในการวิจัย 13,400 ล้านดอลลาร์ คิดเป็น 1.3 เปอร์เซ็นต์ต่อจีดีพี


ท่านผู้ชม เมื่อผมไปเปิดเอกสารรายละเอียดต้นฉบับภาษาจีน เกี่ยวกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 14 ซึ่งเขาระบุด้วยว่า ครอบคลุมถึงแผนระยะยาว 15 ปี ถึง 2578 จะเห็นว่าเขาได้มีการระบุเรื่องยุทธศาสตร์เกี่ยวกับชิปอย่างชัดเจน ในบทที่ 4 หัวข้อ สร้างความแข็งแกร่งด้านความสามารถทางยุทธศาสตร์ ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศ จะเห็นได้ว่าเขามุ่งเป้าไปที่ หนึ่ง ปัญญาประดิษฐ์ (AI: Artificial Intelligence) สอง เขามุ่งเป้าไปที่สารสนเทศเชิง Quantum information สาม วงจรรวม (Integrated Circuit) สี่ การวิจัยเกี่ยวกับสมอง (Brain Science หรือ Brain Inspired Research)


ห้า พันธุศาสตร์และเทคโนโลยีชีวภาพ (Genetic and Biotechnology) หก วิทยาศาสตร์การแพทย์ด้านคลินิกและสุขภาพ (Clinical Medicine and Health) เจ็ด การสำรวจห้วงอวกาศ ใต้พื้นโลก ใต้ทะเล และขั้วโลก

อย่าเพิ่งเบื่อครับท่านผู้ชม ตั้งใจฟัง มีช่องนี้ช่องเดียว "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ที่ท่านผู้ชมฟังเรื่องนี้แล้วท่านผู้ชมไม่ต้องไปฟังใครอื่นอีกต่อไปแล้ว เรื่องหัวเว่ย เพราะผมเอาทุกอย่างตั้งแต่ต้นจนจบ เอาป่าทั้งป่ามาให้ดู ท่านผู้ชมจะได้เข้าใจหมด


ในข้อที่สามของแผนพัฒนาฯ ของจีน เขาบอกว่า การสร้างความแข็งแกร่งเกี่ยวกับวงจรรวม (Integrated Circuit) เขาระบุรายละเอียดเลยว่า จีนจะดำเนินการวิจัยพัฒนาอุปกรณ์ในการออกแบบวงจรรวม คือ ชิป อุปกรณ์สำคัญ วัตถุเป้าหมายที่มีความบริสุทธิ์สูง รวมทั้งวัสดุสำคัญอื่นๆ เพื่อสร้างการค้นพบใหม่ๆ ในระบบวงจรวมที่ก้าวหน้า Transister Gate Bipolar หุ้มฉนวน ระบบเครื่องกลไฟฟ้าจุลภาค ระบบประมวลผลพิเศษอื่นๆ รวมถึงพัฒนาระบบเทคโนโลยีเก็บกักที่ก้าวหน้า รวมถึงการพัฒนาเซมิคอนดักเตอร์จากซิลิคอนคาร์ไบด์ แกลเลียมไนไตรต์ และเซมิคอนดักเตอร์แบบช่องว่างแถบกว้าง

ตั้งแต่ปี 2563 (2020) สี จิ้นผิง ประกาศทุ่มงบประมาณอีก 10 ล้านล้านหยวน หรือ 1.4 ล้านล้านดอลลาร์ ราวๆ 50 ล้านล้านบาท ในช่วง 6 ปี ระหว่าง2563-2568 จนจบแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติจีน ฉบับที่ 14 เพื่อให้จีนสามารถพึ่งพาตัวเองทางเทคโนโลยีให้ได้โดยไม่ต้องพึ่งพาต่างชาติอีกต่อไป


ท่านผู้ชมครับ เป้าหมาย Made in China 2025 อีกสองปีข้างหน้า จีนต้องบรรลุเป้าหมายการพึ่งพาชิปที่ผลิตด้วยตัวเองได้ถึงประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ ด้วยเหตุนี้จีนจึงให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องการวิจัยและพัฒนาชิป หรือไมโครชิป เทียบเท่ากับวิจัยและพัฒนาโครงการระเบิดนิวเเคลียร์ในช่วงสงครามเย็นเลยทีเดียว

