xs
xsm
sm
md
lg

[คำต่อคำ] SONDHI TALK : ถอดรหัสลดโทษ น.ช.ทักษิณ - ป.ป.ช. เปิดหน้าแก๊งล้มคดี “บอส กระทิงแดง” - EP.2 ตั๋วปารีส จากกรุงปารีส ถึงรอยัลลิสต์ มาร์เก็ตเพลส - BRICS+ รุกฆาตพญาอินทรี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



วันที่ 8 ก.ย.2566 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ได้ไลฟ์สด “SONDHI TALK” ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ คุยทุกเรื่องกับสนธิ ช่องยูทูป Sondhitalk หรือ Sondhitalk (ช่องสำรอง) และแอปพลิเคชัน Sondhi App โดยสิ่งมีประเด็นที่ได้เล่าในวันนี้ได้แก่
- ถอดรหัสการพระราชทานลดโทษของ น.ช.ทักษิณ
- ป.ป.ช. เปิดหน้าแก๊งลับคดีมอสกระทิงแดง
- EP.2 ตั๋วปารีส จากกรุงปารีส ถึงรอยัลลิสต์ มาร์เก็ตเพลส
- BRICS+ รุกฆาตพญาอินทรี

ติดตามได้ใน SONDHI TALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep.205



คำต่อคำ SONDHI TALK EP. [8 ก.ย. 66]

ช่องทางการรับชมรับฟัง "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" หรือ SONDHI TALK
แอปพลิเคชัน :SONDHI APP
ระบบ iOS ดาวโหลดได้ที่ AppStore : https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647.
ระบบ Android ดาวโหลดได้ที่ Google Play : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android
เฟซบุ๊กแฟนเพจ : คุยทุกเรื่องกับสนธิ
YouTube :Sondhitalk
เว็บไซต์:www.sondhitalk.com
Podcast หรือ podbean :SONDHI TALK


สวัสดีครับท่านผู้ชม วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2566 สวัสดีแฟนๆ รายการที่รับชมสดทาง Sondhi App, Facebook, YouTube และ TikTok อาทิตย์นี้มีเรื่องอยู่ไม่กี่เรื่อง แต่แต่ละเรื่องก็น่าจะสนุกสนานมาก แล้วก็รับรองว่าไม่จืดแน่นอน

ก่อนจะเปิดรายการไปที่เรื่อง เผอิญผมอยากจะแนะนำขนมไหว้พระจันทร์ ซึ่งวันที่ 29 กันยายน เป็นวันไหว้พระจันทร์ แล้วเดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังว่าทำไมผมถึงแนะนำเจ้านี้ สุดยอดครับ

เรื่องที่สอง คือ ผมมีหลานที่น่ารัก 2 คน ชื่อ สีน้ำ กับ สีฟ้า คุณแม่เขาเรียกสองคนนี้ว่า สองสี หลานคนนี้แสดงความน่ารักกับผมมามาก แล้วผมจำเป็นต้องเล่าให้ท่านผู้ชมฟัง เพราะว่าเป็นเด็กตัวอย่างที่คุณแม่เลี้ยงมาดีมาก เอาเป็นเรื่องของ Human Interest ก็แล้วกันนะครับ น่าสนใจ

อีกเรื่องหนึ่งคือ ท่านผู้ชมจะเห็นรูป พระพุทธรูปพระสยามพุทธาธิราช ชุดนี้ ซึ่งเดี๋ยวผมต้องขออนุญาตท่านผู้ชม เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ ที่มาที่ไป การปั้นอะไรต่างๆ มันไม่เหมือนกับที่ท่านผู้ชมเคยเจอ การออกแบบพระพุทธรูปหรือการออกแบบอะไรเดี๋ยวนี้เขาใช้คอมพิวเตอร์ 3D ทำกัน แต่นี่ใช้มือเลยครับ ท่านผู้ชม ปั้นจากดิน ออกมาสุดยอด ซึ่งเดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง

ส่วนรายการหลักๆ ก็จะมีอยู่ 3 เรื่อง เรื่องแรก คือ ผมจะพูดเรื่อง BRICS ที่เกิดขึ้นมาสักพักแล้ว แต่ยังไม่เคยมีใครพูดแบบมีประวัติศาสตร์ของมันเกิดขึ้นว่าทำไมถึงเกิด BRICS ขึ้นมา และผมจะเล่าที่มาที่ไปความเปลี่ยนแปลงของโลก ตั้งแต่สมัยอาณาจักรโรมันล่มสลายมาเรื่อยๆ ถึงคราวที่อาณาจักรทางตะวันตกที่นำโดยอเมริกาเริ่มมีสัญญาณว่ากำลังจะล่มสลายต่อไปในอนาคตข้างหน้า แล้ว BRICS มันเกิดขึ้นเพราะอะไร

เรื่องที่สองซึ่งท่านผู้ชมหลายท่านรอฟังอยู่นานแล้ว ก็คือเรื่องการได้รับพระราชทานลดโทษของ นักโทษชาย (นช.) ทักษิณ ชินวัตร เรามองอีกมิติ อีกมุมมองหนึ่ง เรื่องนี้มีคนขอให้ผมพูดมากเหลือเกิน หลายคนท่านอารมณ์เสีย หลายคนหงุดหงิดเรื่องนี้ หลายคนฟังเรื่องนี้แล้วก็ร้องห่มร้องไห้ เอาล่ะ วันนี้เรามาตั้งสติกัน ไม่ต้องร้องไห้ ไม่ต้องอารมณ์เสีย เพราะว่าความจริงนั้นมีหนึ่งเดียว

เรื่องที่สาม ท่านผู้ชมจำได้ใช่ไหมครับที่ผมเคยพูดเรื่อง "ตั๋วปารีส" ตอนนี้เป็นตอนที่สอง จากกรุงปารีส พัฒนามาถึงเฟซบุ๊กเว็บไซต์ของคุณปวิน ชื่อ "รอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลส" ซึ่งทั้งสองเรื่องนี้เป็นเรื่องเดียวกัน มีเบื้องหน้าเบื้องหลังให้ท่านผู้ชมฟังได้เยอะมากเลยครับ


ผมเคยพูดถึงเรื่องคุณเพนนี หรือฉายาของแกคือ Penny The Chef เพนนี เป็นคนที่เรียนจบคณะบัญชีของจุฬาฯ เดินตามรอยเท้าคุณแม่ แต่พอจบแล้วเธอก็สลัดคราบนักบัญชีออก แล้วก็บอกกับแม่ว่าเธอได้ทำตามที่แม่ต้องการแล้วนะ จากนี้เธอจะขอมีชีวิตของเธอเองก็แล้วกัน เธอก็เลยไปเรียนหนังสือ ไปเรียนวิธีการเป็นเชฟ ที่ Culinary Institute ที่นิวยอร์ก ก็คือกอร์ดอง เบลอ (Cordon bleu) ของอเมริกานั่นเอง แต่ว่าระดับของ Culinary Institute ที่นิวยอร์ก สูงกว่ากอร์ดอง เบลอ

Culinary Institute เป็นสถาบันเดียวกันกับนักชิมอาหารที่เก่งมากแต่เสียชีวิตไปแล้ว คือ แอนโทนี โบร์แดง (Anthony Bourdain) ท่านผู้ชมที่ติดตามซีรีส์ต่างๆ ก็จะรู้ว่าแอนโทนี โบร์แดง นั้นเป็นคนที่เดินทางไปทั่วโลก ไปชิมอาหารโน่น ชิมอาหารนี่


คุณเพนนี เคยไปอยู่ที่ลอนดอน แล้วเคยทำงานกับ "มาสเตอร์เชฟปากหมา" ที่ชื่อ กอร์ดอน แรมซีย์ (Gordon Ramsay) ก่อนที่เธอจะกลับเมืองไทย

คุณเพนนี มาทำขนมหลายครั้ง แล้วก็เปิดร้านอยู่ที่ชั้นใต้ดินของสยามพารากอน ขนมเธออร่อย มีเอกลักษณ์มาก เพราะว่าเจ้าของเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์มาก ล่าสุดเขาส่งขนมไหว้พระจันทร์มาให้ผม ผมเป็นคนที่เฉยๆ กับขนมไหว้พระจันทร์ นี่ packaging เขาสวยมาก


เฉยๆ มากนะครับ เพราะผมเห็นขนมไหว้พระจันทร์ ทุกโรงแรม เพนนินซูลาก็ต้องขาย เชฟแมนก็ขาย ทุกคนก็ขายหมด แต่เอกลักษณ์ของขนมไหว้พระจันทร์ของแต่ละที่นั้นมันไม่มี ผมดูส่วนประกอบขนมไหว้พระจันทร์ของคุณเพนนี แล้วผมมีความรู้สึกว่าต้องเล่าให้ท่านผู้ชมฟังล่ะ เพราะว่าวัตถุดิบขนมไหว้พระจันทร์ของคุณเพนนี ใช้วัตถุดิบที่พรีเมียมมาก ไส้ถั่ว ผลไม้กวน แป้งข้างนอกสีน้ำตาล เธอใช้แป้งโบราณ ทำจากน้ำเชื่อมสูตรพิเศษ หมักข้ามปี หอมนุ่มไม่เหมือนใครเลย ส่วนแป้งคัสตาร์ดสีเหลือง กับส้ม เธอทำจากเนยสดของฝรั่งเศส

ท่านผู้ชมครับ ทานแล้วอร่อย อร่อยมาก ของเธอมีอยู่ 4 รส รสแรกคือ มะตูมหอม อันที่สองคือ ลำไยสีทอง อันที่สาม คือทุเรึยนไข่เค็ม อันที่สี่คือ คัสตาร์ดกับมะพร้าว คัสตาร์ดมะพร้าวอ่อน เห็นแล้วก็อยากทาน แป้งของเธอพิเศษ อย่างที่ผมเรียนให้ทราบแล้ว แป้งของเธอเป็นแป้งที่ทำจากขนมปังที่หมักด้วยน้ำตาลโบราณ


ขนมของเธอเป็นขนมอบสดใหม่ เธอไม่ใส่สารกันบูดเลย เก็บไว้ในตู้เย็นได้ 14 วัน ท่านผู้ชมอยากซื้อลงไปที่หน้าร้านอยู่สยามพารากอน ลงไปข้างล่าง แคชเชียร์ที่ 3 คุณเพนนีมียูทูป เฟซบุ๊ก ชื่อ pennythechef เขามีไลน์ด้วยครับ คือ @pennythechef ติดต่อไปได้เลยนะครับท่านผู้ชม ถ้าสนใจสั่งไปได้ทั่วประเทศ เชื่อผม อร่อยจริงๆ ผมไม่เคยกินขนมไหว้พระจันทร์ที่ไหนอร่อยเท่าที่นี่


เรื่องที่สอง ผมมี FC คนหนึ่ง ซึ่งท่านมีลูกสาวอยู่ 2 คน ตอนนี้กลายเป็นหลานผมไปแล้ว ผมเป็นคนที่มีหลานเยอะ ใบพลู ข้าวตู ท่านผู้ชมจำได้ไหม หลานสองคนนี้ชื่อ สีน้ำ และ สีฟ้า ชื่อน่ารักมาก เวลาคุณแม่เขาเรียกลูกสาวสองคนนี้เขาเรียก ยัยสองสี คือไม่ต้องเรียกสีน้ำมานี่ สีฟ้ามานี่ เรียกสองสีมานี่ ผมรู้จักสีน้ำ และสีฟ้า เพราะมีอยู่วันหนึ่ง คุณแม่เธอเป็น FC เขาบอกว่าสีน้ำ กับ สีฟ้า เขาชอบทำขนม เขาทำกะหรี่ปั๊บมาให้ผมทาน ทำด้วยตัวเองเลยนะครับ อร่อยมาก แล้วพามา เอามาให้คุณตา ก็ติดต่อกันตลอดนะครับ วันดีคืนดีก็ส่งขนมมาให้ผมทาน ฝีมือของเด็กสองคนนี้


ท่านผู้ชมครับ สองคนนี้รักหมามาก ผมเอารูปให้ดู สีน้ำ ยืนกอดหมาพันธุ์บางแก้ว แล้วสีฟ้าก็เท้าคางดู ซึ่งเพิ่งคลอดลูก แล้วสองคนนี้ก็เลี้ยงดูลูกของหมาของตัวเองอย่างใกล้ชิด น่ารักมาก คุณแม่อยู่ในกระบวนการยุติธรรม ผมคงไม่บอกว่าเป็นอัยการ หรือเป็นผู้พิพากษา หรือเป็นอะไร เอาเป็นว่าอยู่ในกระบวนการยุติธรรม "สีน้ำ" คนโต 14 ขวบ อยู่ Australian International School อยู่ Year 10 แล้ว คือ ม.4 อีกสองปีก็จบ อีกสองปีเธอก็คงจะอายุ 16 ถือว่าจบเร็วมาก เป็นคนชอบวาดรูป อ่านหนังสือนิยาย การ์ตูน ประวัติศาสตร์ ทำกับข้าว ส่วน "สีฟ้า" คนเล็กนั้นเรียนที่สาธิตประสานมิตรฯ เพิ่งจบ Year 6 จากฝั่งประถมภาคอินเตอร์ฯ ตอนนี้เข้ามาสอบมัธยม Year 7 ประสานมิตรอินเตอร์ฯ งานอดิเรก: วาดรูป ตีระนาด อ่านการ์ตูน เป็นคนเล่นดนตรีไทย


ท่านผู้ชมครับ นี่คือการเลี้ยงลูกอย่างมีคุณภาพ ที่ผมเอาเรื่องนี้มาเล่าให้ฟังเพราะว่าผมเห็นเด็กรุ่นนี้ สีน้ำ อายุ 14 อายุห่างกับ "น้องหยก" ไม่มาก แต่พ่อแม่สอนดี แล้วเด็กฟังพ่อแม่ เด็กเป็นคนที่มีความสามารถ มีทักษะสูง สีน้ำ ทำกับข้าวเก่ง ทำขนมเก่ง สีฟ้า ก็เล่นดนตรีเก่ง ดนตรีไทยด้วยนะท่านผู้ชม วันนี้ผมดีใจและภูมิใจ อย่าเพิ่งเบื่อนะครับที่ผมเอาเด็กสองคนนี้มาแนะนำให้รู้จัก ผมเห็นสีน้ำ กับ สีฟ้า ทำให้ผมคิดถึงเด็กๆ ในประเทศไทยที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน เขาจะมีความโชคดีเหมือน สีน้ำ และ สีฟ้า หรือเปล่าที่มีคุณแม่ที่ดี


ท่านผู้ชมครับ เวลาเราเลี้ยงลูกเราต้องทุ่มเทให้เขา เราอย่าไปคิดว่าการมีลูกแล้ว ถ้าเรามีเงิน เอาเงินฟาดหัวลูก ให้ลูกไปซื้ออะไรก็ได้ นั่นคือลักษณะคนรวย คุณแม่ของสีน้ำ และสีฟ้า ไม่ได้เป็นคนจนแต่ก็ไม่ได้เป็นคนรวย ชนชั้นกลาง แต่เขาหมั่นออม หมั่นสะสม ส่งลูกเรียนหนังสือดีๆ ที่สำคัญ สีน้ำ เรียน Australian International School โรงเรียนอินเตอร์ แต่ว่าเวลาคุณตาสนธิคุยกับสีน้ำแล้ว เธอก็ไม่ได้เด็กเหมือนที่เรียนอินเตอร์ฯ เลย เธอเป็นเด็กไทยที่มีความเรียบร้อย มีสัมมาคารวะสูง สีฟ้าก็เช่นกัน


ท่านผู้ชมครับ เรื่องที่ผมจะพูดครั้งนี้ ความจริงแล้วมันไม่มีอะไรน่าเบื่อหน่ายหรอก ท่านผู้ชมจะได้ความรู้ องค์ความรู้ที่สูงมากในการสร้างพระ

ท่านผู้ชมลองมาดูสิครับ ผม ขณะนี้มีพระพุทธรูป พระสยามพุทธาธิราช ซึ่งป้นด้วยมือ เดี๋ยวนี้การสร้างพระพุทธรูปแบบนี้ คนส่วนใหญ่คนออกแบบเขาจะใช้คอมพิวเตอร์ระบบ 3D ออกมา แต่อันนี้ไม่ใช่ อันนี้เขียนด้วยมือจากอาจารย์ศิริ ซึ่งท่านเป็นปรมาจารย์ทางด้านการออกแบบ และท่านมีชื่อมีเสียงมาก ท่านจบเพาะช่างมา และท่านอายุมากแล้ว ท่านทำงานชิ้นนี้ให้ผม ท่านทุ่มเทสุดฤทธิ์สุดเดชสุดหัวใจ


ท่านผู้ชมครับ ชื่อของพระพุทธรูปองค์นี้คือ พระสยามพุทธาธิราช เพื่อความมั่นคงสถาพรของชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ องค์ต่างๆ ที่อยู่ข้างล่างนี้ เนื่องจากว่าในหลักพุทธศาสนาแล้ว จะมีท้าวจตุโลกบาลคอยดูแลปกป้องทิศทั้งสี่ทิศ ท้าวเวสสุวรรณ คือคนที่รักษาทิศเหนือ ท้าวเวสสุวรรณ สังเกตง่ายๆ ท่านถือกระบอง ท้าววิรุฬหก เป็นผู้รักษาโลกด้านทิศใต้ ท้าววิรูปักษ์ คือ พญานาค พญางู รักษาโลกทางทิศตะวันตก และท้าวธตรฐ รักษาโลกทางทิศตะวันออก

ท่านผู้ชมครับ พระสยามพุทธาธิราช มีจุดเชื่อมมาจากปีที่แล้ว ท่านผู้ชมจำได้ไหมว่าเราสร้างเหรียญบูชาครูขรัวพ่อฉิมเทวดา ด้านหนึ่งเป็นรูปท้าวเวสสุวรรณ เป็นกุเวร ประจำทิศเหนือ อยู่บนเหรียญ อีกด้านหนึ่งเป็นตำรับยาลมของขรัวพ่อฉิม ที่กลายมาเป็นยาลมฯ ของอาจารย์ปานเทพ ในวันนี้


บันทึกที่เขียนไว้ในตำรายาหลวงสมัยรัชกาลที่ 5 ได้ซ่อนปริศนาธรรมเอาไว้ว่า รับประทานยาได้ 8 เดือน พระเวสสุวรรณลงมาสู่เราแล เราถึงต้องมีท้าวเวสสุวรรณที่ถือกระบองอยู่ ประทับอยู่ด้านหนึ่ง

