xs
xsm
sm
md
lg

[คำต่อคำ] SONDHI TALK : “สื่อ” ฟังไม่ได้ศัพท์หรือจงใจบิดเบือน - เบิกเนตร #ตั๋วปารีส - เบื้องหลังด้อยค่า เบื้อหน้าน้อมนำ - หลักสูตรก้าวหน้า หรือ ล้างสมอง? - “วากเนอร์” ดับซ่าโปแลนด์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



วันที่ 4 ส.ค.2566 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ได้ไลฟ์สด “SONDHI TALK” ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ คุยทุกเรื่องกับสนธิ ช่องยูทูป Sondhitalk หรือ Sondhitalk (ช่องสำรอง) และแอปพลิเคชัน Sondhi App โดยมีประเด็นที่ได้เล่าในวันนี้ ได้แก่
- "สื่อ" ฟังไม่ได้ศัพท์ หรือจงใจบิดเบือน 
- ลับ ลวง พราง คณิตศาสตร์การเมือง
- เบื้องหลังด้อยค่า เบื้องหน้าน้อมนำ
- ฝากถึง "พระเพนกวิน-พระไมค์"
- เบิกเนตร #ตั๋วปารีส เปิดโฉมไอ้โม่งเบื้องหลัง
- หลักสูตรก้าวหน้า หรือ ล้างสมอง?
- อีกจุดเปลี่ยน “โลกหลายขั้ว” รัฐประหารไนเจอร์
- ลับ ลวง พราง “วากเนอร์” ตอน ดับซ่าโปแลนด์

ติดตามได้ใน SONDHI TALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep.200



คำต่อคำ SONDHI TALK EP. 201 [4 ส.ค. 66]

ช่องทางการรับชมรับฟัง "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" หรือ SONDHI TALK

แอปพลิเคชัน : SONDHI APP

ระบบ iOS ดาวโหลดได้ที่ AppStore : https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647.

ระบบ Android ดาวโหลดได้ที่ Google Play : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android

เฟซบุ๊กแฟนเพจ : คุยทุกเรื่องกับสนธิ

YouTube : Sondhitalk

เว็บไซต์: www.sondhitalk.com

Podcast หรือ podbean : SONDHI TALK

สวัสดีครับท่านผู้ชม วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2566 ขอสวัสดีแฟนๆ รายการที่ชมการถ่ายทอดสดอยู่ตอนนี้ ทาง SONDHI TALK, Sondhi App, Facebook, YouTube และ TikTok

ท่านผู้ชมครับ ช่วงนี้หน้าฝนแล้ว อากาศเดี๋ยวร้อน เดี๋ยวเย็น ฝนตกบ้าง ไม่ตกบ้าง ช่วงหลังๆ นี้มีคนเป็นไข้หวัดกันเยอะมาก บางคนก็ลามปามไปจนถึงเป็นโควิดต่อไปอีก อาการไม่สบาย ครั่นเนื้อครั่นตัว ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก คล้ายจะเป็นหวัก ท่านผู้ชมอย่าลืมนะครับ ผมเคยพูดมาแล้วไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งว่าอย่าลืมฟ้าทะลายโจร ให้ติดบ้านเอาไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งฟ้าทะลายโจรสูตรที่ทำจากเฉพาะใบ พรีเมียม ของอาจารย์ปานเทพ ถ้ามีอาการกินดักไว้ก่อนเลย รวมทั้งสเปรย์พ่นปาก พ่นคอ ที่มีส่วนผสมของฟ้าทะลายโจรด้วย


ถ้าท่านผู้ชมมีความประสงค์/สนใจ สั่งซื้อได้ที่ไลน์ (LINE) @Sunherb หรือจะเข้าไปชมสินค้าทั้งหมด สมุนไพรทั้งหมดที่เรามีอยู่ ที่เว็บไซต์ www.sunherbth.com อีกช่องทางหนึ่งคือ Shopee, Lazada แล้วเสิร์ชคำว่า "ร้านสมุนไพรบ้านพระอาทิตย์" เราจะจำหน่ายเป็นกล่องๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" กล่องหนึ่งมี 30 ซอง เราไม่มีการขายเป็นซองหรือแบ่งขาย "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" เป็นยาสมุนไพรไทยที่ได้รับ อย. เป็นเจ้าแรกในประเทศไทย

ท่านผู้ชมยังจำโอเลี้ยงได้ไหม ผมเพิ่งทานไปก่อนออกรายการ สดชื่นมาก มีหมูแท่งอบกรอบ ปลาแท่งอบกรอบ ขนมปัง-สเปรด ไอศกรีม มีจำหน่ายอยู่ที่ร้าน SUN PAN ถนนวิภาวดีฯ ในปั๊ม ปตท. ตรงกันข้ามกับมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ซื้อกันได้ทุกวัน ทุกเช้าผมทานโอเลี้ยง 1 แก้ว ก่อนเริ่มงาน จะทำให้กระปรี้กระเปร่าและสดชื่น เสาร์-อาทิตย์ ผมจะทานขนมปังจากร้าน SUN PAN กับแยม/สเปรดต่างๆ แล้วดูดโอเลี้ยงซึ่งเป็นสูตรของคุณแม่ผม

ท่านผู้ชมครับ อาทิตย์นี้มีเรื่องราวหลายเรื่องที่น่าสนใจมากๆ แล้วก็มีเรื่องที่ผมคิดว่าเป็นทีเด็ดเลย นอกเหนือจากการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งเริ่มจะเฝือไปแล้วตอนนี้

เรื่องแรก แน่นอนที่สุด ผมก็จะมองหมากการเมือง กระดานการเมือง ณ วันนี้ ในความเห็นของผม ท่านผู้ชมลองฟังการวิเคราะห์ของผมดูแล้วกัน

เรื่องที่สอง เนื่องจากมีข่าวว่าทาง "พระเพนกวิน" ที่มีฉายาว่า "เขมปัญโญ" ได้กลับไปบวชในพระพุทธศาสนา กับ "ไมค์ ระยอง" แล้วก็อีกเรื่องหนึ่งที่ผมมีข้อคิดเรื่องการบวชครั้งนี้ของสามนิ้วทั้งสองท่าน ลองฟังความคิดเห็นของผมดูก็แล้วกัน

อีกประการหนึ่ง ผมเอาข้อมูลข้อเท็จจริงให้ดูว่า พรรคการเมืองทุกพรรค ในวันเฉลิมพระชนมพรรษา ล้วนแล้วแต่มีการทำหน้าถวายพระพรกันหมด ยกเว้นพรรคก้าวไกล เจตนาเห็นชัดเจน พรรคก้าวไกลคือพรรคที่ต้องการจะล้มล้างสถาบันกษัตริย์อย่างไม่ต้องถกเถียง แล้วผมเอาข้อมูลของชาติพันธุ์ต่างๆ ที่อยู่รอบบ้านเรา ไม่ว่าจะเป็นรัฐฉาน หรือเชียงตุง ที่เขาไม่ได้อยู่ในขอบขันธสีมาของประเทศไทย แต่ว่าผู้นำของเขาก็เชิญชวนทหารและประชาชนของเขามาถวายพระพรรัชกาลที่ 10 เช่นกัน

เรื่องที่สาม เป็นเรื่องต่างประเทศ ท่านผู้ชมจำเรื่องของพวกวากเนอร์ได้ไหม ที่ผมบอกว่าเป็นเรื่องลับ ลวง พราง ตอนนี้ภาค 2 มาแล้ว คือตอน "ดับซ่าโปแลนด์"


เรื่องที่สี่ เป็นเรื่องที่ใหญ่ ใหญ่เทียมฟ้ามาก เป็นเรื่องที่ให้คำตอบกับพวกเราเลยว่า ทำไมพรรคก้าวไกล แกนนำไม่กี่คน มันถึงหมกมุ่นกับการล้มล้างมาตรา 112 ผมหาคำตอบเจอแล้ว มันรับเงินเขามา เพราะคนที่ให้เงินเขามาคือคนที่โดน 112 แล้วมันอยากให้มีการล้มล้าง 112 จะได้กลับมาเมืองไทยได้ มันมีผลประโยชน์เกี่ยวข้องมาก มีที่นี่ที่เดียว ความจริงอันเป็นหนึ่งเดียวที่เปิดเผย ที่อื่นอาจจะรู้บ้างเล็กๆ น้อยๆ แต่ผมจะโยงให้เห็นทุกอย่างหมดเลย ก็คือการฉีกหน้ากาก "ไอ้โม่งตั๋วปารีส" ที่คุณรังสิมันต์ โรม พยายามออกมาแก้ตัว แต่แก้ตัวไปน้ำขุ่นๆ แล้วคนที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมดเป็นคนซึ่งกำลังมีเรื่องฟ้องร้องและคดีเพิ่งสิ้นสุดที่อังกฤษ และเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทพลังงานลม ชื่อ วินด์ เอนเนอร์ยี่ ทั้่งหมดนี้เป็นต้นเหตุแห่งเภทภัยเลย ที่จะล้มล้างสถาบันกษัตริย์ เพียงเพื่อต้องการให้ตัวเองพ้นจากคดี 112

สุดท้าย เป็นข่าวต่างประเทศ รัฐประหารไนเจอร์ ซึ่งเพิ่งเกิดขึ้น อาทิตย์นี้เอง แล้วที่สำคัญมันเป็นจุดเปลี่ยนที่เห็นได้ชัดของโลกหลายขั้วอำนาจ และสะท้อนให้เห็นว่า ระเบียบโลกเก่าใกล้จะหมดลงไปแล้ว ระเบียบโลกใหม่กำลังขึ้นมา ท่านผู้ชมฟังแล้วจะอึ้ง ประเทศฝรั่งเศสกำลังถูกชาวแอฟริกา ประเทศไนเจอร์ ขับไล่ออกจากประเทศ หลังจากที่ไปสูบเลือดสูบเนื้อ ปกครองไนเจอร์มาร่วมร้อยปี ขุดทรัพยากรธรรมชาติ ขุดทองคำ ขุดยูเรเนียม ส่งกลับไปใช้ในฝรั่งเศสหน้าด้านๆ หน้าตาเฉย หรือว่านี่จะเป็นอีกหมากหนึ่งของวลาดิมีร์ ปูติน ที่ต้องการล้างแค้นฝรั่งเศสที่สนับสนุนยูเครนจังเลย

“สื่อ” ฟังไม่ได้ศัพท์ หรือ จงใจบิดเบือน

ท่านผู้ชมครับ ก่อนจะเข้ารายการผมมีเรื่องจะพูดหน่อย อาทิตย์ที่ผ่านมามีสื่อหลายๆ สื่อบิดเบือนคำพูดของผม ผมจะเอาคำพูดที่แท้จริงของผมขึ้นให้ดู ท่านผู้ชมที่ฟังรายการผมก็จะจำได้ ผมพูดในรายการ SONDHI TALK ผมบอกว่า "สนธิ มองเกมก้าวไกลเหนือชั้น ทั้งระยะสั้น ระยะยาว แก้ได้ยาก ชี้ปี 2570 อาจได้ ส.ส. เกินครึ่งสภา พร้อมฉันทามติพลิกฟ้าคว่ำดิน แม้จะมีการล้มกระดานด้วยการรัฐประหาร ก็ไร้ความชอบธรรม" นี่คือข้อมูล คำพูดที่พูดจริงๆ ในตอนที่้ 200 เผยแพร่วันศุกร์ที่ 28 กรกฎาคม 2566


ปรากฏว่าสื่อหลายสื่อสนใจมาก ทำสื่อมาโพสต์ แต่ว่าลงข้อความไม่หมด ทำให้คนเข้าใจผิด อย่างเช่น The Standard เอาข้อความลงว่า "สนธิมองเกมก้าวไกลเหนือชั้น แก้ได้ยาก เดินตามแผนได้ ส.ส. เกินครึ่งสภาในปี 2570 มองทางรอดคือรัฐประหารล้มกระดาน" จบแค่นี้ ทั้งๆ ที่ผมพูดว่า "แม้จะมีการล้มกระดานด้วยการรัฐประหาร ก็ไร้ความชอบธรรม" ผมชี้ให้เห็นเลยว่าถึงแม้จะมีรัฐประหารก็ไร้ความชอบธรรม


ประชาไท สื่อล้มเจ้าที่ได้รับเงินอุดหนุนจาก NED หรือฝรั่ง CIA อยู่เบื้องหลังประชาไท คนทำงานประชาไทรับเงินอเมริกามาเพื่อล้มล้างสถาบันกษัตริย์ เอามาพูดอีกเหมือนกัน "สนธิ ไล่เลียง 13 กลเกมแก้ยากของก้าวไกล ก่อนตบท้ายด้วยทางรอดคือรัฐประหารล้มกระดาน"


ทีนิวส์ "ทัวร์ลงยับ หลังสนธิ เปิด 13 กลเกมก้าวไกล ลั่น ทางรอดต้องรัฐประหารล้มกระดาน"


เดลินิวส์ออนไลน์ ร้ายกาจที่สุด เอารูปผมขึ้นแล้วพาดว่า "ต้องรัฐประหาร!"


ท่านผู้ชมว่าผมควรจะฟ้องพวกนี้ได้ไหม ? หลายคนบอกอย่าไปหาเรื่องมันเลย ผมบอก ไม่ได้หรอก ต้องสั่งสอนบ้าง เพราะคำพูด ให้ท่านผู้ชมจำเอาไว้เลยนะ "แม้จะมีการล้มกระดานด้วยการรัฐประหาร ก็ไร้ความชอบธรรม" เขาตัดคำว่า "ก็ไร้ความชอบธรรม" ออก เพื่อสะท้อนให้เห็นว่าผมสนับสนุนการรัฐประหาร แต่ผมบอกว่า การรัฐประหารไร้ความชอบธรรม ท่านผู้ชมครับ อย่าถือสาเลย ผมฟ้องแน่นอน จะบอกให้ด้วยว่ามีใครบ้างที่ผมจะฟ้อง เดลินิวส์ออนไลน์ ซ่านัก จริงๆ ผู้หลักผู้ใหญ่ในเดลินิวส์ผมก็รู้จักดี คุณประชา เหตระกูล หรือแม้กระทั่งสมัยนายห้างแสง ยังมีชีวิตอยู่ ผมก็เคยไปสวัสดี ไปพูดคุยกับท่าน ตอนนี้เดลินิวส์ออนไลน์กลายเป็นคนรุ่นใหม่ทำ ซ่านักใช่ไหม ไปเจอกันในศาล

ทีนิวส์ ก็โดนฟ้องเช่นกัน ประชาไท แน่นอน เป็นจำเลยของผมแน่นอน แล้วก็ The Standard ไปขึ้นศาลกับผม คุณมีทนายอยู่แล้วนี่ ก็ iLaw ไงล่ะ อานนท์ นำภา สำนักงานทนายความที่รับเงินฝรั่งมา รวยจริงๆ สถานทูตหลายสถานทูตโอนเงินให้คุณ คุณบิดเบือนคำพูดของผม ทำให้คนเข้าใจผมผิด ดูถูกเหยียดหยามผม แล้วผมมีหลักฐานพิสูจน์ชัดเจน คุณเตรียมขึ้นศาลกับผมได้แล้วนะ ทวนอีกทีนะ ผมฟ้องแน่นอน The Standard ผมฟ้องแน่นอน เดลินิวส์ออนไลน์ และผมฟ้องทีนิวส์แน่นอน และผมฟ้องประชาไท เว็บไซต์ของลูกน้อง CIA เตรียมรับหมายศาลได้

อีกเรื่องหนึ่ง ผมไม่พูดไม่ได้ ท่านผู้ชม ต้องพูด แต่ท่านผู้ชมฟังให้ดีๆ แล้วอย่าหาว่าผมรังแกเด็ก สัปดาห์ที่แล้วมีคนส่งข้อมูลผ่าน inbox มาให้ผมดูว่า มันมียูทูปเบอร์สาวคนหนึ่ง พูดถึงเรื่องผม กับคุณทักษิณ ฟังไม่ได้ศัพท์ จับไม่ได้กระเดียด เอาข้อมูลเท็จขึ้นมาหลอกคนดูใน YouTube คนที่เกิดไม่ทัน หรือพูดแบบตรงๆ ก็คือ ไอ้เด็กเมื่อวานซืน ยูทูปเบอร์คนนี้ก็เด็กเมื่อวานซืน อายุแค่ 30 ปีเอง ตอนผมสู้กับทักษิณ แล้วผมชุมนุมประท้วงนั้น ไอ้เด็กคนนี้ยังอายุแค่ 10 ขวบ 12 ขวบเอง แต่พออายุมากขึ้น 30 ปี ดันเป็นคนทะลึ่ง หาเรื่องอยากดัง เป็นยูทูปเบอร์


ตัวเองไม่เคยมีประสบการณ์ทางการเมือง ไม่เคยผ่านเหตุการณ์ทางการเมือง หรือผ่านบางเรื่องแล้วนึกว่าตัวเองรู้ดี เมื่อไปอ่านข้อมูลนั้น ฟังคอมเมนต์นี้ เสร็จแล้วก็เอามามโนเป็นคลิปวิดีโอ คนๆ นี้เป็นผู้หญิง ใช้ชื่อช่องว่า NailName เป็นช่องสรุปข่าว มีคนติดตามอยู่ประมาณ 570,000 คน คลิปวิดีโอที่พูดถึงผม กับคุณทักษิณ เพิ่งอัปโหลดมาเมื่อวันเสาร์ที่ 29 กรกฎาคม 2566 หลังจากที่ผมออกรายการสัปดาห์ที่แล้ว ในวันศุกร์ที่ 28 กรกฎาคม

ประเด็นคืออะไร ? คลิปนี้กล่าวถึงผม แล้วใช้คำพาดหัวคลิปว่า "สนธิ VS ทักษิณ ตำนานเพื่อนรักไม่ให้ยืมเงิน จุดเริ่มต้นสงครามเหลือง-แดง" ความยาว 15 นาที 15 วินาที ตั้งแต่วันที่อัปโหลดคลิปขึ้น YouTube ถึงช่วงเย็นวันพุธที่ 2 สิงหาคม 2566 สี่วัน มีคนเข้าไปชมประมาณ 311,000 คน มีผู้คนเข้าไปแสดงความเห็นประมาณ 1,400 ความเห็น


ประเด็นต่อมา มีข้อมูลหลายจุดที่ผมไม่รู้ว่ายูทูปเบอร์หญิงคนนี้ เมื่อไปสืบค้นแล้ว ท่านผู้ชมรู้ไหม ชื่อเล่นชื่อ เนม ชื่อจริงชื่อ นางสาวรติศา วิเชียรพิทยา คุณเนม ไปเอาข้อมูลมาจากไหน มาเล่าเป็นเรื่อง เป็นตุเป็นตะ เรื่องผม กับคุณทักษิณ ได้ถึง 15 นาที คุณน่าจะเป็นเจ้าของโรงงานน้ำแข็งนะ เพราะคุณปั้นน้ำเป็นตัวให้หลายๆ เรื่องที่เห็นได้ชัด

ข้อที่หนึ่ง คุณพาดหัวคลิปว่า "ตำนานเพื่อนรักไม่ให้ยืมเงิน" แล้วใช้รูปผม กับคุณทักษิณ คุณเนมครับ ผมไปยืมเงินคุณทักษิณตั้งแต่สมัยไหน คุณต้องพิสูจน์ให้ดูนะว่าผมยืมเงินคุณทักษิณตั้งแต่สมัยไหน ผมไม่เคยยืม แล้วตัวเองก็อุตส่าห์แต่งชุดเสื้อเหลือง โพกผ้า "กู้ชาติ" เพื่อติดแฮชแท็ก หิวแสงมาก อยากจะโปรโมตช่องตัวเอง คุณทำช่องไม่เป็นไรหรอก ไม่มีใครว่าอะไร แต่ว่าความจริงมีหนึ่งเดียว คุณอย่าโกหกตอแหล นี่คุณทำช่อง YouTube แล้วพูดถึงผมแบบโกหก ปั้นน้ำเป็นตัว