ท่านผู้ชมครับ เรามาพูดถึงเรื่องบริษัทผลิตชิป SMIC ของจีน และผมจะขอแนะนำ "ชิปคาร์บอน" อนาคตของชิปสัญชาติจีน

ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2000 (2543) จีนมีการก่อตั้งบริษัทผู้ผลิตชิปของตัวเองในนาม SMIC หรือชื่อ จงซินกั๋วจี้ ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ที่สุดของจีน ซึ่งปัจจุบันถือเป็นหัวหอกในวงการผลิตชิปของจีน มีความสามารถที่จะผลิตชิปที่มีความสลับซับซ้อนชั้นสูงได้แล้ว จีนยังมุ่งมั่นที่จะทุ่มเทกับ SMIC ซึ่งถือเป็นความหวังที่สดใสที่สุดของจีนในการสร้างอุตสาหกรรมชิปที่พึ่งพาตัวเองได้ในประเทศ


2564 จีนเพิ่งทุ่มสร้างโรงงานชิปแห่งใหม่ในเขตการค้าเสรี ย่านชานเมืองมหานครเซี่ยงไฮ้ โรงงานดังกล่าวมีมูลค่ากว่า 8,870 ล้านดอลลาร์ ท่านผู้ชมครับ โรงงานเขา มูลค่าคิดเป็นเงินไทย 290,000 ล้านบาท โรงงานบ้าอะไรตั้งเกือบสามแสนล้านบาท และจากยุคซิลิคอนมาถึงยุคชิปคาร์บอน มีการพูดกันมากในแวดวงการชิปว่าทางการจีนมีไม้เด็ด จีนมองเห็นว่าข้อจำกัดชิปในปัจจุบันพัฒนามาจากวัสดุ คือซิลิคอน ถูกมองว่าชิปซิลิคอน ถ้าถูกพัฒนาจนเล็กที่สุด เข้าใกล้ขนาดของอะตอมมากขึ้นทุกที ก็จะถึงทางตัน จะต้องหาวัสดุอื่้นเข้ามาทดแทน เช่น กราฟิน ซึ่งมีพื้นฐานจากคาร์บอน โดยเป็นวัสดุที่ใช้แพร่หลายในแบตเตอรี่ลิเทียม และนาโนคอมโพสิต

จีนมองว่าคาร์บอนชิปนั้นถือเป็นจุดเปลี่ยน เพราะจะทำให้จีนสามารถแซงประสิทธิภาพของซิลิคอนชิปที่ฝรั่งเชี่ยวชาญได้


พฤษภาคม 2563 เว็บไซต์ของ Global Times ของทางการจีน ได้เปิดเผยว่านักวิทยาศาสตร์จีนประสบผลสำเร็จในการพัฒนาเซมิคอนดักเตอร์ที่พัฒนาจากวัสดุคาร์บอนได้สำเร็จเป็นครั้งแรก โดยศาสตราจารย์เผิง เหลียน เม่า ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยปักกิ่ง ที่เป็นหัวหน้าโครงการ ระบุชัดเจนว่า เซมิคอนดักเตอร์ที่ทำมาจากวัสดุคาร์บอนนั้นมีข้อได้เปรียบวัสดุซิลิคอน คือต้นทุนการผลิตต่ำกว่า บริโภคพลังงานต่ำกว่า และให้ประสิทธิภาพสูงกว่า

ในช่วงปลายปี 2563 จีนเคยนำเข้าเซมิคอนดักเตอร์จากต่างประเทศมากกว่า 85 เปอร์เซ็นต์ โดยในปี 2561 จีนนำเข้าเซมิคอนดักเตอร์จากต่างประเทศมากมายมหาศาล คิดเป็นมูลค่ากว่า 3 แสนล้านดอลลาร์ หรือ 10 ล้านล้านบาท

อย่างไรก็ตาม จากการนำเข้าเยอะขนาดนั้น หกเดือนแรกของปี 2566 การนำเข้าชิปของจีนลดลง 20 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากการค้าระหว่างจีน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น หดตัวลงท่ามกลางสงครามเทคโนโลยีระหว่างอเมริกา และจีน ทวีความรุนแรงมากขึ้น