เพราะฉะนั้นแล้ว ท่านผู้ชมครับ การสร้างพระสักองค์ มันไม่ใช่สักจะสร้างก็สร้าง บุญปัจจัยที่ทำให้เราต่อยอดจากภารกิจท้าวเวสสุวรรณ ในปีที่แล้ว (2565) ที่เราสร้างเหรียญขรัวตาฉิม เป็นภารกิจที่ยิ่งใหญ่ คือเราสร้างเพื่อทำบุญให้กับสามเสาหลักของชาติ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ในปี 2566 คือปีนี้ เพราะว่าในปีนี้ประเทศไทยได้เข้าสู่ความเสี่ยงในภัยคุกคาม ทั้งในประเทศและต่างประเทศ มีอันตรายต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ปรากฏว่าครูบาอาจารย์ในวงการเซียนพระรุ่นใหญ่ คือ เซียนหมึก ท่าพระจันทร์ ชื่อจริงคือ อาจารย์สุรเดช ลิ้มสกุล ได้มาให้คำปรึกษาหารือกับเรา ว่า ถ้าเราจะทำพระพุทธรูปจากปี 2565 ที่เราเริ่มต้นจากท้าวเวสสุวรรณ น่าจะมีท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่ทิศ เพราะในปี 2566 นี้ เป็นปีแห่งเทพเทวดาวงการพระเครื่อง คือ ท้าวเวสสุวรรณ (ด้านเหนือ) ท้าววิรุฬหก (ด้านใต้) ท้าววิรูปักษ์ (ด้านตะวันตก) ท้าวธตรฐ (ด้านตะวันออก)


พวกผมและคณะก็เลยมีความเห็นว่าจำเป็นต้องมีพระพุทธรูปองค์หนึ่ง ซึ่งหมายถึงการปกป้องของเทวดาวทั้งสี่ทิศ ทั้งสี่ทิศนี้คือปกป้องสัญลักษณ์แห่งธรรมสูงสุด คือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วย ถึงจะสมบูรณ์

ในที่สุดเราเลือกพระพุทธรูปทรงเครื่องจักรพรรดิ อันมีความหมายตามชมพูบดีสูตร ตามความเชื่อของเถรวาทในย่านอุษาคเนย์ ความเชื่อนี้คือ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงตรัสรู้แล้ว ได้ทรงนิมิตพระองค์ท่านเป็นพระมหาจักรพรรดิ ลงมาปราบพญาชมพูบดีที่มารุกรานมคธประเทศ ซึ่งเป็นเมืองพระพุทธศาสนาของพระมหากษัตริย์ในเวลานั้น คือพระเจ้าพิมพิสาร เหตุการณ์ครั้งนั้นจึงถือว่ามีภัยคุกคามต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ในเมืองพุทธศาสนาเช่นกัน

ปรากฏว่าเมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปราบอัตตาและกิเลสของพญาชมพูบดีสำเร็จ พญาชมพูบดีก็เลยได้กลับใจ ออกบวชเป็นภิกษุสงฆ์และบรรลุเป็นพระอรหันต์ และได้ชวนบริวารและลูกๆ ตลอดจนมเหสีออกผนวชบรรลุเป็นพระอรหันต์อีกด้วย เมืองมคธประเทศจึงสามารถดำรงความเป็นชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ผู้ทรงธรรมอีกต่อไปได้

ในการทำเช่นนี้เราต้องคัดเลือกผู้ออกแบบเหรียญครั้งนี้อย่างพิถีพิถัน มีความเข้าใจในอุดมการณ์และเจตนารมณ์นี้ เราได้เลือก ผศ.ศิริ หนูแดง ผู้ชนะเลิดการออกแบบตราสัญลักษณ์พระราชพิธ๊มหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2557 ของรัชกาลที่ 9


อาจารย์ศิริ หนูแดง ออกแบบได้สวยงามมมาก โดยจะทำเป็นเหรียญโลหะและเหรียญพระผง ชื่อเหรียญคือ "พระสยามพุทธาธิราช" ท่านผู้ชมเชื่อไหมว่าชื่อนี้ไม่ใช่ได้มาง่ายๆ เพราะสยามประเทศยังไม่เคยมีใครให้สร้างพระพุทธรูปและกำหนดชื่อแบบนี้มาก่อนในประวัติศาสตร์ชาติไทย ผู้ที่คิดค้นชื่อนี้จึงเป็นผู้ที่ถือศีล ปฏิบัติธรรม แต่ท่านไม่ต้องการให้เปิดเผยชื่อ ระบุว่า เมื่อตั้งจิตบริสุทธิ์สงบนิ่ง เห็นและรับทราบเจตนาของผมและคณะ ก็เลยเกิดนิมิตขึ้นมา ทำให้ได้ชื่อมาอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง คือ "พระสยามพุทธาธิราช"

คำว่า "สยาม" เป็นตัวแทนของชาติ "พุทธา" คือตัวแทนของศาสนา "อธิราช" คือตัวแทนของสถาบันพระมหากษัตริย์ "พระสยามพุทธาธิราช" จึงแปลตรงตัวว่า "พระพุทธรูปเพื่อปกป้องชาติ ศาสนา และ พระมหากษัตริย์ ให้ดำรงคงมั่นโดยพิพัฒนสถาพรตราบนานเท่านาน" ซึ่งเป็นชื่อที่ตรงความหมายและตรงตัว และพวกเราเห็นพ้องกันเป็นเอกฉันท์

เมื่อชื่อนั้นมีความหมายสำคัญเช่นนี้ เราจึงได้รับคำแนะนำจากพระผู้ใหญ่ในวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร ให้พวกเราไปทำพิธีบวงสรวงขอที่ศาลหลักเมือง และทำพิธีพลีมวลสารศักดิ์สิทธิ์จำนวนมาก เพื่อนำมาทำพิธีพลีมวลสารศักดิ์สิทธิ์จำนวนมาก เพื่อนำมาเป็นมวลสารทั้งพระผงและโลหะที่บ้านพระอาทิตย์ ปรากฏเหตุการณ์อัศจรรย์ทั้งสองวัน ที่ศาลหลักเมืองมีรุ้งกินน้ำวงใหญ่กลางพิธีบวงสรวง อีกวันที่ทำพิธีพลีมวลสาร มีพระอาทิตย์ทรงกลดกลางพิธีมวลสาร

นั่นคือเหรียญที่เป็นโลหะและผง แต่งานอีกชิ้นหนึ่งที่ผมและคณะได้ขอร้องให้อาจารย์ศิริ หนูแดง ได้ช่วยทำขึ้น คือช่วยทำพระพุทธรูปที่มีฐานทั้งสี่เป็นท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่ทิศ และมีพระสยามพุทธาธิราชอยู่บนยอดสูงสุด


อาจารย์ศิริ หนูแดง ได้ทำงานกับอาจารย์ที่ไว้วางใจ คือเป็นอาจารย์ที่เป็นนักปั้นฝีมือดีจริงๆ คือ ผศ.ประสิทธิ์ อัครวัฒนาศิริ หัวหน้าสาขาประติมากรรมไทย วิทยาลัยเพาะช่าง เราเรียกท่านสั้นๆ ว่า "อาจารย์ไฝ"

อาจารย์ไฝ อธิบายว่า การจะปั้นรูปสิ่งใดก็ตามต้องตั้งจิตให้เข้าใจสิ่งนั้นให้ได้มากที่สุด จึงเป็นการตั้งจิตเป็นสมาธิที่เสมือนกับเป็นการปฏิบัติธรรมไปด้วย ที่สำคัญคือการปั้นพระพุทธรูปครั้งนี้เป็นงานแบบสมัยโบราณที่แท้จริง คือท่านปั้นจากดินเหนียว ด้วยมือ ดินเหนียว ปั้นรายละเอียดทุกอย่าง ไม่เหมือนงานพุทธศิลป์ที่ใช้ดิจิทัล 3D ที่เป็นงานส่วนใหญ่ทุกวันนี้ ใช้เวลาอยู่หลายเดือนได้ออกมาจนหล่อตัวอย่างเป็นงานเทวศิลป์พุทธศิลป์ที่ทั้งงดงาม มีความเป็นมาของศิลปะร่วมสมัยอย่างน่าทึ่งจริงๆ เป็นศิลปะที่เชื่อมโยงกับเหรียญเนื้อโลหะและเนื้อผง


ผมขอเวลาท่านผู้ชมนิดหนึ่ง ผมจะอธิบายความหมายบางประการให้ท่านผู้ชมได้ติดตามกันนะครับ งานนี้แบ่งเป็นสองส่วน ส่วนที่หนึ่งอยู่ด้านล่าง งานโลหะหล่อ คือท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่ทิศ ส่วนด้านบน พระสยามพุทธาธิราช อยู่ด้านบนสุด มีบุษบกครอบเอาไว้ ด้านบนมีขนาดเล็กแต่ว่าละเอียดมาก จึงต้องใช้งานฝีมือเหมือนดังอัญมณี จิเวลรี ผมรวบรวมคำอธิบายคุณค่าของพระพุทธรูปชุดนี้ซึ่งมีความน่าสนใจ 4 ประการ

หนึ่ง เทวดาทั้งสี่ทิศ ท้าวจตุโลกบาล แม้จะเป็นอิริยาบถท่านั่งอันเป็นการปฏิบัติธรรม และถวายความเคารพต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่อิริยาบถท่านั่งที่ไม่เหมือนกัน ห่มสไบทุกองค์ทั้งสี่ด้าน แสดงว่าเทวดาปฏิบัติธรรมได้ในทุกทิศ และทุกอิริยาบถ อันเป็นคติแฝงว่า เราต้องใช้ธรรมเป็นเครื่องมือปกป้องชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ให้เกิดขึ้นในทุกทิศ และทุกหน้าที่ของแต่ละคน

ประการที่สอง ทั้งลวดลายในเหรียญเนื้อโลหะ และเนื้อผง และพระพุทธรูปองค์ใหญ่จะมีลายชื่อเกียรติมุข หรือหน้ากาล ซึ่งมีความหมายว่าเวลา ลายชื่อนี้เป็นชื่อของพระยม ผู้พิพากษาคนตายในอาถรรพเวทของศาสนาฮินดู ต่อมาจึงมีความเชื่อว่าการสร้างหน้าไว้เหนือประตูทางเข้าศาสนสถาน ก็เสมือนสิ่งปกป้องคุ้มครองรักษา มิให้สิ่งชั่วร้ายเข้ามาสู่ศาสนสถานนั้น ความหมายนี้มีนัยว่า เป็นการปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา และ พระมหากษัตริย์ ต่อสิ่งชั่วร้ายจนประสบผลสำเร็จ และเป็นนิรันดร์ หรือตลอดกาล

ประการที่สาม การออกแบบและการปั้นครั้งนี้เพื่อเป็นสิริมงคลต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ให้มีความมั่นคงในทุกสารทิศ ทั้งภัยจากในประเทศและภัยจากทั่วโลก ได้สะท้อนออกมาเป็นศิลปะในแต่ละทิศ งดงามและลึกซึ้งดังนี้

ท้าวเวสสุวรรณ ผู้รักษาโลกทางทิศเหนือ ทำหน้าที่ปกครองยักษ์ จึงมีลายยักษ์ซึ่งเป็นบริวาร อยู่ใต้ฐานพระอาสน์ โดยมีลายเกียรติมุข หรือหน้ากาล อยู่ที่ฐานด้วย ในขณะเดียวกันก็ใช้ศิลปะเครื่องแต่งองค์และพระพักตร์ของพระเวสสุวรรณ เป็นศิลปะล้านนา แทนศิลปะทิศเหนือ และเป็นศิลปะที่ผสมผสาน ได้รับอิทธิพลจากอินเดีย และจีน


ท้าววิรุฬหก ผู้รักษาโลกทางทิศใต้ ทำหน้าที่ปกครองกุมภัณฑ์ เลยมีลายครุฑซึ่งเป็นบริวาร อยู่ใต้ฐานพระอาสน์ มีลายเกียรติมุข หรือ หน้ากาล อยู่ที่ฐานด้วย ขณะเดียวกัน ใช้ศิลปะเครื่องแต่งองค์และพระพักตร์ของท้าววิรุฬหก เป็นศิลปะของอาณาจักรศรีวิชัย แทนศิลปะทิศใต้ โดยมีท่านั่งท่าเดียวกับองค์จตุคามรามเทพ

ท้าววิรูปักษ์ ผู้รักษาโลกทางทิศตะวันตก (ตะวันตก ก็คือต่างชาติ ฝรั่งมังค่า) ทำหน้าที่ปกครองนาค จึงมีลายนาคเทวดาซึ่งเป็นบริวาร อยู่ใต้ฐานอาสน์ มีลายเกียรติมุข หรือ หน้ากาล อยู่ที่ฐานด้วย ใช้ศิลปะเครื่องแต่งองค์พระพักตร์ท้าววิรูปักษ์ ผสมผสานศิลปะจากตะวันตกและโรมัน อันเป็นตัวแทนการปกป้องและปกครองโลกตะวันตกทั้งโลก พระพักตร์ท่านเหมือนรูปปั้นของกรีก ฝรั่งเลย

ท้าวธตรฐ ผู้รักษาโลกทางด้านทิศตะวันออก ทำหน้าที่ปกครองคนธรรพ์ มีลายอสูรเป็นบริวารอยู่ใต้พระอาสน์ มีลายเกียรติมุข หรือ หน้ากาล อยู่ที่ฐานด้วย ในขณะเดียวกัน ใช้ศิลปะเครื่องแต่งองค์และพระพักตร์ของท้าวธตรฐเป็นศิลปะผสมผสานของจีน อันเป็นตัวแทนการปกป้องโลกตะวันออกทั้งโลก

ประการที่สี่ สิ่งที่เป็นตัวอย่างต่อไปนี้ เป็นเรซินทดลองหล่อออกมา ของจริงฐานด้านล่างจะเป็นโลหะสีเขียวเข้มกว่านี้ ด้านบน ทั้งพระพุทธสยามพุทธาธิราช และบุษบก จะเป็นสีโลหะที่ทำจากบรอนซ์ เป็นงานระดับฝีมือจิเวลรี นำมาประกอบแยกส่วน


ท่านผู้ชมครับ ผมขอย้ำว่าการลงทุนทำพระ งานเหรียญ พระผง และงานพระพุทธรูป ไม่ใช่พุทธพาณิชย์ ดังนั้นใครทำบุญเพื่อเช่าเหรียญทุกบาททุกสตางค์นำไปทำบุญทั้งหมดโดยไม่มีการหักค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น ทุกอย่างเราร่วมทำบุญโดยที่พวกเราออกค่าใช้จ่ายในการสร้างขึ้นมา เฉพาะชุดนี้อย่างเดียวต้นทุนในการสร้างก็หลายหมื่นบาทต่อหนึ่งองค์

ตอนนี้เหรียญสำหรับจอง 1 ชุด จะมีเหรียญโลหะและพระผง ชุดละ 2,000 บาท เราทำขึ้นเพื่อจอง 18,000 ชุด ตอนนี้หมดไปแล้ว 13,000 ชุด เหลืออีก 5,000 ชุด ก็จะหมดและปิดการจอง ส่วนพระพุทธรูปชุดท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่และพระสยามพุทธาธิราช ซึ่งงดงามมาก องค์นี้ ทำมาจำกัดมาก 250 องค์เท่านั้น แต่ให้บูชาองค์ละ 100,000 บาท ใครมาก่อนได้ก่อน หมดแล้วหมดเลย 250 องค์นี่ไม่นานเลย

ทั้งหมดนี้ รวมทั้งเหรียญ ทั้งเหรียญผง และเหรียญโลหะ แล้วก็พระพุทธรูป จะเข้าสู่พิธีพุทธาภิเษก ซึ่งเราจะนิมนต์พระจากห้าทิศ เหนือ ใต้ ออก ตก และกลาง เข้ามาร่วมพิธีพุทธาภิเษก ถ้าท่านผู้ชมสนใจจะสั่งเหรียญหรือสั่งพระพุทธรูป ติดต่อไลน์ (LINE) เพิ่มเพื่อน และพิมพ์ @tambun ครับ


ท่านผู้ชมครับ ไม่มีใครจะทำอย่างนี้ได้อีกแล้ว และพระพุทธรูปนี้ผมเองก็ตั้งใจจะจองเอาไว้ส่วนตัวของผมประมาณ 10 องค์ เพราะว่าผมมีความรู้สึกว่าผมจะแจกไปที่บ้านน้องๆ เพื่อตั้งเอาไว้เพื่อปกป้อง เพราะเรามีท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่ดูแลทั้งสี่ทิศของบ้านหลังนั้นด้วย และพระพุทธมหาจักรพรรดิ ซึ่งเป็นร่างแปลงขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นองค์ที่ท่านลงมาปราบอัตตา ปราบอีโก้คนและปราบกิเลส ผมมั่นใจครับ 250 องค์ ไม่เหลือบ่ากว่าแรง ประเดี๋ยวเดียวก็หมด อาจจะดูแพงสำหรับบางท่าน แต่มีความจำเป็นนะครับ

ป.ป.ช. เปิดหน้า แก๊งล้มคดีบอส กระทิงแดง

ท่านผู้ชมจำเรื่องคดี "บอส" ได้ไหม วรยุทธ อยู่วิทยา เรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับการล้มคดีวรยุทธ หรือ บอส อยู่วิทยา ในข้อหาขับรถยนต์ชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ จนเสียชีวิตบนถนนสุขุมวิท เรื่องนี้เกิดขึ้นมา 11 ปีแล้ว 3 กันยายน 2555 ตอนนี้กลับมาเป็นข่าวโด่งดังอีกครั้งประมาณ 3 ปีที่แล้ว ในช่วงกรกฎาคม 2563 สังคมไทย สื่อไทย เวลามีเรื่องอะไรก็เฮโลกันไป แต่ผ่านไปแล้วก็เงียบ ไม่สนใจ ไม่ติดตามข่าว ไม่ทำการวิเคราะห์เจาะลึก อาจจะเป็นเพราะความเกรงกลัวในอิทธิพล กลัวต้องถูกตัดงบโฆษณา หรือไม่ใส่ใจความจริงที่มีหนึ่งเดียว แต่สนใจเรตติ้งและดรามาเพื่อปั่นยอดคนดูมากกว่า ผมไม่ทราบจริงๆ