ผมให้คนถอดคำพูดเนื้อหาคลิปทั้งหมดดูประโยคที่คุณเนม-รติศา พูดและพาดหัวคลิป บอกว่า "ทฤษฎีที่ชาวเน็ตส่วนใหญ่เชื่อ เขาบอกว่า" คุณไปอ้างชาวเน็ตส่วนใหญ่เชื่อ ศาลเขาไม่ฟังคุณหรอก คุณไปถามทนายคนไหนก็ได้ อ้างคำนี้ไม่มีสิทธิ์ ไม่หลุดหรอกครับ หมิ่นประมาท "คุณสนธิ ทำสื่อแล้วล้มละลาย มาขอยืมเงินคุณทักษิณ แต่คุณทักษิณ น่าจะช่วยจนเหนื่อยแล้ว" คุณทักษิณไม่เคยช่วยอะไรผมเลย ไม่เคย "ทำอย่างไรก็ล้มอยู่ดี ก็เลยไม่ช่วย คุณสนธิเลยแค้น แล้วใช้ความเป็นสื่อมาสู้ทักษิณ"

"ในวันที่ก้าวไกลประกาศว่าจะส่งไม้ต่อให้เพื่อไทยในการจัดตั้งรัฐบาล แล้วเพื่อไทยบอกว่าจะมีการพูดคุยกับพลังประชารัฐ คุยกับรวมไทยสร้างชาติ มันเลยมี Quote หนึ่งที่ถูกแชร์กันเยอะ Quote นั้นพูดว่า ความวุ่นวายทั้งหมดในประเทศนี้เริ่มจากเพื่อนกันขอยืมเงินแล้วไม่ให้ แต่ใดๆ ก็ตาม ทฤษฎีที่่ว่าขอยืมเงินแล้วไม่ให้ เรายังไม่เคยเห็นหลักฐานที่เป็นจริงเป็นจังนะ มันเหมือนแค่ข่าวเมาต์มอยในวงการเมืองเท่านั้นแหล่ะ" อ๋อ แค่เมาต์มอยในวงการเมือง คุณก็เอามาลงแล้วใช่ไหม ถ้าเขาเมาต์มอยเรื่องของคุณในทางเสียๆ หายๆ แล้วเขาบอกว่าเป็นข่าวที่เมาต์มอยในหมู่ยูทูปเบอร์กัน แล้วทำให้คุณเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง โดนประชาชนที่อ่านแล้ว ฟังแล้ว ดูถูกเหยียดหยาม แล้วคนที่ดูถูกเหยียดหยามคุณก็บอกว่ามันเป็นการเมาต์มอยในแวดวงยูทูปเบอร์

แล้วก็พูดต่อว่า "อาจจะเป็นข่าวเมาต์มอยที่เป็นตำนานหน่อย เพราะว่าการต่อสู้เหลือง-แดงเป็นจุดกำเนิดของอะไรหลายๆ อย่างในเมืองในปัจจุบันแค่นั้น"


คุณเนม คุณจบคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ ภาคจุลชีววิทยา ไมโครไบโอโลจี คุณถูกฝึกอบรมมาทางวิทยาศาสตร์ แล้วจู่ๆ คุณทะลึ่งมาตั้งสมมติฐาน หยิบทฤษฎีมั่วซั่วมา แล้วก็มโนเมาต์มอยเรื่องคนโน้นคนนี้ แล้วไปกล่าวหาว่าเขาขอยืมเงินแล้วไม่ได้ ก็เลยมาต่อสู้กับเขา ผมจะถามคุณ ในฐานะที่คุณเรียนมาทางวิทยาศาสตร์ คุณทำอย่างนี้ได้หรือ หลักฐานคุณอยู่ที่ไหน อ๋อ หลักฐานคุณก็อ้างแล้วไงว่าเมาต์มอยกันมา ถ้าคุณเอาคำพูดที่เขาเมาต์มอยกันมา แล้วเอามาลงนี่นะ ผมว่าคนเขาฟ้องคุณตายโหงตายห่าแล้วงานนี้

จู่ๆ คุณก็อ้างว่าผมเคยเป็นเพื่อนรักคุณทักษิณ คุณเอาข้อมูลมาจากไหนว่าผมเป็นเพื่อนรักคุณทักษิณ แหล่งข่าวอ้างอิงคุณมีไหม คุณเป็นนักวิทยาศาสตร์ reference คุณมีไหม citation คุณมีไหม คุณเป็นนักวิทยาศาสตร์นี่ แสดงให้ดูหน่อยสิ แต่เอาเถอะ หรือคุณได้แต่พูดฉอดๆๆๆ อยู่คนเดียวในคลิป ไม่ได้ใส่ข้อมูลอ้างอิง ไม่ได้ระบุแหล่งที่มาข้อมูลที่คุณเอามาเล่า ไหนๆ คุณก็ออกมาพูดถึงผมแล้ว ผมจะขอแหล่งอ้างอิงของคุณด้วย แต่ผมไม่ขอคุณตรงๆ นะ ผมจะขอคุณผ่านศาลสถิตยุติธรรม คุณเจอผมในศาลแน่นอน คุณคงไม่เคยโดนฟ้องมั้ง คุณมันเด็กเมื่อวานซืน อายุเพิ่ง 30 เอง ทะลึ่งทำยูทูปเบอร์ แล้วเอาข่าวคนโน้นมา เอาข่าวคนนี้มา ข่าวที่คุณเอามาพูดมันก็ไม่ใช่ข่าวที่คุณทำเอง คุณไปขอข่าวเขามา ดึงข่าวจากอันโน้น ดึงข่าวจากอันนี้ คุณเสียค่าลิขสิทธิ์หรือยัง คุณขออนุญาตเขาหรือยัง

นอกจากคุณโกหกพกลมแล้ว สิ่งที่คุณพูดไว้ถึงผม ผมเก็บข้อมูล ผมถอดเทปคำพูดของคุณไว้หมดแล้ว ผมส่งทนายความให้ร่างคำฟ้องแล้ว อีกไม่นานหมายศาลก็คงไปแปะที่หน้าบ้านคุณ ข้อมูลที่อ้างอิงก็พูดมาแล้วกันว่ามาจากที่ไหน คุณอ้างมาสิ เพราะว่าทนายผมจะซักคุณให้เห็นชัดเจนว่าคุณเอาข้อมูลมาจากไหน เชื่อถือได้หรือไม่นั้น ศาลจะเป็นคนพิจารณา

คุณให้สัมภาษณ์ด้วยว่าคุณเรียนจบวิทยาศาสตร์ อยากเป็นนักวิจัย งานวิจัยในประเทศหางานยาก ทำงานบริษัทเกมออนไลน์ จากนั้นก็ไปทำงานตามบริษัทต่างๆ เป็น AE เป็น Graphic Designer ไปทำงานอยู่ออสเตรเลีย 7 เดือน เป็นเด็กเสิร์ฟในห้องอาหาร ทำงานล้างชามในครัว ทำงานในร้านนวด ก่อนจะมาจบที่การเป็นยูทูปเบอร์ เล่าข่าวใน YouTube แล้วโด่งดังในช่วงโควิด


ประเด็นนะครับ คุณเนม 2548-2549 ผมประท้วงคุณทักษิณ ก่อตั้งพันธมิตรฯ คุณเนม น่าจะเพิ่งเรียนระดับชั้นมัธยมต้น น่าจะ ม.1 มั้ง ไม่ประสีประสาอะไร เรื่องที่เล่าให้ฟังน่าจะไปฟังคนโน้นคนนี้มา หยิบเรื่องราวต่างๆ แล้วเอามามโน เป็นทฤษฎีของตัวเอง แล้วเอามาพูดเป็นตุเป็นตะ สุภาษิตเขาบอกว่า ฟังไม่ได้ศัพท์ จับไม่ได้กระเดียด ผมไม่รู้ว่าครอบครัวคุณเนม เป็นอย่างไร ผมฝากไปถึงครอบครัว คุณพ่อคุณแม่ด้วยว่า พอได้หมายศาลแล้วอย่าตกใจ คุณเนม ถ้าคุณริอยากจะก้าวเข้ามาสู่วงการสื่อมวลชน ซึ่งผมอยู่มาแล้วร่วมห้าสิบปี จู่ๆ จะกล่าวถึงผู้อื่น กล่าวหาผู้อื่นโดยไม่เป็นความจริง ไม่มีหลักฐานอ้างอิงนั้น คุณเนมครับ คุณทำไม่ได้หรอก คุณเจอผมในศาลแน่นอน เจอแน่นอน แล้วงานนี้ยาวแน่ ยาวแน่ คุณซ่านัก คุณเอาเรื่องที่ผมฟ้องคุณขึ้นศาลไปพูดในช่อง YouTube ของคุณสิ แต่พูดให้ระวังนะ อย่ามโนนะ เดี๋ยวเจอคดีที่สองอีกนะ แล้วผมกำลังให้ลูกน้องผม พรรคพวกผม จับตาดูช่องคุณ อะไรที่คุณพูดออกมา ถึงไม่ใช่พูดถึงผมก็ตาม พูดถึงคนอื่น แล้วผมรู้ว่ามันผิด ผมจะไปยุยงส่งเสริมคนที่คุณพูดถึงให้มาฟ้องคุณ ฟ้องคุณ ฟ้องคุณ ฟ้องทุกคดี คุณสนุกใช่ไหม คุณเนม อายุอานาม 30 ปี จบวิทยาศาสตร์ เคยทำงานอยู่ในออสเตรเลีย เป็นพนักงานเสิร์ฟอาหาร ทำงานหมอนวด เป็นพนักงานนวด แล้วมาทะลึ่ง คุณเจอผมแน่ คุณเนม คุณน่ะรู้จักผมน้อยไป แฟนพันธุ์แท้ของผมทุกคนเขารู้จักนิสัยสันดานผม คุณจำเอาไว้ คุณเนม ผมเป็นคนเผาแบงก์ห้าร้อยหาเหรียญสลึง ผมไม่ถอยหรอกคุณเนม คุณเตรียมรับให้ดีๆ เตรียมรับให้ดีๆ

ลับ ลวง พราง คณิตศาสตร์การเมือง

ท่านผู้ชมครับ การวิเคราะห์การเมืองวันนี้มันมีความสุ่มเสี่ยงมากพอสมควร เพราะว่ายังไม่มีเหตุการณ์เกิดขึ้น เป็นการคาดคะเนแล้วก็พิจารณาจากความเป็นไปได้ แล้วการพูดจากันในช่วง 3-4 วันที่ผ่านมานี้ พวกผมและอาจารย์ปานเทพ โดยหลักๆ แล้วเป็นอาจารย์ปานเทพ มานั่งวิเคราะห์กัน อาจารย์ปานเทพ บอกว่า ทั้งหมดนี้ถ้าจะดู ต้องดูตามหลักคณิตศาสตร์ อย่าไปดูว่าใครชอบใคร หรือไม่ชอบใคร เพราะคณิตศาสตร์มันจะบอกได้ชัดเจนว่ามันเป็นไปได้แค่ไหน เพราะว่าการเมืองบวก/ลบตัวเลขแบบเบสิคที่สุด แต่ความยากของการบวก/ลบ คือการเจรจาจัดสรรอำนาจให้ลงตัวที่สุด


ผมเอารูปให้ดูครับ นี่คือกระดานการเมือง จากแถวบนลงมาสู่แถวล่าง แถวบนมีเบ็ดเสร็จ 234 เสียง ประกอบด้วย เพื่อไทย 141 ภูมิใจไทย 71 ประชาชาติ 9 ชาติไทยพัฒนา 10 ชาติพัฒนากล้า 2 และ เสรีรวมไทย 1

แถวที่สอง คือฝ่ายค้านแน่นอน 158 เสียง มีก้าวไกล 151 ไทยสร้างไทย 6 พรรคเป็นธรรม 1 แถวที่สาม มีแค่ 3 พรรค แต่เป็น 3 พรรคที่เป็นตัวแปร ประกอบด้วย พลังประชารัฐ 40 รวมไทยสร้างชาติ 36 ประชาธิปัตย์ 25

ส่วนแถวสุดท้าย แทบจะไม่มีความหมาย มี 7 เสียง ไม่ต้องเอ่ยชื่อก็ได้ เอาเป็นว่าพรรคละ 1 เสียง ขี้เกียจจำชื่อ เพราะว่าเป็นพรรคซึ่งตั้งใหม่

เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้าแถวแรก เพื่อไทย และพรรคร่วมรัฐบาล ต้องการเพิ่มจาก 234 เสียง ให้เป็น 251 เสียง ก็คือเกินครึ่ง แปลว่าตัวแปรที่จะทำให้เกิดขึ้นได้ เหลือตัวเลือกในแถวที่สามพรรคใดพรรคหนึ่ง ที่มีพลังประชารัฐ รวมไทยสร้างชาติ ประชาธิปัตย์ พรรคใดพรรคหนึ่ง คือ พลังประชารัฐ รวมไทยสร้างชาติ ประชาธิปัตย์ เอามารวมแล้วจะต้องเกิน 251 เสียง โดยสูตรนี้ถ้าจับเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ 25+234 ก็จะได้ 259 เสียง ซึ่งจะต้องมีเสียง ส.ว. เข้ามาช่วยอีก 118 เสียง ถึงจะครบ 375 เสียง เป็นไปไม่ได้ เพราะ ส.ว. จะมาจากสายของพรรคพลังประชารัฐ และรวมไทยสร้างชาติ เท่านั้น

ด้วยเหตุนี้ สุดท้ายพรรคร่วมรัฐบาลก็ต้องเลือกขั้นต่ำสุดจากพรรคของ 2 ลุง เพื่อหวังเสียง ส.ว. เพิ่ม เพราะว่าถ้ารวมเสียงมามากไปก็จะจัดสรรโควตารัฐมนตรีที่มีจำกัดได้อย่างลำบากมาก และถ้าหวังเสียง ส.ว. ข้างมากใน ส.ว. ด้วยกัน พรรครวมไทยสร้างชาติ จะได้เปรียบกว่าพรรคพลังประชารัฐ


และนี่คือเหตุผลจริงๆ แล้วว่าทำไม พล.อ.ประยุทธ์ ต้องวางมือทางการเมือง เพราะทำให้พรรคเพื่อไทยมีโอกาสหยิบพรรครวมไทยสร้างชาติเข้ามาถ่วงดุลอำนาจ เพราะตอนแรกถ้าลุงตู่อยู่ ไม่มีโอกาสที่รวมไทยสร้างชาติจะร่วมกับพรรคเพื่อไทยเพื่อจัดตั้งรัฐบาลได้ แต่ถ้าหยิบพรรคพลังประชารัฐมาร่วม ก็หนักหน่อย เพราะ พล.อ.ประวิตร ไม่ได้วางมือ ยังอยู่ แต่ตอนนี้คนที่เป็นกุญแจสำคัญของพรรคพลังประชารัฐ กลับกลายเป็น พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ไม่ใช่ พล.อ.ประวิตร และไม่ใช่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า แล้ว


สุดท้าย เบื้องต้นที่น่าจะออกมาที่แถวแรก 234 ที่นั่ง รวมกับแถวที่สาม รวมไทยสร้างชาติ 36 ที่นั่ง และประชาธิปัตย์ 25 ที่นั่ง รวม 295 เสียง คำถามมีว่า ไม่รู้ว่าพรรคเพื่อไทย กับพรรคประชาธิปัตย์ จะทำงานร่วมกันได้หรือเปล่า

มันก็มีปัจจัยที่ต้องคำนึงถึงคือ ประชาธิปัตย์ มาหรือไม่มาร่วมรัฐบาล หรือมาครบ 25 เสียง หรือมาแค่บางส่วน คือส่วนของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ก็คือพูดง่ายๆ ว่าพรรคประชาธิปัตย์มีความไม่แน่นอนอย่างสูงที่จะได้ถึง 25 เสียง เป็นเอกภาพ กระแสต้านลุงก็ยังแรงอยู่

การแถลงผลการประชุมระหว่างเพื่อไทย กับก้าวไกล เมื่อวันพุธ เมื่อวานซืนที่ผ่านมา (2 สิงหาคม) ไม่เหมือนกัน โดยเพื่อไทยแถลงข่าวบอกว่า หวังว่าพรรคก้าวไกลจะโหวตให้ จะได้ไม่ต้องพึ่งลุง ก็โยนบาปให้ทางพรรคก้าวไกล ส่วนพรรคก้าวไกลแถลงข่าววันเดียวกัน บอกว่า เพื่อไทยไม่เคยขอให้ก้าวไกลโหวตให้ เพราะกลัวว่า ส.ว. จะระแวง โยนให้เพื่อไทยกลายเป็นผู้ร้ายในสายตาของประชาชน ท่านผู้ชมเห็นเขาเล่นเกมกันไหม ?


ปัจจัยเรื่อง "ฮ่องกงดีล" ระหว่าง ทักษิณ ชินวัตร กับ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ว่าตกลงแลกเปลี่ยนอะไรกันไว้ จนวันนี้ไม่มีใครรู้ ทั้งสองฝ่ายเงียบสนิท คุณธนาธร ไปเองเลย ไม่มีใครไปเลย แล้วทำโดยพลการ โดยส่วนตัว เพราะว่าคุณธนาธร คือเจ้าของพรรคก้าวไกลตัวจริง ที่เหลือก็แค่เป็นเบี้ย เป็นหุ่นเชิดให้ ก็เท่านั้นเอง

ข้อห้า ปัจจัยเรื่องเศรษฐา ทวีสิน ว่าเป็นที่วางใจหรือสบายใจจริงในพรรคเพื่อไทยหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีข่าวว่าทักษิณ กำลังจะเลื่อนกลับประเทศไทยอีกแล้ว คำถามมีอยู่ว่า ถ้าเศรษฐาเป็นนายกฯ จริงๆ แล้วทักษิณจะเลื่อนกลับบ้านทำไม นี่คือคำถามที่คนงง


สรุปแล้วทางเลือกโหวตนายกรัฐมนตรี ถ้ามีการเลื่อนการโหวตนายกฯ ออกไป แปลว่าการเจรจาจัดสรรโควตารัฐมนตรีของ 3 พรรคตัวแปรยังไม่สำเร็จ แต่พรรคหลักที่อยู่ร่วมตั้งแต่แรก แถวที่หนึ่ง อย่างเช่นภูมิใจไทยนั้น ทราบมาว่าเจรจากันลงตัวเรียบร้อยแล้วตั้งแต่เมื่อวันพุธ

เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้าแบ่งโควตารัฐมนตรี 3 พรรคตัวแปรไม่สำเร็จ พลังประชารัฐ รวมไทยสร้างชาติ ประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าไม่มีรัฐบาล 2 ลุง เข้ามาร่วมเลย ก็เท่ากับว่าไม่มี ส.ว. สนับสนุน ในกรณีนี้ ถ้ายังดึงดันเสนอชื่อเศรษฐา ทวีสิน แปลว่าเศรษฐา เป็นตัวหลอก สับขาหลอก ที่เอาไปแพ้ในสภาฯ เพื่อให้นายกรัฐมนตรีเป็นคนอื่น ซึ่งไม่รู้ว่าอาจจะเป็นใคร อาจจะเป็นอุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ซึ่งผมก็คิดว่าไม่ใช่ หรือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งก็ไม่น่าจะใช่ เพราะว่าวันนี้ 3 ป. ต้องยอมรับว่าตัวเองไม่มีอำนาจในการต่อรองเลยแม้แต่นิดเดียว เนื่องจากกระแสของสังคมทั่วประเทศไทยไม่เอา 3 ป.