มกราคม-พฤษภาคม 2566 การนำเข้าวงจรรวมของจีนลดลง 19.6 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ขณะที่มูลค่ารวมของการนำเข้าชิปลดลง 24.2 เปอร์เซ็นต์ จาก 2 แสนกว่าล้านดอลลาร์ เหลือเพียง 130,000 ล้านดอลลาร์ นี่เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า 2566 อาจจะเป็นปีแรกที่จีนจะลดการพึ่งพาการนำเข้าชิปจากต่างประเทศ และหันมาผลิตเองมากขึ้น ตั้งเป้าว่าสองปีข้างหน้าจีนจะต้องบรรลุเป้าหมายการพึ่งพาชิปที่สามารถผลิตได้ด้วยตัวเองถึง 70 เปอร์เซ็นต์ ของความต้องการ

ท่านผู้ชมครับ ในศตวรรษที่ 20 วิกฤตเศรษฐกิจโลกหลายครั้งหลายหนอาจเกิดเพราะปัญหาเรื่องราคาพลังงาน แต่ศตวรรษที่ 21 วิกฤตเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มว่าจะเกิดจากปัญหาขาดแคลนสมองกล หรือชิป ซึ่งเป็นอุปกรณ์สำคัญในการประมวลผลอุปกรณ์ต่างๆ ทั้งในปัจจุบันและในอนาคต และการแข่งขันเรื่องชิปนี้เองที่จะเป็นต้นตอและจุดชี้ขาดว่าผู้ใดจะเป็นมหาอำนาจตัวจริงของโลกในศตวรรษที่ 21 และศตวรรษต่อไป


เรื่องที่ผมจะพูดอาทิตย์หน้ามีอยู่สองเรื่อง เรื่องแรก คือการเปิดรายงานลับ เป็นครั้งแรก เปิดรายงานลับการสอบสวนการปล้นที่ดินพระคลังข้างที่ของอดีตสมาชิกคณะราษฎร เป็นการเปิดเอกสารลับผลการสอบครั้งแรกในรอบ 85 ปี ของนักการเมืองและข้าราชการจำนวนมาก เป็นรายงานลับถึงการแย่งชิงพระคลังข้างที่อย่างละเอียด ซึ่งมีบันทึกเป็นความลับใส่เซฟไว้ ไม่เคยมีใครได้เห็น แต่ตอนนี้อยู่ในมือผมทั้งหมดแล้ว รับรองว่าไม่เคยมีใครเผยแพร่มาก่อน มีรายชื่อทุกคนที่มีการสอบ ครบถ้วน ถ้าเปิดมาต้องสะเทือนตระกูลใหญ่หลายตระกูล รวมทั้งไฮโซชื่อดังหลายคนในเมืองไทย ซึ่งจะทำให้เกิดการทบทวนครั้งใหญ่ว่าคณะราษฎรเหล่านี้ที่มีจำนวนไม่น้อย ควรถูกเรียกว่า วีรบุรุษ หรือ คณะโจร กันแน่

เรื่องที่สอง คือเรื่องศิลปะมวยไทย ผมกำลังจะเอาเรื่องของ ONE ลุมพินี ออกมาชี้ให้เห็นว่านี่คือการปฏิวัติมวยไทย ท่านนายสนามมวย ท่านชาตรี ท่านยืนยัน สนามมวย ONE ลุมพินี จะเป็นสนามมวยที่ไม่มีการพนันเลย และก็ทำได้สำเร็จ เซียนพนันทุกราย ไม่ว่าจะยิ่งใหญ่อย่างชาติซ้าย ยกตัวอย่าง วิ่งหนีไปอยู่ราชดำเนิน กลายเป็นว่าราชดำเนินกลายเป็นเวทีที่นักพนันเต็มไปหมด แต่ ONE ลุมพินี เป็นการส่งเสริมการต่อสู้ และออกไปสู่ต่างประเทศ นักมวยที่ชกอยู่ที่ ONE ลุมพินี นั้นรายได้ดี เป็นล้านๆ บาท บางคนได้หลายสิบล้านบาท จากการทำงานของทีมงาน ONE ลุมพินี ที่ส่งเสริมให้มวยไทยเป็นศิลปะมวยไทยมืออาชีพจริงๆ และมีศักดิ์ศรี มีเกียรติยศ มีเกียรติศักดิ์ในสังคมโลก สวัสดีครับท่านผู้ชม
กำลังโหลดความคิดเห็น