แต่ล่าสุด ผ่านไปแล้ว 3 ปี ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าคดีนี้มีความคืบหน้าที่เราจำเป็นต้องมารายงานให้ท่านผู้ชมฟัง เมื่อวันอังคารที่ 5 กันยายน สำนักข่าวอิศรา เปิดเผยถึงข้อมูลแหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ระบุว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดผู้ถูกกล่าวหาในคดีที่กลับคำสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ในข้อหาขับรถยนต์ชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ เสียชีวิต เมื่อปี 2555 โดยมีขบวนการในการช่วยเหลือเปลี่ยนพยานหลักฐานด้านความเร็วรถยนต์เป็นทางการแล้ว


ผู้ที่ถูกกล่าวหาที่ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดทางอาญา มีการยืนยันชื่อเป็นทางการแล้ว 1) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เมื่อครั้งยังดำรงตำแหน่งกรรมาธิการในคณะกรรมการธิการการกฎหมาย กระบวนการยุติธรรม และกิจการตำรวจ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) 2) นายเนตร นาคสุข อดีตรองอัยการสูงสุด ที่ทุกวันนี้ยังขอสมัครเข้าไปเป็นกรรมการ ป.ป.ช. 3) นายชัยณรงค์ แสงทองอร่าม ซึ่งเป็นอดีตอัยการอาวุโส 4) นายพิชัย หรือ ชูชัย เลิศพงศ์อดิศร หรือฉายา ส.ว.ก๊อง ปัจจุบันเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ 5) นายสายประสิทธิ์ เกิดนิยม อาจารย์มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ที่ออกมาว่ารถไม่ได้ขับเร็วขนาดนั้น พร้อมคำนวณให้เสร็จเรียบร้อย แต่ตอนหลังก็หน้าแตก เพราะถูกสวนด้วยคนที่มีความรู้เหนือกว่า มิหนำซ้ำยังมีรวมพนักงานสอบสวนบางส่วน 


อีกท่านหนึ่งคือ นายธานี อ่อนละเอียด สมาชิกวุฒิสภา และอดีตเลขานุการกรรมาธิการการกฎหมาย กระบวนการยุติธรรม และกิจการตำรวจ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ ซึ่งปัจจุบันนี้ท่านเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในโควตาของภูมิใจไทย แต่ก่อนท่านเป็นอดีตผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคณะกรรมการ ป.ป.ช. เห็นควรส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชา หรือผู้มีอำนาจแต่งตั้งหรือถอดถอน ดำเนินการทางวินัยไปตามหน้าที่และอำนาจ เนื่องจากเรื่องที่มีการกล่าวหา เผอิญสองคนนี้ไม่ได้มีความผิดที่ร้ายแรงตามมาตรา 64 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ขั้นตอนต่อไป คณะกรรมการ ป.ป.ช. จะมีการส่งสำนวนไต่สวน เอกสารพยานหลักฐาน ให้อัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการฟ้องร้องคดีตามกฎหมายต่อไป

อย่างไรก็ตาม การชี้มูลความผิดของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่ถือว่าเป็นที่สุด ผู้ที่ถูกกล่าวหามีสิทธิ์ต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในขั้นศาลได้อีก ซึ่งผมเชื่อว่าทุกคนต่อสู้แน่นอน


อีกประเด็นหนึ่ง ข้อสังเกตที่ผมอยากจะเล่าให้ท่านผู้ชมฟัง ถ้าท่านผู้ชมลองสังเกตเรื่องนี้ดีๆ ว่า จะเห็นว่าที่มาที่ไปว่าจู่ๆ ทำไม พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีต ผบ.ตร. ปัจจุบันเขาเป็นนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ถึงกลายเป็นผู้ถูกกล่าวหาที่ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ผมได้ข่าวมาอย่างที่เชื่อถือได้ว่าจะมีความพยายามกัน พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ออกมาเป็นในฐานะพยาน แต่จุดเปลี่ยนอยู่ตรงไหน ? ท่านผู้ชมสังเกตเหมือนผมไหม จากเดิมที่คิดว่าจะให้เป็นพยาน จู่ๆ กลับมาเป็นจำเลย จุดเปลี่ยนมันอยู่ตรงนี้ครับ


3 กรกฎาคม ภายหลังจาก พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ประกาศเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พร้อมลาออกจากตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย โดยระบุว่า เป็นไปตามคำสั่งของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย วันที่ 3 กรกฎาคม 2566 พล.ต.อ.สมยศ กลับคำพูด โดยกล่าวว่าตัวเองไม่ได้เป็นคนจุดประเด็นเรื่องการลาออก ถ้าจะไม่ให้ประเทศไทยถูกแบนจากฟีฟ่า ก็ต้องไปไล่บี้กับคนจุดประเด็นอย่าง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และกล่าวว่า ตนเองนั้นเป็นคนรักศักดิ์ศรี ให้ความเคารพผู้ใหญ่ทุกคน สิ่งที่ควรจะทำหรือปฏิบัติ คือการเรียกตนไปพูดคุย ไม่ใช่ประจานในที่ประชุมหรือวิจารณ์ผ่านสื่อ ตนมียศ มีตำแหน่ง เป็นถึงพลตำรวจเอก


หลังจากที่มีคำพูดกระทบกระเทือน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในวันนั้น ผ่านมาสองเดือนก็มีวันนี้ที่ พล.ต.อ.สมยศ ถูก ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดจากการกลับคำสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ในข้อหาขับรถชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ เสียชีวิต เมื่อปี 2555 นี่คือข้อสังเกตที่ผมมี ผมเชื่อว่าท่านผู้ชมหลายท่านก็คงจะสะใจที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ในที่สุดก็ถูกตกเป็นจำเลยในคดีนี้

ท่านผู้ชมครับ ก่อนที่จะจบเรื่องคุณสมยศ ผมลืมไป ที่ผมแนะนำให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งท่านอ่อนเพลียเปลี้ยแรง ช่วงหลังๆ นี่ท่านสดชื่นมาก ผมได้ข่าวว่าลึกๆ ท่านแอบสั่งให้คนไปซื้อ "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" มารับประทาน ก็เลยเล่าให้ฟังเป็นข้อมูล ผมไม่ทราบว่าจริงหรือไม่จริง แต่ผมคิดว่าน่าจะจริง


พระราชทานอภัยโทษ น.ช.ทักษิณ

ท่านผู้ชมครับ เรื่องการได้รับพระราชทานอภัยโทษของนักโทษเด็ดขาดชาย ทักษิณ ชินวัตร เป็นเรื่องที่หลายคนตั้งคำถาม และขอให้ผมพูด เรื่องนี้ผมอยากจะค่อยๆ เล่า อยากให้ท่านผู้ชมค่อยๆ ฟัง อย่ารีบร้อน สลัดความมีอคติส่วนตัวทิ้งไปเสียก่อน อย่าไปเสียใจว่าทำไมความยุติธรรมถึงไม่ยุติธรรมอย่างนี้ โน่นนี่นั่น นิ่งๆ แล้ววิเคราะห์ตามผมมา


ย้อนกลับไปเมื่อการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่อยู่ระหว่างถูกดำเนินคดีในการชุมนุมที่สนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินดอนเมือง ได้ชุมนุมเพื่อต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อนิรโทษกรรมให้กับนายทักษิณ ชินวัตร อย่างต่อเนื่อง เพียงเพื่อเรียกร้องให้นายทักษิณ และพวก ตอนนั้นสู้ให้นายทักษิณ และพวก ยอมรับ เคารพกระบวนการและการลงโทษจากการตัดสินของกระบวนการยุติธรรมในชั้นศาล ซึ่งกระทำภายใต้พระปรมาภิไธยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ต่อมายังมีเหตุการณ์ที่ทำให้การชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยต้องชุมนุมต่อเนื่อง เพื่อทำหน้าที่ต่อต้านรัฐบาลพรรคพลังประชาชน ที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลในครั้งนั้นได้ทุจริตการเลือกตั้งอันเป็นเรื่องที่มีความร้ายแรง เพราะเป็นการได้อำนาจมาโดยไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ 2550 จนเป็นเหตุให้เกิดการยุบพรรคในเวลาต่อมาในวันที่ 2 ธันวาคม 2551 รวมเวลาชุมนุมต่อเนื่องถึง 193 วัน


ในระหว่างการชุมนุมวันที่ 7 ตุลาคม 2551 รัฐบาลของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ได้ใช้ระเบิดแก๊สน้ำตายิงตรงใส่ผู้ชุมนุม มีผู้ชุมนุมที่เสียชีวิตไปทันทีทันใด คือ น.ส.อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ หรือ น้องโบว์ และมีผู้ชุมนุมที่ถูกระเบิดจนเสียชีวิตในการชุมนุมอีกคน คือ พ.ต.ท.เมธี ชาติมนตรี อีกทั้งยังมีผู้เสียชีวิตหลังจากการถูกระเบิดแก๊สน้ำตายิงใส่ที่ศีรษะในวันนั้น คือ นางรุ่งทิวา ธาตุนิยม ยังไม่นับผู้พิการแขนขาขาด บาดเจ็บอีกจำนวนมาก จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีใครที่ได้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือข้าราชการในขณะนั้น ได้รับโทษทางอาญา อีกทั้งอัยการก็ยังไม่อุทธรณ์คดีความเพื่อความเป็นธรรมของผู้ชุมนุมด้วย

หลังจากนั้นผู้ชุมนุมเสียชีวิตเพิ่มเติมอีก เนื่องจากถูกทำร้ายด้วยการถูกขว้างระเบิด M79 ตลอดการชุมนุมใจกลางพระนคร เช่น นายเจนกิจ กลัดสาคร นายยุทธพงษ์ เสมอภาพ น.ส.กมลวรรณ หมื่นหนู และนายรณชัย ไชยศรี เป็นต้น มีผู้บาดเจ็บอีก 625 คน จวบถึงปัจจุบันยังไม่สามารถจับคนร้ายมาลงโทษเพื่อความเป็นธรรมของผู้ชุมนุมได้เช่นกัน


ท่านผู้ชมครับ ต้นทุนการทำอารยะขัดขืนด้วยการชุมนุมที่แลกมาเพื่อให้กระบวนการยุติธรรมได้เดินหน้าต่อไปนั้น ได้ทำให้แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหลายคนต้องโทษจำคุกไปแล้วหลายส่วน หลายคนต้องชดใช้ค่าเสียหายจนจะต้องล้มละลาย อีกทั้งยังมีผู้ชุมนุมต้องโทษจำคุกอีกจำนวนมาก แต่ผู้ชุมนุม คือพวกเรา ยังไม่เคยได้รับความเป็นธรรมจากคดีที่รัฐบาลทำร้ายผู้ชุมนุมจนเสียชีวิตตลอดมา

ถึงกระนั้นก็ตาม พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็ไม่เคยเรียกร้องการนิรโทษกรรม อีกทั้งได้คัดค้านการนิรโทษกรรมตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาอีกด้วย ทั้งๆ ที่กระบวนการนิรโทษกรรมเหล่านั้น แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและผู้ชุมนุมจะได้ประโยชน์ส่วนตนในคดีการชุมนุมอย่างแน่นอน

แต่จากการที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยต้องเสียสละตัวเองในการชุมนุมอย่างยาวนานและมีคดีความมากมายเพื่อคัดค้านการนิรโทษกรรมสุดซอย ก็เพื่อไม่ให้เป็นเหตุอ้างในการนิรโทษกรรมให้กับนายทักษิณ ชินวัตร เพียงคนเดียว เพราะก่อนหน้านี้ ทักษิณ ชินวัตร นอกจากไม่ยอมรับในกระบวนการยุติธรรมแล้ว ยังโจมตีกระบวนการยุติธรรมและศาลที่กระทำภายใต้พระปรมาภิไธยในประเทศและต่างประเทศ ทำให้เกิดการแบ่งแยกประชาชน ทำลายหลักนิติรัฐ และนิติธรรมของประเทศต้องเสียหายไปอีกด้วย


แม้แต่วันนี้กระบวนการดำเนินคดีกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในการชุมนุมที่สนามบินดอนเมือง และสุวรรณภูมิ ก็ยังเดินหน้าไต่สวน และกำลังจะเดินเข้าไปสู่การตัดสินโดยคำพิพากษาของศาลในปลายปี 2566 นี้ พวกเราที่เป็นประชาชนไม่เคยได้รับอำนาจหรือผลประโยชน์ใดๆ จากการชุมนุมเลย จนกระทั่งวันที่ 22 สิงหาคม ที่ผ่านมานี้ หลังจากได้หลบหนีคำตัดสินของศาลไปเป็นเวลา 15 ปี ทักษิณ ชินวัตร ได้กลับมาประเทศไทย และเข้ารับโทษตามคำพิพากษาของศาลภายใต้พระปรมาภิไธย รวมทั้งสิ้น 8 ปี แม้อาจจะมีข้อสงสัยของสังคมว่าการต้องโทษจำคุกของนักโทษชายทักษิณ ที่พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนั้น เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของกรมราชทัณฑ์อย่างถูกต้องหรือไม่ แต่อย่างน้อยแสดงว่า นักโทษชายทักษิณ ชินวัตร ได้ยอมรับโทษตามคำพิพากษาของศาลภายใต้พระปรมาภิไธย


ต่อมา เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2566 ได้มีประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา ว่า วันที่ 31 สิงหาคม 2566 นักโทษเด็ดขาดทักษิณ ชินวัตร ได้รับพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณอภัยโทษ ลดโทษจาก 8 ปี เหลือ 1 ปี โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ


ท่านผู้ชมครับ ได้มีครอบครัวและผู้ชุมนุม ผู้เสียสละจำนวนมาก เกิดความสงสัย ไม่แน่ใจว่าการเคลื่อนไหวต่อสู้เสียสละที่ผ่านมาของประชาชนที่เคยชุมนุมร่วมกับแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เพื่อต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน และการต่อสู้เพื่อหลักนิติรัฐและนิติธรรมของประชาชนนั้นมันสูญเปล่าไปหรือเปล่า เพราะถ้าจะมีใครเกิดมีข้อสงสัยดังกล่าว ก็ต้องเป็นคนที่เคยเสียสละในการต่อสู้กับระบอบทักษิณที่ผ่านมา นั่นคือแกนนำและผู้เข้าร่วมชุมนุมกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จริงหรือเปล่า

หลายคนรู้สึกสงสัย บางรายผิดหวังเช่นกัน เพราะยังไม่ได้พิจารณาเหตุการณ์และถ้อยคำระหว่างบรรทัดในราชกิจจานุเบกษาในการลดโทษครั้งนี้ เพราะการที่เอาทักษิณ ชินวัตร กลับมานั้น ผมได้เรียนเล่าให้ฟังแล้วถึงเบื้องหน้าเบื้องหลังในรายการอาทิตย์ที่แล้ว ว่าเป็นข้อตกลงกัน ทักษิณต้องกลับมาวันที่ 22 มายอมรับโทษอย่างโดยดี ส.ว. สาย พล.อ.ประยุทธ์ ก็จะลงคะแนนเสียงให้กับนายเศรษฐา ทวีสิน ให้ได้เป็นนายกฯ ทั้งหมดนี้เป็นการตกลงทางการเมือง จะเรียกว่าดีลลับก็ได้ ไม่เป็นไร เพราะพอลงมาปั๊บก็ไปที่ศาลฎีกา เพื่อรับฟังคำพิพากษา เสร็จแล้วก็มีใบนักโทษเด็ดขาดออกมาให้ทันทีเลย เหมือนกับเตรียมไว้ล่วงหน้า เพราะปกติธรรมดาแล้ว ใบนักโทษเด็ดขาดนั้นจะออกประมาณ 30 วัน หลังจากได้รับฟังคำพิพากษาแล้ว แล้วทักษิณ ชินวัตร ก็เดินก้าวเท้าเข้าคุก อยู่ 14 ชั่วโมง แล้วก็ใช้ช่องว่างของระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าสามารถจะออกไปรักษาตัวได้ถ้าหากหมอยืนยันว่าต้องไปโดยเร็ว เพราะไม่อย่างนั้นจะถึงแก่ชีวิต


เอาล่ะ เรามาดูถ้อยคำระหว่างบรรทัดในราชกิจจานุเบกษาในการลดโทษครั้งนี้ ประการแรก ภายใต้การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข แม้ว่ารัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 179 จะบัญญัติไว้ว่า พระมหากษัตริย์ทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจในการพระราชทานอภัยโทษ ซึ่งเป็นพระราชอำนาจในทางพระมหากรุณาธิคุณก็จริง แต่การลงนามรับสนองพระบรมราชโองการเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษส่วนบุคคลถือว่าเป็นกระบวนการตามกฎหมาย สืบเนื่องจากหลักประมุขของรัฐไม่ต้องรับผิดชอบในการบริหารราชการแผ่นดิน นั่นคือ The King Can Do No Wrong ซึ่งมีความหมายว่าพระมหากษัตริย์จะทรงใช้พระราชอำนาจได้ต่อเมื่อมีผู้ทูลเกล้าทูลกระหม่อมขึ้นไปเท่านั้น จึงทำให้พระราชอำนาจพระองค์นั้นทรงอยู่เหนือทางการเมือง ดังนั้น พระมหากษัตริย์ไม่มีพระราชอำนาจในการพระราชทานอภัยโทษหรือลดโทษด้วยพระองค์เอง ต้องมีความเห็นชอบของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเป็นผู้ทูลเกล้าฯ เสนอ และมีผู้ลงนามสนองพระบรมราชโองการ ต้องเป็นนายกรัฐมนตรี จึงจะมีผลตามกฎหมาย ความรับผิดรับชอบจึงย่อมเป็นเรื่องของผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นั่นเอง


ประการที่สอง การประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาเฉพาะราย ต้องเป็นกรณีได้รับพระราชทานอภัยโทษหรือลดโทษเท่านั้น หากไม่มีการพระราชทานอภัยโทษหรือลดโทษ ย่อมไม่สามารถทราบเนื้อหาคำขอการพระราชทานอภัยโทษได้ ดังนั้นเมื่อมีการประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา ย่อมทำให้ถูกบันทึกเอาไว้เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ เผยแพร่ไว้ตลอดกาลชั่วนิจนิรันดร์ ยกเลิกไม่ได้ เนื้อหาในราชกิจจานุเบกษาในวันที่ 1 กันยายน 2566 ได้ประกาศลงเผยแพร่ด้วยคำนำหน้าชื่อ สังเกตหรือเปล่าครับว่า "นักโทษชายเด็ดขาด ทักษิณ ชินวัตร" พร้อมกับสรุปความผิด คำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง 3 คดี ได้แก่ ความผิดต่อหน้าที่ราชการ 2 คดี ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ และการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวม 1 คดี ทำให้ได้ทราบเนื้อความที่ยื่นทูลเกล้าทูลกระหม่อมซึ่งเป็นประโยคตอนท้ายของย่อหน้าแรก ว่า "เมื่อถูกดำเนินคดีและศาลมีคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุกดังกล่าวด้วยความเคารพในกระบวนการยุติธรรม ยอมรับผิดในการกระทำ มีความสำนึกในความผิด จึงขอรับโทษตามคำพิพากษา"