หรือจะเป็นอนุทิน ชาญวีรกูล ซึ่งถ้ามองในรูปนี้แล้ว นายอนุทิน จะมีภาษีเหนือกว่าทุกๆ คน แต่ถ้าเจรจาสำเร็จทั้งหมด เศรษฐาจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี คำถามคือว่า จะผ่านอุปสรรคต่างๆ ที่ผมพูดไปหรือเปล่า

นี่คือหลักคณิตศาสตร์ที่เห็นชัดเจน เพราะว่าถ้าแถวที่หนึ่ง 234 เสียง บวกพรรคประชาธิปัตย์ ก็ได้แค่ 251 เสียง มากกว่า 250 แค่ 1 เสียง อันตรายมาก เพราะฉะนั้นแล้ว โอกาสน่าจะมาที่พรรครวมไทยสร้างชาติ ท่านผู้ชมครับ นี่คือการวิเคราะห์ตามหลักคณิตศาสตร์ แน่นอนที่สุด ก็มีการเจรจาต่อรองกันลับหลัง เพราะฉะนั้นสิ่งที่เพื่อไทยพูด หรือสิ่งที่ก้าวไกลพูดในทางสาธารณะนั้น เชื่อไม่ได้ เพราะว่าลับหลังอาจจะแอบตกลงอะไรกัน ผมก็ไม่รู้

ฝากถึง “พระเพนกวิน-พระไมค์”


เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2566 นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือฉายา เพนกวิน แกนนำที่เรียกตัวเองว่ากลุ่มราษฎร 2563 หรือ ม็อบสามนิ้ว ผู้ต้องหาคดีมาตรา 112 ได้เข้าบวช อุปสมบทที่วัดผาลาด - สกทาคามี ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ มีฉายาทางธรรมว่า "เขมปัญโญ" แปลว่า ผู้มีความเกษมในปัญญา มีคนหลายคนไปร่วมงาน คุณณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ธเนศวร์ เจริญเมือง อดีตอาจารย์ประจำคณะรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งตอนนี้เกษียณอายุไปแล้ว ชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วรวรรณ แซ่อั้ง หรือ ป้าเป้า ผู้ชุมนุมม็อบราษฎร ไปร่วมงานด้วย


ณัฐวุฒิ โพสต์ภาพนายพริษฐ์ แล้วเขียนว่า "อนุโมทนา สาธุ พระเขมปัญโญ เพนกวิน ขอสว่างในธรรม สงบในใจ สง่าในชีวิต ตลอดกาล" ส่วนอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล อดีต ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์ว่า "ขออนุโมทนา ลูกแม่บวชที่วัดผาลาด เชียงใหม่ ฉายา พระเขมปัญโญ"


พริษฐ์ มีปัญหาเรื่องเกี่ยวกับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 มากกว่า 20 คดี คดีความมั่นคงอีกจำนวนมาก จากการเป็นแกนนำชุมนุมสนับสนุนนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง ได้แก่กลุ่มที่เรียกตัวเองว่า "แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม" ตอนนั้นเรียกร้อง 3 ข้อ ให้ พล.อ.ประยุทธ์ ลาออก แก้ไขรัฐธรรมนูญ และปฏิรูปสถาบันกษัตริย์

นอกจากเพนกวิน พริษฐ์ แล้ว ก่อนหน้านี้ไม่นาน ภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ ไมค์ ระยอง แกนนำกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า กลุ่มเยาวชนภาคตะวันออก แนวร่วมม็อบราษฎร และผู้ต้องหาคดีอาญา มาตรา 112 ก็เข้าพิธีอุปสมบท 21 มิถุนายน 2566 ที่วัดบ้านฉาง จังหวัดระยอง


พริษฐ์ ตั้งใจจะบวช 1 พรรษา ขณะที่ไมค์ ระยอง เดิมทีแจ้งว่าจะบวช 15 วัน แต่ล่าสุดตัดสินใจอุปสมบทอย่างไม่มีกำหนด เพราะอาจจะรู้ซึ้งในรสพระธรรมและอยากปฏิบัติศาสนกิจ

เรื่องนี้มีชาวเน็ตจำนวนมากออกมาตั้งคำถามว่า เพนกวิน และ ไมค์ อุปสมบทได้หรือเปล่า เพราะเคยมีคดีอาญาติดตัว มีการอ้างอิงกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 17 พ.ศ. 2536 ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระอุปัชฌาย์ หมวด 3 เรื่อง หน้าที่พระอุปัชฌาย์ ข้อ 14 ระบุ พระอุปัชฌาย์ต้องงดเว้นการให้บรรพชาอุปสมบทแก่คนต้องห้าม โดยข้อ 3 คือ "คนต้องหาในคดีอาญา" และข้อ 4 คนเคยถูกตัดสินจำคุกโดยฐานเป็นผู้ร้ายสำคัญ

ประเด็นแรก บวชได้หรือเปล่า มาเปรียบเทียบกรณีของผมที่ผมเคยบวช คือสมัยนั้น เมื่อผมประท้วงเสร็จ แล้วก็มีการพักผ่อน ผมก็เลยไปขอบวชที่วัดชนะสงคราม โดยท่านเจ้าอาวาสวัดชนะสงคราม หรือว่าสมัยนั้นท่านเป็นสมเด็จหนกลาง ยังมีชีวิตอยู่ ปรากฏว่าเลขาฯ ท่านที่เป็นฆราวาส บอกว่าผมบวชไม่ได้ เพราะผมโดนแจ้งข้อหาคดีอาญาในการชุมนุม ผมก็มีความรู้สึกว่า เอ๊ะ ผมบวชนี่ไม่น่าจะเกี่ยวข้อง แต่ไม่เป็นไร ผมก็เลยแจ้งไปทางพ่อแม่ครูอาจารย์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ว่า ผมคงบวชไม่ได้ ท่านก็บอกว่าให้ขึ้นมาบวชที่อุดรฯ แล้วท่านก็แจ้งให้กับหลวงปู่ใหญ่ วัดโพธิสมภรณ์ บอกว่าให้เป็นองค์อุปัชฌาย์ให้ผม ตกลงผมก็เลยได้บวชที่วัดโพธิสมภรณ์ องค์อุปัชฌาย์ท่าน เป็นพระอุปัชฌาย์ให้ผม หลวงปู่ใหญ่ ซึ่งตอนนี้ท่านก็มรณภาพไปแล้ว พอบวชจบพิธีตอนเที่ยง ตอนบ่ายผมก็เข้าไปจำวัดที่วัดป่าบ้านตาด

เรื่องแรกมันไม่ใช่เรื่องที่สำคัญนัก มันก็เป็นกฎมหาเถรสมาคม ซึ่งจริงๆ แล้วหลักการบวช แม้กระทั่งองคุลีมารฆ่าคนตายตั้งไม่รู้เท่าไร องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็อนุญาตให้บวช เพื่อสำนึกผิด


แต่ประเด็นที่สำคัญไปกว่านั้น ไม่ใช่เรื่องที่ว่าบวชได้หรือไม่ได้ แต่คำถามมีว่า แล้วบวชเพื่ออะไรล่ะ ?

ท่านผู้ชมครับ ศาสนาพุทธเน้นเรื่องความกตัญญู พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้อย่างชัดเจนว่า คนดีจะต้องมีเครื่องหมาย 2 ประการ คือ "กตัญญู" แปลว่า รู้คุณ และ "กตเวที" แปลว่า ตอบแทนคุณ ภาษาบาลีท่านว่า "นิมิตตัง สาธุรูปานัง กตัญญูกตเวทิตา" แปลเป็นภาษาไทยง่ายๆ คือ ความกตัญญูกตเวทีเป็นเครื่องหมายของคนดี และอีกประการหนึ่ง ศาสนาพุทธนั้นเน้นที่สัจจะวาจา และที่สำคัญ ศาสนาพุทธนั้นเทิดทูน ปกป้องพระมหากษัตริย์

เพราะฉะนั้นแล้ว การที่แกนนำเด็กสามนิ้วอย่างเพนกวิน บวช ไมค์ ระยอง บวช ก็แสดงว่ายอมรับและศรัทธาในพระพุทธเจ้า เชื่อในหลักธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธศาสนา ใช่หรือเปล่า ขนาดตอนบวชเป็นพระอยู่ พระไมค์ ยังมาเล่นเฟซบุ๊กอยู่เลยว่า "การติติงผู้ทำให้ศาสนาเสื่อม อาตมาคิดว่าเป็นเรื่องที่ควรทำ" ดังนั้นถ้าบวชด้วยใจบริสุทธิ์จริงๆ สึกออกมาย่อมใช้ชีวิตดำเนินการตามหลักธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธศาสนา ต้องมีความกตัญญูต่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ต้องไม่คิดที่จะล้มล้างสถาบันกษัตริย์ ใช่หรือเปล่าครับ อยากจะถามคำนี้ เพราะว่าผมบวชมาแล้ว พ่อแม่ครูอาจารย์หลวงตามหาบัว ท่านพูดชัดเจนเรื่องความสำคัญของพระมหากษัตริย์ เราต้องเทิดทูนและปกป้องสถาบันกษัตริย์ เพราะว่าชาตินั้นประกอบด้วยศาสนา และพระมหากษัตริย์ ขาดอันใดอันหนึ่งก็ไม่ใช่ชาติ


นี่เป็นคำสอนของพ่อแม่ครูอาจารย์ผม หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ถ้าจะถามผมว่าระหว่างพวกอาจารย์มหาวิทยาลัยต่างๆ ที่หนุนหลังพวกเด็กรุ่นใหม่เพื่อจะออกมาต่อต้าน ล้มล้างสถาบันกษัตริย์ ไม่ว่าจะเป็นคุณชาญวิทย์ เกษตรศิริ หรืออาจารย์ธเนศวร์ เจริญเมือง กับคำพูดของหลวงตามหาบัว มันคนละเรื่องกัน เพราะว่าหลวงตามหาบัวท่านบริสุทธิ์ ท่านมีฌาน ท่านมองเห็นอนาคต ส่วนคนพวกที่ผมเอ่ยชื่อ ไม่ว่าจะเป็นอาจารย์ธเนศวร์ หรือชาญวิทย์นั้น อุดมสมบูรณ์ไปด้วยกิเลสที่หนาเตอะ เพราะฉะนั้นผมเชื่อว่าผมเชื่อในคำพูดของหลวงตามหาบัวมากกว่า ตลอดจนพ่อแม่ครูอาจารย์อีกทุกรูปที่อยู่ในประเทศไทย ยืนยันอย่างแน่ชัดว่าพระมหากษัตริย์นั้นมีคุณูปการต่อศาสนา และจำเป็นต้องเทิดทูนเอาไว้ และปกป้องสถาบันกษัตริย์ครับ

ก็อยากจะฝากให้คนที่ไปบวช และกองเชียร์ของคน 2 คนนี้ ได้เข้าใจตรงกันว่าศาสนาพุทธนั้น ถ้าคุณบวชด้วยความบริสุทธิ์ใจ คุณต้องรู้ว่าสิ่งที่คุณทำในอดีต เรื่องหาทางล้มล้างสถาบันกษัตริย์นั้น มันไม่ใช่สิ่งที่ควรจะทำเลยแม้แต่นิดเดียว แล้วมันตรงกันข้ามกับหลักศาสนาพุทธที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านได้สั่งสอนมาตลอดเวลา

เบื้องหลังด้อยค่า เบื้องหน้าน้อมนำ

ท่านผู้ชมครับ เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว 28 กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 มีคนใช้เฟซบุ๊กไปรวบรวมหน้าเพจเฟซบุ๊กของบรรดาพรรคการเมืองในประเทศไทย ซึ่งล้วนแล้วแต่โพสต์ข้อความ "ทรงพระเจริญ" เพื่อถวายความจงรักภักดีต่อรัชกาลที่ 10 ไม่ว่าจะเป็นพรรคเพื่อไทย ภูมิใจไทย พลังประชารัฐ รวมไทยสร้างชาติ พรรคเสรีรวมไทย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคไทยสร้างไทย พรรคประชาชาติ พรรคชาติไทยพัฒนา ฯลฯ ปรากฏว่ามีอยู่พรรคเดียว ซึ่งท่านผู้ชมก็คงจะเดาออกว่ามีพรรคไหนที่ไม่ยอมถวายพระพรพระองค์ท่าน


ไม่เพียงแต่พรรคการเมืองนะครับที่ลงถวายพระพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่บุคคลสำคัญ สื่อมวลชน เรื่อยไปถึงหน่วยงาน บริษัทห้างร้านต่างๆ ทั้งภาครัฐ เอกชน ต่างก็ถือว่าวันเฉลิมพระชนมพรรษานั้นเป็นวันสำคัญแห่งชาติ ออกมาถวายพระพรด้วยกันทั้งสิ้น ด้วยเหตุนี้จึงไม่ต้องถามเลย เข้าใจไปเลยว่าทำไมพรรคก้าวไกล และคณะก้าวหน้า ของคุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ คุณปิยบุตร แสงกนกกุล คุณช่อ-พรรณิการ์ วานิช คุณชัยธวัช ตุลาธน คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ รวมทั้งสมาชิกพรรคก้าวไกลคนอื่นๆ จะอ้างว่าต้องการจะแก้ไขหรือยกเลิกกฎหมายอาญามาตรา 112 รวมถึงปฏิรูปสถาบันกษัตริย์นั้นมีเป้าประสงค์อย่างไร


ท่านผู้ชมครับ ความจงรักภักดีนั้นจริงๆ แล้วไม่ต้องการให้ ม.112 มาแกล้งผู้อื่น หรือแท้จริงแล้วเป็นความหน้าไหว้หลังหลอกของคนพวกนี้ ยิ่งไม่ต้องสงสัยเลย การที่คุณพิธา ตอบคำถามผู้สื่อข่าวเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2566 คุณพิธา พูดอย่างไร ท่านผู้ชมจำได้หรือเปล่า ? คุณพิธา บอกจะน้อมรับ น้อมนำพระราชดำรัส โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำว่าชาติและประชาชน ที่พระองค์ท่านเน้นย้ำ มาใช้ในการบริหารราชการแผ่นดิน ผมก็เลยมีข้อสงสัยว่าที่คุณพิธา พูดอย่างนี้ พูดจากใจหรือเล่นละครลิงหลอกคนทั้งประเทศ

ในทางตรงกันข้ามกับพรรคก้าวไกล และคณะก้าวหน้า ประชาชน นักวิชาการ เยาวชนบางกลุ่มในเมืองไทย พยายามใส่ร้ายป้ายสี ด้อยค่า ต้องการลดความสำคัญของสถาบันกษัตริย์ ผมจะพาท่านผู้ชมมาดูอีกด้านหนึ่ง


กองทัพรัฐฉานจัดยิ่งใหญ่ พิธีจุดเทียนถวายพระพรในหลวง รัชกาลที่ 10 ช่วงเย็นถึงค่ำวันศุกร์ที่ 28 กรกฎาคม 2566 ณ ฐานบัญชาการ 2 แห่ง ของสภาเพื่อการกอบกู้รัฐฉาน กองทัพรัฐฉาน หรือกองทัพรัฐฉานใต้ ได้พร้อมใจกันจัดพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคลเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 71 พรรษา ของรัชกาลที่ 10 โดยที่กองบัญชาการใหญ่ ดอยไตแลง พลเอกเจ้ายอดศึก ประธานสภาเพื่อการกอบกู้รัฐฉาน ได้นำผู้บริหาร และเหล่าผู้บัญชาการ ผู้บังคับการ ผู้นำหน่วย กำลังพลในกองทัพรัฐฉานใต้ ครู อาจารย์ และนักเรียนโรงเรียนเชื้อชาติไต รวมหลายร้อยคน มาร่วมทำพิธีเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 10 ภายในห้องประชุม ที่ชื่อห้องประชุมเจ้ากองเจิง


พลเอก เจ้ายอดศึก พูดอย่างนี้ครับ กองทัพรัฐฉานได้จัดทำพิธีถวายพระพรชัยมงคลเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระมหากษัตริย์และพระราชินีของประเทศไทยมาเป็นประจำทุกปี ตั้งแต่รัชสมัยของในหลวงรัชกาลที่ 9 ในปี 2542 จนถึงปัจจุบัน เพื่อแสดงความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์และราชวงศ์ของไทย เนื่องจากเป็นพระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ และทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ มิใช่เฉพาะต่อประชาชนชาวไทย แต่ยังรวมถึงคนทุกชนชาติพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยอีกด้วย ชาวไทใหญ่ และชาวไตทุกกลุ่มในรัฐฉาน ซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับคนไทย ต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ในโอกาสอันมงคลเช่นนี้ ทุกคนจึงพร้อมใจมาร่วมแสดงความจงรักภักดีด้วยการจุดเทียนชัยถวายพระพร


ท่านผู้ชมครับ สำหรับดอยไตแลง ตั้งอยู่ริมสันปันน้ำ บนเทือกเขาในพื้นที่อำเภอเมืองพาน จังหวัดรังเคอร์ รัฐฉานใต้ ตรงข้ามกับบ้านปางคำ อำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน

ท่านผู้ชมครับ เพื่อเป็นเกร็ดให้ทราบ หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ในยุคที่ท่านพ่อแม่ครูอาจารย์ยังมีชีวิตอยู่ พ่อแม่ครูอาจารย์เอาข้าวของต่างๆ อาหารแห้ง ทั้งข้าวสาร อาหารกระป๋อง บรรทุกใส่รถยนต์สิบล้อแล้วก็พ่วงอีกที่หนึ่ง เป็นรถพ่วง วิ่งขึ้นไปส่งให้กับเจ้ายอดศึก เพื่อบริจาคอาหารการกินให้กับชาวรัฐฉาน หลวงตามหาบัว ทำมาตลอด ท่านมีแม้กระทั่งเณรอุปัฏฐาก ที่สมัยนั้นชื่อ เณรหลง ซึ่งเป็นคนทางรัฐฉาน ได้ขอเข้ามาบวชแล้วก็มาจำวัดอยู่ที่วัดป่าบ้านตาด และทำตนเป็นเรณอุปัฏฐาก คอยดูแลความเป็นอยู่ของหลวงตา ซักจีวรให้ ปูที่นอนให้ ทำความสะอาดกุฏิให้


นอกจากที่ดอยไตแลง ซึ่งเป็นกองบัญชาการใหญ่แล้ว ที่กองบัญชาการภาคเชียงตุง พื้นที่ปฏิบัติการหมายเลข 1 ของรัฐฉานใต้ ดอยก่อวัน ก็ยังมีการจัดพิธีจุดเทียนถวายพระพรเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา รัชกาลที่ 10 โดยมี พันเอก เจ้ากอนจีน หรือในชื่อไทยว่า เจ้าคำกรณ์ชื่น ผู้บัญชาการภาคเชียงตุง เป็นผู้นำจุดเทียน มีผู้นำหน่วย กำลังพล บก.ภาคเชียงตุง ประชาชน และผู้อยู่อาศัยในค่ายพักพิงชั่วคราวนับร้อยคน มาร่วมแสดงความจงรักภักดี

ผมเอารูปให้ดูนะครับว่าเขามาแสดงความจงรักภักดีด้วยความบริสุทธิ์ใจ และมาถวายพระพรด้วยความบริสุทธิ์ใจ


ดอยก่อวัน อยู่ในพื้นที่อำเภอเมืองโต๋น จังหวัดเมืองสาด รัฐฉานตะวันออก ตรงข้ามกับบ้านพญาไพร ตำบลเทิดไท อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย นอกจากเป็นที่ตั้งกองบัญชาการภาคเชียงตุงของกองทัพรัฐฉานใต้แล้ว ยังมีค่ายพักพิงชั่วคราวของผู้ลี้ภัยในการสู้รบของรัฐฉาน มีผู้ลี้ภัยอาศัยอยู่มากกว่า 2,500 คน

จะเห็นได้ชัดว่าชาติพันธุ์ที่อยู่ทางภาคเหนือของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกรัฐฉาน ก็ยังแสดงความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ไทย พูดชัดเจนว่าเป็นพระมหากรุณาธิคุณของกษัตริย์ไทยที่ให้ที่พึ่งพิงอาศัยแก่ชนชาติพันธุ์ทั่วไป ไม่ใช่เฉพาะพวกไทใหญ่ หรือชาวไต หรือพวกฉาน กองทัพรัฐฉาน แต่มีพระมหากรุณาธิคุณให้กับชนชาติพันธุ์ทุกชาติพันธุ์ นี่คือความบริสุทธิ์ใจและความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของสถาบันกษัตริย์ และพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ ตั้งแต่รัชกาลที่ 9 เป็นต้นมา จนถึงปัจจุบัน


ท่านผู้ชมครับ ม็อบสามนิ้วครับ น่าละอายไหม ชาติพันธุ์ต่างๆ ให้ความสนใจ เทิดทูนบูชาสถาบันกษัตริย์ แต่คุณเป็นคนไทยที่เกิดมาในประเทศไทย หรือว่าคนอย่างคุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ซึ่งทั้งแม่ ทั้งเตี่ย ทั้งปู่ย่าตายาย ล้วนแล้วแต่เป็นคนจีนที่เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารในประเทศไทย ทำมาหารับประทานจนกระทั่งร่ำรวยขึ้นมา กลับใช้ความร่ำรวยนี้เอามาสร้างปัญหาและหาทางทำลายสถาบันกษัตริย์ตลอดเวลา


ท่านผู้ชมครับ พระพุทธเจ้าพูดชัดเจนว่า ความกตัญญกตเวที เป็นเรื่องที่คนที่จะนับถือพระพุทธศาสนาจำเป็นจะต้องมีอยู่ในจิตใจ และไม่ใช่เฉพาะศาสนาพุทธ ศาสนาคริสต์ก็เช่นกัน ศาสนาอิสลามก็เช่นกัน ท่านผู้ชมเห็นข้อแตกต่างหรือยัง ผมไม่ได้ฟื้นฝอยหาตะเข็บ แต่นี่ความจริงที่มีหนึ่งเดียว

หลักสูตรก้าวหน้า หรือ ล้างสมอง ?

ท่านผู้ชมครับ เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2566 เฟซบุ๊ก "คณะก้าวหน้า" ได้โพสต์ภาพโปสเตอร์และข้อความเกี่ยวกับ "หลักสูตรเยาวชนก้าวหน้า" โดยโฆษณาไว้ว่า เป็นหลักสูตรที่จะพาคุณทะลุกะลาที่เขาครอบหัวเราไว้ เพราะเมล็ดพันธุ์ของผู้ไม่ยอมจำนน เพื่อเปิดประตูความเป็นไปได้ใหม่ๆ สู่สังคมที่ดีกว่า หลักสูตรนี้รับ 40 คนเท่านั้น เรียนทุกเสาร์-อาทิตย์ 6 สัปดาห์ ช่วงสิงหาคม-กันยายน ที่สำคัญ สำหรับเยาวชนรุ่นใหม่กรุงเทพฯ และปริมณฑล อายุตั้งแต่ 15-25 ปีเท่านั้น ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย แต่เงื่อนไขคือ ผู้สมัครต้องเข้าร่วมกิจกรรมตลอดหลักสูตร และผู้สมัครต้องทำโครงการเมื่อจบหลักสูตร


ย้อนดูหลักสูตรเยาวชนก้าวหน้า ครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 ครั้งแรกเมื่อวันที่ 8-9 ตุลาคม 2565 มีการเปิดให้เรียนรู้หลักสูตรเยาวชนก้าวหน้าครั้งแรก ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ครั้งที่สอง จัดที่ขอนแก่น 12 พฤศจิกายน - 11 ธันวาคม 2565 ในครั้งนั้นเพจ Common School เคยโพสต์กิจกรรมคณะก้าวหน้า ระบุว่า หลักสูตรเยาวชนก้าวหน้า ครั้งที่ 2 ที่จังหวัดขอนแก่น เนื้อหาการบรรยายครอบคลุมทั้งรัฐศาสตร์ นิติศาสตร์ ประวัติศาสตร์ ปรัชญาการเมือง เศรษฐศาสตร์ และการสื่อสาร ทั้งรูปแบบการบรรยายและกิจกรรมเวิร์กชอป มีการเปิดรายชื่อวิชาและวิทยากร ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นคอลัมนิสต์ นักวิชาการสายฟ้าเดียวกัน รวมทั้งสมาชิกพรรคก้าวหน้า และพรรคก้าวไกล ที่อยู่เบื้องหลังม็อบสามนิ้ว ประกอบด้วย
"ประวัติศาสตร์การเมืองไทยร่วมสมัย" โดยธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์ (อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ ม.รังสิต ) สายก้าวไกลเต็มตัว และสายม็อบสามนิ้วเต็มตัว


"การเมืองวัฒนธรรม จาก 2475 ถึงปัจจุบัน" โดย ณัฐพล ใจจริง (ซึ่งเสกสรรค์ปั้นแต่ง พูดจาโกหก ข้อมูลผิดเพี้ยนในตำราที่ตัวเองแต่ง แล้วเอาความผิด เอาความโกหกที่ตัวเองเขียนนั้นมาสอนเด็กรุ่นหลัง ให้เป็นความจริง ทั้งๆ ที่สิ่งที่ตัวเองเขียนนั้นได้ถูกพิสูจน์ชัดเจนแล้วว่าโกหก)
"การเปลี่ยนผ่านประชาธิปไตย" โดย ประจักษ์ ก้องกีรติ (รัฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์)
"ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจการเมืองไทย" โดย อภิชาต สถิตนิรามัย (เศรษฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์)
"บทบาทการเมืองระหว่างประเทศต่อการเมืองไทย" โดย ลลิตา หารวงษ์ (สังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์)
"บทบาทกองทัพกับการเมืองไทย" โดย สุภลักษณ์ กาญจนขุนดี
"อดีต ปัจจุบัน และอนาคตของการขูดรีดเกษตรกรไทย" โดย เดชรัต สุขกำเนิด (เศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และเป็น ส.ส. พรรคก้าวไกล)
"ประวัติศาสตร์กลุ่มทุนไทย และ การบริหารจัดการเมืองสมัยใหม่" โดย ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
"Constitutional Monarchy และ ประวัติศาสตร์ปฏิวัติ" โดย ปิยบุตร แสงกนกกุล


"เทคโนโลยีกับการเมือง : ความก้าวหน้าและความท้าทาย" โดย ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ (ส.ส. และรองเลขาธิการพรรคก้าวไกล)
"Workshop ประชาธิปไตย" โดยคนที่ชื่อไอติม พริษฐ์ วัชรสินธุ
"ระบบราชการและงบประมาณ" โดย ศิริกัญญา ตันสกุล "การสื่อสารทางการเมือง" โดย พรรณิการ์ วานิช

อีกทั้งยังมีการเปิดเผยเนื้อหาหลักสูตรในครั้งก่อนๆ ด้วยว่า เริ่มด้วยกิจกรรม Landlord เป็นกิจกรรมรูปแบบ Active Learning ให้ผู้เรียนได้สัมผัสถึงโครงสร้างอำนาจแบบศักดินาที่กดขี่ผู้ขุดด้วยอำนาจดิบเถื่อน ใช้อำนาจตามอำเภอใจโดยไม่มีใครสามารถควบคุม ตรวจสอบได้ ซึ่งเป็นอำนาจที่กดทับศักยภาพที่แท้จริงของประชาชนเอาไว้ พาไปสำรวจโครงสร้างแบบศักดินาในทุกๆ ระดับของสังคมอย่างถึงราก พร้อมทั้งเรียนรู้อำนาจตามแบบที่ทำให้เราเข้าใจความสัมพันธ์เชิงอำนาจในการเมืองมากขึ้น


ต่อด้วยการบรรยายที่อัดแน่นด้วยเนื้อหาที่อาจไม่เคยมีในหนังสือเรียนมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการบรรยายความเหลื่อมล้ำและเศรษฐกิจการเมืองไทย สภาพและสถานการณ์ความเหลื่อมล้ำในสังคมการเมืองไท ย ความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มทุนกับการเมือง โดยอภิชาต สถิตนิรามัย แห่งคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ประวัติศาสตร์การเมืองไทยร่วมสมัย โดรงธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์ นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ ที่บรรยายเปรียบเทียบให้เห็นความแตกต่างราวฟ้ากับเหว ระหว่างการกระจายอำนาจและการรวมศูนย์อำนาจได้อย่างชัดเจนเป็นรูปธรรมที่สุด ผ่านภาพถ่ายดาวเทียมในยามค่ำคืน ที่ทำให้เห็นว่าประเทศใดบ้างที่มีแสงไฟสว่างไสวปกคลุมไปทั่วประเทศบ้าง และประเทศใดบ้างที่มีแสงไฟส่องสว่างอยู่เพียงที่จุดศูนย์กลางเมืองหลวงของประเทศ และยังมีเกร็ดประวัติศาสตร์และความรู้ทางรัฐศาสตร์มากมาย ในสไตล์การบรรยายแบบธำรงศักดิ์ ที่ทั้งแฝงข้อคิด สาระ และความชวนหัวไปพร้อมกัน

ปิยบุตร แสงกนกกุล ได้มาบรรยายถึงเรื่องการเปรียบเทียบกับการกำเนิดขึ้นของ Constitutional Monarchy ในประเทศต่างๆ การต่อสู้ระหว่างชนชั้นกระฎุมพีกับสถาบันกษัตริย์ในยุโรป การปรับตัวของสถาบันกษัตริย์ท่ามกลางกระแสธารของประชาธิปไตย เพื่อวิเคราะห์วิธีการธำรงรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ให้สอดคล้องและเคียงคู่ไปกับระบบประชาธิปไตยในโลกสมัยใหม่


ปิดท้ายด้วยรับชมภาพยนตร์เรื่อง The Young Karl Marx ภาพยนตร์ที่เล่าเรื่องราวชีวิตของปัญญาชนนักปฏิวัติที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่งของโลก มีอิทธิพลทางความคิด การเคลื่อนไหวทางการเมืองและเป็นต้นทางของการต่อสู้กับระบบทุนนิยมเพื่อปลดปล่อยมนุษย์ออกจากพันธนาการด้วยจินตนาการถึงสังคมใหม่ที่ทุกคนเท่าเทียมและมีเสรีภาพอย่างแท้จริง

ท่านผู้ชมครับ เป็นที่ชัดเจนว่าหลักสูตรนี้คือแนวทางการปลุกระดมเยาวชนพรรคก้าวไกล คณะก้าวหน้า คนกลุ่มนี้กำลังใช้คำว่า "วิชาการ" บังหน้า เป็นการปลุกระดมเด็ก ให้ข้อมูลที่ผิดๆ อาจจะเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ เห็นได้ชัดกรณีความพยายามยัดข้อมูลจนเกิดการทดลองทำประชามติแบ่งแยกรัฐปาตานี ที่ มอ. วิทยาเขตปัตตานี

ที่สำคัญ การล้างสมองเปิดรับคนอายุ 15-25 ปี เข้าอบรมโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เพราะมีนายทุนผู้สนับสนุนงบประมาณอยู่แล้ว ใช่หรือเปล่า เป็นคุณธนาธรเอง หรือเจ้าของตั๋วปารีส ที่หนีคดีอยู่ที่ฝรั่งเศส มีส่วนร่วมด้วยหรือไม่ ตอบผมหน่อยครับ เพราะว่าบทเรียนต่างๆ หัวข้อต่างๆ นั้นหลายๆ เรื่องเป็นเรื่องที่เสกสรรค์ปั้นแต่ง มีข้อมูลข้อเท็จจริงอยู่เพียงน้อยนิด แต่ที่เหลือแซมไปด้วยคำโกหกพกลม เหมือนอย่างที่ทุกวันนี้พรรคก้าวไกลโกหกพกลมทุกๆ เรื่อง คุณพิธา ก็โกหกพกลมทุกๆ เรื่อง แล้วคนที่อยู่ในโซเชียลมีเดียสายคอนด้อมส้ม ก็โกหกพกลมไปทุกๆ เรื่อง เพื่อที่จะให้โลกสมมุติที่ถูกสร้างขึ้นมาจากโซเชียลมีเดียนั้น ให้ดูเป็นจริงเป็นจัง และทำให้คนหลงเชื่อ จนกระทั่งตัวเองได้อำนาจมาเรียบร้อยแล้ว ความจริงที่เป็นหนึ่งเดียวที่ผมพูดมาตลอดนั้นก็ปรากฏขึ้นมา ทำให้รู้ว่าที่เชื่อพรรคก้าวไกลมาในอดีตนั้น ก็เพราะว่าพรรคก้าวไกลโกหก เชื่อคำโกหกแต่มารู้ความจริงอันเป็นหนึ่งเดียวทีหลัง เหตุการณ์ก็สายไปแล้ว เพราะว่าพรรคก้าวไกลก็เริ่มได้ยึดอำนาจเข้ามาเรียบร้อยแล้ว

ลับ ลวง พราง วากเนอร์ ตอนดับซ่าโปแลนด์

ท่านผู้ชมครับ เรามาย้อนทบทวนความจำกันนิดหนึ่ง ท่านผู้ชมยังพอจะจำเหตุการณ์เรื่องกองกำลังนักรบวากเนอร์ นำโดยนายเยฟกินี พริโกซิน คนใกล้ชิดของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ทำการก่อการกบฏในรัสเซียช่วงปลายเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา สื่อตะวันตก และสื่อไทยที่อ่านแต่ข่าวตะวันตก ตื่นเต้นลิงโลดกันมาก บอกว่าระบอบปูติน ประเทศรัสเซีย ใกล้ถึงจุดจบจากรอยแยกและความแตกแยกภายใน


ท่านผู้ชมจำได้หรือเปล่า ผมนี่อาจจะเป็นคนแรกๆ ที่ฉีกแนวความคิดนี้ ผมบอกว่านี่คือลับ ลวง พราง

การก่อกบฏของกองกำลังวากเนอร์ และนายพริโกซิน ดังกล่าว กลับตาลปัตร ปิดฉากลงอย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่เกิน 48 ชั่วโมง ฝ่ายประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เจรจากับอาเลียกซันดร์ ลูกาแชนกา ประธานาธิบดีเบลารุส ให้นายพริโกซิน หลบไปยังประเทศเบลารุส เพื่อนบ้านซึ่งมีพรมแดนติดกับรัสเซีย ส่วนข้อหาอาญาฐานกบฏก็ถูกยกเลิกไป

นอกจากนี้ นายดมิทรี เพสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน ระบุว่า หมายจับของนายพริโกซิน ถูกถอนออกไปแล้ว และจะยุติทุกข้อหาอาญากับนายพริโกซิน และทหารรับจ้างทั้งหมด ส่วนทหารวากเนอร์คนไหนต้องการเซ็นสัญญากับกระทรวงกลาโหมรัสเซีย ก็สามารถทำได้ แล้วการกบฏของกองกำลังวากเนอร์นั้นไม่มีผลกระทบต่อสงครามระหว่างรัสเซีย กับยูเครน


ท่านผู้ชมครับ ทั้งหมดนี้ เบื้องลึกเบื้องหลังและความสลับซับซ้อนของยุทธศาสตร์ของประธานาธิบดีปูติน กับกองกำลังวากเนอร์ เรื่องนี้ผมได้เล่าให้ฟังแล้วในรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ตอนที่ 196 ผมพาดหัวเรื่องว่า "ลับ ลวง พราง กบฏวากเนอร์" ออกอากาศเมื่อวันศุกร์ที่ 30 มิถุนายน 2566 ประมาณเดือนกว่าๆ ที่ผ่านมา ผมได้ฟันธงไปแล้วว่า ปรากฏการณ์กบฏวากเนอร์นี่คือแผนลับ ลวง พราง ของฝ่ายรัสเซียมากกว่าในการโยกย้ายกองกำลังกลุ่มทหารรับจ้างวากเนอร์เข้าไปอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านพันธมิตรใกล้รัสเซีย นั่นคือเบลารุส

ท่านผู้ชมครับ ผมเอารูปมาให้ดู มีทั้งต้นเดือนกรกฎาคม หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ออกมาเปิดเผยข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียม ระบุว่า พบการผุดขึ้นของแคมป์ของนักรบกลุ่มวากเนอร์ในเบลารุส ในหมู่บ้านชื่อ เซล ทางตะวันออกเฉียงใต้ของกรุงมินสก์ เมืองหลวงเบลารุส เพียง 90 กิโลเมตร


ทั้งนี้ นอกเหนือจากกองกำลังวากเนอร์ที่ตอนนี้เข้ามาตั้งค่ายอยู่ในเบลารุสเรียบร้อยแล้ว ยังมีอาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธวิธีของรัสเซียบางส่วนได้ถูกเคลื่อนย้ายเข้าประจำการในดินแดนเบลารุสแล้ว ส่วนที่เหลือก็จะถูกทยอยส่งเข้าไปจนครบถ้วนทุกประการภายในสิ้นปีนี้

จากเหตุการณ์ต่างๆ ที่กลับตาลปัตร พลิกจากหน้ามือเป็นหลังเท้าเช่นนี้ทำให้พันธมิตรนาโตที่เคยลิงโลดว่ากองกำลังกบฏวากเนอร์จะทำให้ประเทศรัสเซียและระบอบปูตินล่มสลาย กลับกลายเป็นว่า ประเทศเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดของทั้งยูเครน และเบลารุส ไม่ว่าจะเป็นจอมซ่าโปแลนด์ ลิทัวเนียจอมซ่า รวมทั้งประเทศลัตเวีย ตอนนี้นั่งไม่ติด ตกอกตกใจ ต้องรีบเสริมกำลังบริเวณชายแดนยกใหญ่ เพราะกลัวว่าภัยสงครามจะรุกเข้ามาถึงตัวเอง

ล่าสุด ไม่กี่วันที่ผ่านมานี้เอง ช่วงปลายเดือนกรกฎาคม ต้นสิงหาคม ยังมีความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก ผมคิดว่าไม่พูดก็ไม่ได้แล้วงานนี้