ข้อความดังกล่าวมีความสำคัญแบ่งแยก คือเหตุที่เดินทางมารับโทษตามคำพิพากษา เพราะ หนึ่ง ทักษิณเคารพในกระบวนการยุติธรรมแล้ว สอง ยอมรับผิดในการกระทำ สาม มีความสำนึกในความผิด โดยศาลพิพากษาจำคุกรวมกันแล้ว 8 ปี ข้อความทั้งสามประการที่ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษานั้นเป็นบันทึกยืนยันทางประวัติศาสตร์ถึงที่สุดว่า เป้าหมายการต่อสู้เสียสละของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเมื่อ 15 ปีก่อน เป็นสิ่งที่ถูกต้องชัดเจนแล้ว ไม่มีใครกลั่นแกล้ง หรืออยุติธรรมต่อนักโทษชายเด็ดขาด ทักษิณ ชินวัตร ทั้งสิ้น และเป็นผลทำให้เกิดความขัดแย้งแตกแยกของประชาชนในสีเสื้อในเรื่องความอยุติธรรมที่นักโทษชายเด็ดขาด ทักษิณ ชินวัตร อ้างมาโดยตลอด ก็ย่อมต้องสิ้นสุดด้วยคำสารภาพของนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร ในการขอพระราชทานอภัยโทษครั้งนี้ ข้อสำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ประเทศไทยจะได้บันทึกเอาไว้ว่า ทักษิณ ชินวัตร คือนายกรัฐมนตรีคนแรกของประเทศไทยที่มีสถานภาพเป็นนักโทษเด็ดขาดชาย ซึ่งมีความสำคัญว่าไม่ว่าคุณจะมีอำนาจเพียงใด หากกระทำผิดก็ต้องถูกลงโทษไปตามเนื้อหา


เนื้อหาของการอธิบายคำขอ การขอพระราชทานอภัยโทษที่เป็นประวัติศาสตร์ถูกบันทึกในราชกิจจานุเบกษา เพราะผู้เร่งรีบเสนอรับสนองพระบรมราชโองการ คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และเราก็จะไม่สามารถเขียนแบบนี้ได้โดยมีนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ เพราะอาจจะไม่มีข้อความที่จะทำให้เกิดมลทินกับนายทักษิณ ชินวัตร ได้

ประการที่สาม นักโทษเด็ดขาดชาย ทักษิณ ได้ทูลเกล้าฯ ถึงเหตุผลในการขอพระราชทานอภัยโทษแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก ทูลเกล้าฯ อธิบายเรื่องคุณงามความดีที่ตัวเองได้เคยทำในฐานะนายกรัฐมนตรี ปรากฏในประกาศในราชกิจจานุเบกษา เขียนว่า "เคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่บริหารราชการแผ่นดิน ทำคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์" ส่วนที่สอง ได้ทูลเกล้าฯ อธิบายถึงความจำเป็นที่ต้องขอพระราชทานอภัยโทษในราชกิจจานุเบกษา ว่า "ขณะนี้อายมาก มีปัญหาสุขภาพเจ็บป่วยต้องเข้ารักษาพยาบาลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ"


ท่านผู้ชมครับ สำหรับคุณงามความดีที่ทูลเกล้าฯ มานั้น มีความจริงที่ผ่านผลการเลือกตั้งหลายครั้งที่ผ่านมา พรรคในเครือข่ายของนักโทษเด็ดขาดชาย ทักษิณ ได้รับความไว้วางใจในการเลือกตั้งให้เข้ามาจำนวนมาก หลายครั้ง จนถึงปัจจุบัน ความนิยมดังกล่าวทำให้ปฏิเสธไม่ได้ว่า เมื่อสิ่งที่นักโทษเด็ดขาดชาย ทักษิณ ชินวัตร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มีประชาชนจำนวนมากมีความเห็นว่าได้สร้างคุณประโยชน์ให้กับประเทศชาติและประชาชน ซึ่งตรงกันข้ามกับการเมืองฝ่ายอนุรักษ์นิยมสายทหารเดิม ทั้งพรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคพลังประชารัฐ ที่ไม่ประสบผลสำเร็จในการครองใจประชาชน จึงทำให้ไม่สามารถจะเป็นหลักในการบริหารบ้านเมืองได้อีกต่อไป ฝ่ายอนุรักษ์นิยมพ่ายแพ้การเลือกตั้งยับเยินก็เพราะไม่ยอมเปลี่ยนแปลง บริหารงานแบบรัฐราชการ ไม่ปฏิรูปการเมือง เศรษฐกิจ สังคมรอบด้าน จึงไม่สามารถครองใจประชาชนได้ อีกทั้งยิ่งอยู่นานยิ่งทำให้สถาบันกษัตริย์อ่อนแอลงไปทุกเมื่อๆ ก็เลยมีแต่พรรคเพื่อไทยที่กลายเป็นพรรคหลักที่เหลืออยู่ที่จะต่อกรกับพรรคก้าวไกลได้


ส่วนการที่นักโทษเด็ดขาดชาย ทักษิณ ชินวัตร มีอายุมากเกิน 70 ปีนั้น เป็นข้อเท็จจริง ในขณะที่การเจ็บป่วยมีแต่แพทย์และการตรวจสอบจากแพทย์เท่านั้นจึงสามารถทราบได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ และยังไม่มีใครสามารถเข้าไปดูรายละเอียดถึงกระบวนการตรวจสอบนี้ได้

ประการที่สี่ การประกาศลงราชกิจจานุเบกษาครั้งนี้ชัดเจนว่านักโทษเด็ดขาดชาย ทักษิณ ชินวัตร ไม่ได้รับพระราชทานอภัยโทษให้ปล่อยตัว แต่ได้รับพระราชทานให้ลดโทษจาก 8 ปี เหลือ 1 ปี ดังที่ข้อความตอนท้ายของราชกิจจานุเบกษากล่าวไว้ว่า "ซึ่งความทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทแล้ว จึงพระราชทานพระมหากรุณาอภัยลดโทษให้นักโทษเด็ดขาดชาย ทักษิณ ชินวัตร เหลือโทษจำคุกต่อไปอีก 1 ปี ตามกำหนดโทษตามคำพิพากษา..."


ท่านผู้ชมครับ การยอมรับสารภาพ สำนึกผิด ได้ทำให้เป็นการสลายความเข้าใจผิดและความแตกแยกของมวลชนที่สนับสนุนนักโทษเด็ดขาดชาย ทักษิณ มาโดยตลอด แต่การพระราชทนอภัยโทษ ลดโทษนั้น ย่อมทำให้ประชาชนที่สนับสนุนนักโทษเด็ดขาดชาย ทักษิณ ชินวัตร ได้เห็นความสำคัญของพระราชอำนาจในทางพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ และสถาบันกษัตริย์ยังคงมีความสำคัญในการให้อภัย/ลดโทษ เพื่อยุติความขัดแย้งและความแตกแยกของคนในชาติได้ แม้จะเป็นความขัดแย้งที่มีมานานถึง 17 ปี และคำขอพระราชทานอภัยโทษของนักโทษเด็ดขาดชาย ทักษิณ ชินวัตร น่าจะสูงกว่านั้น คือการขอพระราชทานอภัยโทษเพื่อหวังในการปล่อยตัว แต่ก็ไม่ได้ปล่อยตัวให้ ยังติ่งไว้โทษอีก 1 ปี เก็บเอาไว้ให้

ประการที่ห้า การที่มีการพระราชทานอภัยโทษ พระมหากรุณาธิคุณอภัยลดโทษนั้น ได้ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาถึงวัตถุประสงค์ว่า "เพื่อที่จะได้ใช้ความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ช่วยเหลือและทำคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติ สังคม และประชาชน สืบไป"

เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ขณะนี้มีขบวนการคุกคาม บั่นทอน ทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ในประเทศไทย ด้วยการสนับสนุนทางการเงิน ยุยงปลุกปั่นจากต่างชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อประเทศมหาอำนาจที่ต้องการกดดันเพื่อให้ประเทศไทยมีความเสี่ยงในการเลือกข้าง อันจะนำไปสู่การทำให้ประเทศไทยกลายเป็นสมรภูมิสงครามด้วยแล้ว การสามัคคีรวมชาติบ้านเมือง อภัยเพื่อร่วมกันรับมือปัญหาชาติที่ยิ่งใหญ่กว่า ย่อมมีความสำคัญอย่างยิ่ง ดังตัวอย่างที่เคยเกิดขึ้นในประเทศมาแล้วในอดีต ในการก่อตั้งขบวนการเสรีไทยที่สามัคคีรวมกัน ให้อภัยในเรื่องอดีต ไม่แบ่งพวกคณะราษฎร หรือฝ่ายเจ้า เพื่อกอบกู้เอกราช ไม่ให้ประชาชนกลายเป็นประเทศที่แพ้สงครามโลกครั้งที่สองตามประเทศญี่ปุ่น


ท่านผู้ชมครับ และถ้าฝ่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งเคยเป็นผู้เสียสละ ตั้งแต่อิสรภาพ อวัยวะ ชีวิต เพื่อรักษาหลักนิติรัฐ นิติธรรม ตลอดจนพิทักษ์ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยไม่เคยหวังผลตอบแทนด้วยแล้ว ย่อมเคารพต่อพระราชอำนาจพระมหากษัตริย์ที่ได้มีพระราชวินิจฉัยในการอภัยโทษครั้งนี้

เพราะสรุปสุดท้ายคือ สิ่งที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่มองภาพรวมว่าเราได้อะไร คือเราได้ราชกิจจานุเบกษาว่า นักโทษเด็ดขาดชาย ทักษิณ ชินวัตร กลับมารับโทษ เพราะ หนึ่ง เคารพในกระบวนการยุติธรรมที่ทำในนามพระปรมาภิไธย สอง ยอมรับผิดว่าตัวเองได้ทำผิดไปแล้ว และสาม มีความสำนึกในความผิดที่ตัวเองได้ทำ ซึ่งทำให้ยืนยันในความถูกต้องของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในขณะที่ฝ่ายคนเสื้อแดงซึ่งมีความรัก ศรัทธาต่อคุณงามความดีของนักโทษเด็ดขาดชาย ทักษิณ ชินวัตร ก็จำเป็นต้องหันมายอมรับและเคารพต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วยเช่นกัน

ดังนั้น การต่อสู้ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้ถูกยืนยันว่าถูกต้องแล้ว ได้มวลชนเสื้อแดงที่หันมาสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสถาบันพระมหากษัตริย์เพิ่มมากขึ้น ถือว่าเป็นการต่อสู้ที่ผ่านมาไม่สูญเปล่า ท่านผู้ชมครับ ผมรู้ว่ามีการเสียชีวิต ญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิตย่อมเจ็บช้ำน้ำใจ รักษาใจไว้ให้ดี แปรเปลี่ยนความผิดหวังให้เป็นพลัง มองสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เป็นเป้าหมายสูงสุดในการเจริญเติบโตก้าวหน้าต่อไป ท่านผู้ชมครับ ถามว่าผมเจ็บช้ำน้ำใจไหม ? ผมเจ็บช้ำน้ำใจ แต่ผมไม่ได้โกรธทักษิณ ผมเจ็บช้ำน้ำใจที่ข้าราชการตำรวจ หรืออัยการ หรือแม้กระทั่งศาลบางท่าน ที่ไม่ได้เห็นการตายของประชาชนที่ต่อสู้เพื่อให้ทักษิณกลับมาวันนี้ มายอมรับผิดและสำนึกผิด ตำรวจที่ฆ่าประชาชน ผู้ใหญ่ที่มีอำนาจในรัฐบาลชุดนั้นที่อยู่เบื้องหลังการสั่งการ ถูกสั่งยกฟ้องหมด มิหนำซ้ำอัยการเจ้าตัวก็ยังไม่ยอมอุทธรณ์ ถ้าถามว่าผมเจ็บใจเรื่องอะไร ?


ผมเจ็บใจเรื่องนี้ พึ่งพาอะไรไม่ได้เลย เราอย่าหันความโกรธไปที่ทักษิณ เพราะทักษิณ ต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด ความยุติธรรมที่เราต้องการ คือคนที่ฆ่าเรา ผู้หลักผู้ใหญ่หายไปไหนหมด ทำไมได้รับการยกฟ้องหมดทุกคน เกิดอะไรขึ้นกับอัยการ และเกิดอะไรขึ้นกับผู้พิพากษา ที่พิพากษาไปอย่างนั้น นี่คือความเจ็บใจของผม ท่านผู้ชมอย่าไปเจ็บใจผิดที่ผิดทาง ทักษิณ คือตัวละคร วันนี้ทักษิณสำนึกบาป รับผิด ในขณะที่เสื้อแดงกำลังเรียกร้องให้ตรวจสอบการตายของเสื้อแดง ผมก็เรียกร้องว่าที่ผู้พิพากษา พิพากษาไป ตลอดจนอัยการที่ไม่ยอมอุทธรณ์ และตำรวจชั้นผู้ใหญ่หลายคนที่ต้องรับผิดชอบในการสั่งการครั้งนี้ พวกคุณอยู่ที่ไหนกัน ถ้าท่านถามผม พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ผมแค้นตรงไหน ผมแค้นตรงนี้ เพราะทุกอย่างที่ผมทำ และพวกเราทำกัน ก็เพื่อดำรงไว้ซึ่งความยุติธรรม ดำรงไว้ซึ่งการให้ทักษิณ ในที่สุดแล้ว ถึงจะมีดีลลับอย่างไรก็ตาม แต่ก็ต้องกลับมาแล้วสำนึกผิด ยอมรับผิดทุกประการ

ท่านผู้ชมรู้ไหมครับ เวลาเขียนคำขอพระราชทานอภัยโทษ สิ่งแรกที่ต้องเขียนคือว่า ต้องยอมรับผิดหมดทุกอย่างที่ตัวเองทำไป ไม่มีข้ออ้าง ไม่ต้องมาพูดเลยว่าเป็นเรื่องทางการเมือง ข้าพเจ้าโดนกลั่นแกล้ง พูดไม่ได้ เพราะถ้าเข้ามาแล้วต้องยอมรับผิดทุกประการ ตรงนี้ผมคิดว่าเป็นคุณูปการกับพวกเรา อย่างน้อยที่สุดมันอยู่ในราชกิจจานุเบกษาตลอดชั่วนิจนิรันดร์ ไม่มีใครจะลบล้างได้ หลานคุณทักษิณในอนาคตที่จะเจริญเติบโตต่อไป เมื่อเป็นหนุ่มเป็นสาวแล้ว คำสำนึกผิดและคำรับผิดว่าได้ทำผิดมาแล้ว มันจะปรากฏอยู่ในราชกิจจานุเบกษา และมันจะทำให้หลานๆ รู้ และหวังว่าการรับรู้นี้จะสั่งสอนพวกเขาไม่ให้เขาทำเช่นคุณตาของเขา หรือคุณปู่ของเขาอีกต่อไป


นั่นคือสิ่งที่พวกเราได้ แต่สิ่งที่พวกเราควรจะเจ็บใจ คือผู้ใหญ่ต่างๆ ที่ผมเอ่ยชื่อไปแล้ว แม้กระทั่งการกลั่นแกล้งพวกเราในคดีสนามบิน ทั้งๆ ที่เป็นคดีผู้ก่อการร้ายของเสื้อแดง ก็ส่งฟ้องคนเพียง 7-8 คน หรือ 12 คน แต่คดีเราส่งฟ้อง 98 คน แล้ววันนี้เราต่อสู้เพื่อเอาทักษิณกลับมารับโทษ เราสำเร็จแล้ว จะสำเร็จเพียงเพราะว่ามีการประนีประนอมกันระหว่างผู้มีอำนาจ อย่างที่ผมเรียนให้ทราบตอนที่พูดมาตอนต้นว่าคนที่รับสนองพระบรมราชโองการ คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นคนเดินเรื่อง เพราะฉะนั้นแล้ว ความคิดที่จะเอาพรรคเพื่อไทยมาชนกับพรรคก้าวไกล ผมเคยเรียนให้ทราบ จำคำพูดของผมไว้ ใครก็ตามฟังรายการนี้ให้จำเอาไว้เลย เป็นความคิดที่ไร้เดียงสา ตลก


เพราะรัฐบาลชุดใหม่ชุดนี้เป็นรัฐบาลผสม พรรคเพื่อไทยมีแค่ 141 เสียง ที่เหลือเป็นพรรคอะไรก็ไม่รู้ เป็นการตั้งรัฐบาลเพื่อแบ่งปันผลประโยชน์กัน คุณจะอยู่ครบ 4 ปี อย่างแน่นอนที่สุด แต่คุณจะมีความฉาวโฉ่ในเรื่องการโกงการกินอย่างแน่นอนที่สุด เชื่อผม หนีไม่พ้น ยังไม่ทันจะขึ้น ยังไม่ทันจะทำงานถึงเดือนเลย มีการตระบัดสัตย์แล้ว คุณสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ พูดจาแต่ละวันไม่ซ้ำกันเลย พูดไปเรื่อยๆ ขอให้ได้พูด พูดวันนี้อย่างหนึ่ง อีกวันพูดอีกอย่าง ไม่มีอะไรแตกต่างกันเลยระหว่างคำพูดของสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ผมเพียงยกตัวอย่างให้ฟัง กับคนอย่างเช่นพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ก็โกหกไปวันๆ เช่นกัน ไหนล่ะ 20 บาทตลอดสาย สัญญากันแล้วไม่ใช่หรือ สุริยะออกมาเล่นลิ้นนักการเมือง บอกว่าผมเห็นว่าไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน ทำอย่างอื่นก่อน นักการเมืองเมืองไทยมันเป็นอย่างนั้นจริงๆ ผมจะเล่าเรื่องๆ หนึ่งให้ฟังก่อนจบเรื่องนี้