ท่านผู้ชมครับ ตอนนี้โปแลนด์กำลังผวากองกำลังวากเนอร์ มุ่งจากเบลารุส จ่อใกล้เฉลียงซูวาลกี Kaliningrad คาดว่าจะแฝงตัวมาในคราบผู้อพยพเข้าสู่อียู ซึ่งล่าสุดในวันเสาร์ที่ 29 กรกฎาคม ที่ผ่านมา กลุ่มสื่อตะวันตก ทั้งรอยเตอร์ AFP BBC เป็นต้น เผยแพร่รายงานว่า นายมาแตอุช มอราวีแยตสกี นายกรัฐมนตรีโปแลนด์ เปิดเผยว่า หน่วยข่าวกรองโปแลนด์พบว่ากลุ่มนักรบรับจ้างรัสเซีย วากเนอร์ กำลังเคลื่อนตัวเข้าใกล้เฉลียงซูวาลกี ซึ่งเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่อยู่ระหว่าง Kaliningrad ดินแดนรัสเซีย กับประเทศเบลารุส

ท่านผู้ชมลองดูแผนที่ข้างล่างนี้ก็ได้ จะได้เห็นภาพชัดเจนขึ้น อย่างที่ผมได้เล่าให้ฟังไปแล้วว่า Kaliningrad นั้นเป็นพื้นที่สหภาพโซเวียตมาตั้งแต่สมัยหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ตามปฏิญญาพ็อทซ์ดัม (Potsdam Declaration) มีเนื้อที่ประมาณ 220 ตารางกิโลเมตร มีประชากรอยู่ 1 ล้านคน ติดกับทะเลบอลติก แต่ถูกขนาบด้วยประเทศโปแลนด์ และลิทัวเนีย จากภาพท่านผู้ชมจะเห็นว่า Kaliningrad นั้นถือเป็นไข่แดงท่ามกลางการล้อมกรอบด้วยชาติสมาชิกนาโต และถือว่าเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ ซึ่งหากเกิดสงครามนิวเคลียร์ก็ได้ โดยรัสเซียสามารถใช้ Kaliningrad เป็นฐานที่ตั้งสำหรับโจมตีประเทศในกลุ่มนาโตได้อย่างง่ายดาย


ด้วยเหตุนี้สื่อตะวันตกบางสำนักเลยให้ฉายาเฉลียงซูวาลกี ซึ่งมีความยาวประมาณ 100 กิโลเมตร ว่าเป็นสถานที่ที่อันตรายที่สุดในโลก เพราะพื้นที่อุดมสมบูรณ์แห่งนี้สามารถเปลี่ยนโฉมจากดินแดนอันอุดมสมบูรณ์ไปเป็นสนามรบและตำบลกระสุนตกได้ภายในช่วงระยะเวลาข้ามคืนหากเกิดสงครามขึ้นจริงๆ

ด้วยเหตุนี้ นายกรัฐมนตรีของโปแลนด์จึงเสียวสันหลังขึ้นมาทันทีที่มีข่าวว่ากองกำลังวากเนอร์เข้ามาประชิดพรมแดนเบลารุส ใกล้ๆ กับเฉลียงซูวาลกี หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Suwalki Corridor เขาเกรงว่าทหารวากเนอร์จะแฝงตัวจากเบลารุสเข้าสู่สหภาพยุโรปในรูปแบบผู้อพยพ ซึ่งทางโปแลนด์เรียกว่านี่คือสงครามพันทาง


จากข่าวกรองของโปแลนด์พบว่ามีกองกำลังวากเนอร์หนึ่งร้อยกว่าคนมุ่งหน้าใกล้เมืองกรอดโน (Grodno) ซึ่งอยู่ติดกับพรมแดนโปแลนด์ และลิทัวเนีย

นายกรัฐมนตรีโปแลนด์ อ้างว่ากลุ่มกำลังวากเนอร์อาจจะปลอมตัวเป็นหน่วยรักษาพรมแดนโปแลนด์เพื่อช่วยผู้อพยพข้ามแดนเข้ามาในสหภาพยุโรป หรือแม้กระทั่งอาจจะปลอมตัวเป็นผู้อพยพเสียเองเพื่อเข้าสู่สหภาพยุโรปนั่นเอง

ทำไมเฉลียงซูวาลกีถึงมีความสำคัญ ? ประเด็นมีอยู่ว่า เฉลียงที่มีความยาวประมาณ 100 กิโลเมตรนี้ นอกจากจะเป็นเส้นทางส่งเสบียงและยุทโธปกรณ์ทางบกทางเดียวที่สั้นที่สุดระหว่างแผ่นดินใหญ่่รัสเซีย กับ Kaliningrad แล้ว เฉลียงซูวาว์กี ซึ่งเปรียบเสมือนช่องแคบทางยุทธศาสตร์ โดยถ้าเกิดสงครามขึ้นมา ฝ่ายรัสเซียสามารถจะควบคุมเอาไว้ได้ สามารถจะตัด 3 ชาติเล็กๆ ที่ติดทะเลบอลติก และเป็นชาติสมาชิกนาโต อันประกอบด้วย ลิทัวเนีย ลัตเวีย และเอสโตเนีย ออกได้ และสร้างแลนด์บริดจ์บนเฉลียงซูวาลกี เพื่อเชื่อมแผ่นดินใหญ่รัสเซีย กับ Kaliningrad ให้ได้เหมือนกับรัสเซียทำกับไครเมียเมื่อปี 2557


ประเด็นครับ อย่างที่ผมฟันธงให้ท่านผู้ชมไปตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายน 2566 แล้วว่า การก่อกบฏของกลุ่มวากเนอร์ และนายเยฟกินี พริโกซิน แท้จริงแล้วเป็นยุทธศาสตร์ลับ ลวง พราง ของรัสเซีย จากวันนั้นถึงวันนี้ สถานการณ์ต่างๆ เริ่มปรากฏชัดแล้วว่า การเดินหมากของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ไม่ธรรมดาจริงๆ วันนี้กบฏวากเนอร์ได้กลายเป็นหัวหอกสำคัญที่รัสเซียใช้จ่อคอหอยนาโตได้อย่างทรงประสิทธิภาพ และนับวันจะทวีความน่ากลัวยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งโปแลนด์จอมซ่า ซึ่งเป็นแหล่งในการขนส่งอาวุธและเก็บคลังอาวุธต่างๆ ที่ตะวันตกส่งมา เพื่อส่งไปให้ยูเครนตลอดเวลา วันนี้โปแลนด์รู้แล้วว่าไฟลนก้นตัวเองแล้ว เที่ยวเป็นนายหน้าส่งอาวุธให้ยูเครน วันนี้รัสเซียไม่ต้องทำอะไร แต่ใช้กองกำลังวากเนอร์เอาหอกจ่อข้างหลังโปแลนด์ แค่นี้เอง นายกรัฐมนตรีโปแลนด์ก็ประสาทรับประทานไปแล้ว

ท่านผู้ชมครับ การเมืองระหว่างประเทศไม่ใช่เรื่องที่จะอ่านได้เฉพาะข่าวของตะวันตก รอยเตอร์, BBC, CNBC, CNN และผู้สื่อข่าว และพิธีกรข่าวต่างประเทศของประเทศไทย ก็ลอกเลียนข้อมูลจากทางตะวันตกมาหมด ถ้าท่านผู้ชมต้องการความจริงที่มีหนึ่งเดียว ทุกเรื่อง อย่าลืม "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ครับ

อีกจุดเปลี่ยนโลกหลายขั้ว รัฐประหารไนเจอร์

ท่านผู้ชมครับ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว วันพุธที่ 26 กรกฎาคม 2566 เกิดเหตุการณ์รัฐประหารในประเทศสาธารณรัฐไนเจอร์ หรือ นีแชร์ เป็นประเทศในทวีปแอฟริกาที่เป็น Landlocked คือไม่มีทางออกสู่ทะเลเลย ตั้งอยู่บริเวณทางใต้ของทะเลทรายซาฮาราในแอฟริกาตะวันตก โดยกลุ่มทหารประเทศไนเจอร์ประกาศก่อรัฐประหารถ่ายทอดสดทั่วประเทศทางโทรทัศน์ กลุ่มทหารทางประเทศแถบแอฟริกาตะวันตกแห่งนี้ประกาศว่า ได้ยกเลิกรัฐธรรมนูญ ระงับการดำเนินงานของสถาบันทางการเมืองต่างๆ และปิดพรมแดนทั้งหมดของประเทศ


ตั้งแต่วันพุธที่แล้ว ประธานาธิบดีโมฮาเหม็ด บาซูม (Mohamed Bazoum) ถูกทหารหน่วยอารักขาประธานาธิบดี ควบคุมตัวไว้ พลเอก อะมาโด อับดราเมน พร้อมกับนายทหารในเครื่องแบบอีก 9 นาย ที่อยู่ด้านหลัง ออกแถลงการณ์ถ่ายทอดสดผ่านโทรทัศน์ ว่า พวกเราฝ่ายกลาโหม และกองกำลังรักษาความมั่นคง ตัดสินใจยุติระบอบที่พวกคุณรู้จัก และพวกเขาให้เหตุผลว่า การตัดสินใจนี้เป็นผลจากสถานการณ์ความมั่นคงที่ย่ำแย่ลง รวมทั้งเศรษฐกิจ สังคม และหลักธรรมาภิบาลที่เลวร้าย


รัฐประหารของไนเจอร์เป็นเหตุการณ์เล็กๆ ของการเปลี่ยนแปลงโลกครั้งใหญ่ไปสู่โลกหลายขั้วอำนาจ และที่สำคัญ เป็นการสิ้นสุดลัทธิล่าอาณานิคมของฝรั่งเศสที่มุ่งกอบโกย ขุดแร่ยูเรเนียมอันมีค่า ไปสร้างความมั่งคั่งให้กับตัวเอง และนี่คือประเทศฝรั่งเศส ที่คุณปิยบุตร แสงกนกกุล ภูมิอกภูมิใจนักหนา

ประเทศไนเจอร์ต้องเข้าร่วมโครงการประเทศผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัวของไอเอ็มเอฟ ในปี 2543 อยู่ในภาวะล้มละลาย ทำให้ไอเอ็มเอฟต้องยกหนี้ทั้งหมดให้กับไนเจอร์เมื่อปี 2548 หลังรัฐประหารซึ่งเกิดโดยการนำของ พลเอก อับดุลราห์มาน ทะเชียนิ ซึ่งเป็นอดีตผู้บัญชาการกองอารักขาประธานาธิบดี ได้กลายเป็นประธานสภาแห่งชาติเพื่อการปกป้องมาตุภูมิ หรือหัวหน้า คสช. ในไนเจอร์


ก่อการรัฐประหารของนายโมฮาเหม็ด บาซูม ที่เป็นรัฐบาลหุ่นเชิดของประเทศฝรั่งเศส ท่ามกลางการสนับสนุนของกองทัพที่ประกาศว่า พวกเราจะไม่ยิงชาวไนเจอร์ของเราเพื่อผลประโยชน์ของฝรั่งเศส

นายโมฮาเหม็ด บาซูม หุ่นเชิดของตะวันตก ถ่ายรูปร่วมกับประธานาธิบดีมาครง ของฝรั่งเศส
ประชาชนที่สนับสนุนออกมาเดินบนท้องถนน แสดงความยินดีโห่ร้องกับการปฏิวัติปลดปล่อยไนเจอร์จากฝรั่งเศสที่กดขี่มานาน จนกลายเป็นความคับแค้นใจ บุกเผาธงชาติฝรั่งเศส หน้าสถานทูตฝรั่งเศสประจำกรุงนีอาเม (Niamey) และที่ทำการพรรครัฐบาล แต่พวกเขาได้รับบาดเจ็บจากการสลาย


ปรากฏว่าสหรัฐอเมริกา และฝรั่งเศส ซึ่งมีฐานทัพตั้งอยู่ในประเทศไนเจอร์ และมีกองกำลังทหารนับพันคนคอยรักษาผลประโยชน์ยูเรเนียม ขู่ตัดความช่วยเหลือหลายล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่เจอคำพูดสวนกลับของผู้นำรัฐประหารพูดใส่หน้ารัฐบาลอเมริกาทันที ว่า เงินช่วยเหลือต่างๆ ที่คุณชอบอวดอ้างนั้น ก่อนอื่นควรจะเอาเงินนั้นไปช่วยบ้านตัวเองก่อนดีไหม อเมริกาควรจะส่งเงินความช่วยเหลือนี้ไปให้องค์กรการกุศลของอเมริกา เพื่อช่วยคนไร้บ้านหลายล้านคนในอเมริกา

นอกจากนี้แล้ว กองทัพไนเจอร์ยังออกแถลงการณ์เตือนกองทัพต่างชาติ อย่าเข้ามาแทรกแซงทางการทหาร และห้ามเครื่องบินทหารต่างชาติลงบนสนามบินไนเจอร์ ซึ่งล่าสุดนั้นเครื่องบินลำเลียงของอเมริกาได้ขนกำลังทหารมาจากฐานทัพอเมริกาที่อยู่ในเยอรมนี ที่จะบินลงไนเจอร์ แต่ถูกสั่งห้ามไม่ให้ลง ถ้าขัดขืนก็จะถูกจรวดสอยให้ตก ก็เลยต้องหมุนเครื่องบินและบินกลับไปที่เยอรมนีเหมือนเดิม

อเมริกาใช้เครื่องบินโบอิ้ง 47A Globe Master ซึ่งเคยขนคนอพยพหนีตายจากอัฟกานิสถานมาแล้ว ครั้งนี้บินขึ้นมาจากฐานทัพอากาศแรมสไตน์ในเยอรมนี มุ่งมาสู่ไนเจอร์ พอมาเจอคำเตือนว่าถ้าเข้ามาจะโดนขีปนาวุธยิง ก็เลยกลับไปที่บ้านเหมือนเดิม

ล่าสุด รัฐบาลประเทศเพื่อนบ้านอย่างกินี บูร์กินาฟาโซ ประเทศมาลี แอลจีเรีย และลิเบีย ต่างประกาศสนับสนุน คสช. ไนเจอร์ และไม่คว่ำบาตร แม้จะถูกกดดันจากชาติทางตะวันตก เพราะตะวันตกเห็นว่าเป็นสิ่งที่ไร้มนุษยธรรมและผิดศีลธรรม ตลอดเวลาหลายร้อยปีที่ผ่านมาทวีปแอฟริกาที่ใหญ่กว่ายุโรปหลายเท่า มีประชากร ทรัพยากรมากกว่า แต่ต้องตกเป็นทาส ถูกกดขี่ ไร้มนุษยธรรมจากชาติยุโรป

ท่านผู้ชมครับ ผมจะเล่าประวัติศาสตร์อันน่าขมขื่นของแอฟริกาที่ถูกสูบทรัพยากรโดยฝรั่งชาติตะวันตก


ประวัติศาสตร์อันขมขื่นยุคอาณานิคมระหว่างแอฟริกา กับชาติตะวันตก ในศตวรรษที่ 18 ที่แอฟริกากลายเป็นศูนย์กลางค้าทาส ปัจจุบันถูกฝรั่งตักตวงผลประโยชน์จากแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่มากมายมหาศาลของโลก เช่น ก๊าซธรรมชาติ 8 เปอร์เซ็นต์ น้ำมัน 12 เปอร์เซ็นต์ ทองคำ 40 เปอร์เซ็นต์ โครเมียม ทองคำขาว 90 เปอร์เซ็นต์ เป็นศูนย์กลางของแร่โคบอลต์ เพชร และยูเรเนียม ที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่แอฟริกาต้องสูญเสียความสมบูรณ์นี้แก่ชาติตะวันตก คณะรัฐประหารไนเจอร์จึงสั่งระงับการส่งออกทองคำ และยูเรเนียม ไปฝรั่งเศส เมื่อวันอาทิตย์ที่ 30 กรกฎาคม ที่ผ่านมานี้ ซึ่งส่งผลกระทบรุนแรงต่อปริมาณสำรองยูเรเนียม เป็นฐานความมั่นคงด้านพลังงานของฝรั่งเศส

ท่านผู้ชมครับ ฝรั่งเศสขุดแร่ยูเรเนียมเพื่อไปป้อนโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ของฝรั่งเศส 70 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งฝรั่งเศสเป็นหนึ่งในผู้นำโลกอุตสาหกรรมผลิตพลังงานนิวเคลียร์ หัวรบนิวเคลียร์ และโรงไฟฟ้านิวเคลียร์


วันจันทร์ที่ 31 กรกฎาคม 2566 สำนักข่าวรอยเตอร์เผยแพร่รายงานชี้ให้เห็นว่า ประเทศไนเจอร์มีทรัพยากรยูเรเนียมมหาศาล จากข้อมูลสมาคมนิวเคลียร์โลก ถือเป็นแหล่งผลิตยูเรเนียมรายใหญ่ที่สุดอันดับ 7 ของโลก

ในปี 2565 ไนเจอร์ซึ่งมีแร่ยูเรเนียมเกรดสูงสุดของแอฟริกา ผลิตยูเรเนียมได้ 2,020 เมตริกตัน หรือประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์ ของผลผลิตการขุดทั่วโลก ขณะที่ผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุด 3 รายของโลก ได้แก่ คาซัคสถาน แคนาดา และ นามิเบีย

ไนเจอร์มีเหมืองขนาดใหญ่แห่งหนึ่งทางตอนเหนือ ซึ่งดำเนินการโดยบริษัท โอราโน (Orano) ของฝรั่งเศส ซึ่งเป็นเหมืองหลักอีกแห่งที่ปิดตัวลงในปี 2564 และอยู่ในช่วงการซ่อมแซม พัฒนา ปรับปรุง


ศุกร์ที่ 28 กรกฎาคม 2566 เจ้าหน้าที่ของโอราโน กล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า ยังคงดำเนินการผลิตต่อไป แม้จะมีเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากราวๆ 10 เปอร์เซ็นต์ ของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในฝรั่งเศส จำเป็นต้องใช้ยูเรเนียมจากไนเจอร์ ขณะที่ฝรั่งเศสพลาดท่าเสียหายครั้งใหญ่ แต่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย กลับชนะใจคนแอฟริกาท่วมท้น ดูจากการประชุมสุดยอดของรัสเซีย-แอฟริกัน ฟอรัม ที่เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ระหว่างวันที่ 27-28 กรกฎาคม 2566 มีผู้นำกลุ่มประเทศแอฟริกาเข้าร่วมมากถึง 49 ประเทศ จากทั้งหมด 54 ประเทศ มี 5 ประเทศไม่ได้มาประชุม งานนี้รัสเซียได้ตัดสินใจยกเลิกหนี้สินที่หลายประเทศแอฟริกาติดค้างอยู่ รวมเบ็ดเสร็จแล้ว 23,000 ล้านดอลลาร์ หรือราวๆ 687,400 ล้านบาท อย่างเช่น ปลดหนี้เก่าค่าอาวุธที่แองโกลาซื้อจากรัสเซียจำนวนแสนกว่าล้านบาท ปลดหนี้เอธิโอเปีย 171,850 ล้านบาท ปลดหนี้แอลจีเรีย 195,000 ล้านบาท ปลดหนี้ลิเบีย 154,000 ล้านบาท ปลดหนี้โซมาเลีย 23,066 ล้านบาท


นอกจากนี้แล้ว รัสเซียยังให้เงินช่วยเหลืออีกประมาณสามพันกว่าล้านบาท แก่ประเทศในแอฟริกาที่ขาดแคลน ในปี 2565 รัสเซียส่งธัญพืช อาหาร 11.5 ล้านตัน ให้กับทวีปแอฟริกาโดยไม่คิดเงิน ต่อมาในช่วงปี 2566 ช่วง 6 เดือนแรก รัสเซียส่งธัญพืชไปแล้วเกือบ 10 ล้านตัน ให้ชาวแอฟริกาที่ยากจนด้วย มิหนำซ้ำยังช่วยเหลือด้านปุ๋ยหัวเชื้อพัฒนาการเกษตรด้วย