ในชั้นเรียนของเด็กเล็ก ประมาณ ป.3 - ป.4 ครูก็ถามนักเรียนในชั้นว่า ถึงเวลาแล้วที่ต้องมาเล่าให้ฟังว่าคุณพ่อของพวกเราทำงานอะไร เด็กแต่ละคนก็ออกไปหน้าห้อง รายงาน พ่อผมเป็นนักสู้ไฟครับ เป็นพนักงานดับเพลิง พ่อผมเป็นตำรวจครับ พ่อผมเป็นนายธนาคารครับ พูดกันทุกคน ยกเว้น ด.ช.เกร็ก นั่งอยู่มุมห้องไม่พูดอะไรเลย ครูก็ถามว่า เกร็ก คุณพ่อทำอะไร เกร็กถอนหายใจเฮือก เดินไปที่หน้าชั้น บอกว่าพ่อผมทำงานบาร์เกย์ เต้นรำเพื่อให้ผู้ชายที่มาเที่ยวชอบอกชอบใจ ถ้ามีใครติดใจ จะชวนพ่อผมออกไปร่วมเพศกัน พ่อผมก็ไป เพราะได้เงิน ครูอ้าปากค้าง พูดไม่ออก บอกให้ทุกคนหยุด ทำงานต่อไป แล้วเดินมาถามเกร็กว่า เกร็ก ทำไมถึงเอาพ่อมาประจานเช่นนี้ เกร็ก บอกว่า คุณครูครับ จริงๆ แล้วพ่อผมเป็นนักการเมือง แต่ผมอายเกินไปที่จะบอกว่าพ่อผมเป็นนักการเมือง เป็นผู้ชายทำงานบาร์เกย์ยังมีศักดิ์ศรีมากกว่านักการเมืองอีกครับ

BRICS+ กำเนิดมหาอำนาจใหม่ รุกฆาตพญาอินทรีย์


ช่วงนี้ผมอยากจะพูดเรื่อง BRICS เป็นองค์กรอีกขั้วหนึ่งของพวกที่ปฏิเสธโลกขั้วเดียว แต่ก่อนที่จะเข้าไปพูดเรื่องนั้น เข้าใจว่ามีการประชุมไปแล้ว ประมาณหลายอาทิตย์แล้ว ก็มีนักวิเคราะห์ข่าวหลายคนก็เอาเรื่องพวกนี้จะพูด แต่ก่อนที่ท่านผู้ชมจะเข้าไปดูเนื้อหาของ BRICS ว่ามันจะเป็นตัวเปลี่ยนเกมของโลกอย่างไรบ้าง ผมคิดว่าผมอยากจะเอาที่มาที่ไปของโลกนี้ และการล่มสลายของแต่ละจักรวรรดิ มีมาตั้งนานแล้ว เผอิญมันมีบทความหนึ่งซึ่งผมต้องขออนุญาต เขียนโดยนายบิล โฮลเตอร์ (Bill Holter)

นายบิล โฮลเตอร์ เป็นคนที่อยู่ในแวดวงอสังหาริมทรัพย์และอยู่ในแวดวงหลักทรัพย์ คือพูดง่ายๆ ว่าเป็นผู้เล่นหุ้นตัวฉกรรจ์ เกือบสามสิบปี เผอิญคุณสายัณห์ รุจิรโมรา เป็นคนแปล แล้วก็ปรากฏในเพจของคุณทนง ขันทอง ผมก็เอาบางส่วนที่คุณสายัณห์แปล แล้วก็ในองค์ความรู้เดิมที่ผมมี เอามาเล่าให้ฟัง ถ้าท่านผู้ชมฟังให้ดีๆ แล้ว พอจบเรื่องนี้แล้ว ท่านผู้ชมจะเริ่มเข้าใจเลยว่าทำไม BRICS ถึงมีความสำคัญมาก


ท่านผู้ชมครับ พวกเรากำลังอยู่ในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงที่มีเกิดขึ้นมาก่อนหลายๆ ศตวรรษ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน นี่เป็นครั้งแรกในหลายๆ ศตวรรษ ตอนนี้ที่กำลังถกเถียงคือเงินกระดาษ แบงก์กระดาษที่เราเรียกว่า "เฟียตมันนี่" (Fiat Money) เผอิญมีมหาอำนาจใหม่ที่เกิดขึ้นแล้วพังลงไป ผมจะย้อนประวัติศาสตร์กลับไปยุคจักรวรรดิโรมัน พังหมดในอดีต ยุคนี้มีจักรวรรดิอเมริกัน จักรวรรดิอเมริกันนี่เสวยสุขมาช่วงไหน ? จริงๆ แล้วไม่ใช่เพราะว่าชนะสงครามหรอก จริงๆ เขารบกันมาตั้งนานแล้ว อเมริกาเพิ่งเข้าไประยะสองปีสุดท้าย ก็คือว่ามีความพร้อมมากกว่า มีความสด ไม่บอบช้ำ อเมริกาเข้าไปก็เลยทำให้ชนะสงครามโลกครั้งที่สองอย่างเด็ดขาด แต่ว่าที่เสริมอาวุธให้อเมริกากลายเป็นอเมริกาทุกวันนี้ก็คือ การประชุมที่เมืองเบรตตันวูดส์ (Bretton Woods)


นั่นคือวันที่อเมริกาประกาศว่าจะให้โลกทั้งโลกใช้ดอลลาร์เป็นเงินสำรอง ยกเลิกทองคำ สมัยก่อนเงินดอลลาร์ทุกคนผูกติดกับทองคำ อเมริกาในยุคประธานาธิบดีนิกสัน ทิ้งไปเลย บอกเอาเงินดอลลาร์ ตอนนี้เงินดอลลาร์มันกำลังจะพังแล้ว ถ้ามันพัง จะไม่ใช่แค่ศูนย์อำนาจในเขตเดียว หรือแค่อเมริกา มันทั้งโลกเลย มันมีปัญหาว่าถ้าดอลลาร์พังไป อำนาจทางการเมือง การทหาร ปัญหาทางการเมืองในสหรัฐฯ การบังคับใช้กฎหมาย การเงิน ประเด็นสังคม ปัญหาเหล่านี้ ขณะนี้ในอเมริกาดุเดือดเลือดพล่านเลย ท่านผู้ชม เลือดพล่านจริงๆ ท่านผู้ชมอาจจะไม่ค่อยได้สังเกต การปล้นสะดม การขโมยของเกิดขึ้นในทุกรัฐ คนที่ยังต้องการความฝัน หรือที่เรียกว่า American Dream ลืมไปเลย ประเด็นต่างๆ ไม่ใช่เรื่องใหม่ มันไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้น มันเกิดขึ้นมาแล้วทั้งนั้น


ทั้งหมดที่ผมอ่านให้ฟัง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอำนาจทางการเมือง การทหาร การเมืองภายในสหรัฐฯ การบังคับใช้กฎหมาย การเงิน ประเด็นสังคม มันเกิดขึ้นมาตลอด แต่มันเกิดขึ้นทีละเรื่องๆ มางวดนี้มันเกิดขึ้นพร้อมกันหมดเลย แล้วเกิดขึ้นในระดับโลกด้วย

ถ้าเรามองย้อนหลังประวัติศาสตร์ที่มหาอำนาจก้าวขึ้นมาเป็นเจ้าจักรวรรดิของโลกหลายรายแล้ว มีอำนาจทางการทหาร การเงิน ในโลกตะวันตกตั้งแต่สมัยดัตช์ ฝรั่งเศส อังกฤษ สหรัฐฯ แต่ละราย ซึ่งเหมือนกับรายก่อนๆ ที่ล่มสลายไป การมีอำนาจทำให้ทุกคนแสวงหาความมั่งคั่งเพิ่มไม่สิ้นสุด ประชาชนในประเทศตัวเองก็ปลื้มกับผู้นำ ใช้จ่ายกันอย่างสนุกสนาน จนในที่สุดก็ถึงเวลาต้องม้วนเสื่อ และนี่เป็นช่วงเวลาอันตรายเหมือนที่กำลังเป็นอยู่ตอนนี้ บิล โฮลเตอร์ บอกว่าเรากำลังอยู่ในโลกที่มีคนบ้าคลั่ง มีอำนาจกดปุ่มทำลายล้างได้ทันที เราอยู่ในช่วงที่มีหนี้จำนวนมากแบบไม่เคยเห็นมาก่อน เขาบอกเลยว่า หนี้ของอเมริกานั้นไม่มีวันชำระคืนได้ด้วยเงื่อนไขปัจจุบัน อยู่ในช่วงที่ห่วงโซ่การผลิต หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า Supply Chain เปราะบางที่สุดในประวัติศาสตร์


ท่านผู้ชมครับ ตอนนี้โลกอยู่ในยุคของตะวันตกสู้กับตะวันออกมาตลอดนับพันปี โดยเฉพาะในช่วง 20 ปีให้หลังมานี้ ประเทศทั่วโลกต่างรับรู้ได้ชัดเจนที่สุดว่าโลกตะวันตกกำลังเป็นฝ่ายได้เปรียบ เหยียบหัวคนทั่วโลก และกำลังหนักขึ้น ด้วยเหตุนี้คนที่ถูกเหยียบหัว ไม่ว่าจะเป็นจีน รัสเซีย หรือประเทศทางใต้ ที่เขาเรียกว่า South กำลังร่วมมือกันเพื่อสร้างเส้นทางการส่งสินค้าและการค้าที่เป็นของตัวเอง เพื่อหลีกห่างจากการเอารัดเอาเปรียบของอเมริกา โดยเริ่มแรกก็ดำเนินไปอย่างช้าๆ

ท่านผู้ชมครับ BRICS มีอายุประมาณ 15-17 ปี ตั้งมาแล้ว ค่อยๆ ไปทีละปีๆ แต่ตอนนี้เส้นทางและกลไกดังกล่าวกำลังถูกเร่งเครื่องอย่างรวดเร็ว

การประชุมของกลุ่ม BRICS มีการเพิ่มสมาชิกใหม่ 6 ประเทศ ซาอุดีอาระเบีย อิหร่าน ที่เข้ามาพร้อมกันนี้ไม่ธรรมดาแน่ ท่านผู้ชมต้องไม่ลืมว่าซาอุดีอาระเบียนี่ล่ะที่เป็นผู้แจ้งเกิดให้กับเปโตรดอลลาร์ คือการบังคับให้คนที่ซื้อน้ำมันจากซาอุดีอาระเบียให้ใช้เงินดอลลาร์ ซึ่งอเมริกาไปบีบบังคับให้ซาอุดีอาระเบียว่า เขาจะป้องกัน ประกันความปลอดภัยของซาอุดีอาระเบีย


ซาอุดีอาระเบียต้องบังคับให้ทุกคนที่ซื้อน้ำมันใช้เงินดอลลาร์ เริ่มมาตั้งแต่ปี 2516 หรือห้าสิบปีที่แล้ว ถ้าโลกไม่มีเปโตรดอลลาร์ ชาวโลกทุกวันนี้คงไม่ต้องทุกข์ยากแบบที่เราต้องเผชิญอยู่ทุกวันนี้ นี่คือกลุ่มประเทศที่เป็นตัวแทนชาวโลก ตลอดระยะเวลา 50 ปีที่ผ่านมา ชาวโลกทั้งโลกส่งสินค้าตัวจริง สินค้าก็คือปลูกข้าวมา 1 เกวียน ผลิตสินค้ามาเป็นเครื่องจักร โน่นนี่นั่น คือพูดง่ายๆ ว่า Real goods สินค้าตัวจริง ให้กับโ,กตะวันตก เพื่อแลกกับเงินตราปลอมๆ หรือกระดาษดอลลาร์มาตลอด

เอาเปรียบขนาดนี้ยังไม่สะใจ อเมริกายังไปแซงก์ชันประเทศอื่นๆ ที่ขัดใจเขา ที่หนักที่สุดเหมือนฟางเส้นสุดท้ายคือ อเมริกายึดทองคำของเวเนซุเอลา เพราะนโยบายทางการเมืองไม่เหมือนกัน พูดแล้วไม่เชื่อ กระด้างกระเดื่อง ก็เลยยึดทองคำไปเลย สหรัฐฯ ก็ยึดเงินทุนสำรองของรัสเซียที่เป็นดอลลาร์ไป ยังไม่พูดถึงการข่มขู่ประเทศที่ไม่ยอมปฏิบัติตามนโยบายสหรัฐฯ ตัดออกจากระบบการเงินการทำธุรกรรมของ SWIFT ที่อเมริกาอยู่เบื้องหลัง เหตุที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ทำให้ทุกประเทศกระโดดกันตัวยาว เผ่นหนีกันกระเจิดกระเจิง แล้วก็หาทางเลือกการเงินการค้าที่ไม่ได้ถูกควบคุมจากโลกตะวันตก


ในช่วง 25 ปีที่ผ่านมา ทองคำมีการไหลจากตะวันตกมาสู่ตะวันออกเป็นจำนวนมาก อำนาจก็เลยไหลตามมาด้วย ตอนนี้โลกอยู่ในยุคที่น่ากลัวกว่าตอนปี 1929 หรือในช่วงที่เศรษฐกิจในอเมริกาล่มสลาย แล้วกระเทือนมาจนถึงปี 1932 ในยุคที่มีการยึดอำนาจ เปลี่ยนแปลงระบบการปกครอง 2475 การเปลี่ยนแปลงนั้น ข้าวยากหมากแพง ที่ทำให้ทหารขึ้นมายึดอำนาจกษัตริย์ แล้วล้มระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ไปก็เพราะว่าการล่มสลายของเศรษฐกิจในโลกนี้

อเมริกาตอนนั้น 1929 เป็นอำนาจใหม่ กำลังจะมาแทนที่จักรวรรดิอังกฤษที่กำลังถดถอย อเมริกาได้ลดมูลค่าเงินดอลลาร์ลงต่อทองคำเพื่อสู้กับเงินฝืด และสงครามก็เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่นำมาใช้

ท่านผู้ชมครับ มาตอนนี้จีนเป็นอำนาจใหม่ อเมริกากำลังถอย ครั้งนี้สงครามจะเป็นเครื่องมือต่อสู้ของอเมริกาด้วยหรือเปล่า คือพูดง่ายๆ ว่าอเมริกาสู้ทางเศรษฐกิจไม่ได้ก็จะสร้างสงครามขึ้นมา แต่คำถามคือ อเมริกาวันนี้กล้าไหม เพราะว่าทั้งจีน และรัสเซีย ต่างพัฒนาปรับปรุงแสนยานุภาพ คือรอมาเป็นสิบๆ ปี ที่สร้างตัวเองให้แข็งแกร่งทางด้านแสนยานุภาพ เพราะคู่ต่อสู้วันนี้ของอเมริกาเหมือนในอดีต ไม่หมูแล้ว เทคโนโลยีทางการทหารหลายๆ เรื่อง รัสเซีย กับจีนเหนือกว่าอเมริกาเยอะ ส่วนเรื่องทองคำนั้นเป็นเรื่องที่ต่างจากในอดีต ไม่ช้าจีนจะปรับเพิ่มสัดส่วนทองคำในทุนสำรองประเทศเพิ่มสูงจากปัจจุบันหลายเท่าตัว การผลักปรับค่าทองคำคงจะมากจนเกิดหลุมดำในงบดุล นั่นจะเป็นการช่วยธนาคารชาติอื่นๆ ที่เก็บทุนสำรองในรูปทองคำไปด้วย


ที่สำคัญคือ จากการที่อเมริกาไม่เคยตรวจสอบปริมาณทองคำที่ตัวเองมีอยู่เลย ตั้งกี่ปีมาแล้ว ? ปี 1956 ทำให้ผู้เชี่ยวชาญเชื่อได้ว่าอเมริกาไม่มีทองคำเหลือแล้ว นอกจากมีอยู่ใต้เหมืองที่ยังไม่ได้ขุดออกมา

ท่านผู้ชมครับ ปกติแล้วประเทศที่มีหนี้มากกว่าจีดีพีมาก จะถูกเรียกว่า Banana Republic หรือสาธารณรัฐกล้วยหอม แต่สำหรับอเมริกาแล้ว หนี้อย่างเป็นทางการคิดเป็นสัดส่วนต่อ GDP คือ 125 เปอร์เซ็นต์ ต่อจีดีพีประเทศไปแล้ว นี่คือหนี้ที่ปรากฏ ที่เปิดเผยนะ แต่ยังมีภาระหนี้ผูกพันที่สัญญาจะจ่ายในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสวัสดิการสังคมที่อเมริกาจะต้องจ่ายต่อไปในอนาคตให้กับคนจำนวนมากเข้ามารวมด้วย เขาบอกว่ายอดหนี้ของอเมริกาจะขึ้นจาก 125 เปอร์เซ็นต์ต่อจีดีพี น่าจะขึ้นถึง 1 พันเปอร์เซ็นต์ต่อจีดีพี แต่ไม่เป็นไรครับท่านผู้ชม อเมริกายึดถือว่าจะมีหนี้เท่าไร กูไม่สนใจ เพราะว่าใช้เงินดอลลาร์เป็นทุนสำรองของโลกอยู่แล้ว แต่พอมาตอนนี้อัตราดอกเบี้ยเริ่มสูงขึ้นเหมือนช่วงปี ค.ศ. 2001 การทำการรัดเข็มขัดแต่ละครั้ง ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1982 หรือช่วงสี่สิบปีที่ผ่านมา มันทำให้เกิดปัญหาทางการเงินจนต้องมีอะไรสักอย่างพังลงไป ไม่ว่าจะเป็นตราสารหนี้ขยะ ที่เขาเรียกว่า Junk Bond หุ้นอสังหาริมทรัพย์ แต่คราวนี้มันจะเป็นทุกอย่างเลยที่ต้องพังไป เพราะทุกทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกู้ยืมเพื่อซื้อสินทรัพย์ทั้งนั้น มันจะลากเอาธนาคารกลางทั้งหลาย หรือกระทรวงการคลังพังไปด้วย รวมทั้งเงินกระดาษ หรือเงินเฟียต (เงินกระดาษ ภาษาอังกฤษเรียกว่า เงินเฟียต : Fiat Money)


จะขอเพิ่มเรื่องน่าตื่นเต้นหน่อยครับ ตอนนี้ Money Supply ลดลงมาเกินกว่า 18 เดือนแล้ว แบบไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ. 1930 การหมุนเวียนก็ลดต่ำกว่าเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ตัวเลขเศรษฐกิจที่อเมริกาอ้างอิงนั้น เขาตั้งคำถามถามว่ามันเป็นตัวเลขเศรษฐกิจที่ปลอม แต่งบัญชีกัน ที่บอกว่าอัตราว่างงานอเมริกาอยู่ระดับ 3.6 เปอร์เซ็นต์ เป็นไปได้อย่างไร แล้วเงินเฟ้อที่บอกแค่ 4 เปอร์เซ็นต์ ก็ไม่ใช่ เขาเข้าใจว่าเงินเฟ้อน่าจะอยู่ระดับ 7-8 เปอร์เซ็นต์ เพราะว่าราคาสินค้าในตลาดยังพุ่งขึ้นไม่หยุด เงินฝากในอเมริกาไหลออกจากแบงก์ไม่หยุด อสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ สร้างขึ้นมาเพื่อให้คนเช่า ก็ไม่มีใครต้องการ ซึ่งในที่สุดอีกหน่อยตึกต่างๆ พวกนี้ก็จะเป็นบ้านที่พักอาศัย งบประมาณ ภาครัฐ รัฐบาลอเมริกาต้องกู้มาเพื่อใช้จ่ายอีกอย่างน้อย 1 ล้านล้านดอลลาร์ ท่านผู้ชมเชื่อไหมพวกอนุพันธ์ต่างๆ ที่มีมากกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์นั้น จะไปได้สวยหรืออย่างไร มันก็ต้องพังอีกเช่นกัน ทุกอย่างมันจะพังลงทันทีที่เครดิตไปต่อไม่ได้ เครดิตนั้นอยู่ได้เพราะความน่าเชื่อถือ แล้วคนอเมริกันหรือในโลกนี้เชื่อถืออะไรได้บ้าง

ประเด็นของนายบิล โฮลเตอร์ คือ ย้อนไปเมื่อเกือบร้อยปีที่แล้ว ค.ศ. 1929 หรือ พ.ศ. 2472 ที่ภาษาอังกฤษเขาเรียก The Great Depression ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นนั้น มันไม่ได้เกิดขึ้นในเชิงทั่วโลกนะ แต่ทุกวันนี้ภาวะเศรษฐกิจของอเมริกาที่กำลังจะพังลงไป มันเชื่อมผ่านไซเบอร์ เชื่อมผ่านระบบดิจิทัล วันนี้เกิดขึ้นในอเมริกา วันนี้ประเทศไทยรู้เรื่อง ได้รับผลกระทบ บิล โฮลเตอร์ ก็เลยมองว่าวิกฤตที่กำลังจะเกิดขึ้นเป็นการมัดรวมวิกฤตในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา สะสมมาเรื่อยๆ และรวมมาเลย บิล โฮลเตอร์ บอกว่าชีวิตเขาเคยทำงานในวงการเงินผ่านช่วงวิกฤตมาแล้วทุกช่วง แต่ครั้งที่จะเกิดขึ้นต่อไปนี้คือวิกฤตในวิกฤตอีกที แล้วหลังจากนั้นจะเป็นการเอาคืนของธรรมชาติ ก็คือมันก็ต้องล่มสลายไปตามหลักธรรมชาติ


ถ้าดูในเชิงคณิตศาสตร์ ระบบการเงินของโลกพังแน่ ถ้าในเชิงภูมิรัฐศาสตร์ เราเห็นว่าจักรวรรดิหนึ่งกำลังล่มสลาย ล้มละลาย ก็คืออเมริกา ไม่มีกฎหมายใดจะพึ่งได้แล้ว ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ บิล โฮลเตอร์ บอกว่าระวังจะไม่ระบุเวลาแน่นอน ไทม์ไลน์วิกฤตจะเริ่มเมื่อไร ตอนนี้บิล โฮลเตอร์ เชื่อว่าถ้ามันเกิด มันจะเกิดแบบฉับพลัน บิล โฮลเตอร์ เชื่อว่าเมื่อมีเรื่องใหญ่เช่นนี้เกิดขึ้น ไม่ว่าที่ไหนในโลก มันจะมีเวลาไม่เกิน 72 ชั่วโมง ที่จะเปลี่ยนไปแบบฉับพลัน หน้ามือเป็นหลังมือ แล้วพวกเราจะมีพฤติกรรมแบบนกกระจอกเทศ คือเอาหัวมุดดิน ไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น บิล โฮลเตอร์ แนะนำทิ้งท้ายว่า ให้ทุกคนเตรียมพร้อมทางการเงิน สังคม สุขภาพ ให้มากที่สุด

ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ชมพอจะเข้าใจแล้วใช่ไหมครับถึงประวัติศาสตร์ก่อนที่จะมาถึงวันนี้ เอาล่ะ เรามาเล่าให้ฟังถึงจุดเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นในโลกนี้


ปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา มีประเด็นสำคัญที่เกิดขึ้นในแวดวงการเมืองและเศรษฐกิจโลก เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ทวีปแอฟริกา ประเทศแอฟริกาใต้ ซึ่งได้เป็นเจ้าภาพในการจัดประชุมของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนายักษ์ใหญ่ที่มีการพัฒนาและการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว มีชื่อว่า BRICS

BRICS ย่อมาจาก B = Brazil, R = Russia, I = India, C = China, S = South Africa

ผมเคยเล่าให้ท่านผู้ชมฟังหลายครั้งเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของกลุ่ม BRICS ซึ่งก่อตั้งขึ้น 17 ปีที่แล้ว หรือ 2549 หลังจากมีเหตุการณ์โศกนาฏกรรมเครื่องบินชนตึกเวิลด์เทรด วันที่ 11 เดือน 9 กันยายน


ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจและการเมืองโลกจำนวนมากเห็นพ้องว่าดุลอำนาจของโลกกำลังจะเปลี่ยนไป เขาเขียนไว้ตั้งแต่ 17 ปีที่แล้ว และกลุ่มประเทศที่ไม่ใช่จากซีกโลกตะวันตกกำลังจะมีบทบาทต่อโลกสูงขึ้นเรื่อยๆ และโลกในอนาคตจะไม่ได้ถูกกำหนดตามรูปแบบของอเมริกานุวัตน์ หรือภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า Americanization เพียงอย่างเดียวอีกต่อไป คือพูดง่ายๆ ว่า จากโลกขั้วเดียวจะต้องกลายเป็นโลกหลายขั้ว

การประชุมสุดยอดของผู้นำ BRICS ครั้งแรกถูกจัดขึ้นมาในปี 2552 ที่เมือง Yekaterinburg รัสเซีย

การประชุมของ Yekaterinburg เมื่อสองสัปดาห์ที่แล้วต้องถือว่าเป็นครั้งที่ 15 แต่ว่าเป็นการประชุมที่มีนัยที่สำคัญมาก เพราะการก่อตั้ง Yekaterinburg ปี 2549 นั้น BRIC มีสมาชิกแค่ 4 ชาติ พออีกห้าปีให้หลัง 2554 ก็เพิ่มแอฟริกาใต้เข้ามาเป็นสมาชิกลำดับที่ 5 ของกลุ่มอย่างเป็นทางการ ทำให้จาก BRIC กลายเป็น BRICS แล้วหลังจากนั้นก็ไม่ได้เพิ่มจำนวนสมาชิกอีกเลยเป็นเวลา 12 ปี ท่านผู้ชมครับ ถ้าท่านผู้ชมสังเกตองค์ประกอบของชาติที่เข้ามาอยู่ บราซิล เป็นตัวแทนของอเมริกาใต้ แอฟริกาใต้ เป็นตัวแทนของทวีปแอฟริกา อินเดีย เป็นตัวแทนของเอเชียใต้ จีน คือตัวแทนเอเชียตะวันออก


ในการประชุมสุดยอดของกลุ่มผู้นำ BRICS ในวันที่ 22-24 สิงหาคม ที่ผ่านมา ประชุมกันที่เมืองโยฮันเนสเบิร์ก แอฟริกาใต้ ได้มีมติต้อนรับสมาชิกใหม่ 6 ประเทศ ทำให้ขณะนี้กลุ่ม BRICS มีสมาชิก 11 ประเทศ ประกอบด้วย สมาชิกดั้งเดิม คือ บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน แอฟริกาใต้ สมาชิกใหม่คือ ซาอุดีอาระเบีย อียิปต์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อาร์เจนตินา อิหร่าน และเอธิโอเปีย ซึ่งจะเข้ามาร่วมกลุ่มอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 1 มกราคม ปีหน้า (2567)

ท่านผู้ชมครับ การขยายกลุ่ม BRICS เป็น BRICS+ มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์อย่างมาก สะท้อนให้เห็นความมุ่งมั่นของประเทศ BRICS ที่จะรวมตัวกันและร่วมมือกับประเทศกำลังพัฒนา และประเทศตลาดเกิดใหม่ ยุติอเมริกาและตะวันตกที่เป็นผู้บงการโลกมาตลอดเวลา


ท่านผู้ชมครับ ให้สังเกตดีๆ ว่ากลุ่มประเทศที่เพิ่มเข้ามานั้น เริ่มเข้ามาด้วยตะวันออกกลาง แล้วที่สำคัญที่สุดก็คือว่า เอาประเทศเล็กๆ อย่างเช่น เอธิโอเปีย เข้ามา มันมีนัยสำคัญมาก เพราะเอธิโอเปียได้รับการช่วยเหลือจากจีนในการพัฒนาประเทศ จนกระทั่งทำให้เอธิโอเปียซึ่งเป็นประเทศที่จนมากๆ กลายเป็นประเทศที่มีการเจริญเติบโตอย่างสูง ตะวันออกกลางมีซาอุดีอาระเบีย อียิปต์ เอมิเรตส์ อาร์เจนตินานั้นเพิ่มเติมจากบราซิล จากลาตินอเมริกา แล้วตะวันออกกลางก็เพิ่มอิหร่านเข้าไปอีกประเทศหนึ่ง คือพูดง่ายๆ ว่าตอนนี้สมาชิก BRICS 11 ประเทศ ถ้าดูตามภูมิรัฐศาสตร์แล้ว ครอบคลุมทั่วโลกเลย ทุกทวีป ตัดยุโรปออก โดยไม่มีรัสเซีย ตัดอียูออก ตัดอเมริกาออก ตัดแคนาดาออก ตัดออสเตรเลียออก ตัดอังกฤษออก ก็ขนาดนายมาครง พยายามขอเข้าไปเป็นผู้สังเกตการณ์ เขายังปฏิเสธไม่ให้เข้า คือคนพวกนี้คือกลุ่มอำนาจเก่าซึ่งเขาไม่ต้องการจะคบหาสมาคมด้วย


BRICS มีอยู่ 10 หมากที่รุกฆาตอเมริกา หนึ่ง ขนาดเศรษฐกิจ เมื่อรวมขนาดผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของเหล่าสมาชิกกลุ่ม BRICS+ เข้าด้วยกันแล้ว ขนาดของจีดีพีจะใหญ่กว่าขนาดเศรษฐกิจของอเมริกา ปัจจุบันอยู่ที่ 26 ล้านล้านดอลลาร์ ถึง 30 เปอร์เซ็นต์ ใหญ่กว่าของอเมริกา อเมริกาจีดีพีอยู่ที่ 26 ล้านล้านดอลลาร์ นี่ใหญ่กว่าอเมริกาอีก 30 เปอร์เซ็นต์

จีดีพีรวมของกลุ่ม BRICS มีสัดส่วนมากถึง 30 เปอร์เซ็นต์ ของขนาดเศรษฐกิจโลก นอกจากนั้นแล้ว พวกสมาชิกยังเป็นประเทศที่มีอนาคตที่เศรษฐกิจเจริญเติบโตไปได้อีกหลายปี ไม่เหมือนประเทศอเมริกา และประเทศทางยุโรป ซึ่งมันถึงจุดอิ่มตัวแล้ว


สอง การส่งออก การขยายตัวกลุ่ม BRICS+ จะทำให้การส่งออกของชาติสมาชิกเพิ่มขึ้นจากเดิมอีก 20 เปอร์เซ็นต์ และปริมาณการค้าทั่วโลกเพิ่มขึ้นเป็น 25 เปอร์เซ็นต์ ที่สำคัญที่สุด อเมริกาก็รู้ ตะวันตกก็รู้ และกลัวกันมาก ชาติสมาชิก BRICS+ ล้วนแต่เป็นชาติที่มีฐานทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ มีเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากการผลิตจริง ภาษาอังกฤษเรียกว่า Real sector ไม่ใช่ประเทศที่มีฐานเศรษฐกิจากการปั่นเงิน อเมริกาและชาติตะวันตกมีฐานเศรษฐกิจมาจากการปั่นเงิน

ข้อที่สาม BRICS+ จะเป็นมหาอำนาจใหม่ทางด้านน้ำมันและพลังงาน อเมริกาจะเริ่มสูญเสียความสามารถในการควบคุมการไหลเเวียนของน้ำมันในตลาดโลกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการสูญเสียเงินเปโตรดอลลาร์ไปแล้ว ปริมาณสำรองน้ำมันของโลกกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ จะตกอยู่ภายใต้การควบคุมของเหล่าสมาชิกกลุ่ม BRICS+


การที่กลุ่มสมาชิก 5 ชาติเดิมของ BRICS ประกาศรับสมาชิกใหม่อีก 6 ชาติเข้าร่วม โดยสมาชิกใหม่ถ้าดูให้ดีๆ เป็นมหาอำนาจทางด้านพลังงานในตะวันออกกลาง ซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอเาหรับเอมิเรตส์ อิหร่าน ทำให้กลุ่ม BRICS+ กุมกำลังการผลิตน้ำมันมากถึง 43 เปอร์เซ็นต์ ของการผลิตของประเทศต่างๆ ทั่วโลกเลยทีเดียว

สี่ อันนี้สำคัญมาก แร่ธาตุสำคัญ สมาชิกกลุ่ม BRICS+ จะเป็นกลุ่มที่ควบคุมแร่ธาตุสำคัญในทางเศรษฐกิจทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นการผลิตไมโครชิป แบตเตอรี เช่น แร่ลิเทียม แกลเลียม เจอร์เมเนียม นีโอดีเมียม เป็นต้น

หก ประชากรส่วนใหญ่ของโลก BRICS+ จะเป็นกลุ่มตัวแทนคนส่วนใหญ่ของประชากรโลกอย่างแท้จริง 11 ชาติสมาชิกมีจำนวนประชากรกว่า 3,700 ล้านคน คิดเป็น 40 เปอร์เซ็นต์ ของประชากรโลก ไม่ใช่ธรรมดานะ ขณะที่ประชากรของกลุ่ม G7 ซึ่ง G7 มันล้าสมัยแล้ว เป็นวัตถุโบราณไปแล้ว คนหลงยุคยังมานั่งประชุมกัน 7 ประเทศ แล้วกำหนดวาระของโลก ส่วนใหญ่เป็นชนชาติตะวันตก และคนผิวขาว รวมคนผิวเหลืองซึ่งคิดว่าตัวเองมีผมบรอนซ์และผิวขาว ก็คือญี่ปุ่น จำนวนประชากรราวๆ 800 ล้านคน ขณะซึ่ง BRICS+ ประชากร 40 กว่าเปอร์เซ็นต์ของโลก แต่ G7 แค่ 10 เปอร์เซ็นต์ เอง


ยิ่งอเมริกาทำตัวเป็นเจ้าโลก/ตำรวจโลก มีสัดส่วนประชากรน้อยมาก คิดเป็นสัดส่วนแค่ 4 เปอร์เซ็นต์

การที่ BRICS+ ประกาศรับประเทศที่มีจำนวนประชากรมากเข้าร่วม และเตรียมจ่อเข้ามาเพิ่มอีก ไม่ว่าจะเป็นอาร์เจนตินา เอธิโอเปีย อียิปต์ อิหร่าน อินโดนีเซีย ก็จะยิ่งทำให้สัดส่วนจำนวนประชากรสมาชิกกลุ่ม BRICS+ ใหญ่โตขึ้น จะมีจำนวนมากกว่า เกินกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ หรือครึ่งหนึ่งของจำนวนประชากรโลก ก็คือพูดง่ายๆ ว่า กลุ่มคนพวกนี้คือกลุ่มคนที่เบื่อหน่าย เซ็ง เริ่มทนไม่ได้กับการเกะกะเกเรของกลุ่มชาติตะวันตกที่มีอเมริกาเป็นผู้นำ ที่ดูถูก เหยียดหยาม กดขี่ สูบทรัพยากรไป

หก เขาต้องการทำลายการผูกขาดทางการเงิน การที่กลุ่ม BRICS มีความประสงค์ มีความมุ่งมั่นอย่างชัดเจนในการลดการผูกขาดเงินดอลลาร์สหรัฐ ทำไปเพื่ออะไร ? เพื่อปลดแอกชาติต่างๆ ออกจากสภาพการเป็นข้าทาสทางเศรษฐกิจการเงินของอเมริกา ที่ดำรงมาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา


ผมได้เคยอธิบายไปแล้วหลายครั้งว่า BRICS จะสร้างเงินสกุลใหม่ขึ้นมาเพื่อลดการพึ่งพิงเงินดอลลาร์สหรัฐ ในการทำการค้ารวม ถึงการเป็นเงินสำรองระหว่างประเทศ เงินสกุลใหม่นี้จะเป็นเงินดิจิทัลหรือเงินสกุลใหม่ แต่ว่าเงินสกุลใหม่นี้จะอ้างอิงทองคำที่พวกเขามีอยู่ หรือตะกร้าเงินชาติสมาชิกก็แล้วแต่ แต่เงินสกุลใหม่ของชาติ BRICS จะนำมาใช้ จะเป็นการสั่นคลอนการผูกขาดของดอลลาร์และการเป็นเจ้าโลกทางเศรษฐกิจและการเงินของอเมริกาอย่างแน่นอนที่สุด


ทั้งหมดนี้ จีนเป็นหัวหอกในการสร้างเงินสกุลใหม่ของ BRICS ขึ้นมา ปัจจุบันมีชาติต่างๆ กว่า 15 ประเทศ ได้เข้ามาร่วมเป็นสมาชิกธนาคารเพื่อการพัฒนาใหม่ (MDB) รู้จักกันในชื่อว่า ธนาคารบริคส์ หรือ ธนาคารวิปเรียบร้อยแล้ว


เจ็ด ก่อกำเนิดองค์การโลกบาลที่หลุดพ้นจากการครอบงำของตะวันตก BRICS จะกลายเป็นกลุ่มสมาชิกของประเทศที่สร้างองค์กรโลกบาลที่ไม่ได้ถูกครอบงำจากชาติตะวันตกอย่างแท้จริง