ไนเจอร์ และแอฟริกา ได้ปลดแอกตัวเอง หันมาค้าขายกับรัสเซีย และมีความร่วมมือทางการทหารเพื่อต่อสู้กับภัยก่อการร้ายที่ชาติมหาอำนาจหนุนหลัง และนี่คือนิสัยของชาติมหาอำนาจทางตะวันตก

ผู้ก่อการร้ายที่ปรากฏในประเทศต่างๆ พวกนี้ทั่วโลก มีหลักฐานยืนยันได้ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังคือประเทศทางชาติตะวันตกทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นไอเอสที่ก่อการร้ายในซีเรียนั้น อเมริกาคือคนที่อยู่เบื้องหลัง

กรณีไนเจอร์ และมาลี อยู่ใกล้เคียงไนเจอร์ มีทหารรับจ้างของรัสเซีย คือวากเนอร์ ประจำการอยู่ คอยติดอาวุธหนัก คอยช่วยเหลือรัฐบาลทหารต่อสู้กับกลุ่มผู้ก่อการร้าย


สามปีที่ผ่านมา ในหมู่ประเทศเพื่อนบ้านในแถบแอฟริกาตะวันตกของไนเจอร์ ทั้งมาลี และบูร์กินาฟาโซ ต่างเกิดเหตุการณ์ทำรัฐประหารหลายครั้ง มาลีเกิดรัฐประหาร 2 ครั้ง ในรอบ 3 ปี ส่วนบูร์กินาฟาโซ เกิดรัฐประหารถึง 2 ครั้ง รัฐประหารซ้อนกันในช่วงระยะเวลาเพียงปีเดียว คือปี 2565

สิ่งที่น่าสนใจคือรัฐประหารในมาลีนั้น ได้มีการเชิญกลุ่มวากเนอร์เข้าไปรักษาความปลอดภัยจากกลุ่มติดอาวุธอิสลามต่างๆ โดยการเข้ามาในมาลีในปี 2564 ของกลุ่มวากเนอร์ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการที่ฝรั่งเศสตัดสินใจถอนทหารออกจากประเทศ ครั้ง


ล่าสุดมีความเคลื่อนไหวของนายเยฟกินี พริโกซิน หัวหน้ากลุ่มวากเนอร์ที่ออกมากล่าวถึงรัฐประหารในไนเจอร์ ว่า กลุ่มวากเนอร์ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับรัฐประหารดังกล่าว แต่เรื่องดังกล่าวถือว่าเป็นข่าวดีที่ประชาชนชาวแอฟริกาจะได้ปลดแอกอย่างแท้จริงจากเจ้าอาณานิคมตะวันตก ซึ่งหมายถึงฝรั่งเศส นายพริโกซิน ยังเสนอที่จะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือรัฐบาลทหารในไนเจอร์เพื่อดูแลความเรียบร้อย เหมือนกับที่กลุ่มวากเนอร์ทำในมาลี และบูร์กินาฟาโซ อยู่แล้ว


สิ่งที่เกิดขึ้นในไนเจอร์ไม่มีอะไรมากไปกว่าการต่อสู้ของชาวไนเจอร์กับเจ้าอาณานิคมของพวกเขา เจ้าอาณานิคมที่พยายามยัดเยียดกฎระเบียบและข้อบังคับต่างๆ เพื่อทำให้สภาพชีวิตของเขาในทวีปแอฟริกายังคงเป็นเหมือนเดิมเมื่อหลายร้อยปีก่อน

ท่านผู้ชมรู้ไหมครับว่าฝรั่งเศสนั้นปล้นสะดมและขุดเอาทองคำในเหมืองทองคำของไนเจอร์ แล้วส่งกลับไปที่ฝรั่งเศส ทำให้ฝรั่งเศสมีทองคำสะสมอยู่ในอันดับที่สูง 1 ใน 10 อันดับของโลก ซึ่งแน่นอนที่สุด ทองคำที่เอามาสะสมนั้น ส่วนใหญ่แล้วเอามาจากประเทศไนเจอร์ ที่ฝรั่งเศสไปตั้งเหมืองขุดทองคำแล้วส่งกลับประเทศตัวเอง

สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้คือการได้รับอิสรภาพ ส่วนที่เหลือ แน่นอนต้องขึ้นอยู่กับพลเมืองชาวไนเจอร์ว่าจะทำให้รัฐบาลของพวกเขามีประสิทธิภาพมากน้อยแค่ไหน แต่ประเด็นหลักคือ พวกเขาได้กำจัดเจ้าอาณานิคมของพวกเขาไปได้แล้ว

ล่าสุด แม้ว่าประชาคมเศรษฐกิจของรัฐแอฟริกาตะวันตก ซึ่งรัฐบาลทางตะวันตกอยู่เบื้องหลัง ประกาศใช้มาตรการคว่ำบาตร ใช้กำลังทหารกับไนเจอร์ ขณะที่อเมริกา ฝรั่งเศส และสหประชาชาติ ออกแถลงการณ์ประณามการรัฐประหารในไนเจอร์ครั้งนี้อย่างรุนแรง เรียกมันว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ แต่ในความเป็นจริง โดยลึกๆ แล้วนี่คือการก่อรัฐประหารครั้งนี้ของกองทัพไนเจอร์ ก่อรัฐประหารเพราะต้องการจะไปขัดและล้มล้างผลประโยชน์ของชาติมหาอำนาจทางตะวันตกนั่นเอง


ท่านผู้ชมครับ ทั้งนี้ทั้งนั้น แสงเงาและร่องรอยรัสเซีย ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน รวมทั้งนักรบวากเนอร์ที่ประกาศยื่นมือเข้ามาประคับประคองรัฐบาลทหารในไนเจอร์นั้น ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่งสำหรับชาติตะวันตก โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝรั่งเศสที่หวังว่าสามารถจะยึดครองไนเจอร์ต่อไปเพื่อสูบทรัพยากรธรรมชาติจากอาณานิคมแห่งนี้ออกไปได้แบบไม่มีที่สิ้นสุด

ในที่สุดแล้ว แอฟริกาทั้งหมด ตอนนี้มีค้างอยู่ 5 ประเทศที่ยังยืนอยู่ข้างตะวันตก ก็จะทยอยๆ ขับไล่อาณานิคมทั้งหลายของทางตะวันตกที่เข้ามาปกครองประเทศแอฟริกา แล้วสูบทรัพยากรธรรมชาติออกไปเพื่อส่งกลับไปประเทศตัวเอง มันควรจะจบได้แล้วนาย ระเบียบโลกใหม่กำลังเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว อย่างที่เราไม่ได้คิดเลย

เปิดหน้านายทุน #ตั๋วปารีส

ท่านผู้ชมครับ เรื่องที่ผมจะพูดต่อไปนี้ มันเป็นเรื่องใหญ่เทียมฟ้า เป็นเรื่องที่ผมมีบทพิสูจน์ ประจักษ์พยานสิ่งแวดล้อม คำให้การในศาลที่อังกฤษ มันสะท้อนให้เห็นเลยว่า ทำให้ผมเข้าใจได้ว่าทำไมพรรคก้าวไกล โดยเฉพาะอย่างยิ่งแกนนำหลายๆ คน ถึงดิ้นรนต่อสู้เพื่อให้ยกเลิกมาตรา 112 ทั้งหมดนี้เพราะว่ามีคนที่ให้เงินให้ทองพวกนี้มา และอยู่เบื้องหลังในการผลักดันให้พวกนี้ต่อสู้


วัตถุประสงค์ของคนๆ นี้ ต้องการให้มีการยกเลิก 112 หรือว่าปรับเปลี่ยนแก้ไข 112 ให้กลายเป็นเรื่องของโทษปรับ ไม่มีโทษจำ หรือว่าถ้ามีโทษจำก็จะน้อยมาก ไม่เกิน 1 ปี 6 เดือน

เดิมทีทิศทางของสังคมก็ไปในรูปที่บอกว่าก้าวไกลต้องการจะล้มล้างสถาบัน ซึ่งก็มีส่วนเป็นความจริงเกินครึ่ง แกนนำก้าวไกล รวมทั้งบรรดาคณาจารย์ที่แก่เพราะกินข้าว เฒ่าเพราะอยู่นาน เยอะแยะไปหมด ออกมาเชียร์ให้เด็กๆ ต่อสู้กันตลอดเวลา ตั้งแต่รุ้ง-ปนัสยา รับงานของสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล และสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ก็เป็นคนหนึ่งที่รับเงินรับทองมาจากคนๆ นี้


ท่านผู้ชมสังเกตไหมว่าทำไมพรรคก้าวไกลหมกมุ่นวุ่นวายอยู่กับประเด็นที่เกี่ยวข้องกับ 112 ถ้าท่านผู้ชมยังจำได้ ตั้งแต่ก่อนและหลังเลือกตั้ง ประเด็น 112 เป็นประเด็นที่ผมออกมาชี้ ให้คำแนะนำกับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกฯ ว่าถ้าคุณยังหมกมุ่นและไม่ถอยเรื่องนี้เพียงหนึ่งเรื่อง นโยบายอีก 299 เรื่อง ที่คุณตั้งธงเอาไว้ หาเสียงกับพี่น้องประชาชน 14 ล้านเสียง ได้ ส.ส. เข้าสภาฯ 151 คน การที่คุณจะก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งนายกฯ หรือพรรคก้าวไกลจะทำเรื่องอื่นๆ นั้น ก็จะติดอุปสรรคไปหมด เพราะคุณดันไปชู 112 เป็นประเด็นหลักที่สำคัญที่สุด

และสิ่งที่ผมได้พูดมาตลอดก็เป็นความจริง โดยมาตรา 112 เป็นเชือกมัดคอพวกคุณ เพราะทางฝั่งวุฒิสภาก็โหวตไม่เห็นชอบคุณพิธา ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี รวมทั้งพรรคการเมืองส่วนใหญ่ใน 8 พรรคร่วมฯ ที่ในตอนแรกยอมให้คุณเพราะหวังว่ากระแสคุณพิธา จะมา

แต่สุดท้ายแล้ว เมื่อมันล้มเหลวในการโหวตเลือกนายกฯ กระแสสังคมเริ่มตีกลับ และตีกลับแรงมาก ก็เลยมีคนต่างไม่เห็นด้วยกับการที่คุณพิธา พรรคก้าวไกล จะดันทุรังเดินหน้าผลักดันแก้ไขมาตรา 112 โดยคุณไม่ได้แคร์เลยกับเสียงที่คุณไปหาเสียงมาแล้วได้คะแนนเสียงมา 14 ล้านเสียง

14 ล้านเสียงนั้น ส่วนใหญ่ต้องการให้คุณเข้ามาแก้ปัญหาเศรษฐกิจ แก้ปากท้อง มากกว่ามาแก้ 112 หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย จะด้อยค่าสถาบันกษัตริย์ให้ได้ ส่วนที่คุณพยายามทำ IO ให้อินฟลูเอนเซอร์ต่างๆ คนโน้น คนนี้ เพจโน้น เพจนี้ ออกมาปฏิเสธด้วยการบิดเบือนว่าการแก้ไข 112 ของคุณ พรรคก้าวไกล ไม่ได้เป็นการทำลายสถาบันกษัตริย์ ไม่ได้มีจุดมุ่งหมายในการทำให้สถาบันเสื่อมค่า แต่กลับจะทำให้สง่างาม ยั่งยืนสถาพรมากขึ้น


ทุกวันนี้ข้อเท็จจริงก็ปรากฏชัดว่าไม่เป็นความจริง ที่คุณพูดออกมา เพราะว่ากลุ่มม็อบสามนิ้ว ม็อบเยาวชนปลดแอก ม็อบทะลุแก๊ส ม็อบทะลุวัง ม็อบบ้าม็อบบอของเด็กเมื่อวานซืน ที่เบื้องหลังคือพวกคุณได้แสดงความถ่อยสถุน อาฆาตมาดร้ายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างชัดเจน หรืออาจจะเป็นเพราะว่าคุณคุมเกมไม่ได้ มันก็เลยเลยเถิดไป

นอกจากนี้ ถ้าเรามาดูเนื้อหาของมาตรา 112 ที่คุณ และพรรคก้าวไกล ได้เคยยื่นเพื่อแก้ไขแล้ว ก็แสดงให็เห็นว่าไม่ใช่เป็นการแก้ไขเพื่อรักษาให้สถาบันกษัตริย์มีความมั่นคงขึ้น แต่เป็นการแก้ไขเพื่อทำลายสถาบัน ชัดๆ เลย อาจารย์แก้วสรร อติโพธิ อดีตวุฒิสมาชิกที่มาจากการเลือกตั้งปี 2543 และอดีตเลขาธิการ คตส. ถึงกับบอกว่าถ้าแก้ไข ม.112 ตามเนื้อหาพรรคก้าวไกลเสนอ ก็เท่ากับว่าทำให้กษัตริย์ไม่เหลือความเป็นสถาบัน กลายเป็นบุคคลธรรมดา


ประเด็นครับคุณพิธา เมื่อคุณพิธา หัวหน้าพรรคก้าวไกล รวมทั้งแกนนำทุกคน ไม่ว่าจะเป็นคุณชัยธวัช ตุลาธน คุณวิโรจน์ ลักขณาอดิศร คุณศิริกัญญา ตันสกุล รวมไปถึง "ตัวตึง" ที่หลายคนเคยตั้งความหวังว่าจะเป็นคนรุ่นใหม่ เป็นนักการเมืองสายเลือดใหม่ที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงประเทศไทย


อย่างเช่นคุณรังสิมันต์ โรม ประกาศไม่ถอยเรื่องการแก้ไขกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยอ้างว่าเพราะเป็นสัญญาประชาคมกับผู้ที่เลือกคุณมา 14 ล้านคน แต่คุณกลับยอมทิ้งนโยบายเศรษฐกิจ สังคม พลังงาน สิ่งแวดล้อม ที่จะมีผลต่อชีวิตและประชาชนทั้่งประเทศอีก 299 นโยบายที่เหลือ ก็ยิ่งทำให้หลายคนที่เชียร์พรรคก้าวไกลออกมาตั้งคำถามว่า ทำไมพวกคุณถึงดันทุรังและหมกมุ่นมากในการแก้ 112 ผมมีคำตอบเรื่องนี้แล้วครับท่านผู้ชม

เผอิญสัปดาห์ที่แล้วมีประเด็นหนึ่งซึ่งกลายเป็นเรื่องในโลกโซเชียล และกลายเป็นแฮชแท็กร้อนแรงติดเทรนด์ทวิตเตอร์อยู่หลายวัน จนสื่อต้องไปไล่ตามว่าเป็นเรื่องอะไร นั่นคือแฮชแท็กเรื่อง #ตั๋วปารีส


ผมจะลำดับเรื่องราวให้ฟังง่ายๆ ครับ หนึ่ง เรื่องนี้มันเกิดขึ้นเพราะว่ามีศิลปินกราฟิตี คือคนที่ไปวาดรูปตามผนัง โน่นนี่นั่น เชาใช้ชื่อบัญชีทวิตเตอร์ ว่า Headachestencil ศิลปินคนนี้เป็นที่รู้จักในฐานะนักเคลื่อนไหวประเด็นทางการเมืองมาหลายปีแล้ว


กรณีที่ต้นเดือนมกราคม 2561 เขาไปวาดภาพกราฟิตีศิลปะล้อการเมืองปมนาฬิกาหรูที่พัวพันกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ โดยศิลปินรายนี้ทำภาพกราฟิตีรูปนาฬิกา ซึ่งภายในมีภาพ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อยู่ตรงสะพานลอยคนข้ามถนนระหว่างซอยสุขุมวิท 56 กับ 58 ตกเป็นข่าวโด่งดังไปทั่ว แม้กระทั่งสำนักงานข่าวต่างชาติยังต้องส่งคนไปสัมภาษณ์ ซึ่งก็เข้าทางสำนักข่าวสายล้มเจ้าอย่างบีบีซีไทย ยังหยิบมาเป็นประเด็นนำเสนอให้โด่งดัง


วันที่ 23 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ศิลปินกราฟิตีที่มีชื่อในโลกโซเชียล ชื่อ Headachestencil ซึ่งชื่อจริงของเขาคือ นายสมรนนท์ แย้มอุทัย หรือ นายซิ่ว เขาได้โพสต์ถึงนายรังสิมันต์ โรม ส.ส. ก้าวไกล แสดงความไม่พอใจที่พรรคก้าวไกลดื้อรั้น รีบเร่งแก้ไขหรือยกเลิกมาตรา 112 โดยไม่สนใจในการจับขั้วรัฐบาล จนทำให้สูญเสียโอกาสในการจัดตั้งรัฐบาลเพื่อแก้ไขปัญหาให้ประชาชน เขาบอกว่า "โรมครับ ไม่ได้เจอกันนานเลย ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นนะ แต่สงสัยว่าการที่ต้องเร่งเอา 112 ให้ได้ นี่เกี่ยวกับเงินสนับสนุนที่ปารีสป่ะครับ? @RangsimanRome ต้องรีบชดใช้เงินที่เอามาหรอครับ?" คือต้องรีบทำงานเพื่อชดใช้เงินที่ได้มาหรือเปล่า


คุณรังสิมันต์ โรม ต่อสู้ในเรื่อง 112 ทุกจุด จะต้องพูดเลยว่าพรรคก้าวไกลเข้ามาเป็นรัฐบาลก็จะมีการนิรโทษกรรมหมด ทางการเมือง ย้อนหลังไปตั้งแต่สมัยพันธมิตรฯ ไล่มาเรื่อยๆ จนกระทั่งต้องนิรโทษกรรม 112 ด้วย ท่านผู้ชมครับ คนที่ให้เงินคุณรังสิมันต์ โรม คือคนที่โดนคดี 112 อยู่ที่ฝรั่งเศส และเป็นคนที่รวยมาก เอาเงินเอาทองเลี้ยงดูคนที่มีเรื่องกับ 112 ที่อยู่ในฝรั่งเศส ไม่ว่าจะเป็นสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล หรือแม้กระทั่งคนอย่างปวิน ที่อยู่ที่โตเกียว คนๆ นี้เป็นคนที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมด รวมทั้งมีสายสัมพันธ์กับผู้สื่อข่าว หรือนักข่าวรอยเตอร์ที่โดนคดี 112 อย่างเช่น นายแอนดรูว์ แม็กเกรเกอร์ คนๆ นี้ชื่อ "เสี่ยนิค" นพพร เจ้าของวินด์ เอนเนอร์ยี่ เป็นไอ้โม่งนายทุน เจ้าของ "ตั๋วปารีส" เรามาดูกันครับว่าทำไมผมถึงพูดได้ว่าเป็นคนๆ นี้