ผมเคยให้ฟังแล้ว ถ้าท่านผู้ชมติดตามผมมาตลอด เล่าให้ฟังหลายครั้งแล้วว่าองค์กรโลกบาลทางด้านเศรษฐกิจและสังคมทั้งหลายในโลก ไม่ว่าจะเป็นธนาคารโลก (World Bank) กองทุนการเงินระหว่างประะเทศ (IMF) หรือธนาคารเพื่อพัฒนาเอเชีย (ADB) นั้น ทุกแห่งมีมาเฟียใหญ่เหล่าประเทศมหาอำนาจยืนอยู่ข้างหลังทั้งสิ้น สังเกตได้จากประธานหรือผู้อำนวยการใหญ่ของแต่ละองค์กรจะถูกผูกขาดโดยบุคลากรของประเทศนั้น หรือทวีปนั้นๆ เช่น World Bank อเมริกาคุมธนาคารโลก ยุโรปคุม IMF และญี่ปุ่นจะคุม ADB


แปด ระบบโอนเงินโลกจะมาทดแทนระบบ SWIFT จากสงครามยูเครน-รัสเซีย ทั่วโลก ทุกคนได้เห็นฤทธิ์เดชของ SWIFT ที่อเมริกาคุมอยู่ เครือข่ายในการทำธุรกรรมทางการเงิน ระบบคำสั่งข้อความที่ช่วยในการโอนเงินข้ามประเทศจากธนาคารทั่วโลกได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งแม้ว่าสมาคมที่ควบคุมระบบ SWIFT จะตั้งสำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศเบลเยียม แต่เป็นที่รับรู้กันแล้วว่าผู้ที่ควบคุมระบบนี้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดคือเมริกา ทำให้เมื่อเกิดสงครามในยูเครนขึ้น ชาติตะวันตก สมาชิกนาโต นำโดยอเมริกา และประเทศอียู จึงสามารถแซงก์ชันรัสเซียได้ด้วยการตัดรัสเซียออกจากระบบการโอนเงิน การทำธุรกรรมทางการเงินระหว่างประเทศอย่าง SWIFT ได้ทันที

ปัจจุบันรัสเซียต้องหันไปพึ่งพาระบบโอนเงินระหว่างประเทศของจีนแทน ส่วนนักท่องเที่ยวของรัสเซียเดินทางไปต่างประเทศ รวมทั้งประเทศไทย ไม่สามารถใช้บัตรเครดิตของตะวันตก อย่างเช่น VISA หรือ Master Card แต่เขากลับหันไปใช้ระบบของจีน บัตรเครดิตที่ชื่อ Union Pay แทน ล่าสุด รัสเซียขอให้ไทยเปิดระบบโอนเงินระหว่างประเทศที่ชื่อ MIR Payment ซึ่งเป็นระบบโอนเงินที่รัสเซียพัฒนาขึ้นมาเอง


ท่านผู้ชมครับ การจับมือร่วมกันและเพิ่มจำนวนสมาชิกของ BRICS+ ทำให้ธนาคารเพื่อการพัฒนาใหม่ หรือชื่อว่าธนาคารบริคส์ (BRICS) มีบทบาทอย่างสูงที่ในการสามารถหาระบบการโอนเงิน และระบบการทำธุรกรรมระหว่างประเทศแบบใหม่ ที่ไม่ตกอยู่ภายใต้อำนาจการครอบงำหรือแทรกแซงทางการเมืองของชาติตะวันตก อย่าง SWIFT

เก้า จะให้ยุติการแซงก์ชันและยึดทรัพย์โดยมิชอบจากมหาอำนาจตะวันตก จากกรณีก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นกรณีประเทศแคนาดา ประเทศทางตะวันตก รับออร์เดอร์จากอเมริกาให้ควบคุมตัวนางเมิ่ง หว่านโจว อดีตซีเอฟโอของหัวเว่ย จับผู้บริหารฝรั่งเศสของอัลสตอม ตัดรัสเซียออกจากระบบการเงิน SWIFT การแช่แข็งบัญชีและยึดทรัพย์รัฐบาลประเทศต่างๆ ในต่างแดน ไม่ว่าจะเป็นอิหร่าน อิรัก รัสเซีย พม่า แสดงว่าเขาใช้อำนาจรัฐนอกดินแดนในการแทรกแซงรัฐบาล รวมทั้งเอกชนประเทศต่างๆ ของอเมริกา เพื่อสกัดกั้น หรือทำร้าย ทำลายประเทศและบริษัทเอกชนต่างๆ ที่ไม่อยู่ในโอวาทของตัวเอง และทำเพื่อผลประโยชน์ของโลกตะวันตกและอเมริกา


ท่านผู้ชมครับ การรวมตัวของกลุ่ม BRICS+ ที่ใช้ระบบการเงินที่เป็นเอกเทศจากระบบของอเมริกาและของชาติตะวันตก จะทำให้อเมริกาและชาติตะวันตกไม่สามารถใช้มาตรการทางการเงินและเศรษฐกิจผ่านการใช้อำนาจรัฐนอกดินแดนมาจัดการกับประเทศหรือเอกชนประเทศต่างๆ โดยเฉพาะในประเทศที่กำลังพัฒนาได้อีกต่อไป

ข้อที่สิบ โลกหลายขั้วอย่างแท้จริง การขยายตัวของ BRICS กลายเป็น BRICS+ จะเป็นการก่อกำเนิดระเบียบโลกใหม่อย่างแท้จริง ที่หลุดพ้นจากโลกขั้วเดียว ที่ครอบครองโดยสหรัฐฯ ไปสู่โลกหลายขั้ว ที่ทำโดยชาติที่้หลากหลาย เป็นกลุ่มประเทศที่ครอบคลุมประชากรส่วนใหญ่ของโลกอย่างแท้จริง

ท่านผู้ชมครับ การขยายตัวและเพิ่มจำนวนสมาชิกของกลุ่ม BRICS ยังคงเดินหน้าต่อไปอย่างต่อเนื่อง ในการประชุมครั้งหลังสุดที่แอฟริกาใต้ ท่านผู้ชมรู้ไหมว่ามี 40 ประเทศในโลกนี้ ส่งผู้แทนเข้าร่วมสังเกตการณ์ ในจำนวนนี้มีความจำนงเข้าร่วมกลุ่ม BRICS ในอาเซียนมีประเทศไทย อินโดนีเซีย และ เวียดนาม ที่ขอสมัครเป็นสมาชิกของ BRICS+ ด้วย

สาเหตุที่กลุ่ม BRICS+ ได้รับความสนใจจากประเทศต่างๆ มากมาย ก็เพราะการเข้าร่วม BRICS เปิดโอกาสให้เข้าร่วมอย่างเปิดกว้าง เคารพซึ่งกันและกัน ไม่ใช้ระบบการเมืองหรือประชาธิปไตยมาเป็นเงื่อนไขในความร่วมมือ

BRICS ได้ประกาศท่าทีของตนต่อสหรัฐฯ และกลุ่ม G7 ว่า BRICS ไม่ใช่เป็นปฏิปักษ์ แต่ไม่ได้ต้องการสถาปนาตนเองขึ้นเป็นคู่แข่ง ตรงกันข้าม กลับยินดีที่จะร่วมมือกันในระดับสากลเท่าที่จะทำได้ ตัวอย่างเช่น การพิพาทระหว่างรัสเซีย กับ ยูเครน BRICS ก็ไม่ได้ถือหางฝ่ายใด ไม่ได้ส่งกำลังและอาวุธไปช่วยรัสเซียที่เป็นสมาชิกของ BRICS และนำเสนอปัญหาการแก้ปัญหาทั้งสองฝ่ายเจรจาโดยสันติ


ท่านผู้ชมครับ ปณิธานของกลุ่ม BRICS แตกต่างจากมหาอำนาจทางตะวันตกและอเมริกา มหาอำนาจตะวันตกและอเมริกาต้องการผูกขาดอำนาจ ปิดล้อม สกัดกั้น ประเทศโลกใหม่ที่จะผงาดขึ้นบนเวทีโลก เหมือนที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กล่าวในที่ประชุมของ BRICS ว่า "บางประเทศ (อเมริกา) ไม่เต็มใจที่จะสูญเสียสถานะภาพมหาอำนาจของตน ชาติใดที่พัฒนาได้ดีก็จะสกัดกั้น ข้าพเจ้าเคยกล่าวหายครั้งแล้วว่า การดับไฟของคนอื่นไม่ได้ทำให้ตัวเองนั้นสว่างไสวขึ้นเลยแม้แต่นิดเดียว

นี่ล่ะครับท่านผู้ชม ทั้งประวัติศาสตร์ของโลก จักรวรรดิต่างๆ ล่มสลาย นำมาจนกระทั่งถึงวันนี้ที่มีการลุกขึ้นต่อต้านกลุ่มอำนาจก่าของโลกนี้

ท่านผู้ชมครับ BRICS จะยังคงใช้เวลาสักพักหนึ่ง ไม่ใช่วันนี้/พรุ่งนี้ แต่ว่านี่คือการกบฏ เมื่อมีการกบฏขึ้นมาแล้ว ก็ต้องค่อยๆ หาพรรคพวกเข้ามา แล้ว BRICS ก็จะมีคนสมาชิกเข้ามาทุกปี เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะว่าเมื่ออยู่กับ BRICS แล้ว มีความเท่าเทียมกัน ไมได้ถูกกดขี่ใดๆ ทั้งสิ้น ค้าขายอย่างตรงไปตรงมาและสามารถที่จะใช้กุลเงินท้องถิ่น อำเมริกาก็จะถูกกัดกร่อนลงไปเรื่อยๆ ค่อยๆ เหมือนกับปลวกที่กัดกร่อนเสาหลักของอเมริกา และตะวันตก ไปเรื่อยๆ

ไม่นานครับท่านผู้ชม ผมเชื่อว่าไม่เกิน 10 ปีนี้ บริคส์ จะขยายใหญ่จนกระทั่งมีสมาชิกเกือบ 100 คน และในที่สุดแล้ว ถึงวันนั้นแล้วท่านผู้ชมจะเห็นว่าบทบาทของ Bricks จะเริ่มเปลี่ยนล่ะ เปลี่ยนไปอย่างไร ? เปลี่ยนเป็นสหประชาชาติอันที่ 2 เพราะสหประชาชาติอันแรกถูกครอบงำโดยประเทศทางตะวันตก เมื่อ BRICS เกิดขึ้นแล้ว นัยของ G7 หรือ G20 ที่ถูกออกแบบโดยโลกตะวันตก จะไม่มีความหมาย และนี่คือเหตุผลว่าทำไม ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ถึงไม่ไปประชุม G7 และ G20 ที่อินเดีย เพราะเขามองเห็นชัดว่า GG20 คือเครื่องมือของกลุ่มเครื่องมือ G20 สงครามค่อยๆ เร่มแล้วทีละนิดๆ และจะเพิ่มดีกรีขึ้นมาเรื่อยๆ

#ตั๋วปารีส ep.2 จากฝรั่งเศส ถึง “รอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลส”


ท่านผู้ชมครับ เมื่อวันศุกร์ที่ 4 สิงหาคม 2566 ในรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ผมได้เปิดเผยถึงชื่อเสียง หน้าตา นายทุนตั๋วปารีส ก็คือ นายนิค นพพร ศุภพิพัฒน์ อดีตผู้ก่อตั้งวินด์ เอเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง ปี 2557 นายนิค ได้ก่อเหตุจ้างวานสามพี่น้องตระกูลอัครพงศ์ปรีชา ซึ่งเป็นอดีตนายทหารและข้าราชการในวัง ขู่บังคับนายบัณฑิต โชติวิทยกุล อดีตหุ้นส่วนธุรกิจ ให้ลดหนี้จาก 120 ล้าน เหลือ 20 ล้าน โดยการแอบอ้างเบื้องสูง เป็นสาเหตุให้มหาเศรษฐีหนุ่มอย่างเช่น นิค นพพร ต้องคดีกฎหมายอาญา มาตรา 112 แล้วก็หนีไปต่างประเทศ

เก้าปีที่แล้ว ในการหลบหนีออกนอกประเทศ นายนิค นพพร หรือนายทุนตั๋วปารีส ได้รับความช่วยเหลือจากนายแอนดรูว์ แมกเกรเกอร์ มาร์เชล อดีตผู้สื่อข่าวรอยเตอร์ชาวสกอตแลนด์ ซึ่งมีภรรยาเป็นคนไทย หลบหนีคดีมาตรา 112 ออกจากประเทศไทยไปก่อนหน้า นายแอนดรูว ได้ช่วยเหลือนายนิค นพพร หลบหนีผ่านชายแดนไทย-กัมพูชา อาศัยอยู่กับนายแอนดรูว์และภรรยา ที่อยู่ที่กัมพูชา อีกสองวันต่อมาก็ลี้ภัยไปอยู่ฝรั่งเศส


นอกจากนั้นแล้ว นายนิค ก็ยังได้รับความช่วยเหลือจากแอนดรูว์ ในการยื่นขอคำลี้ภัย หลักฐานต่างๆ เพื่อสนับสนุนการลี้ภัยในประเทศฝรั่งเศส


ผมเปิดเผยเรื่องราวของตั๋วปารีสไปเป็นเดือนแล้ว แต่คนที่ผมพูดถึง ไม่ว่าจะเป็นนิค นพพร แอนดรูวส์ แมกเกรเกอร์ สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ รังสิมันต์ โรม ส.ส. พรรคก้าวไกล พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ปิยบุตร แสงกนกกุล ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ รวมไปถึงแกนนำพรรคก้าวไกล คณะก้าวหน้าทั้งหลาย มีคุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ คุณช่อ-พรรณิการ์ วานิช คุณวิโรจน์ ลักขณาอดิศร คุณชัยธวัช ตุลาธน


ที่เห็นชอบออกมาแถลงข่าวโน่นนี่นั่น ชอบออกมาโพสต์โซเชียลมีเดีย จุดประเด็นโน้นประเด็นนี้เป็นรายวัน แต่ทั้งหมดนี้เงียบสนิท ไม่มีใครออกมาปฏิเสธเรื่องตั๋วปารีสให้คอนด้อมส้ม กับพวกสาวกโง่ๆ ของพวกคุณชื่นใจทีว่าไม่จริงๆๆ ไอ้สนธิ ไอ้แป๊ะลิ้มมันพูดเท็จ จะฟ้องศาลฐานหมิ่นประมาทให้เข็ดหลาบ มันนำข้อมูลเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ ถ้าไม่จริงก็ฟ้องสิครับ หรือพวกคุณไม่กล้า เพราะรู้อยู่เต็มอกว่าเรื่องตั๋วปารีสเป็นเรื่องจริงหรือไม่ รู้ว่าในมือผมมีเอกสารอะไร มีข้อมูลอะไรบ้าง ก็เลยไม่กล้าฟ้อง

ในสื่อไทยบางประเภทมีพวกกองเชียร์พรรคก้าวไกลที่ทำตัวเหมือนนักวิชาการผู้รู้ แสร้งทำตัวเป็นอินฟลูเอนเซอร์ชี้นำสังคมด้วยความรู้และข้อมูลผิดๆ หรือข้อมูลแบบไม่ครบถ้วน แฝงด้วยอคติ วาระซ่อนเร้นในการล้มล้างสถาบันกษัตริย์

พอศาลมีคำพิพากษาเรื่องการแย่งชิงหุ้นอังกฤษ ศาลอังกฤษแจ้งชิงหุ้นของบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง ก็ออกมาเชียร์นายนิค นพพร เหมือนเป็นฮีโร่คนหนึ่ง แต่ไม่รู้ความตื้นลึกหนาบางของคดีและเล่ห์เหลี่ยมของต่างชาติ เพราะพวกนี้ได้อ่านเฉพาะคำพิพากษาศาลอังกฤษ ความยาวแค่ประมาณ 400 หน้า แต่จริงๆ แล้วคำให้การของนายนพพร และผู้เกี่ยวข้องกับคดีวินด์ เอนเนอร์ยี่ นั้น มีรายละเอียดมากมายหลายพันหน้า ซึ่งมีข้อมูลที่น่าสนใจโดยไม่ได้ถูกบรรจุลงในคำพิพากษา ซึ่งผมจะเล่าให้ฟังอย่างนี้


ผมจะเปิดกลยุทธ์สื่อ หรือที่เขาเรียกว่า Media Strategy ทวงคืนธุรกิจของนายทุนตั๋วปารีส ในมือผมนี้คือเอกสารรายงานคำซักค้านต่อศาลอังกฤษของนายนิค ในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2565

ถามท่านผู้ชม รู้ไหมว่าเวลาขึ้นศาลอังกฤษ ทนายความเขาดึงข้อมูลหลักฐานการซักค้านมาจากไหน เขาดึงข้อมูลจากไหน เขาดึงมาจากการใช้ข้อมูลโทรศัพท์ ใช้อีเมลในแชต ข้อมูลสื่อสารทุกๆ ช่องทางที่อยู่ในแอปพลิเคชัน ไม่ว่าจะเป็น What's App ที่ฝรั่งใช้ หรือไลน์ (LINE) ที่คนไทยชอบใช้ ข้อมูลที่ล่องลอยอยู่บนคลาวด์ เซิร์เวอร์ เขามีอำนาจอย่างถูกกฎหมายในการให้หน่วยสืบราชการลับ หน่วยข้อมูลข่าวกรอง ดึงข้อมูลเหล่านี้มาใช้ในศาล ซึ่งข้อมูลจำนวนมากที่ใช้ซักค้านนายนิค นพพร ถูกดึงมาจากการช่องทางการสื่อสารของนายนิค นพพร กับบุคคลต่างๆ ซึ่งใน "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ตอนนี้ ผมจะเปิดเผยถึงรายละเอียดของการติดต่อสื่อสารระหว่างนายนิค นพพร กับแอนดรูว์ แมคเกรเกอร์ มาร์แชล อดีตผู้สื่อข่าวรอยเตอร์ ซึ่งสองคนนี้มีสายสัมพันธ์ที่แนบแน่นกันมาก หลังจากที่หลบหนีคดี 112 ไปอยู่ฝรั่งเศสแล้ว ทั้งสองคนสุมหัวกันเพื่อวางแผนจะทวงคืนทรัพย์สมบัตินายนิค นพพร กลับมา