ต่อมาเมื่อนายรังสิมันต์ โรม หรือแกนนำพรรคก้าวไกลคนอื่นนิ่งเงียบ ไม่มีใครมาตอบเรื่องตั๋วปารีส ศิลปินกราฟิตีที่ชื่อ นายซิ่ว ก็เลยจี้ต่อว่า ใครเป็นคนจ่ายเงินดูแลนายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อดีตอาจารย์ธรรมศาสตร์ ซึ่งหนีคดี 112 อยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส ถามว่านายสมศักดิ์ สามารถดำรงชีวิตอยู่ในประเทศฝรั่งเศสได้อย่างไร ใครเป็นคนจ่ายเงินดูแล อย่างไรก็ตาม ยังมีคนที่เชื่อนายรังสิมันต์ โรม และพรรคก้าวไกล ก็เข้ามาโจมตีประเด็นเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง โดยอ้างว่านายซิ่ว กุเรื่อง มโนเรื่องขึ้นมาเองเพื่อดิสเครดิตนายรังสิมันต์ โรม และพรรคก้าวไกล ทำให้นายซิ่ว ของขึ้น ก็เลยตัดสินใจเปิดหลักฐานสำคัญในกรณีช่วงปี 2561 นายซิ่ว บอกว่าตัวเองเป็นหนึ่งในผู้ได้รับเชิญไปรับทุนต่างชาติในการโจมตีรัฐบาล เชื่อมโยงไปถึงสถาบันเบื้องสูงในเวลานั้น พร้อมแสดงหลักฐานเป็นจดหมายเชิญ ที่แสดงให้เห็นว่าคนไปเยอรมนีในเวลานั้นล้วนแล้วแต่เป็นนักเคลื่อนไหวจากประเทศต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้


คนที่ส่งจดหมายเชิญนั้นชื่อ นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ ที่ใช้อีเมลของมหาวิทยาลัยเกียวโต มีการแนบไฟล์จดหมายเชิญจากมหาวิทยาลัยบอนน์ ประเทศเยอรมนี โดยมีนักวิชาการชื่อ นายโอลิเวอร์ พาย (Oliver Pye) เป็นผู้เซ็นรับรอง




ทั้งนี้ ในรายชื่อตามอีเมลดังกล่าว นอกจากรายชื่อของนายซิ่ว ศิลปินกราฟิตีผู้ออกมาแฉแล้ว ที่น่าสนใจก็มีรายชื่อนายรังสิมันต์ โรม นางสาวอีวาน่า คูร์เนียวาติ (Ivana Kurniawati) ซึ่งเป็นภรรยา NGO ผู้วิ่งเต้นทางการเมือง ภรรยาชาวอินโดนีเซียของนายรังสิมันต์ โรม (ผมเอารูปให้ดูนะครับ รูปสองคนผัว-เมีย เมียนั่งกอดคอผัว เอามือจับหัวผัว แล้วก็เอาคางวางไว้)


และยังมีนายศรัณย์ ฉุยฉาย หรือ อั้ม เนโกะ อดีตนักศึกษาธรรมศาสตร์ ลี้ภัยอยู่ฝรั่งเศส แล้วยังมีนักเคลื่อนไหวชาวต่างชาติทางการเมือง ชาวไทยหลายคนที่เป็นที่รู้จักดี เพราะว่าหลายคนมีประวัติเกี่ยวกับหมิ่นสถาบัน และกล่าวขู่อาฆาตสถาบันมาตลอด


การประชุมนั้นมีการปิดโรงแรมประชุมเลย ในฝรั่งเศส ต้องมีคนมีเงินจริงๆ ถึงสามารถจะทำอย่างนั้นได้ มิหน้ำซ้ำแล้ว นายซิ่ว กับนายปวิน มีการพบกันที่การจัดงานที่ฝรั่งเศส ที่มีการปิดโรงแรมในฝรั่งเศษ (ในรูปที่ผมเอาขึ้นให้ดูเมื่อกี้นี้)


ในเรื่องนี้ นายซิ่ว อธิบายต่อ "ผมเป็นศิลปินธรรมดาคนนึงเลย ดูดปุ๊น พ่นสีไปเรื่อย จนวันนึงแสงมาส่งเพราะเสือกพ่นด่าจนลงข่าวการเมือง จึงได้มีโอกาสรู้จักกับคนกลุ่มหนึ่งที่คอยสนับสนุนเงินทุนสปอนเซอร์เวลาผมจัดงาน และก็ได้มีโอกาสพบกับกลุ่มคนเหล่านี้ที่ฝรั่งเศส ซึ่งก็ชัดเจนว่าอยากให้ผมไปช่วยผลักดันเรื่องระบอบในประเทศที่มีอะไรหลายอย่างไม่เป็นธรรมทั้่งกับคนในประเทศ และกลุ่มคนที่นั่นเองด้วย ผ่านงานศิลปะที่แสงกำลังส่ง ซึ่งผมก็ยินดีนะครับ และก็ช่วยเหลือเสมอมาเพราะคิดเห็นว่ามาตรการ 112 ไม่ควรมาเป็นเครื่องมืทางการเมือง"


ต่อจากนั้นแล้ว นายซิ่ว ก็ยังพูดว่า "ซึ่งในวาระนั้นผมก็ได้เจอกับคนหลายคนมาก รวมถึงคนที่ผมระบุตัว ที่รู้สึกเหมือนเพื่อนร่วมอุดมการณ์อะไรสักอย่างกัน แม้หลังจากนั้นผมโดนกล่าวหาชุ่ยๆ ด้วยข่าวปลอมหลังจากมีเรื่องแฉเงินม็อบ ผมก็ต้องอดทนเงียบและหุบปาก" เพียงเพราะเหตุผลว่า เพื่อให้ขบวนการเดินหน้าไม่ได้ ผมก็ปล่อยวางไปนานแล้ว แต่มาถึงวันนี้ที่ถึงขั้นเล่นปล่อยคนของคุณมากวนประสาทผมเองทั้งๆ ที่ผมก็อดทนให้ หุบปากให้ทุกคน แต่กลับได้ทีเอาใหญ่ ผมก็เลยต้องขออนุญาตเล่าอะไรบ้าง เพื่อให้ศักดิ์ศรีตัวเองยังอยู่อ่ะนะ แล้วผมก็มีสิทธิเชื่อว่าการเร่งรีบจะแก้ 112 จนไม่สนอะไรอีกต่อไป แม้จะต้องเลือกเกมขย่มเพื่อนร่วมทางที่สู้กันมา มันดูไม่มีเหตุผลอะไร นอกจากจะรีบชดใช้ใครครับ การที่ผมเปิดชื่อคนที่ไม่เกี่ยวไว้ผมถือว่าให้เกียรติมากแล้ว อย่าเหยียบย่ำกันนักเลย การที่ผมเคยได้เงินสนับสนุนมา ไม่ได้แปลว่าผมต้องเชื่อฟังไปทั้งชีวิตที่เหลือนะครับ ขอโทษจริงๆ ที่ผมก็มีอุดมกรณ์เหมือนกัน ไม่ใช่หุ่นที่จะใช้ทำอะไรก็ได้ ผมไม่คิดว่าประเทศต้องเร่งรีบอะไรเรื่อง 112 จนรอไม่ได้ขนาดนั้นครับ"

ประเด็นทั้งหมด ประโยคหลายประโยค ในโพสต์หลายโพสต์ของคุณซิ่วนั้น ซ่อนนัยและคำสำคัญไว้หลายคำ ไม่ว่าจะเป็น "เงินสนับสนุนที่ปารีส" "ใครเป็นคนจ่ายเงินดูแลสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ที่ปารีส" แล้วนายรังสิมันต์ โรม ต้องแสดงอาการโอหังมมังการผลักดันการแก้มาตรา 112 เพื่อรีบชดใช้เงินของใครอยู่ รับผลประโยชน์เขามาแล้ว ก็ต้องทำงานให้เข้าตา


ณ จุดนั้นเองเลยเป็นที่มาของแฮชแท็กที่ติดเทรนด์มาตลอดสัปดาห์ที่แล้ว เรื่อง #ตั๋วปารีส ซึ่งตั้งข้อสงสัยคำว่า "ตั๋วช้าง" ที่นายรังสิมันต์ โรม ชอบใช้มาตลอดเวลา อธิบายเรื่องปัญหาแวดวงตำรวจ พยายามกระทบชิ่งไปยังผู้ใกล้ชิดสถาบันเบื้องสูง

สำหรับคุณรังสิมันต์ โรม นั้น พอพูดเรื่องตั๋วช้าง ยังสามารถพูดอธิปรายแฉได้เป็นฉากๆ ซึ่งหลายประเด็นผมก็เห็นด้วยและเคยสนับสนุนคุณรังสิมันต์ โรม เกี่ยวกับเรื่องการปฏิรูปตำรวจไปหลายครั้ง แต่พอมาเรื่อง "ตั๋วปารีส" ที่เชื่อมโยงเกี่ยวพัน พัวพันกับตัวเองและพรรคก้าวไกลนั้น คุณรังสิมันต์ โรม กลับนิ่งเงียบ เหมือนกับแกนนำคณะก้าวหน้า อย่างคุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่มีข่าวว่าบินไปพบคุณทักษิณ ชินวัตร ที่เกาะฮ่องกง เพื่อพูดคุยกันเรื่องการจัดตั้งรัฐบาล ระหว่างพรรคก้าวไกล กับพรรคเพื่อไทย ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกรกฎาคม 2566 ซึ่งจนมาถึงทุกวันนี้ สิงหาคมแล้ว เกือบเดือนแล้ว คุณธนาธร หรือเจ้าของพรรคก้าวไกล ยังไม่ออกมาปฏิเสธหรือยอมรับ หรือชี้แจงเรื่องนี้แต่อย่างใด

เรากลับมาถึงกรณีคุณรังสิมันต์ โรม กับเรื่อง "ตั๋วปารีส" กว่าจะออกมาชี้แจง ใช้เวลาถึงสองวันเต็มๆ แม้จะออกมาชี้แจงในวันที่ 25 กรกฎาคม เรื่องก็ยังไม่เคลียร์ เพราะประเด็นสำคัญในเวลาต่อมามีการเปิดเผยกันต่อไปแล้วว่า "ไอ้โม่ง" ผู้สนับสนุนที่ปารีส ผู้ที่จ่ายเงินช่วยเหลือนายสมศักดิ์ เจียมฯ นายจรัล ดิษฐาอภิชัย อีกหลายต่อหลายคนที่ลี้ภัยอยู่ในกรุงปารีส การใช้ชีวิตในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส และผู้ที่นายรังสิมันต์ โรม ต้องชดใช้นั้นคือใคร ? ซึ่งผมให้คำตอบแล้ว ก็คือ นายนพพร (เสี่ยนิค)


หลังจากที่นายรังสิมันต์ โรม ได้ออกมาชี้แจงอย่างข้างๆ คูๆ นายซิ่ว ศิลปินกราฟิตีก็เลยตัดสินใจเปิดเผยแชตไลน์ ซึ่งเขาพูดกับคนที่ชื่อ "K.nick Paris" ก็คือนพพร นี่เอง ซึ่งเป็นไอ้โม่งอยู่เบื้องหลังการให้ทุนสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ ของกลุ่มล้มเจ้า ผู้ออกมาเคลื่อนไหวให้มีการแก้ไข/ยกเลิกกฎหมายอาญา มาตรา 112 ที่น่าสนใจ ในข้อความแชตที่มีการเปิดเผยนั้น มีบุคคลที่เกี่ยวข้องและสามารถเชื่อมโยงไปถึงบุคคลซึ่งเป็นแกนนำพรรคอนาคตใหม่ คณะก้าวหน้า และพรรคก้าวไกล อย่างมิอาจจะหลีกเลี่ยงได้ มี 1) Nick Paris ก็คือนพพร 2) นายซิ่ว ศิลปินกราฟิตี 3) นายรังสิมันต์ โรม 4) นายปิยบุตร แสงกนกกุล 5) นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ


ผมจะเอาแชตให้ดูว่าเขาคุยกันอย่างไร ระหว่างนายนพพร หรือฉายาคือนายนิค ปารีส เป็นภาษาอังกฤษนะครับ แล้วเดี๋ยวผมจะแปลให้ฟัง คือนายนิคบอกออกมาชัดเจนว่าให้ปั่นกระแส แล้วก็หลังเลือกตั้ง 16 เมษายน 2562 หลังการเลือกตั้ง 24 มีนาคม นายธนาธร, นายปิยบุตร เข้ามาเป็น ส.ส. แล้วก็ได้มีการแชร์ภาพของนายซิ่ว ศิลปินกราฟิตี


นอกจากนั้น ถัดไปอีกวันหนึ่ง วันพฤหัสบดีที่ 27 กรกฎาคม นายซิ่ว ยังเปิดเผยถึงข้อความสนทนาระหว่างตัวเอง กับนายนพพร ฉายา นิค ปารีส ที่ชัดเจนว่ามีการเชื่อมโยงถึงขบวนการด้อยค่าสถาบันพระมหากษัตริย์ ผ่านนักวิชาการ เช่น นายปวิน นายสมศักดิ์ เจียมฯ รวมถึงการรวบรวมเอาเครือข่ายสื่อมวลชนต่างๆ ที่รายงานข่าวและส่งปาปารัซซีไล่ตามความเคลื่อนไหวของสถาบัน คือรัชกาลที่ 10 ที่อยู่ในต่างประเทศ เพื่อให้เกิดความไม่พอใจในหมู่ประชาชนชาวไทย และได้มีการระบุชัดเจนเลยว่าได้มีการว่าจ้างผู้สื่อข่าวและช่างภาพหนังสือพิมพ์ Bild ของเยอรมนีด้วย


มีอยู่มากเลยนะครับที่เขาแชตและพูดกัน ท่านผู้ชมครับ หนังสือ Bild แอบไปถ่ายรูปของพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 โดยมีการว่าจ้าง แล้วคนที่อยู่เบื้องหลังคือ นายนิค นพพร

จากแชตสนทนาดังกล่าวเป็นที่ชัดเจนว่านายนพพร เป็นนายทุนสำคัญคนหนึ่งในการสนับสนุนให้เกิดกิจกรรม รวมทั้งให้เงินสนับสนุนกลุ่มที่ทำการเคลื่อนไหวดิสเครดิตรัฐบาลทหาร สถาบันพระมหากษัตริย์ ให้เงินและเชื่อมโยงนักวิชาการไทย และต่างประเทศ เพื่อจัดให้มีการสัมมนาวิพากษ์วิจารณ์ ใส่ร้ายป้ายสีสถาบันหลักของประเทศไทย รวมทั้งการวางแผนเชื่อมโยง จ้างวานเครือข่ายสื่อต่างๆ "จ้างวานเครือข่ายสื่อต่างๆ" ท่านผู้ชมเดาเอาก็คงจะรู้ว่ามีสื่ออะไรบ้างที่เชียร์พรรคก้าวไกลอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู แล้วที่ไม่ยอมรายงานข่าวในเรื่องของม็อบสามนิ้ว หรือกลุ่มทะลุวัง อะไรพวกนี้

ทั้่งหมดทำเพื่ออะไร ? เพื่อดำเนินทุกวิถีทางเพื่อสร้างแรงกดดัน เพื่อให้ยกเลิกมาตรา 112 ซึ่งนายนิค โดน 112 อยู่ เพื่อที่นายนิค จะได้กลับมาประเทศไทยอย่างเท่ๆ และเอาเงินเอาทองที่อยู่ในบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง (WEH) โดยผ่านคนซึ่งฝากหุ้นเอาไว้ ก็คือ นายนพ ณรงค์เดช ทั้งหมดนี้ทำเพื่อให้สถาบันกษัตริย์มีภาพที่เลวร้ายที่สุดในสายตาต่างชาติ


นายนิค หรือชื่อ นพพร ศุภพิพัฒน์ เขาเป็นใคร ? มาจากไหน ? ทำไมถึงมาให้ทุนกลุ่มล้มเจ้า ? ล้มมาตรา 112 และสนับสนุนแกนนำพรรคอนาคตใหม่ พรรคก้าวไกล

นายนพพร อายุ 52 ปี เกิดวันที่ 30 มีนาคม 2514 สิบกว่าปีก่อน ประมาณปี 2552 ในช่วงที่เรายังต่อต้าน ผมยังลุกขึ้นมาเป็นแกนนำต่อต้านระบอบทักษิณอยู่ ปีนั้นเขาได้ก่อตั้งบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง โดยบริษัททำธุรกิจด้านพลังงานลมรายแรกและเป็นรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เขาครองสัดส่วนอยู่ 42 เปอร์เซ็นต์ ของโควตาการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมในประเทศ ตอนนั้นอายุเพียง 43 ปี เขาก้าวขึ้นมาเป็นนักธุรกิจแนวหน้าในวงการธุรกิจพลังงานในเวลาเพียงไม่กี่ปี ติดอันดับ 31 มหาเศรษฐีของประเทศไทยในนิตยสาร Forbes ปี 2557 นายนพพร ถือว่าเป็นเศรษฐีหน้าใหม่ที่อายุน้อยที่สุดของปีนั้น


อย่างไรก็ตาม เดือนธันวาคม 2557 อนาคตมหาเศรษฐีหนุ่มอย่างนายนิค นพพร กลับต้องพังครืน เมื่อนายนพพร ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้จ้างวาน 3 พี่น้องตระกูลอัครพงศ์ปรีชา ซึ่งอดีตเป็นนายทหาร แล้วก็เป็นทหาร ขู่บังคับ และอีกคนก็เป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อยู่ในวัง ขู่บังคับนายบัณฑิต โชติวิริยะกุล อดีตหุ้นส่วนธุรกิจของตัวเอง ให้ลดหนี้ที่ตัวเองค้างอยู่ 120 ล้าน ให้เหลือเพียง 20 ล้าน แล้วมีการเอาเบื้องสูงมาแอบอ้าง เป็นสาเหตุที่มหาเศรษฐีหนุ่มอย่างนายนิค นพพร ต้องคดีกฎหมายอาญา มาตรา 112 แล้วก็รีบหลบหนีไปเมืองนอกทันที


การกล่าวหาของนายนิค เกิดขึ้นหลังจากเจ้าหน้าที่สืบสวนขยายผลจากกรณีที่ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หรือชื่อเล่นชื่อ กิ๊ก มีศักดิ์เป็นญาติกับบุคคลใกล้ชิดเบื้องสูง ถูกดำเนินคดีกฎหมายอาญามาตรา 112 ในฐานะได้แอบอ้างสถาบันเบื้องสูงเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ รวมทั้งกฎหมายฟอกเงิน ซึ่งมี 3 พี่น้องตระกูลอัครพงศ์ปรีชา ซึ่งอยู่ในเครือข่ายของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ซึ่งปัจจุบันนี้ถูกถอดยศแล้ว เกี่ยวข้องด้วย

สายสัมพันธ์ของนายนิค หนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการรายสัปดาห์ ปีที่ 6 ฉบับ 266 วันที่ 6-12 ธันวาคม 2557 ได้เจาะลึกเรื่องนี้ไว้อย่างละเอียด ผู้จัดการสุดสัปดาห์ เจาะลึกตั้งแต่เดือนธันวาคม หรือ 9 ปีที่แล้ว จะเห็นได้ชัดว่า เสี่ยนิค หรือ นพพร ไปจ้างวานพี่น้องตระกูล อัครพงศ์ปรีชา ที่แอบอ้างเบื้องสูงเพื่ออุ้มข่มขู่ลูกหนี้ และเป็นที่มาของคดี 112

ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ชมรู้หรือเปล่าว่า ทุกวันนี้แกนนำพรรคก้าวไกลคนไหนมีความใกล้ชิดกับ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ สมัยก่อนนั้นเป็นอดีตผู้บัญชาการกองปราบ ที่ต้องคดีหมิ่นเบื้องสูง ตามผมมาครับ


คำตอบคือ พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในปัจจุบัน เมื่อสัปดาห์ที่แล้วผมเล่าให้ฟังแล้วในรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ตอน "18 มงกุฎ ใน 18 มงกุฎ THE BODYGUARD ของ "นายกทิพย์"

นายนิค นพพร ถูกศาลทหารออกหมายจับ ถูกตั้งข้อหาในคดีอาญาฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ มาตรา 112 ข้อหาร่วมกันข่มขืนใจให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือเสรีภาพ โดยมีอาวุธ โดยร่วมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป และหน่วงเหนี่ยว หรือกักขัง หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และให้ผู้อื่นนั้นกระทำการใดให้แก่ผู้กระทำหรือบุคคลอื่น และร่วมกันหลักทรัพย์