สำหรับกลยุทธ์สื่อ หรือ Media Strategy ในคำพิพากษา หน้า 85 ระบุเรื่องนี้ไว้เพียงสั้นๆ แค่ 2 ย่อหน้า เกี่ยวกับเรื่องราวของการติดต่อวางแผนเรื่องนี้ ระหว่างนายนิค นพพร นายทุนตั๋วปารีส กับนายแอนดรูว แมคเกรเกอร์ แต่ว่าในการซักค้านต่อศาลอังกฤษของนายนิค นพพร เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2556 มีการพูดถึงเรื่องนี้ ซึ่งนำมาถอดเทปแล้วคิดเป็นจำนวนหลายสิบหน้า เรื่องนี้ในตอนที่แล้วผมได้เกริ่นให้ฟังเป็นน้ำจิ้มแล้วว่า นายแอนดรูว์ แมคเกรเกอร์ เป็นผู้วางแผน กำลังปฏิบัติการด้านสื่อมาให้นายนิค นพพร ว่าจุดประสงค์หลักคือกดดันฝั่งนายนพ ณรงค์เดช ให้คืนหุ้นบริษัท วินด์ เอเนอร์ยี่ ให้กับนายนิค นพพร ทำให้บริษัท วินด์เอนเนอร์จี สามารถเข้าไอพีโอ หรือสามารถทำการเสนอขายประชาชนเป็นครั้งแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย


กลับมาถึงรายละเอียด เอกสารรายงานคำซักค้านต่อศาลอังกฤษของนายนิค นพพร ผมจะขออนุญาตสรุปให้ฟังง่ายๆ นะครับ

2557 เมื่อนายนิค นพพร หลบหนีคดีอาญา มาตรา 112 ลี้ภัยไปฝรั่งเศส ก็ยังติดต่อกับนายแอนดรูว์ แมกเกอร์ เสมอ

5 มีนาคม 2559 หรือเจ็ดปีครึ่งที่แล้ว มีหลักฐานว่าเแอนดรูว์ แมคเกรเกอร์ ได้ส่งอีเมลโดยแนบร่างกลยุทธ์สื่อ ดราฟต์มีเดีย Statergy ความหยาว 6 หน้า มาให้นิค พพร ร่างฉบับนี้นายแอนดรูว์ใช้ชื่อว่า Rescuing Medi Campaingn Statery แปลเป็นไทยคือ กลยุทธ์แคมเปญสื่อในการกอบกู้วินด์ เอเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง


ร่างแผนกลยุทธ์สื่อฉบับนี้ นายแอนดรูว์ ส่งให้นายนิค ผ่านอีเมลชื่อ 123 Sammy The Beagle@gmail.com เขียนข้อความไปถึงนายนิคด้วยว่า ขออภัยที่ล่าช้า การค้นคว้าใช้เวลานานกว่าที่คิด สิ่งที่แนบมาด้วยคือร่างแรกของกลยุทธ์สื่อ เมื่อคุณมีเวลาก็บอกด้วยว่าคุณคิดอย่างไร ถ้าคุณคิดว่ามีประเด็นดีสำหรับการถกเถียงกันต่อ ผมสามารถเดินทางมาปารีสได้ในวันจันทร์ เพื่อพูดคุยกันต่อ


ไม่กี่วันต่อมา นายนิค ก็ออกค่าใช้จ่าย ค่าเดินทาง ค่าโรงแรมที่พักให้นายแอนดรูว์ แมคเกรเกอร์ เพื่อจะประชุมร่วมกับนายนิค นพพร ที่กรุงปารีส ฝรั่งเศส พูดคุยเรื่องรายละเอียดของกลยุทธ์สื่อต่อ นี่เป็นรายละเอียดคำให้การนายนิค นพพร ต่อศาล โดยยอมรับเรื่องการมาประชุมกับนายแอนดรูว์ แมคเกรเกอร์ ที่กรุงปารีสในเดือนมีนาคม 2559 เขาย่าอย่างนี้ครับ ผมจะอ่านให้ฟังคำต่อคำ มีภาพให้ดูด้วย

ต่อไปนี้เป็นคำซักถามในศาล โดยนายนิคเป็นผู้ตอบ ทนายถามว่าคุณได้พบกับเขา (นายแอนดรูว์) ที่ปารีส ช่วงระหว่างวันที่ 5-20 มีนาคม ใช่หรือเปล่า นายนิค ตอบว่าใช่ ทนายถามต่อ เขาพักที่ปารีสใช่ไหม ? คุณได้จ่ายเงินให้เขาเป็นค่าโรงแรมหรือเปล่า ? นิคตอบว่า ใช่ครับ ผมคิดว่าอย่างนั้น คุณจ่ายให้เขาพักที่ไหน ? นิคบอกว่า "จำไม่ได้" ถามต่อ ในโรงแรมดีๆ ใช่ไหม ? ผมคิดว่ามันเป็นโรงแรมที่ดี แต่ไม่ใช่โรงแรมห้าดาว แล้วคุณพบกันที่ไหน ? น่าจะเป็นที่บ้านพักผม ทนายถามต่อ ที่บ้านพักคุณ ? นิคตอบว่า ใช่


20 มีนาคม 2559 แอนดรูว์ส่งอีเมล์ในนิค ระบุว่า ขอบคุณมากๆ อีกครั้งสำหรับการรับรองที่ปารีส มันยอดเยี่ยมมากที่ได้เจอคุณ

ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ชมรู้ไหมเวลาเขาวางแผนกลยุทธ์ด้านสื่อสารมวลชน เขาทำกันอย่างไร ? ในแผนกลยุทธ์เขาลงรายละเอียดถึง หนึ่ง กำหนดวัตถุประสงค์ สอง วางกลยุทธ์ สาม กำหนดยุทธวิธี ยกตัวอย่างเช่น การใช้ชื่อบนดิน-ใต้ดิน นักข่าว นักวิเคราะห์ยกระดับเมื่อยุทธวิธีประสบความสำเร็จ การประเมินความเสี่ยง การกำหนดแหล่งปล่อยข่าว Sources ที่พร้อมจะพูดในสิ่งที่ทางนิค นพพร และแอนดรูว์ แมคเกรเกอร์ ประสงค์ที่จะปล่อยออกไป ทั้งบนดินและใต้ดิน


มีการลิสต์รายชื่อทั้งสื่อ ทั้งต่างประเทศ และในประเทศไทย รวมทั้งนักวิเคราะห์ที่อยู่ในเครือข่ายอย่างในเอกสารแผนกลยุทธ์สื่อที่นายแอนดรูว์ ส่งถึงนายนิค นพพร มีระบุ อย่างเช่น ถ้าสื่อต่างชาติ นายแอนดรูว์ บอกว่า ใช้ Financial Times, Bloomberg, Wallstreet Journal สื่อในประเทศให้ใช้บางกอกโพสต์ ระบุชื่อ นายนพพร วงศ์อนันต์ ซึ่งต่อมาก็ไปอยู่กับบีบีซีไทย และนายประวิทย์ โรจนพฤกษ์ ผู้สื่อข่าวสดฉบับภาษาอังกฤษ


ผมเอารูปให้ดูนะครับ นายนพพร วงศ์อนันต์ ในขณะที่กำลังสัมภาษณ์ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และพรรณิการ์ (ช่อ) วานิช ที่ออฟฟิศบีบีซีไทย ณ กรุงลอนดอน

นอกจากนี้ ยังปรากฏนักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์หลายแห่ง เช่น CIMB, KT, ซิมโก้, เกียรตินาคิน, ฟิลลิป, ธนชาต, กรุงศรีฯ เป็นต้น

ถามว่าแม้ว่าวันนี้นายนิค จะชนะคดีที่อังกฤษ ทวงเงินสามหมื่นล้านกลับมาได้ หรือกลับมาเป็นเจ้าของ ถือหุ้นใหญ่บริษัท วินด์ เอเนอร์ยี่ ได้จริงๆ นายนิค สามารถจะนำบริษัทของตัวเองเข้า IPO ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้อย่างไร เพราะนายนิค ยังติดคดี 112 และเป็นผู้ลี้ภัยอยู่ คำตอบคือ ไม่มีทางที่จะทำได้

ดังนั้นหนทางที่เขากลับมาได้แบบเท่ๆ โดยไม่มีคดีพัวพัน วิธีดังกล่าวหนีไม่พ้น คือการล้มมาตรา 112 เสีย หรือไม่ก็บ่อนเซาะทำลายสถาบันกษัตริย์ให้อ่อนแอเสียเลย เพื่อเพิ่มอำนาจการต่อรองให้ตัวเอง สามารถกลับมาทวงหุ้น/ทรัพย์สินของตนเองให้ได้

ด้วยเหตุนี้ถึงแม้ว่ากลยุทธ์แคมเปญสื่อในการกอบกู้วินด์ เอเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จะไม่ได้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชบวนการล้มมาตรา 112 และขบวนการทำลายสถาบันกษัตริย์ของไทยอย่างโดยตรงก็ตาม แต่บุคคลที่ดำเนินการดังกล่าวกลับเป็นบุคคลกลุ่มเดียวกัน ทั้งยังสะท้อนให้เห็นภาพชัดว่าความเคลื่อนไหวของคนกลุ่มนี้มีการดำเนินการอย่างเป็นระบบระเบียบ มีการวางแผนกลยุทธ์ มีการกำหนดยุทธวิธี มีการวางแผนเครือข่ายสื่อทั้งในประเทศ สื่อต่างประเทศ ใช้นักวิเคราะห์ นักวิชาการ และนักเคลื่อนไหว มีกำหนดการให้เงินทุน มีการวางแผนไทม์ไลน์ วางแผนประเมินความเสี่ยงต่างๆ อย่างรอบคอบ

ผมเคยเปิดหลักฐานให้เห็นชัดๆ ไปแล้วเมื่อครั้งก่อนว่าจากหลักฐานการสนทนาผ่านแอปพลิเคชันไลน์ ของนายซิ่ง ศิลปินกราฟิตี้ หรือชื่อจริงชื่อ นายสมรนนท์ แย้มอุทัย ออกมาเปิดโปงเรื่องการสัมมนาที่ประเทศฝรั่งเศส ของนายทุนและกลุ่มเคลื่อนไหวที่ต้องการล้มสถาบัน ผมยังเปิดเผยถึงข้อความสนทนาระหว่างตนเองกับนายนิค ที่ชัดเจนว่ามีการเชื่อมโยงถึงขบวนการด้อยค่าสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยผ่านนักวิชาการ เช่น นายปวิน นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล รวมถึงการรวบรวมเอาเครือข่ายสื่อมวลชนต่างๆ เพื่อรายงานข่าว ส่งปาปารัซซีไล่ตามความเคลื่อนไหวของสถาบันในต่างประเทศ เพื่อให้เกิดความไม่พอใจในหมู่ประชาชนชาวไทย ตัวอย่างที่ระบุไว้ชัดคือหนังสือพิมพ์บิล ของเยอรมนี ซึ่งเป็นสื่อเยอรมัน ที่จ้างช่างภาพปาปารัซซีตามถ่ายภาพรัชกาลที่ 10 ในเยอรมนี






ล่าสุด เมื่อวันเสาร์ที่ 12 สิงหาคม 2566 เดือนที่แล้ว นายซิ่ว ศิลปินกราฟิตี ยังเปิดเผยรายละเอียดบางส่วนของการทำเวิร์กชอปสัมมนาที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ 20-22 กรกฎษคม 2561 ประมาณห้าปีที่แล้ว โดยการสัมมนานั้นใช้ชื่อว่า South-East Asia and South Asian Workshop and Retreat จัดโดยมูลนิธิอาเซียนเฮ้าส์ เป็นองค์กรซ่อนรูปของเยอรมนีในบทบาทการออกมาเคลื่อนไหวสนับสนุนม็อบสามนิ้วอย่างชัดเจน


ผมเอารูปให้ดูนะครับ โปสเตอร์ในปี 2563 ของมูลนิธิอาเซียนเฮ้าส์ ที่ออกมาสนับสนุนม็อบสามนิ้ว

ในการสัมมนาเวิร์กชอปดังกล่าว นอกเหนือจากนักเคลื่อนไหวในประเทศเพื่อนบ้านของไทย เช่น พม่า กัมพูชา ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย แล้ว ปรากฏมีชื่อที่น่าสนใจอย่างเช่น นายปวิน ชัชชวาลพงศ์พันธ์ น.ส. Ivana Kurnniawati ภรรยานายรังสิมันต์ โรม ช่างภาพ นักเคลื่อนไหวสังกัด Amnesty International นายแอนดรูว แมคเกรเกอร์ มาร์แชล อดีตผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ สำนักข่าวรอยเตอร์


นอกจากนี้แล้ว ในเอกสารบันทึกสรุปการสัมมนาเวิร์กชอปดังกล่าว ยังมีไฮไลต์ที่สำคัญ คือปรากฏชื่อ เสี่ยนิค นพพร ศุภพิพัฒน์ นายทุนตั๋วปารีส อยู่ด้วย โดยในประเด็นนี้ นายซิ่ว ศิลปินกราฟิตี ออกมาจี้ถามให้นายปวิน ช่วยตอบด้วยว่า ในส่วนของอาจารย์ปวิน รบกวนตอบให้ตรงคำถามนิดนึงนะครับ ว่าถ้าไม่มีอะไรในขณะที่รายชื่อคนโดน 112 ก็เต็มงาน ทำไมถึงต้องซ่อนชื่อนพพรไว้ล่ะครับ ? ก็แค่สัมมนาธรรดาๆ ไม่ใช่หรอ ทำไมต้องไม่กล้าเปิดเผยชื่อนี้ล่ะครับ แล้วเงินที่จัดงานวันนั้นเงนใครนะครับ" พร้อมยังโพสต์ถามต่อด้วยว่า เสี่ยนิค นพพร แม้ไม่ได้ปรากฏชื่อเป็นผู้เข้าร่วมสัมมนา แต่ก็มีหลักฐานว่าอยู่ในงานสัมมนา และได้เจอกับนายปวิน นายแอนดรูว์ ทั้งยังนั่งเกือบจะหัวโต๊ะของการสัมมนาดังกล่าวด้วย






ท่านผู้ชมครับ ผมจะไม่ลงลึกไปถึงเนื้อหาการสัมมนาเวิร์กชอปดังกล่าวที่กรุงปารีส ฝรั่งเศส เพราะจะมีรายละเอียดมากจนเกินไป ท่านผู้ชมลองไปหาอ่านในทวิตเตอร์และโซเชียลมีเดียของนายซิ่วได้ ดังรูปที่ผมขึ้นให้ดู แต่มีหลักฐานยืนยันว่า การสัมมนาดังกล่าวเป็นจุดเริ่มต้นของหลายๆ อย่าง ยกตัวอย่างเช่น ขบวนการและแนวร่วมม็อบสามนิ้ว ม็อบนักศึกษาในหลายปีต่อมา การจัดตั้งกลุ่มเฟซบุ๊กที่ชื่อ Royalist MarketPlace ซึ่งนายปวินก่อตั้งเมื่อเดือนเมษายน 2563 เพื่อปลุกระดมปล่อยข่าวเท็จ ข่าวปลอม ข้อมูลต่างๆ เพื่อให้ร้ายและทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยกลุ่มเฟซบุ๊กดังกล่าวในเวลาต่อมามีผู้เข้าร่วมนับล้านคน แต่เมื่อถูกเฟซบุ๊กปิดกลุ่มเนื่องจากปัญหาการละเมิดสิทธิ์ และการเผยแพร่ข้อมูลเท็จ ก็มีการสร้างกลุ่มใหม่ขึ้นมาทันที


ท่านผู้ชมครับ นี่ล่ะครับท่านผู้ชม ท่านผู้ชมน่าจะพอเห็นภาพการจัดการของเขา จากการวางกลยุทธ์บนสื่อกระดาษเพียงไม่กี่หน้า นำมาสู่การสัมมนาเชิงปฏิบัติการ การสร้างแนวร่วม นำมาสู่การใช้สื่อเพื่อปลุกระดมผู้คนในประเทศ รวมทั้งประเทศเพื่อนบ้านของเรา ให้เข้าไปร่วมกับการเคลื่อนไหวของเขา เพื่อล้มล้างสถาบันกษัตริย์เป็นหลัก ซึ่งเป็นสถาบันสำคัญในประเทศไทย เพื่อเป้าหมายของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการยกเลิกมาตรา 112 การล้มล้างสถาบันกษัตริย์ หรือการเปิดประตูให้ฝรั่งชาติตะวันตกเข้ามาแทรกแซงการเมืองในเมืองไทย ในภูมิภาคอาเซียน




ท่านผู้ชมครับ ด้วยเหตุนี้ผมไม่แปลกใจว่าทำไมช่วงหลังเลือกตั้ง 14 พฤษภาคม เมื่อพรรคก้าวไกล หรือคุณพิธา ออกมาแสดงอาการอหังการมมังการ ว่าจะเป็นรัฐบาลและนายกรัฐมนตรี แต่ถูกประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ว่าจะเป็นพม่า กัมพูชา ออกมาแสดงความเป็นปฏิปักษ์อย่างเห็นเด่นชัด มันเป็นผลพวงจากการกระทำเหล่านี้ทั้งสิ้น

ท่านผู้ชมครับ เอาไว้ผมจะทยอยเอารายละเอียดเรื่องตั๋วปารีสมาเรียบเรียงสรุปให้ฟัง ขยายความต่อว่า ขบวนวการอันชั่วช้านี้ได้ทำอะไรไปแล้ว กำลังทำอะไรอยู่ และจะทำอะไรต่อไป ผมจะเอามาเพิ่มเติมในอนาคต ท่านผู้ชมครับ ความจริงมีหนึ่งเดียวในเรื่องต่างๆ เหล่านี้ และอยู่ที่รายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ครับ

อาทิตย์หน้าเรามีเรื่องที่ค้างอยู่ ซึ่งทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว สนุกสนานมาก ผมจะฉีกหน้ากากจอมบงการแก๊งทะลุวัง ตอนนี้ไปๆ มาๆ แก๊งทะลุวังกลายเป็นแก๊งค้ามนุษย์ไปแล้ว ท่านผู้ชม เป็นข้อมูลที่ลึกมาก ไม่มีใครมี ท่านผู้ชมรอฟังอาทิตย์หน้า สำหรับวันนี้หวังว่าคงจะเห็นด้วยกับการสร้างพระพุทธรูป พระสยามพุทธาธิราช ผมเล่ารายละเอียดให้ฟังไปแล้วนะครับ อาทิตย์หน้าเราค่อยมาเจอกันใหม่ สวัสดีครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น