ท่านผู้ชมครับ จากการรายงานข่าวของบีบีซีไทย ซึ่งนักข่าวพวกนี้มีสายสัมพันธ์และสนิทสนมกับนายนิค นพพร มาก เขาให้สัมภาษณ์เมื่อเดือนธันวาคม 2557 ว่า เขาตกเป็นเหยื่อที่ถูกใส่ร้ายป้ายสี และคดีมาตรา 112

เป็นผลที่ทำให้ตัดสินใจลี้ภัยทางการเมือง เพราะคดีนี้ไม่สามารถประกันตัวได้ เขาเกรงว่าเขาจะเป็นอันตรายแก่ชีวิต เขาพูดว่า พอไม่ให้ประกันตัว ผมก็คิดว่า เขาคงฆ่าผมในคุกเพื่อปิดปากแน่ คำว่า”เขา”นั้นเป็นที่เข้าใจ หมายถึงผู้ที่เกี่ยวพันกับเรื่องราวต่างๆในระดับสูงของประเทศไทย

ด้วยเหตุนี้นายนิค นพพรจึงตัดสินใจเดินทางไปประเทศฝรั่งเศสเพื่อขอลี้ภัยทางการเมือง

ท่านผู้ชมรู้ไหมในปลายปี 2557 นายนิค นพพร หนีคดี 112 ไปต่างประเทศได้อย่างไร ไปช่องทางไหน มีใครช่วยเหลือ ตามผมมาครับ

ข้อมูลที่ผมค้นมา ใช้เวลาสืบค้นมากมายมหาศาล เนื่องจากมีเอกสารมีหลายพันหน้า แต่มีรายการคุยทุกเรื่องกับสนธิเพียงรายการเดียว ที่ท่านผู้ชมหาชมได้

นี่ครับ (เปิดลิ้นชักหยิบเอกสารเล่มหนาออกมา) ผมคั่นเอกสารเอาไว้หมดเลย ท่านผู้ชมลองหลับตาวาดภาพสิ อ่านมาแทบตาย ตาก็ไม่ดีอยู่แล้ว ต้องใช้วิจารณญาณคิดอีก เพื่อเอามากลั่นกรองออกมาเป็นเนื้อหาสาระในรายการคุยทุกเรื่องกับสนธิ


เอกสารที่ผมถือไว้นี้ เป็นเอกสารคำซักค้านของนายนิค นพพร ศุภพิพัฒน์ ต่อศาลอังกฤษ คือเรื่องของเรื่อง นายนพพรและบริษัทสามแห่งเขาเป็นโจทก์ยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหาย 1,500 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 5.7หมื่นล้านบาท จากนาย ณพ ณรงค์เดช ธนาคารไทยพาณิชย์ ผู้บริหาร SCB ผู้บริหารและกรรมการของบริษัทวินด์ เอ็นเนอยี่ โฮลดิ้ง รวม17ราย เพิ่งมีคำตัดสินเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาว่าให้นายนพพรชนะคดี และได้รับเงินค่าชดเชย คิดเป็นเงินไทยแล้วประมาณ 3กว่าหมื่นล้านบาท

 ณพ ณรงค์เดช - นพพร ศุภพิพัฒน์
ทำไมคดีนี้จึงไปอยู่ที่ศาลอังกฤษ? เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อนายนพพรหนีคดีไปฝรั่งเศส เขาได้ฟ้องร้องผู้บริหารวินด์ เอ็นเนอยี่ โฮลดิ้งรวมทั้งธนาคารไทยพาณิชย์ และผู้บริหารศาล โดยอ้างอิงว่าศาลอังกฤษสามารถพิจารณาคดีที่โจทก์เป็นคนไทยและมีจำเลยเป็นชาวไทยและอังกฤษได้ เนื่องจากว่าจำเลยที่2 นางเอ็มม่า หลุย คอลลิน อดีตซีอีโอของวินด์ เอ็นเนอยี่ โฮลดิ้ง มีสัญชาติอังกฤษ

กฏหมายอังกฤษก็อนุญาตให้ศาลอังกฤษมีอำนาจพิจารณาคดีที่เกิดนอกประเทศได้ และจำเลยอื่นๆที่ไม่มีสัญชาติอังกฤษก็ไม่ปฏิเสธขอบเขตอำนาจของศาลอังกฤษ

นางเอ็มม่า หลุย คอลลิน
คำตัดสินของศาลอังกฤษตัดสินอย่างไรก็แล้วแต่ เรื่องการบังคับคดีเป็นอีกเรื่องหนึ่งครับ เพราะเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเมืองไทยนั้น เอกสารในมือของผม คือคำซักค้านนายนพพรกับศาลอังกฤษเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2565 หรือประมาณ9เดือนที่แล้ว อธิบายชัดเจนถึงการหลบหนีออกจากประเทศไทยไปฝรั่งเศสของนายนพพร ผู้ให้ความช่วยเหลือเขาคือนายแอนดูรว์ แมคเกรเกอร์ มาร์แชล อดีตผู้สื่อข่าวรอยเตอร์ชาวสกอตแลนด์ ซึ่งมีภรรยาเป็นคนไทย หลบหนีคดี112จากประเทศไทย

ท่านผู้ชมเชื่อหรือเปล่าว่า จนทุกวันนี้นายแอนดูรว์ ยังมีบทบาทเคลื่อนไหวใส่ร้ายป้ายสีสถาบันและปั่นป่วนประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง

นพพร ศุภพิพัฒน์ - แอนดูรว์ แมคเกรเกอร์ มาร์แชล
เอาล่ะท่านผู้ชม เรามาดูคำให้การของศาลอังกฤษแสดงความสัมพันธ์ของนายนิคและนายแอนดูรว์

ท่านผู้ชมครับ ลองดูข้อความในกรอบสี่เหลี่ยมสีแดงเป็นคำพูดถาม-ตอบในศาล ผมจะแปลให้ฟัง

ถาม : คุณศุภพิพัฒน์จากคำเตือนที่ได้รับเมื่อ 30 พฤศจิกายน คุณได้หนีออกจากประเทศไทย คุณมาร์แชล แอนดูรว์ แมคเกรเกอร์ คือบุคคลที่คุณติดต่อด้วยผ่านเฟซบุ๊ก เมื่อคุณได้รับคำเตือนใช่หรือไม่ คุณได้รับการติดต่อจากคุณมาร์แชล
นพพรตอบ : ใช่ครับ

ทนายถามต่อว่า : แล้วเขาแนะนำให้คุณหนี และช่วยติดต่อให้คุณข้ามแดนใช่ไหม
นพพรตอบ : ใช่


ถาม: จากนั้นคุณและคนรักของคุณ ผมคิดว่าอาศัยอยู่กับคุณมาร์แชลและภรรยาของคุณมาร์แชลที่กัมพูชา ก่อนจะเดินทางต่อไปที่ฝรั่งเศสใช่ไหม
นพพรตอบ : ใช่ครับ เป็นเรื่องที่ถูกต้อง

ถาม : จากนั้นผมคิดว่าคุณได้เดินทางต่อไปที่ฝรั่งเศสในสองวันต่อมา และคุณได้ติดต่อกับนายมาร์แชลเป็นประจำใช่ไหม
ตอบ: ถูกต้องครับ เพราะเขาช่วยเหลือผมในกัมพูชา

ถามต่อ : เขายังช่วยคุณลี้ภัยด้วยเอกสารต่างๆที่สนับสนุนการขอลี้ภัยด้วยใช่ไหม
นพพรตอบว่า : ใช่ครับ

ทนายถามว่า: นอกจากนี้แล้วเขายังเขียนเรื่องของคุณในเฟซบุ๊กของเขาด้วยใช่ไหม
นพพรบอก : ใช่ครับ


นอกจากนี้ในศาลซักค้านในวันต่อๆมาของนายนิค นพพร ยังระบุความสัมพันธ์และการดำเนินการต่างๆของนายนิคกับนายแอนดูรว์ แมคเกรเกอร์ มาร์แชล เกี่ยวกับแผนปฏิบัติการทางสื่อ Media Campaign Strategy เพื่อทำสงครามข่าวสารในการแย่งชิงข่าวสารในวินด์ เอ็นเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง มูลค่าหลายหมื่นล้านบา ให้กลับมาเป็นของนายนพพร เพื่อจะนำบริษัทไปเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้อีกด้วย

เอกสารจากนี้ไป เป็นเอกสารที่ศาลอังกฤษได้กู้มาจากอีเมลสื่อสารระหว่างนายนิคกับนายแอนดูรว์ แมคเกรเกอร์ มาร์แชลเรื่องแผนปฏิบัติการสื่อ และนักวิเคราะห์ของหลักทรัพย์ต่างๆ


ท่านผู้ชมลองดูในวงแดง มีชื่อของนักข่าวอาวุโสในสื่อต่างๆภายในประเทศไทยและนอกประเทศ พูดไปคุ้นชื่อทั้งนั้น ยกตัวอย่างนายนพพร วงศ์อนันต์ อดีต บก.บางกอกโพสต์ ,ฟอร์บส์ และตอนนี้หัวหน้าบีบีซีไทย เป็นหัวหน้าต้นตอบีบีซีไทยที่ทำข่าวเพื่อล้มล้างสถาบันมาตลอด รวมทั้งนายประวิตร โรจนพฤกษ์ ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ข่าวสดด้วย


ผมจำได้ว่าเคยพูดถึงนายนพพร วงศ์อนันต์มาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อผมฉีกหน้ากากเปิดเผยผู้อยู่เบื้องหลังสำนักข่าวบีบีซี มีรูปของนายปวินกับนายแอนดูรว์ กลุ่มเดียวกันหมด

นายปวินกับนายแอนดูรว์
ประเด็นจากข้อมูลทั้งหมด นายนพพร นายทุนตั๋วปารีสผู้ต้องคดีกระทำความผิดอาญามาตรา112 ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าเขาเคียดแค้นต่อสถาบันมาก ทั้งๆที่ตัวเขาแอบอ้างสถาบันและทำผิดกฎหมาย เขาแค้นและเขารู้ว่าถ้ามาตรา112ยังอยู่ เขาไม่มีสิทธิกลับประเทศไทยอย่างแน่นอนที่สุด เขาก็เป็นห่วงความเป็นอยู่และสวัสดิภาพตัวเขา

เพราะฉะนั้นเขาต้องทำทุกวิถีทาง ให้เงินให้ทองกลุ่มก้าวไกล กลุ่มเด็กๆหลายคนและนักการเมืองและสื่อมวลชนอีกหลายคน เพื่อขย่มเขย่าเพื่อให้มีการแก้มาตรา 112 เขาจะได้กลับบ้านได้

ตลอดเวลานายนิค นพพร หลบออกจากประเทศไทยไปอาศัยอยู่ฝรั่งเศส เขาได้เก็บความคับแค้นส่วนตัวที่มีต่อสถาบันกษัตริย์อย่างเงียบๆ แต่ได้มีการแสดงออกหลายครั้งเชิงสัญลักษณ์ จนกระทั่งบริษัทวินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้งจำกัดที่เขาก่อตั้ง เริ่มผลิตไฟฟ้า สร้างผลกำไรและมีรายได้มั่นคง นายนพพรจึงแสดงตัวพบปะแกนนำ ติดต่อสื่อสารกับขบวนการล้มเจ้า โดยเสนอหยิบยื่นผลประโยชน์ต่างๆให้กับแกนนำ ทั้งเดินทางไปพบที่ฝรั่งเศส สวิตเซอร์แลนด์ หรือที่ลี้ภัยในต่างประเทศ ใช้เป็นเครื่อมือต่อรองในการยึดคืนวินด์ เอ็นเนอร์ยี่และเป็นทุนเพื่อให้ตัวเองรอดจากคดีอาญามาตรา 112นั่นเอง


จากนายนิค นพพร เชื่อมโยงเครือข่ายใหญ่ในขบวนการล้มสถาบัน ถูกเชื่อมโยงมาถึง 1.นายแอนดูรว์ แมคเกรเกอร์ มาร์แชล อดีตผู้สื่อข่าวรอยเตอร์ชาวสกอตแลนด์ ซึ่งถูกคดี112 หนีอยู่ต่างประเทศ 2.นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธุ์ 3.นายสมศักดิ์ เจียมธีระสกุลอยู่ฝรั่งเศส เครือข่ายนักวิชาการกลุ่มล้มเจ้าในสถาบันต่างๆ บรรดาผู้เฒ่าแก่ๆทั้งหลายที่เป็นอีแอบอยู่เบื้องหลัง แล้วให้เด็กออกหน้า รวมทั้งแกนนำพรรคก้าวไกลและคณะก้าวหน้า ไม่ว่าจะเป็นนายธนาธร นายปิยบุตร ซึ่งนายธนาธรเคยมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นอยู่ในวินด์ เอ็นเนอร์ยี่ ถืออยู่ 263,200 หุ้น เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 19

นายแอนดรูซื นายสมศักดิ์ และนายปวิน
นายรังสิมันต์ โรม ซึ่งผมไม่รู้ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องมากน้อยอย่างใดกับนายทุนตั๋วปารีส นายนิค นพพร มีคนตั้งข้อสังเกตว่าในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมานี้ นายรังสิมันต์ โรม เคยมีทรัพย์สินน้อยนิด แถมยังติดหนี้ กยศ.หลายหมื่นบาท จากวันนั้นถึงวันนี้ จากการเปิดเผยข้อมูลทรัพย์สินหนี้สินของ ป.ป.ช.ล่าสุด นายรังสิมันต์ โรมไม่เพียงชำระหนี้ กยศ.หมดแล้ว นายรังสิมันต์กับภรรยาชาวอินโดนีเซียยังร่ำรวยมีทรัพย์สินมากกว่า 13 ล้านบาท นี่ถ้าซ่อนเงินไว้อีกก้อนหนึ่งก็ไม่มีใครรู้ว่ามีอีกเท่าไหร่


ท่านผู้ชมครับ หลายๆปีที่ผ่านมา ผมเป็นคนแรกๆที่ชี้ให้เห็นถึงขบวนการล้มเจ้า บ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ หนึ่งในสถาบันค้ำจุนชาติไทยอยู่ สมัยที่ผมพูดเมื่อ 10ปีที่แล้ว ก็มีคนถล่มว่าผมเพ้อเจ้อ บอกว่าผมปั้นน้ำเป็นตัวบ้าง บ้างก็บอกว่าผมหยิบสถาบันมาเป็นเครื่องมือทางการเมือง

ที่น่าเสียใจคือคนที่พูดคำพูดเหล่านี้ หลายคนทำงานเกาะเกี่ยวรับใช้ใกล้ชิดสถาบัน หรือจะพูดว่าเหมือนนกที่ได้พักอาศัยอย่างสงบอยู่ภายใต้ต้นไม้ใหญ่ กัดกินผลจากต้นไม้ ใช้กิ่งก้านใบของต้นไม้สร้างที่อยู่อาศัย แต่พอมีคนมาตัดต้นไม้ มีคนป่าวร้องชี้ให้เห็นการกระทำอันชั่วร้าย นกพวกนี้แทนที่จะเข้าข้างคนที่พยายามชี้สิ่งที่เกิดขึ้น กลับไปเข้าข้างพวกที่จะตัดต้นไม้

ท่านผู้ชมครับ เอกสารที่ผมมีอยู่ในมือ ยังปรากฏชื่อหลายคนที่ติดต่อสื่อสารของคนระดับผู้ใหญ่อีกคนหนึ่ง ซึ่งมีความใกล้ชิดอย่างมากกับสถาบันคนหนึ่ง ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีหลายกระทรวง ได้เคยติดต่อนายนพพรที่หลบหนีคดี112ที่ฝรั่งเศส และยังเดินทางพาคนไปพบนายนพพรที่ฝรั่งเศส โดยเขาหวังว่าจะได้รับค่าตอบแทนเป็นส่วนแบ่ง 2-3%จากการทำดีลเคลียร์ปัญหาวินน์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง

ท่านผู้ชมครับ ผมเปิดเผยหลักฐานพวกนี้ออกไป รับรองว่าสั่นสะเทือน เด็ดดอกไม้แล้วสะเทือนสู่ท้องฟ้าแน่นอน

สรุปง่ายๆขบวนการล้มเจ้าได้เงินมา คนที่หนีคดี 112แล้วไปอยู่ต่างประเทศ ล้วนแล้วแต่ได้รับการสนับสนุนจากนายนพพร ส่วนคนที่อยู่ในประเทศนั้น ถ้าทำงานเข้าตาก็สามารถจะบินไปเพื่อเบิกเงินค่าใช้จ่าย เมื่อได้เงินกลับมาแล้วก็ต้องทำให้คุ้มค่าเงินที่ได้มา ทั้งหมดนี้นายนพพรใช้เพื่อล้มล้างมาตรา112 หรือถ้าล้มล้างสถาบันกษัตริย์ได้ด้วยยิ่งดีใหญ่สำหรับนายนพพร

วันนี้เป็นการเบิกเนตรพวกเราหมดทุกคน จะได้เข้าใจกันเสียทีว่า ขบวนการนี้มันโยงใยไปถึงต่างประเทศ อาจารย์ นักวิชาการ สื่อมวลชนหลายคนรับเงินรับทองจากต่างประเทศมา รวมทั้งบีบีซีไทย นายนพพร วงศ์อนันต์ก็คือตัวการอีกตัวการหนึ่ง แอนดูรว์ แมคเกรเกอร์ แน่นอนที่สุดที่มีแหล่งข่าวอยู่ในสถาบันกษัตริย์ ไม่ว่ากษัตริย์จะทำอะไร เดินทางไปไหน นายนี่จะรู้หมดทุกเรื่อง ทำแม้กระทั่งนายนิคว่าจ้างหนังสือพิมพ์ Bildของเยอรมนี ไปถ่ายรูปของรัชกาลที่ 10 สมัยที่ยังอยู่เยอรมัน แล้วเดินเที่ยวตลาด นี่คือฝีมือของนายนพพร ศุภพิพัฒน์ที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมดนี้


ท่านผู้ชมครับ ค่อนข้างตื่นตระหนกตกใจ พระเจ้าช่วยกล้วยทอด ความจริงที่มีหนึ่งเดียว ท่านผู้ชมหาได้ที่นี่เท่านั้นเองครับ สำหรับวันนี้เอากันแค่นี้ก่อน แต่เอกสารที่ผมมีอยู่ ยังมีมากกว่านี้อีกเยอะ ผมไม่มีเวลาแกะออกทั้งหมด ถ้าผมมีเวลาเมื่อไหร่ เฉพาะคำให้การในศาลของนายนิค มันโยงใยให้เห็นชัดเจนว่ามีคนในต่างประเทศที่โดน 112มาสุมหัวกันเพื่อล้มล้าง 112 และนี่คือคำตอบ เข้าใจหรือยังว่าทำไมพรรคก้าวไกล แกนนำ รังสิมันต์ โรม วิโรจน์ ลักขณาอดิศร หลายๆคนถึงยืนยันว่าต้องแก้ 112 รับงานเขามาแล้ว รับเงินรับทองเขามาแล้ว ต้องทำให้คุ้มค่าเงินทองที่รับมาด้วย วันนี้ไปก่อนท่านผู้ชม ขอให้มีความสุขในวันเสาร์อาทิตย์นี้ สวัสดีครับ

กำลังโหลดความคิดเห็น